ใบหน้าคมซบลงนิ่งบนทรวงอกอวบอิ่ม ลมหายใจยังคงหอบแรง กายแกร่งยังคงฝังกายแนบสนิทอยู่ใจกลางกุหลาบสีสวย ปลายมือใหญ่กดซับหยาดเหงื่อให้กับใบหน้าขาวสวยที่เมินหน้าหนี อีกทั้งสองมือเล็กเรียวก็ยังพยายามผลักร่างหนาให้ออกห่าง ศอกแข็งแกร่งเท้ากับพื้นเตียง ยันตัวเองลุกขึ้นเล็กน้อย“อุ๊ย!!”ปลายเล็บยาวคมจิกไปบนกายแกร่ง ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกจากปอด ระบายความเสียวซ่านและรัญจวนใจที่ยังคงรุมเร้าอยู่ไม่ห่างยามเมื่อกายใหญ่ขยับ“อยู่นิ่งๆ ซิตาบ้า” มือเรียวทุบไปบนอกกว้างเท่าที่จะมีเรี่ยวแรง“อ้าว...” อินซอฟหัวเราะหึหึ เมื่อครู่ยังร้องอ้อนวอนเสียงใสแจ๋วอยู่เลย แต่พอมาถึงตอนนี้เริ่มแผลงฤทธิ์ทุบตีและทำเสียงขุ่นเขียวใส่ อย่างนี้มันน่าจะเอาอีกสักรอบดีไหมนี่ แต่ไม่ละสงสาร ก็ดูซิหน้าตาแดงซะ ดวงตาก็เริ่มจะปรือแล้วด้วย สงสัยเมื่อคืนจะรวมหัวคิดกับกัญญาพัชรเรื่องพากันหนีจนไม่ได้หลับได้นอน“เธอเป็นคนทำร้ายฉันก่อนไม่ใช่หรือไง หรือว่าเราจะ...อย่างเมื่อกี้อีกรอบดีไหมจันตี ท่าทางเธอยังไหวนี่นา หรือว่าไง” ไม่รู้ทำไมพอเห็นดวงตาเขียวๆ นั่นแล้วมันทำให้เขากระชุ่มกระชวยเป็นพิเศษเฮ้อ...เกินไปแล้วนะอินซอฟ จะรังแกแม่ตัวร้ายไปถึงไหนกั
หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันจนหน้าผากย่น ขณะตวัดมองไล่นับชายหนุ่มในชุดสีดำสนิทปกปิดใบหน้าจนเหลือแต่ลูกตาหมดทุกคน ไม่เว้นแม้แต่อีตาปากเสียที่ว่าเธอเมื่อครู่ด้วย สงสัยจะให้พวกบ้านี่มาคุมเธอชิ...นึกหรือว่าจะกลัว อย่าให้ถึงทีเธอบ้างละกัน แม่จะเอาเลือดหัวออกให้หมดทุกคนเลย ไม่ว่าจะเป็นองค์ประมุขนาสเซอร์ผู้ชายบ้าผู้หญิง นายอัสสิยามีย์ปากเสีย ฟารฮานจอมเจ้าเล่ห์และคนสุดท้ายก็คืออินซอฟ ที่ดูท่าว่าจะร้ายไม่ทิ้งเชื้อนาย“จะรีบไปไหนเล่าคุณ รู้หรือว่าจะต้องเดินทางไปที่ไหนน่ะ” อัสสิยามีย์ตะโกนถามไปพร้อมเสียงหัวเราะ คิดไม่ถึงว่าฟารฮานจะตาแหลมคมถึงเพียงนี้ ส่งหญิงสาวที่ทั้งน่าสนใจ ฉลาดเฉลียวและที่สำคัญคือปากกล้าและไม่เกรงกลัวใครเอาซะเลย ตอนแรกที่ได้เห็นภาพถ่ายก็ว่าน่าสนใจ แล้วพอได้เห็นตัวจริงไม่คิดเลยว่าทำเอากายหนุ่มของเขาสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันควันเชียวคิดแล้วก็อยากให้ถึงกลางคืนเร็วๆ ตอนแรกวางแผนว่าจะหลอกล่อเล่นสนุกๆ แต่เห็นทีแผนการจะต้องเปลี่ยนแปลงไปแล้วละ ใบหน้าคมคร้ามซึ่งซ่อนไว้ใต้ผ้าแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับและเจ้าเล่ห์ไม่ผิดฟารฮาน ร่างหนาใหญ่ก้าวเดินตามกัญญาพัชรไปติดๆ และเมื่อถึ
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ไอ้คนเลว อย่าคิดว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ นะ” ข้อศอกแหลมคมกระทุ้งไปบนอกกว้าง สองเท้าพยายามกระทืบไปบนเท้าใหญ่“จะทำอะไรน่ะมัดหวาย หืม...” อิสสิยามีย์เอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี มือใหญ่ยื่นไปกดกระจกแก้วลงและโบกสะบัดให้ลูกน้องนำรถออกจากลานบิน “เอาน่าอย่าคิดมากน่ามัดหวาย แค่นี้เล็กๆ น้อยๆ เอง ถือว่าเป็นประสบการณ์เอาไว้ใช้มัดใจองค์ประมุขนาสเซอร์ไง”“คิดอย่างผู้ชายเห็นแก่ตัวและชอบเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงน่ะซิ” กัญญาพัชรร้องโวยวาย มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนี่ ทำไมถึงเอาชนะอีตาบ้านี่ไม่ได้ แล้วทำไมไอ้หัวใจบ้าๆ นี่เต้นไม่เป็นจังหวะด้วย หรือว่าเธอจะเจอคู่ปรับเข้าให้แล้ว ไม่...ไม่ หยุดคิดนะมัดหวาย แกแค่ถูกโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและอ่อนเพลียจากการเดินทางเท่านั้นเอง เดี๋ยวทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วก็สามารถหาทางจัดการไอ้ผู้ชายเฮงซวยนี่ได้แล้วล่ะลมหายใจแผ่วผ่อนออกจากปากอวบอิ่ม สองมือเล็กเรียวกำหมัดไว้แน่น “นายอัสสิยามีย์ ปล่อยฉันก่อนได้ไหม นายรัดอยู่แบบนี้ฉันอึดอัด หายใจไม่ออก” กว่าจะพูดจบประโยคกัญญาพัชรถึงกับต้องกลั้นใจไม่ให้แหวะเอาของเก่าที่เคยกินเข้าไปออกมา ด้วยความไม่ชอบใจอย่างรุนแรง ไม่ใช
กัญญาพัชรเดินตามร่างหนาใหญ่ไปติดๆ อย่างสงสัย นี่เธอเข้ามาอยู่ในทะเลทรายแล้วหรือ ถึงว่าซิทำไมถึงได้ร้อนนัก มือเรียวยกขึ้นพัดเอาลมเข้าหาตัว ก่อนจะกวาดมองไปทั่วบริเวณอีกครั้ง“เปล่าหรอกมัดหวาย ที่นี่ยังไม่ใช่ทะเลทรายอย่างที่เธอเข้าใจ แต่เป็นเพียงแอ่งทรายเล็กๆ ที่เราจะใช้พักผ่อนกันคืนนี้ ที่สำคัญคือที่นี่อยู่ไม่ไกลจากที่พักขององค์ประมุขนาสเซอร์ด้วย”‘พักผ่อนให้เพียงพอนะฮะดียะห์ของขวัญของฉัน ก่อนที่พรุ่งนี้เธอจะต้องเจอกับดินแดนที่ได้ชื่อว่าทะเลทราย ซึ่งมีทั้งความสวยงามและโหดร้ายในตัวของมัน’แรกๆ กัญญาพัชรคงจะยังไม่ลำบากสักเท่าไหร่ เพราะยังสามารถใช้รถในการเดินทางได้ แต่หลังจากนี้อีกสักประมาณห้าถึงเจ็ดวันจะต้องใช้การเดินทางกับอูฐตัวใหญ่ เพื่อเข้าไปถึงจุดหมายปลายทางคือหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในทะเลทรายเวิ้งว้างและห่างไกล แต่เต็มไปด้วยความสวยงาม ที่ซึ่งชาวบ้านที่นั่นเลือกจะไม่ยอมรับความเจริญจากภายนอกเข้าไป เพราะกลัวจะทำให้สูญเสียขนบธรรมเนียมและประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานกัญญาพัชรพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะเท่าที่เคยได้อ่านหนังสือมาบ้างก็รู้ว่าการเดินทางในทะเลทรายจะต้องสวมเสื้อผ้ามิ
‘เฮ้อ...เอาน่านาสเซอร์ อย่าไปคิดถึงขั้นนั้นเลย ตอนนี้เอาเรื่องคืนนี้ให้ผ่านพ้นไปก่อนละกัน’คิ้วคมเข้มขมวดมุ่นเข้ากัน จะว่าไปเขาก็คิดหนักเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งกายที่ยังไงต้องซุกซ่อนหน้าไม่ให้กัญญาพัชรได้เห็น แต่ถ้าเป็นแบบนั้นระหว่างที่ใกล้ชิดกันล่ะจะต้องทำอย่างไร มีโอกาสเยอะมากที่หญิงสาวจะได้เห็นใบหน้าของเขาไหนจะเส้นทางการทางเดินที่ใช้มันจะต้องไม่ใกล้และไม่ไกล เพื่อให้หญิงสาวมาหาเขาโดยเร็วที่สุด และหากจะต้องส่งกลับตอนก่อนเช้าก็รวดเร็ว มือใหญ่ยกขึ้นจับปลายคางลูบไปมาเบาๆ และแล้วใบหน้าคมคร้ามก็แต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงแผนการทุกอย่างทีนี้ก็เหลืออย่างเดียว คือโทรไปหาเจ้าตัวดี ที่ป่านนี้คงจะมีความสุขกับแม่สาวน้อยอีกคนแล้ว มือใหญ่เอื้อมไปกดสัญญาณและรหัสเครื่องสื่อสาร แต่แล้วหัวคิ้วคมเข้มก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน เมื่อสายตาคมกริบดันมองไปเห็นเหมือนมีแสงสีขาวแวบผ่านสายตาไปถ้าเพียงแค่ครั้งเดียวมันก็คงไม่ทำให้นาสเซอร์คิดอะไรหรอก แต่นี่มันหลายครั้งด้วยกัน เหมือนกับเป็นรหัสสัญญาณอะไรสักอย่าง และด้วยความเชี่ยวชาญและระมัดระวังตัวบวกกับประสบการณ์ที่สะสมมา ทำให้ชายหนุ่มคิดว่าจะต้องเกิดอะ
สองแขนเรียวยาวยกขึ้นกอดอก ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วห้องอย่างต้องการหาเครื่องทุ่นแรงมาช่วย เพราะรู้ตัวเองดีว่าผู้หญิงด้อยฝีมืออย่างเธอ เอาชนะอีตาบ้าร่างใหญ่ยังกับยักษ์ปักหลั่นคนนี้ไม่ได้แน่“ก็มาดูไง คุณตัดสินใจไปถึงไหนแล้ว มีอะไรให้ผมช่วยเหลือหรือเปล่า”“หือ...หน้าตาอย่างนายนี่นะหรือจะมาช่วยฉัน จะช่วยซ้ำเติมเสียมากกว่า”“โหย...รู้ใจอย่างนี้น่ารักจัง”“ไปรักให้ไกลๆ เลยตาบ้า” ศีรษะทุยตวัดส่งค้อนให้วงโต “ถามจริง มาทำไม”“ก็แค่อยากมาถาม คนบางคนแถวๆ นี้อยากคุยกับสาวน้อยที่อยู่ไกลๆ บ้างไหมเท่านั้นเอง แต่กลับถูกไล่และถูกต่อว่าซะนิ ไม่น่ารนหาเรื่องเลยเรา ไปดีกว่า” อัสสิยามีย์ทำท่าทางน้อยอกน้อยใจ แต่ใบหน้าคมคร้ามที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้าโพกศีรษะผืนหนากลับแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับกัญญาพัชรหน้าง้ำหน้างอ ดวงตาหลุบมองพื้นพรมกำมะหยี่สีสด ก่อนจะตวัดมองตามร่างหนาใหญ่ที่ลุกจากที่นั่งก้าวเดินออกจากห้องอย่างเชื่องช้า ราวกำลังรอให้เธอร้องเรียก สองมือเรียวกำหมัดแน่น‘โอ๊ย!! อีตาบ้า ยังจะมาเล่นแง่อยู่ รู้ก็รู้ว่าคนกลุ้มจะตายอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องที่รับปากตาฟารฮานมาขโมยของสำคัญ แล้วไหนจะห่วงน้องสาวที่ไม่รู้
“รอเดี๋ยวซิคุณ ให้ท่านฟารฮานไปตามน้องสาวคุณก่อนซิ” อัสสิยามีย์บอกอย่างเข้าใจ ถ้าหากว่าฟารฮานส่งสายให้ปิยาพัชรเลย แม่เสือสาจะต้องจับผิดได้ แล้วเมื่อนั้น...ไม่อยากคิดเลยว่าเขาคงจะต้องแปลงตัวเป็นเสือลายพาดกลอน เพราะตามตัวเต็มไปด้วยรอยเล็บมือนางพญากัญญาพัชร“เดี๋ยวท่านฟารฮานจะโทรกลับมา เมื่อพบเจอกับน้องสาวของเจ้า”กัญญาพัชรเริ่มเข้าใจและพยักหน้ารับอย่างโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง เมื่อคิดว่าตอนนี้ปิยาพัชรยังคงปลอดภัยจากน้ำมือฟารฮาน ลมหายใจบางเบาผ่อนออกจากปอด แต่ถึงแม้จะผ่อนคลายเรื่องนั้นไปได้ ก็ยังมีเรื่องให้ต้องหนักอกอีกกับเรื่องที่ต้องทำ แล้วก็คิดอย่างแปลกใจว่าทำไมฟารฮานถึงได้มอบหมายงานนี้ให้เธอ เขามองเห็นสิ่งใดในตัวเธอกันแน่ เพราะจะว่าไปแล้วสาวโก๊ะซุ่มซ่ามและไม่ได้มีเสน่หาดึงดูดใจผู้ชายอย่างเธอ น่าจะทำให้งานเสียหายมากกว่าที่จะสำเร็จลงได้ด้วยดีแล้วใบหน้าคมเข้มก็มีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ไม่มีเสน่ห์อย่างเธอนี่น่ะหรือจะไปยั่วยวนองค์ประมุขนาสเซอร์ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วแคว้นซัลจาร์บาร์เมีย คิดๆ แล้วก็น่าขำเสียมากกว่า ถ้าหาเรื่องตีหัวแล้วเอาร่างฝังดินยังจะง
“ไม่เหนื่อยและจะเร่งทำงานให้เสร็จโดยเร็วจะได้กลับไปหามัดหมี่กับจันตีไง เออ...ตอนนี้มัดหมี่อยู่ที่ไหน แล้วจันตีเป็นยังไงบ้าง” กัญญาพัชรถามกลับอย่างรวดเร็ว เพราะจำได้ว่าอัสสิยามีย์บอกว่าจันฑีราถูกอินซอฟจับตัวไว้ดวงตากลมโตก้มมองหน้าคมคร้าม ปลายมือเล็กเรียววางแนบชิดริมฝีปากหนาและคางแข็งแกร่ง ดวงตาเป็นคำถาม“มัดหมี่คุยกับพี่สาวเรื่องอื่นก่อนนะ เดี๋ยวเรื่องจันตีฉันจะเป็นคนบอกเอง” ร่างหนาใหญ่พลิกกายกลับและวางศีรษะลงบนขาเรียวยาว มือใหญ่จับเอามือเล็กเรียวมาลูบไล้บ้างก็มอบจุมพิตแผ่วเบาให้ปิยาพัชรพยักหน้ารับ “มัดหมี่ยังไม่เจอจันตีเลยค่ะพี่มัดหวาย แต่เดี๋ยวคุณฟารฮานจะเป็นคุยกับพี่เรื่องนั้นเอง”“อ๋อ...” กัญญาพัชรตอบกลับไปอย่างเสียอารมณ์เล็กน้อย นี่ตกลงว่าจันฑีราทำงานที่วางแผนกันไว้ไม่สำเร็จและถูกจับตัวเอาไว้ได้ ตอนนี้ก็ถูกแยกออกจากปิยาพัชรด้วย ยิ่งคิดก็น่าเป็นห่วงทั้งสองคนเหลือเกิน ร่างโปร่งบางนั่งแทบไม่ติด เท้าเรียวยาวพาเอาร่างเดินไปมาเท่าที่ความยาวของอุปกรณ์สื่อสารจะอำนวย และตวัดดวงตาคมกริบเหมือนใบมีดมอบให้ร่างหนาใหญ่เป็นระยะ“นายฟารฮานทำอะไรมัดหมี่หรือเปล่า ถ้าทำบอกพี่มาเลยนะ พี่จะได้รีบกลับ
“พาหม่อมฉันกลับมาอีกทำไม หม่อมฉันไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย คนหลอกลวง”“ถ้าไม่ใจร้ายและหลอกลวงอีก จะอยู่ด้วยไหมล่ะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและเว้าวอนทำเอาคนที่พยายามจะใจแข็งถึงกับสั่นระรัว ด้วยรู้ชะตาตัวเองดีตั้งแต่ถูกจับได้นั่นแหละว่าอาจหนีไม่พ้นอ้อมแขนใหญ่นี้ไปตลอดชีวิต“จะรู้ได้ไง พระองค์จะไม่หลอกหม่อมฉันอีก ทั้งพี่ทั้งน้องช่างวางแผนและเจ้าเล่ห์เหลือเกินนี่”“ใช้หัวใจแลกหัวใจไง”“เชอะ...คนอย่างองค์นาสเซอร์ ประมุขผู้ครองแคว้นซัลจาร์บาเมีย ชายหนุ่มที่มีผู้หญิงนับสิบอ๋อ...นับร้อยมากกว่าคอยถวายตัวเป็นข้ารองบาทน่ะหรือจะยอมหยุดอยู่ที่ผู้หญิงอย่างหม่อมฉันเพียงคนเดียว เชื่อตายละ” กัญญาพัชรยังคงปากแข็งแม้ใจจะยอมผ่อนตามไปเกือบจะครึ่งแล้ว“อ้าว...ทำไมล่ะ เราแตกต่างกับชายหนุ่มคนอื่นอย่างไร ถึงจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ได้น่ะ ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไปในชีวิตนะมัดหวาย สำหรับเราเมื่อเราพบคนที่ใช่ เราก็พร้อมที่จะหยุดทุกอย่างไว้ที่เธอคนนั้นเพียงคนเดียว และตอนนี้เราก็คิดว่าเราพบนางคนนั้นของเราแล้ว”หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ ไม่เป็นจังหวะ นาสเซอร์หมายถึงเธอใช่ไหม ‘ไม่นะมัดหวาย แกอย่าลืมซิว่าเขาหลอกลว
“ไม่ใช่หรอกมัดหมี่ ถ้าเพียงแค่ความต้องการของผู้ชายคนหนึ่ง ฉันว่าเขาไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก” ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่จับมือเล็กเรียวมาวางบนแผงอกกว้างตรงที่มีหัวใจกำลังเต้นอยู่“สิ่งที่ฉันทำด้วยความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจก็จริง แรกเริ่มมาจากเพียงแค่ความปรารถนาก็จริง แต่สิ่งหนึ่งนับจากวันแรกที่ฉันได้ครอบครองความบริสุทธิ์ของสาวน้อยคนนั้น มันเป็นคำสั่งมาจากหัวใจทั้งสิ้น” สองมือใหญ่จับรั้งใบหน้าขาวสวยให้จ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบ“ฉันอยากจะบอกให้มัดหมี่รู้เหมือนกัน ฉัน...รัก...มัดหมี่”ปิยาพัชรแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้าง หากว่าไม่ถูกจับรั้งไว้ศีรษะทุยคงจะส่ายบอกว่าไม่เชื่อและไม่จริง แต่คำพูดที่หนักแน่น ดวงตาที่มั่นคงดุจดังภูเขาหินที่ไม่อาจพังทลายลงมาได้ ไม่ว่าจะเจอพายุร้ายเพียงใดเป็นคำตอบที่ชัดเจน และที่สำคัญคือหัวใจของเธอมันก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดนั้นซะด้วยสองแขนเรียวโอบรอบกายแข็งแกร่ง “จริงๆ นะคะ คุณฟารฮานพูดจริงๆ นะคะ ไม่ได้หลอกให้มัดหมี่ดีใจเล่นนะคะ”“จริงซิ ฉันจะโกหกมัดหมี่ทำไมล่ะ เพราะรัก ฉันเลยต้องวางแผนการร้ายทุกอย่าง เพื่อส่งแม่สาวจอมหว
“แสดงว่าพวกนายรู้แผนการของเราทุกอย่างเลยใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงไม่ขัดขวางตั้งแต่ต้น”“เอาเป็นว่าฉันจะเล่าให้เธอฟังวันหลังนะ แต่วันนี้ขอฉันลงโทษคนที่ทำให้ใจเสียก่อนละกัน”ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง “เสียใจด้วยนะอินซอฟ เผอิญว่าวันนี้เครื่องซักผ้ามันดันเกิดแอ๊กซิเดนท์ ทำงานไม่ได้อ่ะ”จันฑีราหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ยิ่งได้เห็นใบหน้าเสียอารมณ์ของอินซอฟก็ยิ่งอยากแกล้งยั่วเย้าให้หนักขึ้นอีก แต่รู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เธอหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ย่อมจะต้องถูกเขาเอาคืนจนอาจจะลุกจากเตียงไม่ได้เพราะความเพลียมือเล็กจับแขนใหญ่วางยาวแนบไปกับพื้นเตียง พร้อมกับวางศีรษะลงไปนอนหนุน อีกมือก็จับแขนใหญ่มาพาดรอบเรือนกายเล็ก กายบางขยับจนแนบชิดกับเรือนกายใหญ่ นับจากวันนี้ชีวิตที่เคยมีเคยอยู่คนเดียวได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาเติมเต็มด้วยความรักและความอบอุ่น“ขอบใจนะอินซอฟที่รักฉัน เมื่อก่อนที่ฉันเคยทำร้ายและทำไม่ดีกับนายไว้ ขอให้นายยกโทษและให้อภัยฉันด้วยนะ ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้ฉันจะทำตัวดีๆ และรักนายให้มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำ
“จะไปไหนล่ะมัดหมี่...” แขนแข็งแกร่งสอดเข้าระหว่างเอวเล็กคอดและดึงเข้าหาตัว ศีรษะทุยโน้มลงกระซิบเบาๆ ข้างใบหูนุ่ม น้ำเสียงกึ่งกระเซ้าและยั่วเย้า“รู้ไหมว่าโทษของคนที่คิดหนีฉันน่ะมันร้ายแรงมากนะ”“ปล่อยน้องสาวฉันนะนายฟารฮาน” แม้จะห้อยต่องแต่งอยู่บนร่างสูงใหญ่ แต่กัญญาพัชรก็ไม่วายส่งเสียงแว้ดๆ ใส่ฟารฮาน สองมือยันแผ่นหลังกว้างเพื่อจะได้นำเอาตัวเองลงไปขัดขวาง“ฉันว่าเธอเอาตัวให้รอดพ้นจากพี่ชายฉันก่อนดีกว่านะมัดหวาย ก่อนที่จะมาช่วยเหลือคนอื่นเขาน่ะ” ฟารฮานตอบกลับด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ คิ้วคมเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูงเป็นจังหวะ“ไปกันเถอะมัดหมี่ เรามีเรื่องที่จะต้องคุยเหมือนกัน”“ว้าย!!” สองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายลอยขึ้นจากพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “ทำอะไรก็ไม่รู้คุณฟารฮานน่ะ”“ก็พาคนที่กล้าหนีฉันไปลงโทษไง” ใบหน้าคมโน้มลงจนจมูกโด่งคมประชิดติดแก้มนุ่ม“บ้า...” ปิยาพัชรส่งค้อนให้คนพูดวงโตด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงฟารฮานไม่ได้โกรธเคืองเธอแม้แต่น้อยนิด อาจมีน้อยใจบ้าง แต่ถ้าอธิบายให้ฟังเขาก็พร้อมที่จะเข้าใจ“โว้ย...ปล่อยฉันนะคนบ้า คนเฮ็งซวย ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็ง รัง
ยามราตรีที่ท้องฟ้ามีแสงดาวส่องนำทาง สามร่างเดินตามกันไปอย่างรีบเร่ง โดยมีร่างสูงโปร่งเดินนำและร่างบอบบางอีกสองร่างเดินตามไปติดๆ ศีรษะทุยสอดส่ายเหลียวซ้ายแลขวา ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ถึงแม้จะรู้ว่าคืนนี้นาสเซอร์ ฟารฮาน และอินซอฟกำลังอยู่ร่วมการประชุมในการกำหนดนโยบายของแคว้นว่าจะให้เดินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ แต่ใครจะรู้เล่าเกิดว่าคนหนึ่งคนใดเกิดสงสัยในพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ และกระซิบกระซาบที่เธอและน้องๆ ทั้งสองคนมีมีหลายครั้งที่ร่างโปร่งบางหยุดยืนและหันไปจะเอ่ยปากถามสองสาวที่ตามมาด้วยว่าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมที่จะตามเธอไปน่ะ แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยของสองสาวก็ทำให้พูดไม่ออก ใจจริงกัญญาพัชรไม่ได้อยากชวนปิยาพัชรและจันฑีราหนีไปด้วย แต่เพราะความเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของสองสาว ที่ไม่รู้ว่าจะต้องโดนหางเลขจากคนที่ไม่หวังดีด้วยเมื่อไหร่ มันก็ทำให้เธอต้องคะยั้นคะยอชักแม่น้ำทั้งห้าให้สองสาวเดินทางหลบหนีกลับบ้านด้วย อีกทั้งเมื่อน้องสาวทั้งสองคนรู้ว่าเธอจะหนีกลับ ทั้งสองก็ไม่ยอมให้เธอต้องเดินทางเพียงลำพังปิยาพัชรและจันฑีราเดินตามกัญญาพัชรไปด้วยใจที่เจ็บปวดและหวาดกลัว
“อ้าว...พี่มัดหวายหลับแล้วละแก” ปิยาพัชรที่เล่าเรื่องของตัวเองจ๋อยๆ ด้วยความดีใจและสุขล้นหยุดอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าลง เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่สาวฟังแทบทั้งหมด ยกเว้นเรื่องที่เธอตกเป็นของฟารฮานแล้วและเรื่องถูกปองร้ายหมายเอาชีวิต“ใจเย็นๆ นะแก ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานอินซอฟจะต้องหาคนที่คิดร้ายกับแกเจอ” จันฑีรายกมือขึ้นตบบ่ากว้างของเพื่อนรักเบาๆ เธอเองก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าปิยาพัชร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่ากัญญาพัชรมีอาการดีขึ้น ความเหนื่อยจากการเดินทางไกลก็เริ่มประท้วง ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าหาวหวอดๆ ดวงตาก็เริ่มที่จะหรี่ลง“ฉันไม่ไหวแล้วแก ขอนอนกอดพี่มัดหวายก่อนนะ” ร่างบอบบางคลานขึ้นไปบนเตียงนอนใหญ่ เอนตัวนอนแนบชิดร่างกัญญาพัชร“เฮ้ย...ไม่เอาซิแก ฉันนอนด้วย” ปิยาพัชรบอก เพราะเธอก็เหนื่อยและเพลียเหมือนกัน ร่างบอบบางรีบเอนตัวลงอิงแอบแนบซบกับร่างพี่สาว แขนเรียวยาวพาดไปโอบร่างโปร่งไว้ แต่ด้วยความไม่ระมัดระวังทำให้ปลายมือไปถูกเอาที่บาดแผล ทำให้คนที่หลับอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ และเจ็บปวดเล็กน้อย“ขอมัดหมี่นอนด้วยนะพี่มัดหวาย คิดถึง อยากนอนกอดพี่” ปิยาพัชรบอกเสียงหว
“ยานี่จะช่วยให้เจ้าดีขึ้นและหายดีในเร็ววันนะ” แม้จะไม่หมดทั้งถ้วยแต่ยาที่เข้าไปจะทำการขับพิษที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายกัญญาพัชรให้ออกมาอย่างช้าๆ และหมดในที่สุด มือใหญ่ปิดปากเรียวยาวไม่ให้หญิงสาวพ่นยากลับออกมาจนกว่ายาทั้งหมดจะหายเข้าไปในกาย“อือ...” สองมือเล็กเรียวยกขึ้นจิกทึ้งดึงมือใหญ่ออกจากใบหน้า เจ็บจนน้ำตาเล็ดออกมาจากกระบอกตากับเรี่ยวแรงที่ชายหนุ่มกดลงไป และยังฝืดๆ และเหม็นเน่ากับสิ่งที่ได้ไหลเข้าสู่ร่างกาย“อดทนนิดมัดหวาย อีกไม่นานเจ้าก็หายแล้วคนดี ยานี้จะเป็นยารักษาให้เจ้าหายจากอาการบาดเจ็บและพิษร้ายที่เข้าสู่ร่างกายนะคนดี”“พิษร้ายหรือเพคะ หมายความว่า...”“ใช่ คมมีดที่บาดลงไปในเนื้อของเจ้าอาบด้วยยาพิษร้ายแรง ถ้าเป็นเราอาจจะเพียงแค่หมดแรง จนกลายเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิตได้ แต่กับเจ้ามันทำให้เจ้าเกือบจะจากเราไปตลอดชีวิต...รู้ไหม”“แต่หม่อมฉันว่ามันก็คงดีกว่าตื่นมาเป็นตัวตลก เป็นผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งในสายตาของพระองค์ไม่ใช่หรือเพคะ” กัญญาพัชรเอ่ยถามอย่างน้อยอกน้อยใจ หลายครั้งที่เธอลืมตาตื่นมาแล้วก็มีเพียงแค่ความเงียบของห้อง และยังมีคนแปลกหน้าที่คอยทำอะไรกับร่างกายก็ไม่รู้ จับพ
“มัดหมี่ทำใจดีๆ และฟังฉันให้ดีนะ” ร่างหนานั่งลงหน้าปิยาพัชรด้วยร้อนรนกระวนกระวายใจและหวาดหวั่น กลัวหญิงสาวจะรับไม่ได้กับข่าวที่จะได้ยินต่อไปนี้ แต่ถึงจะกลัวเพียงใดเขาก็จำเป็นต้องบอกให้หญิงสาวได้รับรู้ สองมือใหญ่จับรั้งมือเล็กเรียวและบีบเบาๆ“ค่ะ มีอะไรหรือคะคุณฟารฮาน” หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเหลือเกิน แล้วเมื่อครู่อินซอฟที่เดินตามหลังมาติดๆ ก็มีสีหน้าไม่แตกต่างกันเลยสักนิด“เราต้องเดินทางไปแคว้นซัลจาร์บาเมียอย่างด่วนที่สุด”“อืม...ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่คะ คุณฟารฮานเป็นคนที่นั่น เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านก็ไม่เห็นแปลก”ปิยาพัชรตอบกลับ แม้จะใจหายๆ ที่ต้องจากชายหนุ่มไป แต่ก็เข้าใจว่ากัญญาพัชรอาจจะทำงานเสร็จแล้ว หรือไม่ฟารฮานก็ต้องเดินทางไปเพราะงาน แต่เขาจะต้องกลับมาอีก“ไม่ใช่อย่างนั้นนะมัดหมี่...มัดหวายบาดเจ็บ”“พะ...พี่มัดหวายบาดเจ็บ” สองมือเรียวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งยื่นไปจับแขนใหญ่และเขย่าแรงๆ“ตอนนี้พี่มัดหวายเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหน ใครเป็นคนทำ และบาดเจ็บได้ยังไง มีใครดูแลพี่มัดหวายอยู่” หญิงสาวถามยาวน้ำเสียงสั่นเทาน้ำตาอุ่นร้อนไหลอา
“แน่ใจหรือองค์ประมุขนาสเซอร์ ว่าพระองค์จะเอาชีวิตรอดจากคนของเราได้น่ะ ในเมื่อตอนนี้คนของเราล้อมสถานที่จัดงานในวันนี้ไว้หมดแล้ว” เจ้ากรมมหาดไทยเอ่ยถาม ถึงแม้แผนการที่วางไว้จะผิดพลาดไปบ้าง แต่ยังไงเขาก็ยังมีไม้ตายซ่อนอยู่และนาสเซอร์ก็คิดไม่ถึงแน่“ได้ซิท่านเจ้ากรมมหาดไทย” ชายหนุ่มที่เข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มหลายคนที่ถูกมัดและลากมาเป็นพรวน“ตอนนี้ข้างนอกนั้น คนที่ท่านวางไว้ถ้าไม่ตายก็หลบหนีไป บ้างก็ถูกจับอย่างเจ้าพวกนี้ไง” กาซิมเอ่ยพูดอย่างหัวเสีย เพราะคนที่หายไปบางคนจะเป็นตัวการใหญ่ๆ นับรองจากเจ้ากรมมหาดไทยและเจ้ากรมการคลังเลยทีเดียว แต่เขาก็ยังเชื่อว่าเจ้าพวกนั้นจะต้องคอยแอบซุ่มอยู่เพื่อที่จะทำให้แผนการสำเร็จลง อาจไม่ใช่วันนี้แต่ก็เชื่อว่าในไม่นานแน่ เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานไปเขาและทุกคนที่ยังจงรักภักดีจะต้องตามจับตัวมาลงโทษได้“นาสเซอร์ระวัง...” มือเรียวข้างหนึ่งผลักร่างหนาใหญ่ให้ออกห่างและเอาตัวเองเข้าไปรับปลายมีดแหลมคมที่พุ่งมาจากผู้หญิงร่างอวบอัดซึ่งยืนอยู่ในระยะกระชั้นชิดและอีกมือก็สวนหมัดหลุนๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะหันตัวหลบแล้วแต่ปลายมีดก็ยังถากแขนเรียวยาวไปแต่กัญญาพัชรก็ไม่มี