ไม่พูดเปล่า แต่เอนกยังกระชากผ้านวมของอีกฝ่ายมาทิ้งลงข้างเตียง เผยให้เห็นสภาพเกือบเปลือยของคนที่เพิ่งขยับตัวบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน
"อือ...ป๊าจะมาโวยวายเสียงดังทำไมเนี่ย อั๊วจะนอน" บรรพตไม่สนใจผ้านวมที่ถูกแย่งไป เขาพลิกตัวไปอีกด้านแล้วเอาศีรษะซุกไว้ใต้หมอนเพื่อหลับต่อ
"มึงนอนตั้งแต่กูออกไปทำงานเมื่อตอนบ่าย จนตอนนี้มันจะสองทุ่มอยู่แล้วก็ยังไม่คิดจะตื่น หรือมึงต้องให้กูถีบถึงจะยอมลุกจากเตียง" เอนกต่อว่าเสียงดังลั่น บรรพตจึงต้องลุกขึ้นมานั่งอย่างเสียไม่ได้เพราะรู้ดีว่าหากบิดาขึ้นมึงขึ้นกูเมื่อไร นั่นหมายความว่าท่านกำลังโกรธจัด
"ป๊ามีอะไร" ชายหนุ่มพยายามเปิดเปลือกตาให้กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ แต่เพราะเมื่อคืนก่อนเขาสนุกสุดเหวี่ยงมากเกินไปหน่อย ผลคือร่างกายอ่อนเพลียจนนอนมาราธอนได้ขนาดนี้
"เมื่อวานมึงไปก่อเรื่องอะไรมา มึงอย่ามาโกหกเชียวนะ สารวัตรเขาโทรศัพท์มาเล่าให้กูฟังหมดแล้ว"
บรรพตพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ใบหน้ายับยุ่งที่เกิดจากการนอนนั้นจึงยิ่งดูน่ากระทืบเหลือเกินสำหรับคนมอง
"ในเมื่อเขาเล่าให้ฟังหมดแล้ว ป๊าจะมาถามอั๊วทำไมเล่า"
"ไอ้
วันต่อมาจันทร์เจ้าตื่นแต่เช้ามาเป็นลูกมือช่วยมารดาทำกับข้าวอยู่ในครัว เพราะคุยกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าวันนี้จะไปทำบุญกันที่วัด เนื่องจากเธอไม่ได้ไปร่วมงานศพพร้อมมารดา"จันทร์เอาข้าวไปให้หนูพราวกินก่อนนะคะคุณแม่ ของในครัวคุณแม่ไม่ต้องเก็บนะคะเดี๋ยวจันทร์มาเก็บเองค่ะ"พูดจบก็เดินถือจานข้าวสำหรับเด็กไปวางบนโต๊ะกินข้าว จากนั้นก็เดินไปเรียกเจ้าตัวเล็กที่นั่งดูการ์ตูนอยู่หน้าโทรทัศน์"หนูพราวไปกินข้าวเช้าได้แล้วลูก กินเสร็จจะได้อาบน้ำแต่งตัวไปวัดกัน"เมื่อได้ยินว่าจะได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านพราวนภาก็หันขวับมาหาคนพูดทันที "จะไปเที่ยวหรือคะ""ไปไหว้พระที่วัดค่ะ ธุจ้าไงคะลูก""แล้วเราจะไปกินไอติมกันอีกไหมคะ คุณลุงประธานไปด้วยไหม" เสียงใสถามเจื้อยแจ้วนัยน์ตาเป็นประกาย จันทร์เจ้าเห็นแล้วได้แต่ลอบถอนหายใจเพราะดูท่าทางหลานสาวจะชอบคนเจ้าเล่ห์คนนั้นไม่น้อยเลย"คุณลุงก็ต้องอยู่บ้านคุณลุงสิคะ ไม่ได้ไปกับเราหรอกค่ะ เพราะคุณลุงเขาก็ต้องพาครอบครัวไปเที่ยวเหมือนกัน"เมื่อวานหลังจากที่กินไอศกรีมกันเสร็จแล้ว พราวนภาก็หนังท้องตึงหนังตาหย่
"พี่เอาไปเก็บให้ดีกว่าครับเพราะมันหนักมาก น้องจันทร์ถือไม่ไหวหรอก ถึงถือไหวก็จะเจ็บมือเปล่า ๆ ผมขออนุญาตเอาของไปวางบนโต๊ะนะครับคุณน้า" บรรพตหันไปค้อมศีรษะให้เจ้าของบ้าน"เชิญค่ะ" พรรณียิ้มบาง ๆ ก่อนจะเชื้อเชิญให้เจ้าสัวเอนกนั่งในห้องรับแขก ส่วนจันทร์เจ้าก็เดินไปนำน้ำมาเสิร์ฟให้แขกผู้มาเยือน จากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็คุยเรื่องทั่วไปกันอยู่ครู่หนึ่ง จนในที่สุดเจ้าสัวก็เริ่มเข้าเรื่อง"คืออย่างนี้นะคุณพรรณี เจ้าพตลูกชายของผมเนี่ย ปีนี้มันก็อายุอานามควรจะเป็นฝั่งเป็นฝาได้แล้ว ผมก็เคยถามมันว่ามีแฟนรึยัง มันก็บอกว่ายังไม่มีแต่มีคนที่ชอบอยู่"เจ้าสัวหยุดพูดแล้วมองไปทางจันทร์เจ้าพร้อมกับยิ้มจนตาหยี ส่วนบรรพตเองก็มองหญิงสาวอยู่เช่นกัน แต่มองด้วยสายตาวาววามราวกับเสือที่รอตะปบเหยื่อ"ผมจะไม่พูดอ้อมค้อมละนะ คนที่เจ้าลูกชายตัวดีของผมมันชอบก็คือหนูจันทร์นี่แหละ ฮ่า ๆ" เจ้าสัวพยายามทำให้บรรยากาศครื้นเครง ขณะที่บรรพตเองก็ได้แต่ยิ้มพลางหลุบตาลงมองพื้นพรรณีฝืนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันมองบุตรสาวที่นั่งอยู่ข้างกายแล้วมองเลยไปยังหลานตัวน้อยที่นั่งเล่นตัวต่ออยู่บนพื้นข้างจันท
"กาแฟค่ะท่านประธาน" เสียงหวานแต่ฟังดูแล้วติดจะเย็นชาของเลขานุการสาว กอปรกับการที่เธอไม่ยอมมองหน้าเขาตรง ๆ ทำให้ชินดนัยอดสงสัยไม่ได้ เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจันทร์เจ้าจะตั้งกำแพงระหว่างกันขึ้นสูงมากกว่าเดิม ทั้งที่วันศุกร์ที่แล้วเขาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเริ่มเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากที่ไปกินไอศกรีมด้วยกันเสียอีกวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านไปมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอกันแน่ ทำไมคราวนี้จันทร์เจ้าถึงตั้งแง่กับเขามากกว่าตอนเจอหน้ากันครั้งแรกด้วยซ้ำ"จันทร์" เขาเรียกเธอเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดประตูออกไปจากห้อง"คะท่านประธาน" หญิงสาวหันมามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย"จันทร์เป็นอะไรรึเปล่า หรือพักนี้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจไหม" เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวเธอจะคิดมากเรื่องพราวนภา"ไม่มีค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ" เธอกลับหลังหันไปทางประตูแต่เขาก็เรียกอีก"เดี๋ยวก่อน!"จันทร์เจ้าชะงัก ก่อนจะหันไปหาเขาอีกครั้ง "คะท่านประธาน""พรุ่งนี้พี่จะไปรับจันทร์ที่บ้านตอนห้าโม
จันทร์เจ้านั่งหันหน้าไปมองข้างทางตลอดเวลา ส่วนชินดนัยก็อาศัยจังหวะที่รถติดไฟแดงหันไปมองหญิงสาวให้เต็มตาอีกครั้ง วันนี้เธอสวยสง่ามาก ชุดเดรสสีม่วงเปลือกมังคุดช่วยขับผิวพรรณของเธอให้ยิ่งผุดผ่องชวนมอง จันทร์เจ้าไม่ชอบแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมากเกินไป แต่ก็ไม่เรียบเสียจนดูไร้รสนิยม อย่างชุดที่เธอใส่วันนี้ก็เป็นเดรสแขนกุดคอกลมธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือช่วงบนตั้งแต่เหนืออกขึ้นเป็นผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีเดียวกับชุด ด้านหลังก็เว้าไม่ลึกมากนัก มองแล้วเรียบง่ายกึ่ง ๆ ทางการแต่ก็แฝงความเซ็กซี่เย้ายวนด้วยเช่นกัน"มีคนบอกรึยังว่าวันนี้จันทร์สวยมาก" เขาพูดทำลายความเงียบ และจงใจขับให้ช้าลงโดยเลือกเส้นทางปกติ ไม่ขึ้นทางด่วนเพราะจะถึงที่หมายเร็วเกินไป"มีแล้วค่ะ" เธอตอบพลางมองเขาด้วยหางตา ทำเอาเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้"หนูพราวละสิ ใช่ไหม" ในบ้านของเธอมีกันอยู่แค่สามคน และพราวนภาก็เป็นคนขึ้นไปตามเธอให้ลงมาข้างล่าง หากไม่ใช่หลานสาวตัวน้อยที่เอ่ยปากชมแล้วจะเป็นแมวที่ไหนได้อีกจันทร์เจ้าตวัดสายตาส่งค้อนให้เขาแล้วตอบสั้น ๆ "ค่ะ""หนูพราวนี่ขี้อ้อนจังเนอะ ปากหวานด้วย ตัวแค่นี้เข้าใจช
"ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลยค่ะ ไม่ก็คือไม่ ฉันว่าเราต่างคนต่างอยู่และคงสถานะไว้ที่เจ้านายกับลูกน้องก็ดีอยู่แล้ว อีกอย่างนะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คุณบอกฉันเองว่าชีวิตยังอีกยาวไกล จะให้มาคบผู้หญิงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ และฉันก็จะไม่มีวันเป็นตัวเลือกของใครด้วย"ชายหนุ่มเงียบไปไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ในที่สุดคำพูดร้ายกาจของเขาก็ย้อนกลับมาเล่นงานตัวเองจนได้ เขาไม่โทษเธอที่ใจแข็งและไม่รู้จักให้อภัย แต่เขาโทษตัวเองที่เป็นฝ่ายสร้างบาดแผลไว้ให้เธอมากกว่า"พี่จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ละกัน แต่พี่บอกไว้เลยนะว่าถ่านไฟเก่าอย่างพี่จะพยายามติดไฟให้ได้"จันทร์เจ้าแค่นยิ้มแล้วมองเขาด้วยหางตาอีกครั้งก่อนพูดว่า"ถ่านไฟเก่าอะไร แค่เถ้าไม้ขีดก็พอมั้งคะ"ชินดนัยทำปากยื่นเหมือนเด็กเวลางอนพลางพึมพำเสียงขุ่น"คนสวยใจดำ!"ทั้งคู่มาถึงงานประมูลในเวลาหกโมงเศษ งานนี้จัดขึ้นที่โรงแรมระดับห้าดาวย่านใจกลางเมือง เมื่อเข้าไปในงาน จันทร์เจ้าก็เดินเข้าไปที่จุดลงทะเบียนเพื่อยื่นบัตรเชิญให้เจ้าหน้าที่ เสร็จเรียบร้อยก็ได้รั
จันทร์เจ้าเดินออกมานอกห้องประชุมได้ก็พยายามก้าวขาเร็ว ๆ พลางมองหาห้องน้ำ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็รู้สึกเหมือนโลกหมุนจึงหยุดเดินแล้วพยายามหายใจลึก เอาอากาศเข้าปอดให้มากเพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าหายใจลำบากจนต้องยกมือขึ้นทาบอก แต่ลมจากในช่องท้องก็ตีรวนขึ้นมาอีก ส่งผลให้เธอต้องเลื่อนมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้อีกครั้งหญิงสาวพยายามสะกดกลั้นอาการคลื่นไส้เอาไว้ แต่ภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับพร่าเบลอจนต้องหลับตาแล้วสะบัดศีรษะสองสามครั้งแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ ทว่าการลืมตาขึ้นมาครั้งนี้เธอรู้สึกว่าพื้นที่ยืนอยู่โคลงเคลงจนแทบทรงตัวไม่ได้ ครั้นพอหันมองไปรอบตัวก็เห็นว่ามีทั้งพนักงานและแขกที่มาใช้บริการของทางโรงแรมอยู่ไม่กี่คนกำลังมองมาทางตนและถามด้วยความสงสัย"คุณผู้หญิงคะ เป็นอะไรรึเปล่า"จันทร์เจ้าพยายามครองสติเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากพูดอะไรบางอย่างออกไปแต่อาการคลื่นไส้วิงเวียนก็โจมตีเข้ามาอีกครั้งจนต้องรีบยกมือขึ้นปิดปาก อีกมือก็จับกระเป๋าถือไว้แน่น พนักงานสาวอีกคนที่เห็นอาการของเธอจึงถามมาอีกครั้ง"คุณผู้หญิงจะไปห้องน้ำไหมคะ ดูเหมือนจะคลื่นไส้อยา
หญิงสาวถูกพยุงให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินเข้าห้องน้ำหญิงที่เดินอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง เมื่อเข้ามาด้านในได้ จันทร์เจ้าก็พุ่งตัวเข้าไปทรุดนั่งกับพื้นแล้วโก่งคออาเจียนที่โถชักโครกอย่างหมดสภาพ พนักงานที่ช่วยพยุงมาทั้งสองคนจึงได้แต่เฝ้าดูที่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอย่างเป็นกังวล"เธอไปหาแก้วใส่น้ำให้คุณผู้หญิงใช้บ้วนปากเถอะ ท่าทางจะลุกไม่ไหว เอากระเป๋าของคุณเขามาไว้ที่พี่ละกัน พี่จะถือไว้ให้เอง" พนักงานที่อาวุโสกว่าหันไปบอกกับพนักงานรุ่นน้อง อีกฝ่ายจึงยื่นกระเป๋าถือของจันทร์เจ้าให้แล้วเดินออกจากห้องน้ำไปจันทร์เจ้าทิ้งตัวพิงผนังห้องน้ำอย่างหมดแรง ร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ ลำคอแห้งผากและร้อนผ่าวราวกับกำลังถูกเผาไหม้ เธอหันไปมองพนักงานที่ยืนอยู่เป็นเพื่อนแล้วขอร้องด้วยน้ำเสียงแหบพร่า"น้ำ ขอน้ำหน่อยค่ะ""รอสักครู่นะคะ ดิฉันกำลังให้น้องเขาไปเอาแก้วมาให้ค่ะ คุณผู้หญิงจะให้ดิฉันช่วยติดต่อญาติมารับไหมคะ แล้วคุณผู้ชายที่อยู่ข้างนอกนั่น..."พนักงานสาวพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้จะเลือกใช้คำไหนจึงจะเหมาะสมเนื่องจากไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของคนทั้งคู่จันทร์เจ้าส่ายหน
"อย่างกับมันอยากคุยกับกูนักนี่ กูชวนคุยก็ถามคำตอบคำ ท่าทางไม่ค่อยชอบหน้ากูเท่าไร คงคิดว่ากูจะไปจีบเด็กมึงละมั้ง เฮ้อ...พูดแล้วก็เสียดายแทนมึงว่ะ ยายนั่นหุ่นโคตรเด็ดเลยนะว่าไหม ผิวแม่งโคตรเนียน"อติวิชญ์เดาะลิ้นพลางส่ายหน้าช้า ๆ มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ ซึ่งในนั้นมียาทิงเจอร์ขาวขวดเล็ก ๆ อยู่ ท่าทางสุภาพบุรุษแบบนักธุรกิจหนุ่มก่อนหน้านี้หายวับไป เพราะถูกแทนที่ด้วยความเสเพลร้ายกาจซึ่งแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา"มึงใส่ยาไปแค่ไหนวะ ทำไมมันยังมีแรงมาต่อต้านกูได้"บรรพตหันไปถามอติวิชญ์ เพื่อนสนิทที่กินเที่ยวเล่นอยู่ในกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในฐานะนักล่าคอเดียวกัน และเพราะธุรกิจที่ครอบครัวของอติวิชญ์ทำอยู่เป็นสายเดียวกับครอบครัวของเขาที่ทำโครงการบ้านจัดสรร ความสนิทสนมจึงยิ่งแน่นแฟ้น"ใส่ไปนิดเดียวแค่หยดสองหยด ใส่เยอะได้ยังไงเล่าเดี๋ยวคนอื่นเห็นอาการเข้าก็สงสัยกันหมดน่ะสิ ยิ่งกูไปโกหกเด็กเสิร์ฟไว้ว่าจะจีบสาว ให้มันช่วยเอาน้ำแก้วนั้นไปเสิร์ฟใกล้ ๆ ตอนกูให้สัญญาณนั่นอีกล่ะ ถ้าอาการออกเร็วขึ้นมาไอ้เด็กเสิร์ฟคนนั้นสงสัยกูแน่นอน อีกอย่างนะ ก
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร
ในเช้าวันทำงานอันแสนวุ่นวาย จันทร์เจ้าค่อย ๆ เคลื่อนรถไปบนท้องถนนอย่างเชื่องช้าเพราะการจราจรติดขัดอย่างผิดปกติ หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายพลางคิดในใจว่าข้างหน้าคงเกิดอุบัติเหตุเป็นแน่ เธอมองเวลาบนแผงคอนโซลหน้ารถ อีกแค่สิบห้านาทีก็จะถึงเวลาเข้างานแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังไม่ครึ่งทางเลยด้วยซ้ำจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทร. ไปบอกชายหนุ่มผู้ซึ่งพ่วงทั้งตำแหน่งเจ้านายและชายคนรักว่าตนคงเข้าทำงานสาย"อุ๊ย! แย่จริง" จันทร์เจ้าพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดเมื่อโทรศัพท์เกิดหลุดมือหล่นไปอยู่ใกล้เท้า เธอมองทางข้างหน้า เห็นว่ารถยังคงเคลื่อนตัวไปได้อย่างเชื่องช้าจึงเหยียบเบรกค้างไว้ครึ่งเดียวเพื่อชะลอความเร็วรถก่อนจะก้มลงเก็บโทรศัพท์มือถือกึก!"อุ๊ยตายแล้ว!" หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าชั่วเสี้ยววินาทีที่ตนละสายตาจากท้องถนนเพื่อก้มเก็บโทรศัพท์นั้นจะส่งผลให้รถของเธอชนเข้ากับรถคันหน้าเข้าจนได้ แม้จะไม่รุนแรงเพราะรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่ต่างจากคลาน แต่อย่างไรเสียก็ถือว่าเธอเป็นฝ่ายผิดที่ไปชนเขาก่อนรถคันหน้าจอดนิ่งพร้อมกับเปิดไฟกะพริบ จากนั้นประตูฝั
จันทร์เจ้าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย "ทำไมหรือคะ พี่ชินเจออะไรมาหรือ"ชินดนัยถอนหายใจแผ่วก่อนจะตัดสินใจเล่าให้หญิงสาวฟัง หลังจากเล่าจบเขาก็พูดขึ้นว่า"ตอนแรกพี่ว่าจะไม่บอกจันทร์ เพราะเดี๋ยวจันทร์จะหาว่าพี่ขี้ฟ้อง คิดเล็กคิดน้อยกับเพื่อนของจันทร์ แต่มาคิดดูอีกที เพื่อนแบบนี้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า""ช่างเขาเถอะค่ะ จันทร์เลิกใส่ใจเรื่องของวีวี่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ปล่อยให้เขาแข่งไปคนเดียวเถอะ"ชายหนุ่มยิ้มละไมเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้"พรุ่งนี้เจอกันที่จุดนัดพบตรงปั๊มน้ำมันนะ อย่าตื่นสายล่ะ"ชายหนุ่มแกล้งเย้าเพราะรู้อยู่แล้วว่าจันทร์เจ้าไม่ใช่คนตื่นสาย เธอยู่หน้าใส่ชายหนุ่มแล้วใช้นิ้วจิ้มแก้มเขาไม่แรงนักก่อนพูดว่า"บอกตัวเองเถอะค่ะ จันทร์ว่ารถจันทร์ไปถึงก่อนทุกคนแน่นอน"สุดสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดยาว ทั้งสามบ้านจึงนัดกันไปเที่ยวทะเลปราณบุรี ต่างคนต่างขับรถไปบ้านใครบ้านมันโดยยึดเอาปั๊มน้ำมันใหญ่ตรงถนนวิภาวดีเป็นจุดนัดพบ"จะรอดูคนขี้คุย โอเคครับพรุ่งนี้เจอกัน"ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปจูบหญิงสาวเป็นการลาเมื่อถึงห
"ฉันยังไม่แจกตอนนี้ รอนังวีวี่มาก่อน นี่ฉันอุตส่าห์บอกมันว่านัดกันตอนหกโมงครึ่งนะเนี่ย แต่นี่ปาไปทุ่มครึ่งแล้วนางยังไม่เสด็จมา ใครก็ได้จุดธูปเรียกมันหน่อยซิ"ทันทีที่ไปรมาพูดจบ ประตูห้องวีไอพีที่จัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างระหงในชุดเดรสรัดรูปสีดำ เจ้าตัวเยื้องย่างเข้ามาในห้องราวกับนางพญาโดยไม่ยอมสบตาใคร เมื่อถึงเก้าอี้ว่างก็วางกระเป๋าสะพายแบรนด์ดังที่หลายคนรู้ดีว่าราคาไม่ต่ำกว่าสามแสนลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงค่อยกวาดตามองทุกคนทั้งรอยยิ้มเรียวปากสีสดของวรัชยาค่อย ๆ หุบลงเมื่อเห็นชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งอยู่ ก่อนจะพึมพำอย่างแผ่วเบา"พี่ชิน" สายตาของวรัชยาเบนไปที่หญิงสาวข้างกายเขา "ยายจันทร์""โอ๊ยหล่อน เปิดตัวมาแบบรัชดาลัยเธียเตอร์มาก เขานัดกันหกโมงครึ่งแต่หล่อนเพิ่งมาเอาป่านนี้ โหงพรายที่หล่อนเลี้ยงไว้เพิ่งกระซิบบอกรึไงยะ" เพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองคนหนึ่งอดแขวะวรัชยาไม่ได้"ฉันก็ต้องมีติดธุระกันบ้างสิ ฉันไม่ได้ทำงานเป็นพนักงานประจำเหมือนพวกเธอนะ ฉันมีธุรกิจส่วนตัวก็รู้ ๆ กันอยู่"วรัชยาพยายามวางตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะชายห