หญิงสาวถูกพยุงให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินเข้าห้องน้ำหญิงที่เดินอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง เมื่อเข้ามาด้านในได้ จันทร์เจ้าก็พุ่งตัวเข้าไปทรุดนั่งกับพื้นแล้วโก่งคออาเจียนที่โถชักโครกอย่างหมดสภาพ พนักงานที่ช่วยพยุงมาทั้งสองคนจึงได้แต่เฝ้าดูที่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอย่างเป็นกังวล
"เธอไปหาแก้วใส่น้ำให้คุณผู้หญิงใช้บ้วนปากเถอะ ท่าทางจะลุกไม่ไหว เอากระเป๋าของคุณเขามาไว้ที่พี่ละกัน พี่จะถือไว้ให้เอง" พนักงานที่อาวุโสกว่าหันไปบอกกับพนักงานรุ่นน้อง อีกฝ่ายจึงยื่นกระเป๋าถือของจันทร์เจ้าให้แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป
จันทร์เจ้าทิ้งตัวพิงผนังห้องน้ำอย่างหมดแรง ร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ ลำคอแห้งผากและร้อนผ่าวราวกับกำลังถูกเผาไหม้ เธอหันไปมองพนักงานที่ยืนอยู่เป็นเพื่อนแล้วขอร้องด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"น้ำ ขอน้ำหน่อยค่ะ"
"รอสักครู่นะคะ ดิฉันกำลังให้น้องเขาไปเอาแก้วมาให้ค่ะ คุณผู้หญิงจะให้ดิฉันช่วยติดต่อญาติมารับไหมคะ แล้วคุณผู้ชายที่อยู่ข้างนอกนั่น..."
พนักงานสาวพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้จะเลือกใช้คำไหนจึงจะเหมาะสมเนื่องจากไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของคนทั้งคู่
จันทร์เจ้าส่ายหน
"อย่างกับมันอยากคุยกับกูนักนี่ กูชวนคุยก็ถามคำตอบคำ ท่าทางไม่ค่อยชอบหน้ากูเท่าไร คงคิดว่ากูจะไปจีบเด็กมึงละมั้ง เฮ้อ...พูดแล้วก็เสียดายแทนมึงว่ะ ยายนั่นหุ่นโคตรเด็ดเลยนะว่าไหม ผิวแม่งโคตรเนียน"อติวิชญ์เดาะลิ้นพลางส่ายหน้าช้า ๆ มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ ซึ่งในนั้นมียาทิงเจอร์ขาวขวดเล็ก ๆ อยู่ ท่าทางสุภาพบุรุษแบบนักธุรกิจหนุ่มก่อนหน้านี้หายวับไป เพราะถูกแทนที่ด้วยความเสเพลร้ายกาจซึ่งแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา"มึงใส่ยาไปแค่ไหนวะ ทำไมมันยังมีแรงมาต่อต้านกูได้"บรรพตหันไปถามอติวิชญ์ เพื่อนสนิทที่กินเที่ยวเล่นอยู่ในกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในฐานะนักล่าคอเดียวกัน และเพราะธุรกิจที่ครอบครัวของอติวิชญ์ทำอยู่เป็นสายเดียวกับครอบครัวของเขาที่ทำโครงการบ้านจัดสรร ความสนิทสนมจึงยิ่งแน่นแฟ้น"ใส่ไปนิดเดียวแค่หยดสองหยด ใส่เยอะได้ยังไงเล่าเดี๋ยวคนอื่นเห็นอาการเข้าก็สงสัยกันหมดน่ะสิ ยิ่งกูไปโกหกเด็กเสิร์ฟไว้ว่าจะจีบสาว ให้มันช่วยเอาน้ำแก้วนั้นไปเสิร์ฟใกล้ ๆ ตอนกูให้สัญญาณนั่นอีกล่ะ ถ้าอาการออกเร็วขึ้นมาไอ้เด็กเสิร์ฟคนนั้นสงสัยกูแน่นอน อีกอย่างนะ ก
ภาวินจอดรถไว้ข้างกำแพงบ้านของจันทร์เจ้า หลังจากดับเครื่องแล้วเขาก็ลงมาเปิดกระโปรงหลังแล้วหยิบถุงใบใหญ่ออกมาถือไว้ก่อนจะเดินไปกดกริ่งหน้าบ้าน รอไม่นานนักก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมา สายตาที่มองมายังเขานั้นเต็มไปด้วยความสงสัยและระแวดระวัง"มาหาใครคะ"ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง เขายกมือไหว้ทำความเคารพแล้วรีบแนะนำตัวเองทันที"สวัสดีครับ ผมภาวิน เป็นเพื่อนของชิน เจ้านายคุณจันทร์ครับ เผอิญว่าผมกลับจากไปบินมา ตอนที่อยู่เมืองนอกผมซื้อตุ๊กตากับของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิงมาหลายอย่างก็เลย เอ่อ อยากเอามาให้หนูพราวน่ะครับ"เจ้าของบ้านมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าให้"เอ่อ...เข้ามาก่อนค่ะ"ภาวินลอบถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายยอมให้ตนเข้าบ้าน เพราะก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์ไปหาชินดนัย กะว่าจะชวนมาที่นี่ด้วยกันแต่ปรากฏว่าวันนี้เพื่อนต้องไปงานประมูลการกุศลกับจันทร์เจ้า เขาจึงต้องมาหาพราวนภาด้วยตนเอง"ขอบคุณมากครับคุณน้า ผมขอเรียกคุณน้าก็แล้วกันนะครับเพราะยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของตะวัน" เขาเห็นอีกฝ่ายหยุดเดินจึงหยุดตาม คิดว่าจันทร์เจ้าคงเล่า
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเธออย่างเชื่องช้าพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองไปด้วย เสียงครวญครางแผ่วหวานที่เล็ดลอดออกจากปากอิ่มนั้นกำลังทำให้เนื้อตัวของเขาร้อนผ่าว ยิ่งเห็นเรียวขาขาวผ่องของเธอยกขึ้นมาชันเข่าแล้วแยกออกเล็กน้อยจนเป็นรูปตัวเอ็ม ความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นทั่วร่างก็ไหลรวมกันจนไปกระจุกอยู่ที่กึ่งกลางลำตัว"หนูจันทร์" เขารู้สึกได้ว่าลำคอของตัวเองแห้งผากจนเสียงที่เปล่งออกมานั้นแหบพร่า ยิ่งเห็นสายตาเชิญชวนกึ่งเว้าวอนออดอ้อนที่มองมาความอดทนของเขาก็แทบกลายเป็นศูนย์"ร้อน...ฮือ..." เสียงครางปนสะอื้นของหญิงสาวเรียกสติของเขาให้กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้จันทร์เจ้ามีเพียงกางเกงในสีเนื้อติดกายเพียงตัวเดียว แม้จะพยายามมองแต่ใบหน้าของเธอ แต่ทรวงสล้างได้รูปสวยที่ชูชันอวดโฉมให้เขายลนั้นก็ช่างดึงดูดสายตาดีเหลือเกิน"โอย...เอาไงดีวะ" เขารีบหลับตาแล้วหันหลังให้กับความเซ็กซี่ที่เชิญชวนให้เขาเข้าหาด้วยเสียงครางกระเส่า ส่วนหนึ่งของร่างกายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของสมองก็ตื่นตัวเต็มที่จนปวดร้าวราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เวลานี้ความคิดฝั่งดีกับฝั่งร้ายกำลังตีกันยุ่งเหยิงจนเขาตัดสินใ
"ดีขึ้นรึยังครับ ยังรู้สึกร้อนอยู่ไหม" เขาถามทั้งที่รู้ว่าคงไม่ได้คำตอบชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพื่อระบายความอัดอั้นที่มากองรวมกันอยู่เต็มหว่างขา เธอบอกว่าร้อนแต่เวลานี้เขากลับรู้สึกร้อนยิ่งกว่า แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพามาแช่น้ำในอ่างแล้วคอยเอาน้ำลูบหน้ารดตัวให้เธอ แม้บางครั้งเวลาที่เธอโดนน้ำรดตัวร่างกายจะสั่นสะท้านเหมือนหนาวจับขั้วหัวใจชินดนัยเฝ้าสังเกตอาการของจันทร์เจ้าอย่างละเอียด ดูแล้วเธอไม่มีอารมณ์อย่างว่า หรือต้องการมีเซ็กซ์เพื่อปลดปล่อยเหมือนที่เขาเคยได้ยิน เพราะบางครั้งอาการแบบที่เธอเป็นอยู่คล้ายกับที่เขาเคยเจอตอนอยู่เมืองนอกแต่เพื่อนของเขาเป็นผู้ชาย และอาการที่เพื่อนคนนั้นเป็นคือลงแดงเพราะอยากเฮโรอีนแต่เขาไม่มีวันเชื่อหรอกว่าจันทร์เจ้าจะติดยาและอาการที่เธอเป็นอยู่คือลงแดง คนอย่างจันทร์เจ้าไม่มีวันทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นแน่นอนเขามองเรือนร่างเย้ายวนที่ซ่อนอยู่ในน้ำครึ่งตัวกับทรวงอกอิ่มที่สะท้อนขึ้นลงตามการหายใจนั้นตาปรอย หน้าอกของเธอมีรอยแดงจากน้ำมือของเขาอยู่หลายรอยเพราะความลืมตัว จึงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบรอยเหล่านั้นเบา ๆ อย่างปลุกป
