หลินซินแม้จะตกใจแต่ก็พยายามนิ่งเอาไว้ให้มากที่สุดเพราะนางเองก็ไม่ได้นึกว่าชายบำเรอที่เห็นแก่เงินคนนี้จะเข้าถึงคนอย่างฮองเฮาได้ แต่ดูจากท่าทีที่สั่นกลัวไปทั้งตัวและหน้าซีดไร้สีเลือดของสุ่ยเฉียนคง หลินซินก็พอจะเดาออกว่าที่อวี้หานพูดนั้นเป็นเรื่องจริง“จะพูด หรือจะให้ข้าตัดนิ้วของเจ้าออกมาก่อน”“อย่านะขอรับ!! แต่เรื่องนี้… หากว่าข่าวหลุดรอดออกไป”“ตอนนี้ฮองเฮาที่เจ้ากลัวนั่นถูกฝ่าบาทจับเข้าคุกหลวงโทษฐานปลอมแปลงราชโองการอดีตฮ่องเต้แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวว่านางจะมาทำร้ายเจ้าได้”“จริงหรือขอรับ ท่าน... ท่านมิได้โกหกข้าใช่หรือไม่”“ข้ายืนยันกับเจ้าได้ว่าราชครูจินมิได้โกหก เพราะว่าข้าอยู่ในเหตุการณ์”สุ่ยเฉียนคงดูท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองทั้งคู่ จื่อรุ่ยจึงค่อย ๆ เลื่อนดาบออกจากฝักเมื่อได้ยินเสียงสุ่ยเฉียนคงก็รีบสารภาพออกมาทันที“ข้าพูดแล้วขอรับ พูดแล้ว ๆ ฮองเฮาเมื่อทราบว่าองค์หญิงหกพาข้าเข้าวังก็สั่งให้คนมาสืบเรื่องราว เดิมทีก็เพื่อจะเอาผิดข้ากับองค์หญิง ข้าจึงรีบกราบทูลถึงพระประสงค์ขององค์หญิงฮองเฮาจึงได้สั่งให้ข้าไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักเต๋อหนิงอยู่สองครั้งขอรับ""เจ้าขายปิงซานให้น
มือของจินอวี้หานเอื้อมจนสุดปลายมือ เขาคว้าได้เพียงแค่ปลายเรือนผมของหงหลินซินก่อนที่นางจะเดินออกจากจวนเขาไปเท่านั้น ในตอนนี้เขาไม่มีหน้าจะตามนางไปอย่างที่พูดจริง ๆ เขาจะต้องจัดการเรื่องในใจของตัวเองก่อนที่จะไปพบนาง“จื่อรุ่ย”“ขอรับ”“ไปจวนเสนาบดีหลี่กับข้า”“คุณชาย ท่านไม่คิดว่านี่มันจะดูเป็นการไปเยือนที่หักไมตรีเกินไปหน่อยหรือขอรับ”“หากว่าเสนาบดีจะคิดว่าเป็นการหักไมตรีข้าก็คงทำอะไรไม่ได้แต่ข้าจะยอมปล่อยคนที่คิดจะฆ่าฮูหยินของข้าไปไม่ได้”“แต่ว่า… คุณหนูหลี่เป็นสตรีที่อยู่แต่ในจวนหากท่านไปพบเช่นนี้อาจจะมีข่าวลือได้นะขอรับ”“ข้าไม่สนใจข่าวลือ ที่ข้าสนคือความรู้สึกของหลินซินเพียงคนเดียว คนมากมายต้องการปลิดชีวิตนางข้าผู้เป็นสามีของนางจะอยู่เฉยทนดูได้หรือ ต่อให้หลี่ชิงเหมยเคยเป็นสหายหรือบุตรของเสนาบดีหลี่ที่เป็นขุนนางน้ำดี หากนางกล้าคิดจะแตะต้องหลินซิน ข้าก็จะไม่ปล่อยนางไป”“ท่านเชื่อที่สุ่ยเฉียนคงพูดหรือขอรับ”“จริงหรือไม่ข้าจะเป็นผู้ตัดสินเอง”“ขอรับ ข้าจะรีบไปเตรียมรถม้า”“อย่าลืมส่งคนของเราไปอารักขาท่านหญิงด้วย”“อิ้นจิงติดตามนางออกไปแล้วขอรับ”“อืม รีบไปข้าจะได้รีบตามนางไปที่จวนอ๋อง
ในตอนแรกที่เขาไม่อยากจะเชื่อคำของคณิกาชายผู้นั้นเป็นเพราะก่อนหน้านี้หลี่ชิงเหมยที่เขารู้จักเป็นสตรีที่เพียบพร้อมด้วยความรู้และมารยาท บิดาเป็นถึงมหาเสนาบดีเขาจึงคิดว่านางไม่น่าจะใจคอโหดร้ายถึงกระทั่งฆ่าคนตายได้แต่ดูเหมือนว่าหลี่ชิงเหมยจะไม่ได้คิดเช่นนั้น นางค่อย ๆ ลุกขึ้นมาและจับปลายมีดนั้นดึงออกและมองไปยังแผ่นหลังของบุรุษหนุ่มที่ครั้งหนึ่งนางเคยลุ่มหลงในตัวเขา“จินอวี้หาน ท่านช่างใจร้ายนักแต่คนอย่างข้าไม่มีทางยอมแพ้ หงหลินซินจะอยู่ก็ดีจะตายก็ช่างแต่ว่าท่านต้องเป็นของข้า ข้าจะทำให้ท่านรู้ว่าทั่วทั้งชิงโจวนี้ผู้ที่เหมาะสมกับท่านมีเพียงข้าหลี่ชิงเหมยคนนี้คนเดียว” จินอวี้หานเดินออกมาจากศาลาโดยมิได้หันไปมองหลี่ชิงเหมยอีกเลยแม้ว่าจะได้ยินเสียงร้องไห้ดังตามหลังก็ตาม ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคือหงหลินซินและจะไม่มีทางหวั่นไหวอีกแล้ว“คุณชาย”“ไปจวนท่านอ๋อง”“ขอรับ!”จวนท่านอ๋อง จินอวี้หานไปถึงจวนท่านอ๋องแล้วแต่สาวใช้ในจวนกลับแจ้งว่าท่านหญิงมิได้อยู่ข้างในซึ่งเขาคิดว่านางคงตั้งใจอยากหลบหน้าจึงไม่เชื่อที่สาวใช้พูด “ท่านราชครูเจ้าคะ ท่านหญิงไม่อยู่จริง ๆ เจ้าค่ะ”“นางไปที่ใดเหตุใดพว
อวี้หานยังจับมือของหลินซินเอาไว้แน่นแม้ว่าจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะคนตรงหน้านี้เป็นบุรุษหนุ่มรูปงามอีกหนึ่ง หลินซินหันมามองหน้าจินอวี้หานที่เพ่งมองไปที่อาจารย์ของนางซึ่งตอนนี้บุรุษในชุดสีขาวเดินเข้ามาคำนับทักทายเขา“ท่านคงจะเป็นราชครูจินอวี้หานผู้เลื่องชื่อผู้นั้น คู่หมั้นของท่านหญิงสินะ”“ท่านก็คือปรมาจารย์เต๋อหรานแห่งเขาจิงซู”“อวี้หาน ท่านรู้จักอาจารย์ของข้าด้วยงั้นหรือ”อวี้หานรีบคำนับให้ “เต๋อหราน” ยอดปรมาจารย์แห่งยุทธ ผู้ที่ไม่รับผู้ใดเป็นศิษย์ง่าย ๆ เขาเองเคยพบกับเต๋อหรานเพียงครั้งเดียว ครั้งนั้นเป็นวันที่เขาทราบเรื่องที่สกุลจินถูกฆ่า ในตอนนั้นอาจารย์เต๋อหรานไปเยือนที่สำนักศึกษา“ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท ไม่ทราบว่าพวกท่าน...”“ไม่เป็นไรข้าไม่ถือสา ข้าน้อยเต๋อหรานพึ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวง นี่คือศิษย์ของข้า เขาอาจจะเสียมารยาทไปบ้างแต่มิได้เป็น “ศัตรู” ของท่าน เขาเป็นศิษย์พี่ของเสี่ยวซิน"“ศิษย์พี่งั้นหรือ”จินอวี้หานมองไปยังสีหน้าเย่อหยิ่งของ “ต้าจื่อ” อีกครั้งที่กำลังยิ้มเหยียดให้กับเขา แต่ครั้งนี้จินอวี้หานกลับยอมคำนับให้เขาจนต้าจื่อตกใจแทบจะทำดาบหล่นจากมือ“ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท
จื่อรุ่ยได้แต่ทอดถอนใจ ในที่สุดราชครูจินผู้มุ่งมั่นแต่กฎระเบียบก็มีด้านอื่นที่น่าสนใจมากกว่าการแก้แค้นแล้ว อีกอย่างเรื่องที่สกุลหลี่ก็จัดการไปได้แล้วก็คงเหลือเพียงแผนการขั้นสุดท้ายเท่านั้น แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องจัดการเรื่องภายในให้เรียบร้อยเสียก่อนจวนท่านอ๋อง “โอ้โหเสี่ยวซิน คิดไม่ถึงเลยว่าจวนของเจ้าจะใหญ่โตขนาดนี้...”ต้าจื่อเดินพร้อมกับคำนับตอบให้กับสาวใช้ที่เดินมาคำนับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่คุ้นชินนัก แต่เพราะความหล่อของต้าจื่อและอาจารย์หนุ่มของท่านหญิงก็อดทำให้สตรีในจวนอ๋องครึกครื้นขึ้นมาไม่ได้“อาจารย์ท่านพักที่เรือนนี้เถอะ”“ขอบใจมาก ว่าแต่ท่านหญิงแล้วนี่ท่านอ๋องไม่เข้ามาที่จวนหรือ”“คือว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นท่านพ่อจึงไปพักในวังหลวงอยู่กับฝ่าบาทเจ้าค่ะ”“อืม เข้าใจแล้วเช่นนั้นก็ขอบใจเจ้ามาก”“อาจารย์ท่านกับพี่ต้าจื่อพักผ่อนไปก่อน ข้าจะไปสั่งให้คนทำอาหารรอเอาไว้ตอนเย็นค่อยคุยกัน”“ได้สิ”เมื่อส่งอาจารย์และต้าจื่อเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วหลินซินจึงได้เดินไปสั่งให้เนี่ยถงจัดแจงเรื่องอาหารและเตรียมเครื่องนอนชุดใหม่เพิ่มให้แขกพิเศษทั้งสอง เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นนางจึงได้ไ
เพียงจบประโยคจินอวี้หานก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป จมูกของเขาสุดกลิ่นหอมจากกายนางไปทุกที่ที่จมูกสันรูปงามจะเข้าถึง มือเริ่มปาดป่ายดึงผ้าห่มออกหลินซินเริ่มสั่นเพราะความหนาวแต่อีกไม่นานเขาก็จะทำให้นางไม่ต้องการมันอีกเพราะว่า "นางต้องเรียกร้องเพียงแต่เขาเท่านั้น" ดังนั้นผ้าห่มจะสำคัญไปกว่าผู้เป็นสามีไม่ได้“อื้อ.. อวี้หาน รักข้าเร็วเข้า อ๊ะ…”เพียงสัมผัสของปลายลิ้นที่แตะโดนปลายถันสีสด ร่องรอยรักที่ยังไม่ทันจางหายเขาก็กดซ้ำลงมาอีกหลายรอบจนกายสาวสะท้านเพราะความหนาวเย็น ไม่นานเขาก็โถมกายลงมาทาบเพื่อคลายหนาวให้นางอีกครั้ง“อุ่นหรือไม่”“กอดแน่นอีกนิด อวี้หานข้าต้องการท่าน”“ต้องการข้าแล้วหนีมาที่นี่ทำไม”“ข้าไม่ชอบให้ท่านทำสีหน้าเป็นห่วงสตรีอื่นต่อหน้าข้า ไม่ชอบให้ท่านรู้สึกไม่เชื่อว่าหลี่ชิงเหมยจะฆ่าข้า สายตาของท่านทำให้ข้าปวดใจยิ่งนัก”“ขอโทษด้วยหลินซินข้าไม่ได้ตั้งใจเพียงแค่คิดไม่ถึงเท่านั้นแต่ในใจข้านอกจากท่านแล้ว ไม่มีผู้อื่นอีกเรื่องนี้ข้าสาบานได้”“ข้าเชื่อท่านแล้ว”อวี้หานกดจูบหนักหน่วงแทนคำสัญญารักทั้งหมดซึ่งหลินซินเองก็รับรู้ ระหว่างทั้งคู่แทบจะไม่มีอะไรที่ขวางกั้นความรู้สึกได้ เพียงแค่
“เอ่อ ข้าหมายถึงเหตุใดเขาจึงมาเช้าตรู่ขนาดนี้ ช่างเถอะ ๆ ข้าออกไปเอง”“เจ้าค่ะ”หลินซินรีบเดินออกมาด้านนอกและพบกับราชครูตัวร้ายที่ยืนรอนางอยู่ที่สวนพร้อมกับองครักษ์ของเขา เมื่อหันมาเห็นนางก็ยิ้มอย่างยินดีซึ่งหลินซินรู้สึกอยากชกไปที่หน้าเขาสักที เหตุใดคนผู้นี้จึงยังมีแรงเดินคล่องถึงเพียงนี้อีกทั้งยังโผล่มาที่จวนนางตั้งแต่เช้าเช่นนี้ได้ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนนางแทบจะตายในอ้อมกอดของเขาอยู่แล้ว“หลินซินเมื่อคืน… หลับสนิทดีหรือไม่"“ท่าน…”หลินซินส่งยิ้มที่อาฆาตไปให้เขา ทั้งจื่อรุ่ยและเนี่ยถงรีบเดินถอยออกมาเมื่อราชครูจินเดินเข้ามาจับมือนางนั่งที่ศาลา“ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ข้ารีบมาก็เพื่อถามว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง”“ท่านยังกล้าถามข้าอีกหรือคนเช่นท่าน…”“คุณหนู แม้ว่าท่านราชครูจะโหดเหี้ยมกับคนอื่น ๆ ไม่เว้นแม้ว่าจะเป็นสตรี แต่กับท่านแล้วนับว่าราชครูจินอ่อนโยนและดูจะใส่ใจท่านมากเลยนะเจ้าคะ”เมื่อนึกไปถึงคำพูดของเนี่ยถงที่พูดก่อนจะออกมาจากห้องหลินซินก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายอารมณ์โมโหเอาไว้ได้ “เมื่อวานท่าน… ใจร้ายกับคุณหนูหลี่ไปเช่นนั้นไม่กลัวว่านางจะโกรธจนคิดหาทางเล่นงานท่านหรือ”จินอวี้หานหยิบผลไม้เชื่อมมา
ทั้งหมดคุกเข่าลงเพื่อถวายบังคมทั้งสองก่อนที่ฝ่าบาทจะสั่งให้ลุกขึ้นและประทับที่นั่งด้านหน้าโดยมีท่านอ๋องประทับอยู่ข้าง ๆ“เอาล่ะไม่ต้องมากพิธี ข้ากับหงชิงอ๋องรีบมาที่นี่ก็เพื่อมาฟังข่าวที่ราชครูจินเร่งส่งเข้าวังไป เกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง” พวกเขาใช้เวลาปรึกษากันเกือบครึ่งวันกว่าที่จะส่งฝ่าบาทเสด็จกลับเข้าวังหลวง ท่านอ๋องอยู่ปรึกษาเรื่องกองทัพต่อกับเต๋อหรานและจินอวี้หานต่อ หลินซินและต้าจื่อถูกสั่งให้ออกมาก่อนที่จะทราบแผนการที่เหลือ“อะไรกันเหตุใดข้าต้องออกมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าด้วยเล่าไม่เห็นยุติธรรมเลยสักนิด พวกเราก็มีความสามารถมากกว่าที่พวกเขาคิดนะ ดูถูกกันชัด ๆ”แม้ว่าหลินซินจะคิดเช่นเดียวกันกับต้าจื่อแต่นางก็เคารพความเห็นของอวี้หาน ในเมื่อนางเป็นฮูหยินของเขาย่อมต้องเชื่อฟังคำของสามีแม้ว่าจะยังไม่ได้แต่งงานกันครบถ้วนแต่เขาก็นับได้ว่าเป็นสามีของนางอย่างเต็มตัว“ท่านต้องเชื่อฟังทีข้าพูด ข้าไม่มีทางปล่อยท่านเอาไว้ข้างหลังแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของพวกเรา ข้ายังมีอีกหลายอย่างให้ท่านช่วย เพียงแต่แผนการนี้ข้ากับท่านอ๋องต้องใช้เวลาคิดและตัดสินใจ เชื่อใจข้านะหลินซิน”นางว่าไม่ช้าก็เร็วอวี้หานก็จ
ห้องอาบน้ำ “มาแล้ว ๆ อวี้หยวนเจ้าอย่าเล่นขี้โกงมานี่เลยยังไม่ได้ขัดหลังเดี๋ยวท่านแม่จะบ่นเอาได้นะมานี่เร็ว ๆ เข้าพ่อจะขัดหลังให้”“ท่านพ่อเบา ๆ ขอรับ แม่นมชอบใช้บวบนั่นมาขัดให้ข้ามันเจ็บมากแต่ข้าก็อดทน แม่นมหลงบอกว่ามันจะทำให้คราบไคลที่สกปรกออกไปได้”“แม่นมพูดถูกต้องแล้ว พ่อรับปากว่าจะทำเบา ๆ”“แต่ข้ารู้สึกว่าเวลาที่ท่านแม่อาบน้ำให้ข้าจะเบามือมากกว่านี้เยอะเลย ข้าอยากจะอาบน้ำกับท่านแม่อีกขอรับ”มือของอวี้หานชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองหน้าลูกชายที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำและลอยของเล่นในสระกว้างแต่ไม่ทันสังเกตแววตาตึงเครียดของบิดาที่มองมาที่เขา“เจ้า... เคยให้ท่านแม่อาบน้ำให้งั้นหรือ”“ขอรับ”“แล้วนางอาบกับเจ้านานหรือไม่”“ก็นานนะขอรับ”“แล้วแม่ของเจ้า…”“ท่านแม่ทำไมหรือขอรับ”“แม่ของเจ้าถอดชุดหรือไม่ตอนที่อาบน้ำให้เจ้า”“ถอดขอรับ นางสวมเพียงชั้นในและอาบน้ำให้ข้า”“ตอนไหน”“ก็ตอนที่ท่านพ่อไปประชุมในวังหลวง”“กี่ครั้ง”“ก็… บ่อยอยู่นะขอรับ ท่านพ่อ…ท่านถามเช่นนี้ทำไม โอ๊ย!!”“อวี้หยวน! เจ้าเป็นผู้ชายนับจากนี้ไปนอกจากแม่นมและข้าเจ้าห้ามอาบน้ำกับท่านแม่ของเจ้าอีกเข้าใจหรือไม่”“ทำไมเล่าข
ห้าเดือนถัดมา หงหลินซินคลอดลูกชายได้เกือบสองเดือนแล้วเมื่อท่านอ๋องส่งข่าวมาให้จินอวี้หานทราบว่ากำลังจะเดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหลวง ตอนนางคลอดจำได้ว่าองค์รัชทายาทกับพระชายามาเยี่ยมพร้อมกับมอบหยกประดับและดาบที่ทำจากทองเล็ก ๆ มามอบให้เป็นของรับขวัญหลานชาย“ไหน หลานข้าเล่าอยู่ที่ใด”“ท่านพ่อพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หลินซินกำลังให้นมอยู่ข้างใน”“งั้นหรือ เหนื่อยเจ้าแล้วนะอวี้หาน เห็นบอกว่าเจ้าตัวเล็ก “อวี้หยวน” ตัวแสบร้องกวนทั้งคืนแล้วยังไม่ยอมอยู่ห่างอกมารดาด้วยงั้นหรือ แม่นมสามคนก็เอาไม่อยู่ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“พ่ะย่ะค่ะติดแม่เอาเรื่องเหมือนกัน กว่าที่หลินซินจะได้พักก็ตอนที่อวี้หยวนหลับพ่ะย่ะค่ะ”“เลี้ยงยากเอาการเหมือนเจ้าเลยนะนี่ ตอนที่จินฮูหยินคลอดเจ้าออกมาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นหล่าจินน่ะต้องวิ่งเต้นหาหมอและแม่นมมาช่วยนาง เฮ้อ… มาตอนนี้ดูแล้วลูกชายจะได้เจ้ามาเต็ม ๆ เลยนะ เพราะตอนที่ซินเอ๋อร์คลอดนางแทบจะไม่กวนมารดาของนางเลย”“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าน่ะอยู่เห็นเจ้าคลอด ตอนนั้นเหล่าจินรีบกลับมาที่จวนเพราะทราบว่าฮูหยินคลอดบุตรชาย ตัวเจ้ากลมเหมือนแป้งทำขนม พวกเร
หลังจากเหตุการณ์ร้ายได้ผ่านพ้นไปกว่าสามเดือน ฝ่าบาทจึงได้แต่งตั้งองค์ชายสี่ “หมิงหรงผิงจวิ้น” ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งชิงโจว หลังจากนั้นก็เริ่มให้องค์รัชทายาทดูแลเรื่องราชกิจบ้านเมืองและมอบตราพยัคฆ์ซึ่งเดิมทีเป็นของแม่ทัพจ้าวหนานเซิ่ง กลับมาให้องค์รัชทายาทดูแล “พระชายาซ่างกวนฉินเลื่อนยศเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนแม่ทัพซ่างผู้เป็นบิดาก็เลื่อนยศเป็นแม่ทัพกององครักษ์เกราะขาวแทนองค์รัชทายาท”“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทรงลดบทบาทหน้าที่ลงไปมากแล้วสินะเจ้าคะ ท่านพี่แล้วท่านเล่าได้เลื่อนยศกับเขาด้วยหรือไม่”“ข้าน่ะหรือ ที่จริงก็อยากเป็นแค่ราชครูเช่นเดิมอยู่หรอกแต่ว่าฝ่าบาทกับท่านพ่อไม่ยอม ดังนั้นจึงต้องเป็นอัครมหาเสนาบดีแทนใต้เท้าหลี่ที่ขอลาออกไปใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านเกิด”“ใต้เท้าหลี่ ข้าได้ข่าวว่าเขานำเถ้ากระดูกของหลี่ชิงเหมยกลับซางโจวบ้านเกิดด้วยเห็นว่าจะพาไปฝังที่เดียวกับมารดาของนาง”“ใช่ ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวเล็กนี่ดิ้นเก่งไม่เบาเลย เมื่อคืนข้าลูบท้องเจ้าดูยังถูกเขาถีบตั้งหลายครั้ง ข้าสงสารเจ้าเหลือเกินแล้วฮูหยิน”“อีกไม่กี่เดือนก็คลอด ไม่เป็นไรเจ้าค่ะตอนนี้ท่านพ่อก็กลับไปที่หนานหย
จวนราชครู “อาจารย์ท่านจะมาตั้งสำนักอยู่ที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าก็ไม่เหงาแล้ว”“แน่นอนนี่เสี่ยวซิน ข้ากับอาจารย์ตกลงกับท่านอ๋องเอาไว้แล้ว จากเมืองหลวงถึงหนานหยางไม่ได้ไกลมากหากว่าเจ้าทะเลาะกับเจ้าศิษย์เขยนั่นเมื่อไหร่ข้าก็จะพาเจ้าหนีกลับหนานหยางได้ทันที”“อะแฮ่ม… พวกเจ้าเสียมารยาทจริง ๆ อาซินเจ้าต้องเข้าวังอีกมิใช่หรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ารออวี้หานอยู่เขาบอกว่าจะพาคนมาพบท่านเจ้าค่ะ”“ใครหรือเสี่ยวซิน”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นอย่างไรพวกเขามาแล้ว เอ๊ะ… สุ่ยเฉียนคงงั้นหรือ”“ใครหรือ”“เอ่อ…”จินอวี้หานและจื่อรุ่ยพาตัวสุ่ยเฉียนคงที่แต่งกายสุภาพด้วยชุดบัณฑิตสีขาวเดินตามพวกเขามาด้านหลัง สร้างความประหลาดใจให้กับหลินซินไม่น้อยเพราะจากนายบำเรอกลายเป็นบัณฑิตเช่นนี้ก็ทำให้สุ่ยเฉียนคงดูดีขึ้นไม่น้อย“นี่อาจารย์เต๋อหราน จากนี้ท่านรับปากว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์คอยช่วยดูแลสำนักที่เมืองหลวง”“ข้าน้อยสุ่ยเฉียนคงคารวะท่านอาจารย์เต๋อหราน จากนี้หากว่ามีสิ่งใดสั่งสอนหรือชี้แนะโปรดแนะนำได้เต็มที่ ศิษย์จะตั้งใจศึกษาวิถีแห่งปราชญ์และจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีกขอรับ”“อืม ดีแล้ว ดียิ่งนักต้าจื่
หลินซินถึงกับยืนไม่อยู่เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ จินอวี้หานรีบพยุงนางเอาไว้ทันทีแม้ว่าเขาเองก็จะตกใจไม่น้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน“อะไรนะ นางตั้งครรภ์หรือ”"ใช่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจแต่ว่าระหว่างทางนางจะอาเจียนอยู่หลายครั้งแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ แต่ข้าแยกไปที่อารามหย่งอันจึงได้ให้นางมากับพวกท่านแทนก็เลยไม่ทันได้บอก“ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำร้ายนาง…”“ไม่หลินซิน ท่านไม่ผิดอะไรเลยตลอดจนถึงตอนที่นางตัดสินใจบุตรในครรภ์ของนางยังปลอดภัยอยู่”“ใช่แล้วเสี่ยวซินเจ้าอย่าได้โทษตัวเองเป็นอันขาดนะ เรื่องนี้นางต่างหากที่คิดจะเอาชีวิตเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า”“ข้าจะพาท่านกลับไปพักที่จวน”หลินซินทำได้เพียงกอดรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อให้จินอวี้หานอุ้มนางกลับไปก่อนจะบอกลาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น อาจารย์และต้าจื่อตามท่านอ๋องกลับไปพักในวังตามคำสั่งของฝ่าบาทพร้อมกับเปิดตำหนักหลวงให้กับสำนักเทียนหลางได้พักผ่อนคืนนี้จวนราชครู “เหตุใดท่านพาข้ามาที่นี่”“ข้าจะพาท่านมาแช่น้ำอุ่นและจิบชาเพื่อผ่อนคลายกับเรื่องที่เจอ อีกอย่างจะได้ทำแผลให้ท่านด้วย”“แผลนี่น่ะหรือ ไม่ได้มากเท่าใดนักหรอกอวี้หานข้าควรจะรู้สึกเช่นไรดี”“เรื่องใดหรือ
ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปที่คุกหลวงแล้ว เหลือเพียงหลี่ชิงเหมยที่ถูกจับอยู่ในรถม้า เสนาบดีหลี่เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็ได้แต่คร่ำครวญเพราะนางบาดเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวของข้าล่ะนี่ ผู้ใดทำเจ้ากันเหมยเอ๋อร์”“นางเจ้าค่ะ… นางทำร้ายข้าเจ้าค่ะท่านพ่อ นางช่างร้ายกาจนัก ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ”เสนาบดีหลี่เซินหันไปมองหงหลินซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จินอวี้หานก็เริ่มทำให้เขาเกิดความโกรธขึ้นมา ซึ่งจินอวี้หานรู้ดีและรีบเดินออกมากันเขาเอาไว้“เจ้าหรือ เหตุใดต้องทำร้ายลูกสาวข้า นาง...”“เสนาบดีหลี่!! ฟังข้าพูดก่อนเถอะขอรับ”“ราชครูจิน ท่านคงมิได้เห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่คู่หมั้นท่านทำทุกเรื่องหรอกนะ ท่านรู้หรือไม่ว่าเพียงเท่านี้เหมยเอ๋อร์ก็ช้ำใจเพราะท่านมามากพอแล้ว”“ท่านเสนาบดีเองก็คงไม่ได้หลงเชื่อทุกสิ่งที่บุตรสาวท่านพูดโดยที่ไม่ฟังความจริงที่เกิดขึ้นหรอกกระมัง ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าคนเช่นข้าไม่เคยให้ร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะกับสตรีเช่นนาง”“ข้า…เอ่อ คือว่า…”“ท่านพ่อ!! อย่าไปเชื่อพวกเขา ราชครูจินเองก็ทำร้ายข้าด้วยเช่นกัน”“อะไรนะ ท่าน!”“คุณหนูหลี่เหตุใดท่านไม่พูดให้จบ
“องค์หญิงห้าปากดีเกินไปแล้ว ข้าน่ะหรือจะเป็นคนขี้ขลาดถึงเพียงนั้น”"จ้าวหนานเซิ่ง" พี่ชายของจ้าวเซี่ยจวินฮองเฮาเดินออกมาพร้อมกับรองแม่ทัพและหน่วยคุ้มกัน เมื่อเห็นว่าทั้งหมดถูกล้อมเอาไว้เขาจึงคิดแผนการใหม่ให้ล่าถอยออกไปเพื่อตั้งทัพใหม่เข้าวังหลวง“ไม่พบกันนาน นึกไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะทรงตั้งท่านให้ขึ้นมาคุมกองทัพองครักษ์ป้ายทองจริง ๆ”“เฮ้อ.. ท่านเองก็โง่ดักดานอยู่เมืองใต้เสียนาน แม้ว่าจะแจ้งความผิดของน้องสาวท่านไปแล้วก็ยังไม่ยอมรับ ยังหาว่าเสด็จพ่อกลั่นแกล้งนาง ทั้ง ๆ ที่นางจิตใจเหี้ยมโหด หลายปีมานี้ก็สั่งฆ่าคนไปไม่น้อย ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่เคยสำนึกเลยสินะ”“คนที่สมควรตายก็ต้องตาย มีเรื่องอันใดไม่สมเหตุผลกันเล่าองค์หญิง ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ท่านรู้กฎข้อนี้ดีนี่”“เพราะข้ารู้ถึงได้มาล้อมพวกเจ้าเอาไว้ที่นี่”“ฮ่า ๆ ๆ ดูท่าว่าจะเสียแรงเปล่าแล้วล่ะองค์หญิง แม้ว่าจะหยุดยั้งกองทัพของข้าได้ แต่จะหยุดกองทัพที่เหลือของสกุลจ้าวที่มุ่งหน้าเข้าวังหลวงได้เช่นไรกัน”“ท่านหมายถึงกองทัพที่กลับออกไปทางอารามหย่งอันงั้นหรือ เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่าแผนการของท่านไม่สำเร็จเสียแล้ว”“เจ้า!!… ราชครูจิน จินอว
หงหลินซินนั่งนิ่งเมื่อหันไปมองสายตาที่ตื่นกลัวแต่ยังกล้าข่มขู่นางอยู่ด้านใน “เจ้าแน่ใจหรือคุณหนูหลี่ว่าจะฆ่าข้าได้”“พรึด!”“โอ๊ย!!”มีดคมกริบพาดไปที่แขนของหลินซินจนเป็นรอย เลือดค่อย ๆ เริ่มไหลออกมาทีละนิด หลี่ชิงเหมยราวกับคนเสียสติเมื่อหันมามองนาง“ทีนี้เจ้ายังกล้าถามอยู่หรือไม่ว่าข้ากล้าแทงเจ้าหรือเปล่า”“เหตุใดเจ้าต้องกลัวลนลานเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพวกเราจะชนะ… ครั้งนี้เป็นแผนการของเจ้ากับองค์ชายสามสินะ”“เจ้าหุบปากนะ!!”“หึ ดูเหมือนว่าข้าจะเดาถูกเสียด้วยสินะ เจ้าร่วมกับองค์ชายสามแสดงละครตบตาคน แสร้งว่าโดนจับไปกองทัพของศัตรูหลอกให้จินอวี้หานพาตัวข้ามาแลกเปลี่ยน พอได้โอกาสก็จะสังหารแต่จินอวี้หานกลับเลือกที่จะปกป้องข้าและทำร้ายเจ้า แผนการของเจ้าจึงไม่สำเร็จดังนั้นจึงได้แค้นข้ามาก”“เจ้าหุบปากไปนะ!! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงให้เขาปกป้อง เขาเลือกข้าและพาเจ้ามามอบให้กับศัตรูเจ้ายังโง่เชื่อเขาอยู่งั้นหรือ นี่เจ้ามันโง่จริง ๆ ใช่หรือไม่”“เฮ้อ… หลี่ชิงเหมย คนที่โง่่คือเจ้าต่างหาก”“ฮ่า ๆ ๆ เจ้ามันโง่จริง ๆ หงหลินซิน โง่จนไม่รู้อะไรเลย”“ข้าน่ะหรือ ต่อให้ข้าโง่ก็ยังมีคนที่พร้อมจะปกป้องข้า จิน
“ที่ท่านบอกว่าจะติดตามโดยที่มิให้พวกเขาจับได้ คือแบบนี้น่ะหรือ ท่านแน่ใจแล้วหรือ”“แม้แต่ท่านยังมองไม่ออก เจ้าพวกโง่พวกนั้นก็อย่าหวังจับข้าได้เลย อีกอย่างเจ้าน่ะหลีกไป”“คุณชาย ท่าน…”“เนี่ยถงเจ้าอยู่ที่นี่ข้าจะไปกับต้าจื่อ หากมีเจ้าไปด้วยพวกเขาจะสงสัยและเปรียบเทียบได้”“คุณหนูแต่ว่า…”“เชื่อนางเถอะ ต้าจื่อนี่พลุสัญญาณ”“ขอรับอาจารย์ ว่าแต่คนของสำนักเทียนหลางเตรียมพร้อมแล้วหรือขอรับ”“พวกเขาจะรออยู่ด้านนอกเมืองเพื่อมิให้เป็นที่สนใจ ไม่ต้องห่วงเมื่อถึงเวลาแค่เจ้าจุดพลุสัญญาณนี้ก็ใช้ได้แล้ว”“ทราบแล้วขอรับ เสี่ยวซินไปกันเถอะ”จินอวี้หานพยุงหลินซินขึ้นบนรถม้า นางถือผ้าคลุมหน้าลายดอกเหมยที่เขาซื้อให้ครั้งก่อนมาด้วยและผูกเอาไว้ก่อนที่จะหันมามองหน้าอวี้หาน“ท่านแปลกใจอันใด”“ข้าคิดว่าท่านทิ้งมันไปแล้วเสียอีก ผ้านั่น...”“ท่านตั้งใจซื้อให้ข้า แม้ครั้งหนึ่งมันจะเคยถูกข้าหลวงซานเอามาอุดปากข้าแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นผ้าผูกหน้าที่ข้าชอบมากที่สุด คนทั่วเมืองหลวงรู้ว่าข้าขี้โรค ดังนั้นเพื่อความสมจริงครั้งนี้ก็คงต้องใช้สักหน่อย”“ข้า…”“ดูท่านทำหน้าเข้าสิ ท่านมิได้ส่งข้าไปตายเสียหน่อย ครั้งนี้หากท่าน