“หิวหรือยัง” เสียงทุ้มกระซิบถามอยู่ใกล้ๆทำให้เพียงขวัญกะพริบตาถี่ๆแล้วค่อยลืมขึ้น รอยยิ้มกรุ้มกริ่มและแววตาล้อเลียนของคนปลุกทำให้หญิงสาวหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“ยังไม่หิวค่ะ” ร่างบางขยับตัวด้วยความเมื่อยขบ จำได้ลางๆว่าครั้งสุดท้ายที่เขาป้อนเปรอความสุขหวานล้ำให้เกิดขึ้นในห้องน้ำ ในตอนที่เขาพยายามทำตัวเป็นคนดีอาบน้ำอาบท่าให้เธอ หลังจากที่จัดการกินเธอต่อจากมื้อเช้า
“ยังไม่หิวได้ยังไง นี่มันบ่ายสองแล้วนะ” เหมันต์เอ่ยเสียงเข้ม ร่างใหญ่นั่งลงข้างคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา เขาสอดมือลงใต้ผ้าห่ม แล้วดึงร่างของหญิงสาวให้ลุกขึ้นนั่งอย่างง่ายดาย
“อุ๊ย! คุณเหม” เพียงขวัญดิ้นยุกยิก ไม่อยากเข้าใกล้คนเอาแต่ใจเลย อยู่ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้ หัวใจเธอเต้นรัวจังหวะแปลกๆ
“ไปกินข้าวกันเถอะ ผมเตรียมอาหารไว้แล้ว” นัยน์ตาคมดุจ้องมองใบหน้านวล กำราบให้เธอต้องอยู่นิ่งๆ
“ก็ขวัญบอกแล้วไงว่ายังไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน อย่าดื้อ ผมไม่ชอบ” เพียงขวัญสะบัดค้อนน้อยๆให้ ก่อนจะเคลื่อนตัวไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงกว้าง แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ไม่ยอมเหลียวหลังไปมองคนตัวโตที่นั่งมองตาม
เสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินขนาดพอดีตัว พร้อมกับหมวกไม้ไผ่สานมาให้เธอ เหมันต์ออกจากบ้านไปที่แปลงนาแต่เช้ามืด หญิงสาวรู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้น เมื่อหื่นตัวพ่อไม่อยู่บ้าน“คนเยอะจังเลย” เพียงขวัญรำพึงขึ้นมา หลังจากนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ที่มีเด็กสาวแก้วใจเป็นคนขับมาถึงแปลงนา เธอไม่คิดว่าจะมีการเตรียมงานใหญ่โตขนาดนี้ ชาวบ้านมารวมตัวกันเป็นร้อย มีเวทีหมอลำขนาดเล็กตั้งอยู่ใกล้ๆแปลงนาด้วย“อย่างนี้ทุกปีแหละค่ะ งานลงแขกเกี่ยวข้าวนาพี่เหมใครๆก็อยากมา อาหารฟรี ดนตรีหมอลำเพราะ เจ้าของนาก็ล้อหล่อ” แก้วใจพูดจบก็ทำหน้าเพ้อฝัน เพียงขวัญหัวเราะกับท่าทางของเด็กสาว“หล่อเท่าคนนั้นมั้ย” หญิงสาวพยักพเยิดไปทางบดินทร์ที่กำลังเดินเข้ามาหา ใบหน้าแก้วใจขึ้นสีแดงแปร๊ดเมื่อถูกล้อ“พี่ขวัญอ่ะ” เด็กสาวกำมือบิดไปมาก้มหน้าอาย“นายกอบต.กำลังจะกล่าวเปิดงานแล้ว เร็วเถอะสาวๆ” บดินทร์ยิ้มให้สองสาวต่างวัยทั้งสอง แต่ยิ้มอย่างมีความหมายให้เด็กสาวที่ยืนหน้าแดงเพราะถูกแซว เพียงขวัญรู้สึกตัวเหมือนเป็นคนนอก หญิงสาวพอดูออกว่าบดินทร์กับแก้วใจน่าจะเป็นมากกว่าคนรู้จัก จึงขอตัวเดินเลี่ยงไปทางแปลงนา
“นาของผมไม่ต้องให้ใครมาเชิญ แล้วก็นี่มีเมียผม ไม่ต้องให้ใครมาดูแลเหมือนกัน ผมดูแลเองได้” คนหวงเมียโอบเอาบ่าบอบบางพาเดินไปยังแปลงมา ปล่อยให้คนที่ถูกโวยมองตามด้วยแววตาเกรงๆ ตอนแรกก็ยอมรับว่าพึงพอใจในตัวของเพียงขวัญ ก็ลองหยอดไปเผื่อฟลุค แต่เห็นท่าทางหวงเมียของเหมันต์แล้ว เห็นทีเขาคงจะไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงกับคนขี้หวงเป็นแน่ ชีวิตนี้ยังมีความสำราญรอเขาอีกเยอะ“คุณเหมพูดไม่ดีเลย คนนิสัยเสีย” เพียงขวัญขยับปากพูดเบาๆ ขณะที่ยิ้มให้กับหลายคนที่ทักทายเหมันต์และเธอระหว่างที่เดินไปตามทางไปยังแปลงนา“ใครมันจะนิสัยดีเหมือนไอ้ปลัดหน้าหล่อนั่นล่ะ พูดเพราะ อ่อนหวาน สุภาพบุรุษ” ชายหนุ่มกัดฟันกระซิบกลับคืนไปบ้าง สลับกับแจกยิ้มให้กับผู้คนไปทั่ว“ขวัญไม่พูดกับคุณแล้ว คนพาล” ร่างเล็กพยายามเบี่ยงตัวออกจากการโอบกอดของเขา แต่คนเอาแต่ใจอย่างเหมันต์ไม่ยอมปล่อยให้เธอทำได้ดั่งใจ เขายังโอบร่างบางเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงแปลงนาประธานในพิธี กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านกำลังรอเขาอยู่ เมื่อทุกคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานเตรียมพร้อมจึงมีเสียงยิงปืนขึ้นฟ้า เป็นสัญญาณให้เริ่มลงมือเกี่ยวข้าวได้
คนถูกนวดปล่อยกายปล่อยใจไปกับสัมผัสหนักเบา เคลิบเคลิ้มจนใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราเต็มที จึงไม่ได้นำพากับความร้อนผ่าวของมือใหญ่ที่สอดหายผ่านชายเสื้อยืดของตน กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำเมื่อความร้อนนั้นแนบอยู่กับผิวเนื้อ เพราะมันมาพร้อมกับสัมผัสหนักเบาชวนผ่อนคลาย เสื้อยืดตัวสวยจึงถูกเลิกขึ้นสูงจนเปิดเปลือยแผ่นหลังเนียนขาว เหมันต์ใช้นิ้วคลึงช่วงเอวคอดและเลื่อนสูงขึ้นไปตามแผ่นหลัง จนกระทั่งถึงตะขอเสื้อชั้นในสีหวาน นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ก็บีบเบาๆ ปลดปล่อยความอวบหยุ่นที่เขารู้ดีว่าเต็มไม้เต็มมือแค่ไหน แต่ช่างน่าสงสารนักที่มันถูกทาบทับไว้ อยากจะพลิกกายนุ่มให้นอนหงายแล้วบีบคลึงปลอบประโลมเหลือเกิน“อืม...” ปากเล็กสีเรื่อพึมพำ พร้อมกับร่างสาวที่ขยับเล็กน้อย ลมหายใจถูกระบายออกมาเบาๆอย่างมีความสุข เหมันต์ยิ้มให้กับอาการของหญิงสาว“เดี๋ยวจะนวดให้ทั่วตัวเลย อยู่นิ่งๆนะ” ใบหน้าหล่อเหลาเจ้าเล่ห์ก้มลงกระซิบบอกเบาๆ ซึ่งหากหญิงสาวได้เห็นใบหน้าของเขาในตอนนี้ เพียงขวัญจะไม่มีวันพยักหน้ารับอย่างนี้แน่นอนกางเกงผ้ายืดขาสั้นถูกถอดร่นออกอย่างเบามือ โดยที่เจ้าของให้ความร่วมมือยกขยับสะโพกเปิดทางให้โ
“หวานที่สุด” ชายหนุ่มพูดเมื่อใบหน้าของเขาอยู่ห่างใบหน้าของหญิงสาวไม่ถึงคืบ“ขวัญเมื่อยอยู่นะคะ” หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบปากที่กดลงมาหวังเพื่อจะจูบเธออย่างรู้ทัน ริมฝีปากหยักจงพลาดเป้ากดลงบนแก้มเนียนใสแทน“ก็กำลังจะทำให้หายเมื่อยอยู่นี่ไง” เหมันต์ไล้จมูกโด่งไปบนพวงแก้มหอมกรุ่น ลากลงต่ำไปตามลำคอระหง มือหนาลูบไล้กายสาวปลุกเร้าเอาแต่ใจ“มีแต่จะเมื่อยกว่าเดิมสิไม่ว่า คนขี้เอาเปรียบ” หญิงสาวว่างอนๆ“ก็บอกว่าจะนวดให้ทั้งตัวไง เอาเปรียบที่ไหนกันเล่า” เหมันต์ผงกศีรษะขึ้นมองสบตาคนช่างว่า“ก็กำลังทำอยู่นี่ไงคะ คุณเหมกำลังเอาเปรียบขวัญอยู่นะ”“ถ้าจะมีใครสักคนเอาเปรียบ ผมว่าน่าจะเป็นคนที่เพิ่งครางเสียงหวานๆไปเมื่อกี้มากกว่านะ”“คุณเหม! ขวัญไม่พูดกับคุณแล้ว” เพียงขวัญเขินอายหน้าแดงก่ำ หญิงสาวพลิกกายนอนตะแคงให้เขา“อุ๊ย!” หากแต่คนที่อยากจะนวดให้ทั้งตัวกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วรีบทอดกายนอนซ้อนหลัง“อยากเล่นท่าอื่นก็ไม่บอก” เพียงขวัญอยากจะกรีดร้องเสียงดังๆ นี่เขาคิดว่าเธออ่อยหรือยังไงนะ หญิงสาวจึงต้องรีบบอกเขาเสียงอ่อน หวังเพียงความเห็นใจ จากคน
“ไปกันเถอะ” ร่างสูงใหญ่จูงมือเล็กเดินเร็วตรงไปยังรถ เพียงขวัญก้าวเดินเร็วจนเกือบจะเป็นวิ่ง อารมณ์ตื่นเต้นดีใจที่เขาจะพาไปพบมารดาของเขาหายไปเกือบครึ่ง เขาแกล้งหรือไม่รู้จริงๆว่าเธอขาสั้นกว่าเขามาก หญิงสาวยู่ปากใส่คนที่เธอกำลังวิ่งตามจนแทบหัวคะมำ แต่เขาก็ยังไม่สนใจที่จะผ่อนปรนความเร็ว รอยยิ้มขำเวลาชำเลืองมาเห็นเธอกระหืดกระหอบวิ่งตามนั้นน่าหมั่นไส้ที่สุด อยากจะตะกรุยหน้าหล่อๆที่แก้วใจบอกว่าผู้หญิงค่อนครึ่งเมืองหลงใหลอยากได้เป็นสามีนัก ผู้หญิงครึ่งค่อนเมืองนี้มาหลงใหลคนพรรค์นี้ได้อย่างไรนะ พวกนั้นไม่รู้หรือไงว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายขี้แกล้ง และขี้เอา...แต่ใจ“แม่ดีใจนะที่ได้หนูขวัญมาเป็นเอ่อ...มาเป็นลูกสะใภ้” คุณสายฝนพอทราบเรื่องราวที่มาที่ไปของเพียงขวัญมาบ้างจากคนสนิทของลูกชาย ผู้สูงวัยรู้ว่าหญิงสาวมาอยู่กับลูกชายเพื่อแลกเปลี่ยนกับหนี้ก้อนโต หนี้ที่บิดาของเพียงขวัญหยิบยืมไปจากสามีผู้วายชนม์ไปแล้วของท่าน“ค่ะ” เพียงขวัญยิ้มจืดเจื่อน ลูกสะใภ้งั้นเหรอ เธอก็แค่ผู้หญิงที่ทดแทนบุญคุณของพ่อแม่บุญธรรม โดยการเอาอนาคตทั้งหมดมาทิ้งไว้ที่นี่ หากเหมันต์รู้ความจริงว่าเธอไม่ใช่
“ไม่เป็นไรนะหนูขวัญ พี่เขาเป็นคนปากร้ายใจดี คืนนี้นอนค้างที่นี่แหละ ยังไงวันนี้ตาเหมก็ไม่ได้พาหนูกลับไปที่บ้านสวนหรอก” คุณสายฝนรู้ว่าสายที่เรียกเข้ามานั้นคือสายจากคนสนิทของลูกชาย วันนี้มีประชุมสรุปปัญหาเรื่องเครนเอียงที่ตกเป็นข่าวไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งกว่าจะประชุมสรุปกันเสร็จก็คงดึกดื่น นี่ก็คงเพราะเป็นห่วงยายหนูขวัญ ไม่กล้าทิ้งให้อยู่ที่บ้านสวนคนเดียวจึงพามาด้วย เห็นว่าพามาเที่ยวแต่เช้าเสียด้วย คนเป็นแม่มองปราดเดียวก็เดาทางลูกชายออกแล้ว ไม่ได้แค่ห่วงหรอกทั้งรักทั้งหลงด้วยเลยมั้งนั่น วาจาร้ายๆที่พ่นออกมาก็หวังเพื่อเรียกร้องความสนใจจากสาวเจ้าเท่านั้นเอง“เอ่อ...แต่คุณเหม”“ไม่มีแต่จ้ะ บ้านหลังนี้เป็นของแม่ แม่มีสิทธิ์จะให้ใครอยู่ด้วยก็ได้ คืนนี้นอนที่นี่นะจ๊ะ”“ค่ะ” เพียงขวัญรับคำเบาแผ่ว หญิงสาวยิ้มบางให้ผู้สูงวัย แววตาเอื้ออาทรอ่อนโยนที่มองมาทำให้เธออบอุ่นหัวใจอย่างประหลาดเหมันต์ออกจากบ้านไปตั้งแต่คุยโทรศัพท์เสร็จ จนป่านนี้เกือบสี่ทุ่มแล้วเขาก็ยังไม่กลับเข้ามา เพียงขวัญพลิกกายไปมาบนเตียงนอนกว้าง ร่างบางสวมเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเดียวซึ่งเป็นของ
“เรื่องอะไรจะเปิดให้ นอนคนเดียวไปเถอะ” ร่างเล็กเอนกายลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตลอดตั้งแต่ปลายเท้าถึงศีรษะ แล้วอุดหูทั้งสองข้างไว้ เพราะไม่อยากได้ยินเสียงของคนขี้เอา...แต่ใจ“ก็ได้...อยากจะลองดีกับผมใช่มั้ย” เหมันต์โมโหที่คนอยู่ในห้องไม่ยอมเปิดประตูให้ ชายหนุ่มมองบานประตูอย่างคาดโทษ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางห้องของตนเสียงคาดโทษหายไปเพียงครู่เดียว ก็มีเสียงกุกกักดังอยู่ที่ประตู เพียงขวัญรีบลุกขึ้นนั่ง ตามองไปที่ประตูอย่างระแวดระวัง แล้วก็ต้องตกใจตาเบิกกว้าง เมื่อประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออก โดยมีร่างใหญ่ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น หญิงสาวลนลานลงจากเตียง รีบวิ่งไปยังประตูห้องน้ำ รู้แหละว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาอยู่ในโหมดโมโหจัด ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้เธอต้องพาตัวเองให้อยู่ห่างเขามากที่สุด“จะไปไหน” เสียงถามคำรามชิดใบหูเล็ก ร่างบางถูกรวบเอวคอดไว้แน่น ก่อนที่จะถูกยกลอยหวือขึ้นพาดบ่าแกร่ง โดยไม่ทันได้ก้าวไปไหนด้วยซ้ำ“ว้าย! คุณเหมปล่อยขวัญนะ” คนถูกอุ้มพาดบ่าศีรษะห้องต่องแต่งระดมทุบแผ่นหลังกว้างไม่ยั้ง ปากก็ร้องโวยวายให้เขาปล่อยเธอลง หัวใจสาววูบไหว หวาดกลัวว่าเขาจะทำอ
“เพียงขวัญ...ผมถาม” คราวนี้เหมันต์ถามพร้อมกับกระตุกเอาร่างบางมานั่งบนตักแกร่งของตน คนที่ไม่ทันระวังตัวจึงหงายหลังเอนกายไปบนตักของเขา โดยมีท่อนแขนแข็งแรงคอยพยุงรับไว้อย่างพอดิบพอดี“ว่าไง...โกรธเหรอ” เสียงทุ้มอ้อนถาม เพียงขวัญรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ดวงตาคมปลาบที่มองมามีแววสำนึกผิดอยู่ในนั้น“เปล่านี่คะ” หญิงสาวตอบเสียงเบาแผ่ว ขยับกายลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ยังนั่งอยู่บนตักของคนขี้เอา...แต่ใจอยู่ดี เขาไม่ยอมปล่อยเธอ“ไม่โกรธแล้วหนีไปนอนห้องอื่นทำไม” เหมันต์กอดกระชับเอาร่างนุ่มนิ่มแนบอก จูบซับที่เรือนผมหอมกรุ่นเบาๆ“ขวัญไม่รู้หรอกค่ะว่าห้องไหนเป็นห้องที่ขวัญนอนได้ ห้องไหนเป็นห้องอื่น ที่นี่ไม่ใช่บ้านขวัญนี่คะ คุณแม่บอกให้นอนห้องไหนขวัญก็นอนห้องนั้น”“ช่างยอกย้อน”“คนเอาแต่ใจ”“เพิ่งรู้ว่ามีเมียปากดี”“ก็แค่เมียเล่นๆ ไม่ต้องใส่ใจก็ได้นี่คะ” ความน้อยใจที่เขาวางเธอให้อยู่ในตำแหน่งเมียเล่นๆ ทำให้เพียงขวัญพูดในสิ่งที่คิดอยู่ออกมา“โกรธจริงๆด้วย”“เอ๊ะ! ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ” ใบหน้าเนียนสบตาคมเข้มอย่างไม่ยอมรับกับสิ่งที่
“พี่แดน!” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงอน จนเผลอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มบูดบึ้งจนน่าขำ“ดูทำหน้าสิ ไม่น่ารักเลย”“ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารัก พี่แดนอยากมาหัวเราะพี่ข้าวก่อนทำไม” บุรินทร์วางจอบที่แบกไว้บนบ่าลง แล้วกอดอกพิงหลังกับต้นทองกวาว ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีหม่น กางเกงยีนส์สีซีดกับรองเท้าบูธสีดำ โดยมีผ้าขาวม้าคาดเอวไว้ด้วย เพราะเขาถือว่ามันเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ต้องคาดติดเอวไว้ตลอดเวลา“พี่ไม่ได้หัวเราะพี่ข้าวสักหน่อย พี่หัวเราะไอ้หน้าแหลมโน่น” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปยังควายเพศผู้ที่และเล็มหญ้าอยู่ไม่ไกล ไอ้หน้าแหลมเป็นควายที่บุรินทร์รับซื้อมาตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าของเดิมเป็นชาวบ้านแถวนี้ขอร้องให้เขารับซื้อมันไว้เพราะเดือดร้อนเงิน ชายหนุ่มจึงรับซื้อไว้ด้วยความสงสาร และเลี้ยงมันมาจนโต“ไอ้หน้าแหลมมันจะทำอะไรให้พี่แดนหัวเราะได้ ในเมื่อมันก้มหน้าก้มตากินหญ้าอยู่อย่างเดียว”“อ้าว! ก็พี่ข้าวมัวแต่เซลฟี่อยู่ไง ก็เลยไม่เห็น ควายอะไรไม่รู้กินหญ้าอยู่ดีๆก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตัวเดียว เดี๋ยวก็ทำแก้มป่อง เดี๋ยวก็ขยิบ
“แก้วจ๋า” คนไม่อยากนอนเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน“พ่อง่วง เลิกคุยกันเสียที” หนุ่มสาวสะดุ้งจ้องมองตากันในความมืด ทำได้แค่เพียงนอนจับมือกันไว้แค่นั้น เข้าหอคืนแรกก็โดนพ่อตากันท่าซะแล้ว แล้วคืนพรุ่งนี้ และคืนต่อๆไปล่ะ ถ้าพ่อตาเข้ามานอนด้วยทุกคืน เขาจะทำเช่นไร บดินทร์อยากจะกรีดร้อง มันแน่นอกมากปังๆๆ เสียงทุบประตูยามดึกสงัดดังจนคนทั้งสามสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง บดินทร์ลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที“พี่กำนัน! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” กำนันเกื้อเหลียวหน้าเหลียวหลัง ก็นึกว่าเมียหลับแล้ว เลยแอบย่องออกมาเป็นไม้กันหมาให้ลูกสาว คนเกรงใจเมียหน้าซีดเผือด“พี่กำนันจะออกมาดีๆ หรือออกมาด้วยน้ำตา” เสียงตวาดแหวถามเข้ามาทำเอากำนันเกื้อสะดุ้งโหยง“พ่อดิน พ่อลูกเขยคนดี พ่อยอดขมองอิ่มของพ่อ ช่วยบอกแม่ติ๋มให้ทีว่าพ่อหลับแล้ว แล้วก็อย่าเปิดประตูนะ” บดินทร์สบสายตาเว้าวอนของพ่อตา ชายหนุ่มมีสีหน้าเห็นใจ“ได้ครับพ่อตา” ร่างสูงเดินไปใกล้ประตูแล้วเอ่ยเสียงดังให้ได้ยินทั้งคนข้างนอกข้างใน“แม่ติ๋มครับ พ่อตาให้บอกว่าพ่อตาหลับแล้วครับ” กำนันเกื้อถึงกับสะดุ้ง มองหน้าลูกเขยด้วยความแค้นใจ
“แดนมาก็ดีเหมือนกัน พี่ขวัญฝากให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ข้าวแป๊บหนึ่งนะคะ พี่ขวัญจะพาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถ นี่เริ่มงอแงแล้ว สงสัยจะหิวนม” เด็กหนุ่มยิ้มบาง“ครับ”“พี่ข้าวอยู่กับพี่แดนก่อนนะลูก คุณแม่พาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถแป๊บเดียวนะคะ”“ค่า” เด็กหญิงตอบรับเสียงสดใสเมื่ออยู่ลำพังสองคน บดินทร์ขยับเข้าใกล้ไกวชิงช้าเบาๆ เด็กหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน“พี่แดนค้า ไกวชิงช้าแรงๆหน่อยสิค้า พี่ข้าวอยากไกวแรงๆ”“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวตก” เด็กหญิงเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มงอง้ำเมื่อถูกขัดใจ“พี่แดนใจร้าย พี่ข้าวอยากไกวชิงช้าแรงๆ ฮึกๆ” เมื่อเห็นน้องน้อยร้องไห้บุรินทร์จึงใจอ่อน“เอาอย่างนี้นะครับ พี่แดนจะนั่งด้วย แล้วให้พี่ข้าวนั่งตัก เราถึงจะไกวชิงช้าแรงๆได้” เด็กหนุ่มแหงนมองเชือก ดูความแข็งแรงของชิงช้าและกิ่งไม้ใหญ่ ประเมินแล้วว่ามันแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักเขาและเด็กหญิงได้แน่นอน หทัยรักยิ้มกว้างทั้งน้ำตา“พร้อมมั้ยครับเจ้าหญิงน้อย” เมื่อคนที่มีฐานะเป็นพี่นั่งก่อนแล้วให้น้องน้อย
“แก้วจ๋า แก้วของพี่สวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับความสวยงามที่เขาพร่ำเพ้อ แก้วใจสะท้านไปทั้งร่าง สองมือจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ริมฝีปากสีสวยเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เธอไม่กล้าส่งเสียงน่าอายออกไปทั้งที่หวามไหวซ่านกระสันแทบคลั่ง “แก้วจ๋า หวานหอมที่สุด” บดินทร์ครางแนบชิดเนื้อนาง จูบซ้ำๆ ดูดดึงและซอกซอนรีดเค้นเอาความหวานจากร่างเล็ก แก้วใจเกินจะเก็บกักความวาบหวามไว้ในอกได้ หญิงสาวครวญครางแว่วหวาน กระถดสะโพกหนีความซ่านหวิวที่ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ หากแต่ถูกดึงรั้งตรึงเอาไว้มั่น เธอจึงทำให้แค่เพียงส่ายสะบัดหน้าเร็วๆและกรีดร้องออกมาในที่สุด “อ๊า! พี่ดิน! กรี๊ดดด!” หน้าท้องแบนราบเกร็ง ร่างกายเบาหวิวปลิดปลิวไปกับสายลมรัก บดินทร์เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมร่างบางไว้ พรมจูบไปบนใบหน้าชื้นเหงื่อจนทั่ว ไปหยุดอยู่ตรงปากนุ่มๆ คลอเคลียดูดดึงเบาๆ ก่อนจะปรนเปรอเจ้าสาวของตนด้วยจูบ แสนหวานปานจะกลืนกินเธอลงท้องเสียให้ได้ “พี่รักแก้ว” ชายหนุ่มกระซิบคำบอกรักแนบอยู่กับกลีบปากบาง แก้วใจลืมตาขึ้นมาสบตาเข
หลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อไม้ข้อมือกันแล้ว ก็เป็นการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในห้องกันลำพังเพื่อให้บ่าวสาวได้พักผ่อน ก่อนจะออกมาต้อนรับแขกอีกครั้งในงานเลี้ยงตอนเย็นแก้วใจนอนนิ่งอยู่บนเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแดงรูปหัวใจสองดวง โดยมีเจ้าบ่าวนอนกอดตัวเธออยู่ ประตูห้องถูกปิดลงเมื่อสักครู่ แว่วเสียงพ่อเจ้าบ่าวกับพ่อเจ้าสาวถกเถียงกันจะไม่ยอมให้ล็อกประตู หากแต่สุดท้ายแล้วแม่ ติ๋มก็จัดการล็อกประตูจากด้านนอกจนได้“พะ...พี่ดิน” หญิงสาวขยับกาย พยายามขยับออกห่างจากร่างใหญ่ที่กอดเธอไว้เสียแน่น แต่เขาไม่ยอมปล่อย“หืม...ว่าไงครับ” ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบลงบนหน้าผากมน แก้วใจเงยหน้าขึ้นสานสบกับดวงตาวาววับคู่คมแล้วสะเทิ้นอาย จนต้องก้มหน้าหลบเสียเอง“เขาออกกันไปหมดแล้ว ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ”“อยากนอนกอดแก้วแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอกอดต่ออีกนิดนะ” บดินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด“ฮื่อ...แก้วเมื่อย ลุกเถอะค่ะ” ร่างใหญ่ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี คนที่ตื่นเต้นกับสัมผัสแนบชิดจนแทบจะเป็นลมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งตาม วงแขนแข็งแรงรีบกอดเกี
“อือ...” การขานรับในลำคอแบบไม่ค่อยเต็มใจของสามีทำให้แม่ติ๋มส่ายหน้า คงต้องรอให้เวลาผ่านไปสักหน่อย เดี๋ยวคงทำใจยอมรับลูกเขยได้เองเหมันต์และเพียงขวัญมาร่วมงานแต่เช้า โดยมีลูกๆทั้งสามติดตามมาด้วย หทัยรักหรือพี่ข้าวของน้องๆลูกสาวคนโตอายุสี่ขวบ หทัยกานต์หรือเข้มลูกชายคนกลางอายุสองขวบ และหทัยชนกหรือน้องขิงลูกสาวคนเล็กอายุหนึ่งขวบ คุณแม่ยังสาวจัดชุดครอบครัวใส่โทนสีเดียวกันคือสีฟ้า ลูกสาวทั้งสองอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ ลูกชายและสามีสวมเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์และรองเท้าหนังสีน้ำตาล ส่วนเธอสวมชุดเดรสสีฟ้ายาวคลุมเข่าสวมรองเท้าสานสีขาวเหมือนกับลูกสาวทั้งสองนิธิและเพียงฟ้าพานิดาหรือหนูดาลูกสาวคนโตวัยสี่ขวบกว่า และนทีหรือนทวัยหนึ่งขวบมาร่วมงานด้วย เพียงฟ้าได้กล่าวคำขอโทษกับแก้วใจ เรื่องที่เธอเคยทำร้ายหญิงสาวเมื่อหลายปีที่แล้ว ทั้งสองปรับความเข้าใจกันและตกลงนับถือกันเป็นพี่น้องพิธีการเริ่มขึ้นหลังจากวางสินสอดซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าวจัดมาสมกับฐานะเจ้าสาวแล้ว ขณะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน เหมันต์และเพียงขวัญจึงพาลูกๆเลี่ยงไปนั่งเล่น
“ตื่นกันหรือยังคะ” เพียงขวัญส่งเสียงดังมาก่อน“ตื่นแล้วครับ” นิธิตอบกลับไป ยกมุ้งครอบขึ้น พาตัวเองลงมายืนอยู่ข้างศาลาเรือนไทย หนุ่มใหญ่จัดการสวมชุดให้ตัวเองและภรรยาหลังจากที่บทเพลงรักสุดท้ายจบลงอย่างเร่าร้อน จึงไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็น“ป๊ะป๊า” ลูกสาวส่งเสียงเรียกอย่างดีใจ เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นพ่อ นิธิยื่นมือออกไปรับลูกมาไว้ในอ้อมกอด“ว่าไงคะ หนูดาดื้อกับป้าขวัญหรือเปล่าลูก” คุณพ่อหอมแก้มลูกสาวอย่างรักใคร่“หนูดาเพิ่งตื่นค่ะ ตื่นมาไม่เจอคุณพ่อคุณแม่ แกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขวัญเลยอุ้มมานี่ล่ะค่ะ เอ่อ...ฟ้ายังไม่ตื่นเหรอคะ” เพียงขวัญชะเง้อคอมองเข้าไปในมุ้งครอบ เห็นแต่ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างน้องสาวอยู่“ยังครับ” นิธิตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย“เอ่อ...เดี๋ยวขวัญไปเตรียมอาหารเช้ารอนะคะ”“ขอบคุณครับ” หนุ่มใหญ่กล่าวคำขอบคุณแล้วพาลูกน้อยมุดเข้าไปในมุ้งครอบหลังใหญ่ เพียงขวัญมองแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้านแรงดูดจ๊วบๆที่ยอดอกทำให้คุณแม่ที่หลับใหลอยู่สะดุ้งตื่น แล้วหลุบตามองหน้าอกตัวเองด้วยความตกใจเล็กน
“ก็ฟ้าหมายถึงเมื่อก่อนนี้ ไม่ได้หมายถึงตอนนี้” แก้ตัวอุบอิบ“งั้นก็ไม่ต้องไปง้อ เพราะฟ้าไม่ผิด คุณนิธิเข้าใจผิดไปเอง” เพียงขวัญสรุปแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ ก่อนเอนกายลงนอน หันหลังให้น้องสาว“อ้าว!” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนำผ้าห่มผืนหนามากั้นฝั่งตัวเองไว้ แล้วก้าวลงจากเตียง เปิดประตูห้องออกไป เพียงขวัญหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นเปิดไฟมองดูความเรียบร้อยบนเตียงกว้างอีกครั้ง“นอนกับป้านะคะหนูดา ให้คุณพ่อคุณแม่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สักคืนนะคะ อุ๊ย!” วงแขนแกร่งที่กอดรัดเอาร่างตัวเองลอยขึ้นจากเตียงทำให้เพียงขวัญอุทานตกใจ“คุณเหม”“ฟ้าออกไปหาคุณนิธิแล้ว เราลงไปนอนพื้นกันเถอะ ปล่อยให้เด็กๆนอนบนเตียง”“นอนด้วยก็ได้ แต่ไม่ทำอะไรนะคะ เกรงใจลูกกับหลาน” เพียงขวัญต่อรอง ขณะยืนมองสามีปูที่นอนลงข้างเตียง“อือ...” เหมันต์ส่งเสียงในลำคอ เมื่อปูที่นอนเสร็จก็หันมารวบร่างภรรยาเอนกายลงนอนพร้อมกัน“คุณเหม...” เพียงขวัญปรามเสียงเบา เพราะกลัวลูกกับหลานจะตื่นขึ้นมา“ครับ”“ไหนบอกไม่ทำอะไรไงคะ”“ใครบอก”
“เดี๋ยวเรียกป้าโอ๋มาอยู่เป็นเพื่อนหนูดาก็ได้นะคะ” เพียงฟ้าหันมายิ้มให้สามี“ไม่เป็นไร ลุงนิจะอยู่กับลูกเองนะคะ” หญิงสาวหน้างอง้ำ สะบัดหน้าหนีงอนๆ“ลูกหลับอยู่ เรารึก็อุตส่าห์จะอาบน้ำให้ แต่ถ้าลุงนิอยากอยู่กับลูกก็ตามใจนะคะ” พูดจบก็เดินสะบัดก้นออกจากห้องไปทันที หนุ่มใหญ่ยืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ มองประตูห้องปิดลงงงๆ หลังจากนั้นไม่ถึงห้าวินาที เพียงฟ้าที่เดินขึ้นบนบ้านไปก่อนก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงสามีตะโกนดังลั่นบ้าน“ป้าโอ๋! ป้าโอ๋ครับ ป้าโอ๋อยู่หนายยย”เช้าวันต่อมานิธิไปส่งลูกเมียไว้ที่บ้านสวนของเหมันต์ แล้วรีบกลับเข้าเมืองไปทำงานทันที เพียงฟ้ากับลูกน้อยจึงอยู่กับเพียงขวัญ เหมันต์และเด็กหญิงหทัยรัก“อ้อนให้คุณนิธิพามาส่งจนได้นะเราน่ะ” เพียงขวัญเอ่ยกับน้องสาวยิ้มๆ ขณะที่นั่งป้อนข้าวลูกสาวอยู่ที่ศาลาเรือนไทยหลังบ้าน“ก็ฟ้าอยากคุยกับขวัญ อยากพาหนูดามาเล่นกับน้องข้าว” น้องสาวอ้อนพี่สาวยิ้มๆ“น้องข้าวคิดถึงน้าฟ้ากับหนูดามั้ยคะ” หทัยรักฉีกยิ้มกว้าง เด็กหญิงแย่งช้อนในมือมารดามาถือไว้ แล้วยื่นไปใกล้ปากเด็กหญิงอีกค