นอนไม่หลับ!เขาจะข่มตาหลับได้อย่างไรในเมื่อบางส่วนของร่างกายมันไม่ยอมหลับ หนำซ้ำมันยังตื่นเพริดเริงร่า พร้อมรบตลอดเวลาราวกับต้องการจะบอกว่าหากไม่ได้ปลดปล่อยก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้นอนอย่างสงบสุข"บ้าเอ๊ย!" ชายหนุ่มสบถกับตัวเอง แม้จะลองไม่แตะต้องผิวเนื้อนวลเนียนที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแล้วนอนหันหลังให้ กระนั้นความปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ในใจก็คอยกระตุ้นเขาให้รับรู้ว่าตนสามารถดับความร้อนรุ่มนี้ได้ถ้าเพียงแต่เขา "กล้าพอ"ชินดนัยพลิกตัวหันหน้าไปทางจันทร์เจ้าอีกครั้งหลังจากที่นอนหันหลังให้เธออยู่นานสองนาน เธอหลับลึกจนน่าอิจฉา จึงไม่รับรู้ว่ามีใครคนหนึ่งทรมานแทบตายเพราะเธอคนเดียว ยิ่งเห็นเจ้าหล่อนนอนหายใจสม่ำเสมอก็อดมันเขี้ยวไม่ได้ จึงหยิกแก้มเธอเบา ๆ ไปหนึ่งทีก่อนจะตามด้วยการฝังจมูกลงไป"ลักหลับซะดีไหม โทษฐานที่หลับสบายอยู่คนเดียว"ถ้าเป็นเมื่อก่อนจันทร์เจ้าคงไม่รอดมือเขาแน่ แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่หนุ่มเพลย์บอยคนเดิมอีกแล้ว ฉะนั้นต่อให้เธอโดนวางยาอะไรมาเขาก็จะไม่มีทางฉวยโอกาสกับร่างกายของเธออย่างเด็ดขาด แม้จะเคยมีอะไรลึกซึ้งเกินเลยกัน แต่เขาก็จะไม่เอาเรื่องน
ลมที่ตีรวนขึ้นจากช่องท้องจนทำให้รู้สึกอยากขย้อนเอาของในกระเพาะออกมาปลุกให้จันทร์เจ้าต้องตื่นจากการหลับใหล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่ จากนั้นเปลือกตาก็ค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาทีละนิด แต่เพราะอาการวิงเวียนที่ยังหลงเหลืออยู่จึงทำให้หญิงสาวหลับตาลงไปอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วกะพริบเร็ว ๆ เพื่อเรียกสติของตนครั้นพอตื่นเต็มตาจันทร์เจ้าก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องอยู่ แต่พอมองให้ชัด ๆ จึงรู้ว่าที่แท้เพดานตรงเตียงนอนนั้นเป็นกระจกบานใหญ่รูปวงกลม และยังไม่ทันจะได้คิดทบทวนอะไรเธอก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อมองจากกระจกแล้วเห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างตัวหญิงสาวพรวดพราดลงจากเตียงจนสะดุดขาตัวเองล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ครั้นพอเห็นว่าตนไม่มีเสื้อผ้าติดกายแม้แต่ชิ้นเดียวก็แทบอยากร้องไห้ออกมาตรงนั้น พยายามนึกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก รู้สึกใจหายวาบขึ้นมาทันทีเพราะความทรงจำสุดท้ายที่จำได้คือตอนที่เธอเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำของโรงแรมจันทร์เจ้าเห็นผ้าขนหนูผืนหนึ่งวางพาดไว้กับเก้าอี้พร้อมกับเสื้อผ้าอี
ชินดนัยรีบเดินเข้าห้องน้ำเมื่อรับรู้ได้ถึงความตื่นตัวของอวัยวะที่อยู่นอกเหนือการควบคุม หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจับร่างเย้ายวนนั้นกดลงบนเตียงแล้วกระโจนเข้าใส่อย่างไม่ลดละ แต่ตอนนี้เขาทำตามใจตัวเองอย่างนั้นไม่ได้แล้วเพราะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของจันทร์เจ้าเป็นสำคัญเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำจันทร์เจ้าจึงเป่าปากด้วยความโล่งอก หญิงสาวกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้นแล้วมองสำรวจรอบห้อง ตอนนั้นถึงเพิ่งสังเกตว่าห้องนี้ตกแต่งในธีมท้องทะเล ผนังทำเป็นลายริ้วของเกลียวคลื่น และมีบรรดาสัตว์น้ำที่ทำมาจากปูนปลาสเตอร์แปะติดไว้ เตียงนอนเป็นรูปวงกลม หัวเตียงมีพังงาเรือติดอยู่ ดูไปแล้วเตียงเป็นเหมือนเรือที่กำลังล่องไปในทะเลจากนั้นหญิงสาวก็เดินไปที่ผนังด้านหนึ่งซึ่งมีผ้าม่านผืนใหญ่คลุมไว้จดพื้น ด้วยความที่ลืมคิดไปว่าผนังตรงนี้ติดกับห้องน้ำ จึงเอื้อมมือไปแหวกผ้าม่านออกเพราะคิดว่าเป็นหน้าต่างมองออกไปด้านนอกได้ ทว่าภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำเอาดวงตาทั้งสองเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงร่างสูงโปร่งได้สัดส่วนกำลังยืนอยู่ใต้ฝักบัวในอ่างอาบน้ำ ชายหนุ่มหลับตาแหงนหน้าขึ้นรับสายน้ำที่ฉีดลงมาเพื่อล้างฟอง
เธอเอามือดันแขนเขาเพื่อจะออกจากพื้นที่อันตรายตรงนี้ แต่แล้วจู่ ๆ แขนข้างนั้นก็เปลี่ยนเป็นมารวบตัวเธอแทน ด้วยความตกใจจึงเผลอหวีดร้องออกมา"ว้าย! นี่คุณจะทำอะไร ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ""ไม่ปล่อย เราต้องคุยกันก่อน" วงแขนของชายหนุ่มรัดแน่นขึ้นพร้อมกับยกตัวเธอจนเท้าลอยจากพื้นก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงแล้วบังคับให้หญิงสาวนั่งบนตักเขา"อย่าดิ้นมากสิ พี่กับจันทร์นุ่งผ้าแค่ผืนเดียวเหมือนกันทั้งคู่ ถ้าผ้าหลุดขึ้นมาเราอาจได้อยู่ห้องนี้ต่อไปอีกหลายชั่วโมงเลยนะ"เขาขู่พลางกระชับอ้อมกอดจนตัวเธอแทบจมหายไปกับอกเปลือยเปล่าของเขา หญิงสาวจึงนั่งนิ่งด้วยความเกร็ง"จะคุยอะไร" จันทร์เจ้าพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่หัวใจเต้นกระหน่ำจนกลัวว่าเขาจะรู้สึกถึงมันไปด้วย กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำที่ติดอยู่บนผิวของเขาทำเอาลมหายใจติดขัดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ"จำได้ไหมว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"ถามจบเขาก็ก้มลงมาจูบเบา ๆ ที่หัวไหล่ของเธอ แม้การกระทำจะดูนุ่มนวลไม่ตะกรุมตะกรามหยาบคาย แต่ผิวเนื้อบริเวณที่ถูกริมฝีปากของเขาสัมผัสก็ร้อนผ่าวราวกับถูกเหล็กนาบ"กะ...ก็พอจ
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร
ในเช้าวันทำงานอันแสนวุ่นวาย จันทร์เจ้าค่อย ๆ เคลื่อนรถไปบนท้องถนนอย่างเชื่องช้าเพราะการจราจรติดขัดอย่างผิดปกติ หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายพลางคิดในใจว่าข้างหน้าคงเกิดอุบัติเหตุเป็นแน่ เธอมองเวลาบนแผงคอนโซลหน้ารถ อีกแค่สิบห้านาทีก็จะถึงเวลาเข้างานแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังไม่ครึ่งทางเลยด้วยซ้ำจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทร. ไปบอกชายหนุ่มผู้ซึ่งพ่วงทั้งตำแหน่งเจ้านายและชายคนรักว่าตนคงเข้าทำงานสาย"อุ๊ย! แย่จริง" จันทร์เจ้าพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดเมื่อโทรศัพท์เกิดหลุดมือหล่นไปอยู่ใกล้เท้า เธอมองทางข้างหน้า เห็นว่ารถยังคงเคลื่อนตัวไปได้อย่างเชื่องช้าจึงเหยียบเบรกค้างไว้ครึ่งเดียวเพื่อชะลอความเร็วรถก่อนจะก้มลงเก็บโทรศัพท์มือถือกึก!"อุ๊ยตายแล้ว!" หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าชั่วเสี้ยววินาทีที่ตนละสายตาจากท้องถนนเพื่อก้มเก็บโทรศัพท์นั้นจะส่งผลให้รถของเธอชนเข้ากับรถคันหน้าเข้าจนได้ แม้จะไม่รุนแรงเพราะรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่ต่างจากคลาน แต่อย่างไรเสียก็ถือว่าเธอเป็นฝ่ายผิดที่ไปชนเขาก่อนรถคันหน้าจอดนิ่งพร้อมกับเปิดไฟกะพริบ จากนั้นประตูฝั
จันทร์เจ้าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย "ทำไมหรือคะ พี่ชินเจออะไรมาหรือ"ชินดนัยถอนหายใจแผ่วก่อนจะตัดสินใจเล่าให้หญิงสาวฟัง หลังจากเล่าจบเขาก็พูดขึ้นว่า"ตอนแรกพี่ว่าจะไม่บอกจันทร์ เพราะเดี๋ยวจันทร์จะหาว่าพี่ขี้ฟ้อง คิดเล็กคิดน้อยกับเพื่อนของจันทร์ แต่มาคิดดูอีกที เพื่อนแบบนี้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า""ช่างเขาเถอะค่ะ จันทร์เลิกใส่ใจเรื่องของวีวี่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ปล่อยให้เขาแข่งไปคนเดียวเถอะ"ชายหนุ่มยิ้มละไมเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้"พรุ่งนี้เจอกันที่จุดนัดพบตรงปั๊มน้ำมันนะ อย่าตื่นสายล่ะ"ชายหนุ่มแกล้งเย้าเพราะรู้อยู่แล้วว่าจันทร์เจ้าไม่ใช่คนตื่นสาย เธอยู่หน้าใส่ชายหนุ่มแล้วใช้นิ้วจิ้มแก้มเขาไม่แรงนักก่อนพูดว่า"บอกตัวเองเถอะค่ะ จันทร์ว่ารถจันทร์ไปถึงก่อนทุกคนแน่นอน"สุดสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดยาว ทั้งสามบ้านจึงนัดกันไปเที่ยวทะเลปราณบุรี ต่างคนต่างขับรถไปบ้านใครบ้านมันโดยยึดเอาปั๊มน้ำมันใหญ่ตรงถนนวิภาวดีเป็นจุดนัดพบ"จะรอดูคนขี้คุย โอเคครับพรุ่งนี้เจอกัน"ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปจูบหญิงสาวเป็นการลาเมื่อถึงห
"ฉันยังไม่แจกตอนนี้ รอนังวีวี่มาก่อน นี่ฉันอุตส่าห์บอกมันว่านัดกันตอนหกโมงครึ่งนะเนี่ย แต่นี่ปาไปทุ่มครึ่งแล้วนางยังไม่เสด็จมา ใครก็ได้จุดธูปเรียกมันหน่อยซิ"ทันทีที่ไปรมาพูดจบ ประตูห้องวีไอพีที่จัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างระหงในชุดเดรสรัดรูปสีดำ เจ้าตัวเยื้องย่างเข้ามาในห้องราวกับนางพญาโดยไม่ยอมสบตาใคร เมื่อถึงเก้าอี้ว่างก็วางกระเป๋าสะพายแบรนด์ดังที่หลายคนรู้ดีว่าราคาไม่ต่ำกว่าสามแสนลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงค่อยกวาดตามองทุกคนทั้งรอยยิ้มเรียวปากสีสดของวรัชยาค่อย ๆ หุบลงเมื่อเห็นชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งอยู่ ก่อนจะพึมพำอย่างแผ่วเบา"พี่ชิน" สายตาของวรัชยาเบนไปที่หญิงสาวข้างกายเขา "ยายจันทร์""โอ๊ยหล่อน เปิดตัวมาแบบรัชดาลัยเธียเตอร์มาก เขานัดกันหกโมงครึ่งแต่หล่อนเพิ่งมาเอาป่านนี้ โหงพรายที่หล่อนเลี้ยงไว้เพิ่งกระซิบบอกรึไงยะ" เพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองคนหนึ่งอดแขวะวรัชยาไม่ได้"ฉันก็ต้องมีติดธุระกันบ้างสิ ฉันไม่ได้ทำงานเป็นพนักงานประจำเหมือนพวกเธอนะ ฉันมีธุรกิจส่วนตัวก็รู้ ๆ กันอยู่"วรัชยาพยายามวางตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะชายห