ว่าแล้วนางก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เกาเฟยฉีเหม่อมองตามหลังภรรยาไปด้วยความรู้สึกผิดโจวฟางเซียนเดินกลับจวนด้วยหัวใจที่แตกสลาย นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ชีวิตแต่งงานที่นางวาดฝันไว้พังทลายลงต่อหน้าต่อตา นางทรุดตัวลงนั่งบนเตียง น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสายในขณะเดียวกัน เกาเฟยฉีก็นั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ เขาไม่เคยคิดที่จะทำร้ายจิตใจของโจวฟางเซียน แต่สถานการณ์บังคับให้เขาต้องทำเช่นนั้น เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรเพื่อให้ภรรยาเข้าใจทันทีที่รถม้าจอดสนิท โจวฟางเซียนก็รีบสาวเท้าเข้าเรือนด้วยสีหน้าเย็นชา นางสั่งให้บ่าวไพร่เก็บข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปยังเรือนหลังเล็กทันที จากนั้นหันไปออกคำสั่งเด็ดขาดกับเหล่าทหารหน้าเรือน"พวกเจ้าจงเฝ้าเรือนนี้ไว้ให้ดี ห้ามผู้ใดล่วงล้ำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า โดยเฉพาะท่านแม่ทัพ!"เหล่าทหารรับคำสั่งอย่างแข็งขัน พวกเขาทราบดีว่าฮูหยินน้อยกำลังโกรธเคืองแม่ทัพมากเพียงใดไม่นานนัก เกาฮูหยินผู้เป็นมารดาได้ยินเรื่องราวความบาดหมางทั้งหมดจากบ่าวรับใช้แล้ว จึงรีบมาต่อว่าลูกชายทันที"เจ้ามันโง่งมยิ่งนัก! รักเขาตั้งแต่เด็กแล้วทำไมไม่บอกเขาไปตรงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศหนาวเย็นปกคลุมขุนเขา รถม้าคันงามเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางคดเคี้ยว เกาเฟยฉีนั่งเคียงข้างโจวฟางเซียน มือใหญ่เอื้อมไปกุมมือเล็กของภรรยาไว้ ความอบอุ่นจากมือเขาส่งผ่านมาถึงนาง ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง"เซียนเอ๋อร์" เกาเฟยฉีเอ่ยเสียงแผ่ว "ข้าขอโทษ ข้ารู้ว่าข้าทำผิดต่อเจ้ามากมายนัก"โจวฟางเซียนมองหน้าสามี แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสำนึกผิด นางรู้สึกใจอ่อนยวบลง แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะให้อภัยเขา"ข้า..." เกาเฟยฉีพยายามจะพูดต่อ แต่ก็ถูกเสียงล้อรถม้าบดขยี้กรวดหินขัดจังหวะเสียก่อน รถม้ามาถึงวัดบนยอดเขาแล้วทั้งสองลงจากรถม้า เดินเคียงคู่กันไปยังจุดที่มีตะเกียง พวกเขาจุดตะเกียงแล้วหลับตาอธิษฐานพร้อมกัน"ขอให้ท่านพ่อคุ้มครองความรักของเราด้วยเถิด" เกาเฟยฉีพึมพำโจวฟางเซียนลืมตาขึ้นมองสามี นางรู้สึกประหลาดใจที่เขาพูดเช่นนั้นจากนั้น เกาเฟยฉีก็พาโจวฟางเซียนไปยังหลุมศพของบิดา เขาจัดเตรียมอาหารและเหล้ารสเลิศมาเซ่นไหว้"ท่านพ่อ" เกาเฟยฉีคุกเข่าลง "ข้าพาลูกสะใภ้มาเคารพท่าน ท่านอย่าเป็นกังวล นางเป็นคนดีมาก ไว้ปีหน้าข้าจะต้องพาหลานชายมาเยี่ยมท่านอย่างแน่นอน"โจวฟางเซียนหน้าแดงก่ำเมื่อได้
เมื่อทั้งสองร่างกระโจนลงสู่เบื้องล่าง ความเย็นยะเยือกของกระแสน้ำก็โถมเข้าใส่ราวกับเข็มนับพันทิ่มแทงผิวเนื้อ โจวฟางเซียนผวาเข้าสู่อ้อมกอดของเกาเฟยฉีโดยพลัน ร่างกายบอบบางของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง ริมฝีปากซีดเผือด ขณะที่เกาเฟยฉีเองก็รู้สึกถึงความเย็นเฉียบที่แทรกซึมเข้าสู่กระดูก"อดทนไว้นะ เซียนเอ๋อร์!" เกาเฟยฉีตะโกนฝ่าเสียงน้ำที่เชี่ยวกราก เขาโอบร่างนางไว้แน่น พยายามว่ายน้ำไปยังถ้ำที่เขาคุ้นเคยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในที่สุด เขาก็เห็นปากถ้ำอยู่ไม่ไกล เกาเฟยฉีรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี พุ่งตัวเข้าไปในถ้ำพร้อมกับร่างของโจวฟางเซียนเมื่อขึ้นจากน้ำ โจวฟางเซียนมองสำรวจรอบถ้ำด้วยความสงสัย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความฉงน นางเอ่ยถามขึ้นว่า "ท่านรู้ได้อย่างไรว่าตรงนี้มีถ้ำอยู่?"เกาเฟยฉียิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก "ที่นี่เป็นฐานลับของข้า ข้าจะพาเจ้าเข้าไปดู"เมื่อทั้งสองเดินลึกเข้าไปในถ้ำ พวกเขาพบว่าภายในนั้นคล้ายกับบ้านหลังเล็กๆ บรรยากาศเงียบสงบ ตกแต่งเรียบง่าย เกาเฟยฉีจุดตะเกียงให้แสงสว่างส่องทั่วบริเวณ เผยให้เห็นรายละเอียดต่างๆ ภายในถ้ำอย่างชัดเจน จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เผยให้เห็นแผงอกที่แข
เกาเฟยฉีจ้องมองร่างกายเปลือยเปล่าของโจวฟางเซียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา เขาไม่สามารถต้านทานความงามของนางได้อีกต่อไป เขาค่อยๆสัมผัสผิวที่เนียนนุ่มของนางอย่างแผ่วเบาโจวฟางเซียนตัวสั่นเทาด้วยความหนาวผสมกับความตื่นเต้น นางพยายามหลบสายตาของเกาเฟยฉี แต่มันก็ไร้ผล เกาเฟยฉีโน้มตัวลงมาใกล้ๆ นาง กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "เจ้าช่างงดงามเหลือเกิน"ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาทำให้โจวฟางเซียนขนลุกซู่ นางรู้สึกถึงความปรารถนาในน้ำเสียงของเขา และมันก็ทำให้ร่างกายของนางตอบสนองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเกาเฟยฉีประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของนางอย่างแผ่วเบา โจวฟางเซียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่แล้วนางก็ค่อยๆ ผ่อนคลายและตอบรับจูบของเขาอย่างเงอะงะ จูบนั้นเริ่มต้นอย่างอ่อนโยน แต่แล้วก็ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียวเกาเฟยฉีไม่รอช้า เขายกโจวฟางเซียนขึ้นในอ้อมแขนแล้วพานางไปยังเตียงฟางที่เขาเตรียมไว้ มือของเขาสั่นเทาด้วยความปรารถนา เขาโอบกอดนางไว้แนบอก จูบและเล้าโลมไปทั่วร่างกายโจวฟางเซียนครางเสียงหวาน มือเล็กๆ ของนางจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของเขาอย่างลืมตัว นางตอบรับสัมผัส
ในที่สุด รถม้าก็มาถึงเมืองหลวง โจวฟางเซียนมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นผู้คนมากมายกำลังเตรียมตัวสำหรับงานมงคลสมรสของเสนาบดีเย่ซีเฉินและไป๋หลี่เมิ่งเกาเฟยฉีโอบไหล่โจวฟางเซียนไว้ "พร้อมหรือยัง" เขาถามโจวฟางเซียนพยักหน้า "พร้อมแล้วเจ้าค่ะ" นางตอบเมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงเมืองหลวง กระแสข่าวลือเกี่ยวกับโจวฟางเซียนก็เริ่มจางหายไป ผู้คนในเมืองหลวงดูเหมือนจะสนใจเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องราวขององค์หญิงสามที่เคยเป็นข่าวใหญ่โตโจวฟางเซียนและเกาเฟยฉีเข้าเฝ้าฮ่องเต้และฮองเฮาด้วยกัน ฮองเฮามองทั้งสองด้วยสายตาอบอุ่น พระนางเห็นได้ชัดว่าทั้งคู่รักกันอย่างลึกซึ้งเกาเฟยฉีดูแลโจวฟางเซียนอย่างดีในจวนของเขาที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวง คืนแรกที่ทั้งสองกลับมาถึงจวน เกาเฟยฉีก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ เขาโอบกอดโจวฟางเซียนไว้แนบอก จูบและเล้าโลมนางอย่างดูดดื่ม ทั้งสองร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนราวกับจะชดเชยเวลาที่ห่างหายกิจกามกันไปวันเวลาผ่านไปหลายวัน โจวฟางเซียนเริ่มมีอาการผิดปกติ นางรู้สึกคลื่นไส้และหน้ามืดบ่อยครั้ง เกาเฟยฉีเป็นห่วงนางมาก เขาจึงรีบเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการหลังจากตรวจอย่างละเอียด หมอหลวงก็แจ้งข่าวดีว่าโ
ในวันแต่งงานของเสนาบดีเย่ซีเฉินและไป๋หลี่เมิ่ง บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความหรูหรา แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างสวมชุดที่งดงาม และทุกสายตาต่างจับจ้องมายังสถานที่จัดงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่เมื่อเกาเฟยฉีจูงมือโจวฟางเซียนเข้ามาในงาน ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่นางในทันที มีความกังวลปรากฏในดวงตาของหลายคน เพราะต่างรู้กันดีว่าโจวฟางเซียนเคยมีความสัมพันธ์กับเย่ซีเฉินมาก่อน ผู้คนในงานต่างกระซิบกระซาบกันด้วยความสงสัยและความหวาดกลัวว่าการปรากฏตัวของนางจะนำมาซึ่งความวุ่นวายแต่ในวันนี้ โจวฟางเซียนได้ตัดสินใจแล้ว นางเลือกที่จะทิ้งความหลังไว้เบื้องหลัง และยึดมั่นในความรักที่นางมีต่อเกาเฟยฉีเพียงคนเดียว นางก้าวเดินอย่างมั่นใจข้างสามีของนางแม้จะมีสายตาจับจ้องและเสียงกระซิบที่ตามหลังมา แต่นางไม่ได้สนใจ นางรู้ว่าความรักและความสุขที่แท้จริงอยู่กับผู้ชายคนนี้ และนางจะไม่ปล่อยให้ความทรงจำเก่าๆ มาบั่นทอนความสุขของนางในปัจจุบันในระหว่างที่รอบ่าวสาวทำพิธีแต่งงาน โจวฟางเซียนได้ขอตัวไปหาไป๋หลี่เมิ่งในห้องแต่งตัวของเจ้าสาว บ่าวไพร่ที่เฝ้าห้องต่างพากันกันท่าด้วยความระมัดระวัง พวกเขากลัวว่าองค์หญิงสามจะมารังแกคุณหนูของพวกเ
“เจ้าเหนื่อยหรือไม่ เซียนเอ๋อร์?” เกาเฟยฉีเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน ขณะที่เขามองดูใบหน้าของนางท่ามกลางแสงของดวงจันทร์โจวฟางเซียนส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่เหนื่อยเลย ท่านอยู่กับข้า ข้ารู้สึกมีความสุขมาก”เกาเฟยฉียิ้มและกระชับกอดนางแน่นขึ้น “ข้าดีใจที่เจ้าอยู่กับข้า ข้ารักเจ้า เซียนเอ๋อร์ ข้าสัญญาว่าจะปกป้องเจ้าและลูกในครรภ์ของเจ้า ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ้าได้อีก”เกาเฟยฉีโน้มตัวลงมาและจูบเบาๆ ที่หน้าผากของนาง เขามองดูนางด้วยความรักที่ล้นใจ “ข้าจะดูแลเจ้าและลูกด้วยสุดชีวิต ข้าสัญญา”หลังจากที่ทั้งสองนั่งมองดูดวงจันทร์และผลัดกันบอกรักกันแล้ว เกาเฟยฉีก็พาโจวฟางเซียนกลับเข้าไปในห้องพักเขาดูแลนางอย่างทะนุถนอม ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกด้วยความอ่อนโยน นางยอมรับความอบอุ่นและความรักที่เขามอบให้ด้วยความเต็มใจ แม้ว่านางจะมีครรภ์ แต่นางก็ไม่ปฏิเสธการร่วมรักกับเขาทั้งสองคนต่างมอบความรักให้กันอย่างลึกซึ้งและอ่อนโยน พวกเขาต่างรู้สึกถึงความสุขและความสมบูรณ์ที่เกิดขึ้นจากความรักที่แท้จริง ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความหมายและความผูกพัน พวกเขาไม่ต้องการอะไรนอกจากการได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันในยามเช้า แสงแดดแรกของ
นับแต่นั้นมา เกาเฟยฉีก็มีอาการแพ้ท้องแทนโจวฟางเซียนอย่างหนัก เขาคลื่นไส้ อาเจียน และเวียนหัวตลอดเวลาเกาเฟยฉียังพบว่าเขาไม่สามารถนอนหลับได้ถ้าไม่ได้กลิ่นกายของโจวฟางเซียน เขาจึงต้องนอนกอดนางทุกคืน"เซียนเอ๋อร์ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบาก" เกาเฟยฉีเอ่ยเสียงเศร้าโจวฟางเซียนลูบผมเขาอย่างอ่อนโยน "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเต็มใจ"แม้แต่อยู่ที่ค่ายทหาร เกาเฟยฉีก็ยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ เขาต้องพกผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นกายของโจวฟางเซียนติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะถ้าไม่ได้กลิ่นนาง เขาจะเวียนหัวจนเป็นลมเหล่าทหารต่างพากันแปลกใจที่เห็นแม่ทัพใหญ่ของพวกเขาพกผ้าเช็ดหน้าผู้หญิงติดตัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามฤดูหนาวมาเยือน เมืองหลงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน บรรยากาศภายในจวนแม่ทัพเกาอบอุ่นเป็นพิเศษด้วยความคาดหวังของทุกคน โจวฟางเซียนใกล้ถึงกำหนดคลอดบุตร เกาเฟยฉีเฝ้าดูแลนางอย่างใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืนเขาคอยประคองนางเดินเล่นในสวน ป้อนอาหารให้นาง และอ่านหนังสือให้นางฟังก่อนนอน ทุกครั้งที่โจวฟางเซียนรู้สึกไม่สบายตัว เกาเฟยฉีจะรีบเข้ามาดูแลนางทันที"เซียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เกาเฟยฉีถามด้วยความเป็นห่วง"ข้าไม่เป็นไ
สิบปีผ่านไป ราวกับความฝันที่แสนหวาน โจวฟางเซียนยังคงงดงามราวกับเทพธิดาที่ไม่เคยแก่ลง ความรักของนางและเกาเฟยฉียิ่งทวีความลึกซึ้งขึ้นทุกวัน เหมือนดั่งต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึกและแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างมั่นคงเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟย บัดนี้เติบโตเป็นเด็กหนุ่มสาวที่เฉลียวฉลาดและมีน้ำใจ พวกเขาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียน สร้างความสุขและเสียงหัวเราะให้กับจวนแม่ทัพแห่งนี้อยู่เสมอในคืนหนึ่ง ขณะที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาทั่วบริเวณจวนแม่ทัพ พวกเขานั่งชมจันทร์อยู่ที่กลางศาลาริมน้ำ บรรยากาศเงียบสงบราวกับโลกนี้มีเพียงแค่เขาและนางเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยถูกฝากฝังให้เกาฮูหยินดูแลเป็นพิเศษในคืนนี้ เพื่อให้บิดามารดาได้มีเวลาส่วนตัวในการรำลึกถึงความรักที่งดงามของพวกเขาเกาเฟยฉีมองโจวฟางเซียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก "เซียนเอ๋อร์ เจ้ายังคงงดงามเหมือนวันแรกที่เราพบกัน"โจวฟางเซียนยิ้มเขิน "ท่านพี่ก็ยังคงทำให้หัวใจข้าเต้นแรงเหมือนเดิม""เซียนเอ๋อร์ เจ้าจำครั้งที่เราพบกันครั้งแรกได้หรือไม่" เกาเฟยฉีเอ่ยถามเสียงนุ่มโจวฟางเซียนพยักหน้า "ข้าจำได้ดีเจ้าค่ะ ท่านพี่ช่วยป้อนลูกอมน้ำผึ้งให้ข้า""ข้า
การรบดำเนินไปอย่างดุเดือด เลือดทหารทั้งสองฝ่ายไหลนองเต็มพื้นดิน เสียงร้องโหยหวนของผู้คนที่บาดเจ็บดังระงมไปทั่วเกาเฟยฉีควบม้าเข้าไปฟันแทงศัตรูอย่างบ้าคลั่ง ดาบของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด เขาไม่สนใจว่าใครจะเป็นใคร เขาฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าในที่สุด กองทัพกบฏก็แตกพ่าย เหล่าทหารที่เหลือต่างพากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเกาเฟยฉีมองดูสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพด้วยสายตาเย็นชา เขาไม่รู้สึกเสียใจกับการนองเลือดในครั้งนี้เลยสักนิด เขาต้องการเพียงแค่กลับไปหาครอบครัวของเขาหลังจากผ่านไปหลายเดือน เกาเฟยฉีก็สามารถปราบหัวหน้าของเหล่ากบฏได้สำเร็จ เขาได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้และประชาชนเกาเฟยฉีรีบเดินทางกลับเขตชายแดนของเขาทันที เมื่อมาถึงจวนแม่ทัพ เกาเฟยฉีก็รีบตรงไปที่ห้องนอนของเขาและโจวฟางเซียนเขาเปิดประตูเข้าไป เห็นโจวฟางเซียนนั่งอยู่บนเตียง กำลังอ่านหนังสือให้เสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยฟัง"ท่านพ่อ!" เสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยร้องออกมาอย่างดีใจ พวกเขาวิ่งเข้าไปกอดเกาเฟยฉีเกาเฟยฉียิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขากอดลูกๆ ของเขาไว้แนบอกจากนั้นเขาก็หันไปมองโจวฟางเซียน โจวฟางเซียนยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นเกาเฟยฉีเดินเข้าไปหานาง แล้วคุ
เช้าวันรุ่งขึ้น เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น พวกเขาออกไปเดินเล่นที่ชายหาดด้วยกัน"ท่านพี่ ข้ามีความสุขมาก" โจวฟางเซียนพูดเกาเฟยฉียิ้มให้นาง "ข้าก็เช่นกัน"ทั้งสองคนเดินเล่นไปตามชายหาด จับมือกันไว้แน่น รู้สึกขอบคุณที่ได้มีกันและกันเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนใช้เวลาในแคว้นหนานอีกหลายวัน พวกเขาได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในแคว้นนี้อย่างเต็มที่ก่อนกลับ โจวฟางจิงมอบของขวัญให้น้องสาวและน้องเขยเป็นผ้าไหมอย่างดีที่ทอด้วยมือจากชาวบ้านในแคว้นหนานเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนขอบคุณโจวฟางจิงและเจ้าเมืองแคว้นหนานสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พวกเขาสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมอีกครั้งในเร็วๆ นี้การเดินทางกลับเป็นไปอย่างราบรื่น เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนกลับมาถึงจวนแม่ทัพเกาอย่างปลอดภัย พวกเขารู้สึกสดชื่นและมีความสุขกับการเดินทางครั้งนี้มากเมื่อกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยก็วิ่งเข้ามาหาพ่อแม่ด้วยความดีใจ"ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านกลับมาแล้ว" เสี่ยวสือร้องตะโกน"ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านซื้ออะไรมาฝากข้าบ้าง" เสี่ยวเฟยถามเกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนยิ้มให้ลูกๆ ทั้งสองคนหยิบของฝากออกมาให้ลูกๆ
ห้าปีผ่านไป นับตั้งแต่เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว ทั้งสองคนยังคงรักและดูแลกันอย่างดีเสมอมา ชีวิตในจวนแม่ทัพเกาเต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะของเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยดังก้องไปทั่วบริเวณวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิที่อากาศอบอุ่นและดอกไม้บานสะพรั่ง เกาเฟยฉีเดินเข้ามาหาโจวฟางเซียนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในสวน"เซียนเอ๋อร์" เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนโจวฟางเซียนเงยหน้าขึ้นมอง "มีอะไรหรือเจ้าคะ ท่านพี่"เกาเฟยฉียื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง "นี่เป็นจดหมายจากองค์หญิงใหญ่ โจวฟางจิง นางเชิญเราไปเยี่ยมนางที่เมืองใต้"โจวฟางเซียนรับจดหมายมาเปิดอ่าน ดวงตาของนางเป็นประกาย "จริงหรือเจ้าคะ ข้าไม่ได้เจอพี่หญิงมานานแล้ว""ใช่แล้ว เราไปเยี่ยมนางกันเถอะ" เกาเฟยฉีพูดโจวฟางเซียนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น "ได้เจ้าค่ะ ข้าอยากไปมาก"เกาเฟยฉีและโจวฟางเซียนตัดสินใจเดินทางไปเมืองใต้ทันที พวกเขาฝากเสี่ยวสือและเสี่ยวเฟยไว้กับฮูหยินเกา แล้วออกเดินทางด้วยรถม้าการเดินทางสู่แคว้นหนานเป็นไปอย่างยาวนาน ทั้งสองต้องใช้เวลาหลายเดือนในการเดินทาง ทั้งโดยรถม้าเพื่อข้ามผ่านหุบเขาและที่ราบอันกว้างใหญ่ และโดยทางเรือ
"ท่านพี่ ท่านจะทำจริงๆ หรือ" โจวฟางเซียนถามเสียงเบาเกาเฟยฉีส่ายหน้าทันที "ไม่เด็ดขาด ข้าจำได้ดีว่าวันนั้นเจ้าทรมานเพียงใด เซียนเซียน"โจวฟางเซียนยิ้มเจ้าเล่ห์ "เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของภรรยาท่าน ท่านมีหน้าที่ทำก็พอ"กล่าวจบ นางก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปหาเกาเฟยฉีที่นั่งอยู่เกาเฟยฉีมองภรรยาด้วยสายตาตกตะลึง "เซียนเซียน เจ้าจะทำอะไร"โจวฟางเซียนไม่ตอบ นางเพียงแค่ยื่นมือไปจับมือเขา แล้วออกแรงลากเขาให้ลุกขึ้นตามเกาเฟยฉีเดินตามโจวฟางเซียนไปอย่างงุนงง จนกระทั่งมาถึงห้องนอนของทั้งคู่ โจวฟางเซียนผลักเขาลงบนเตียงอย่างแรง"เซียนเซียน!" เกาเฟยฉีร้องออกมาด้วยความตกใจโจวฟางเซียนขึ้นคร่อมร่างของเขา นางโน้มตัวลงมาใกล้ จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา"ท่านพี่ ท่านลืมแล้วหรือว่าเราสัญญาอะไรกันไว้" นางกระซิบข้างหูเขาเกาเฟยฉีรู้สึกราวกับถูกไฟลวก เขาจำได้ทันทีถึงสัญญาที่ให้ไว้กับโจวฟางเซียนเมื่อห้าปีก่อน"ข้าจะให้เจ้ามีความสุขที่สุด" เขาเคยกล่าวไว้เช่นนั้นและคืนนี้ เขาจะทำตามสัญญานั้นเกาเฟยฉีโอบกอดโจวฟางเซียนไว้แนบอก จูบและเล้าโลมนางอย่างดูดดื่ม โจวฟางเซียนตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ ร่
นับแต่นั้นมา เกาเฟยฉีก็มีอาการแพ้ท้องแทนโจวฟางเซียนอย่างหนัก เขาคลื่นไส้ อาเจียน และเวียนหัวตลอดเวลาเกาเฟยฉียังพบว่าเขาไม่สามารถนอนหลับได้ถ้าไม่ได้กลิ่นกายของโจวฟางเซียน เขาจึงต้องนอนกอดนางทุกคืน"เซียนเอ๋อร์ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบาก" เกาเฟยฉีเอ่ยเสียงเศร้าโจวฟางเซียนลูบผมเขาอย่างอ่อนโยน "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเต็มใจ"แม้แต่อยู่ที่ค่ายทหาร เกาเฟยฉีก็ยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ เขาต้องพกผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นกายของโจวฟางเซียนติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะถ้าไม่ได้กลิ่นนาง เขาจะเวียนหัวจนเป็นลมเหล่าทหารต่างพากันแปลกใจที่เห็นแม่ทัพใหญ่ของพวกเขาพกผ้าเช็ดหน้าผู้หญิงติดตัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามฤดูหนาวมาเยือน เมืองหลงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน บรรยากาศภายในจวนแม่ทัพเกาอบอุ่นเป็นพิเศษด้วยความคาดหวังของทุกคน โจวฟางเซียนใกล้ถึงกำหนดคลอดบุตร เกาเฟยฉีเฝ้าดูแลนางอย่างใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืนเขาคอยประคองนางเดินเล่นในสวน ป้อนอาหารให้นาง และอ่านหนังสือให้นางฟังก่อนนอน ทุกครั้งที่โจวฟางเซียนรู้สึกไม่สบายตัว เกาเฟยฉีจะรีบเข้ามาดูแลนางทันที"เซียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เกาเฟยฉีถามด้วยความเป็นห่วง"ข้าไม่เป็นไ
“เจ้าเหนื่อยหรือไม่ เซียนเอ๋อร์?” เกาเฟยฉีเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน ขณะที่เขามองดูใบหน้าของนางท่ามกลางแสงของดวงจันทร์โจวฟางเซียนส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่เหนื่อยเลย ท่านอยู่กับข้า ข้ารู้สึกมีความสุขมาก”เกาเฟยฉียิ้มและกระชับกอดนางแน่นขึ้น “ข้าดีใจที่เจ้าอยู่กับข้า ข้ารักเจ้า เซียนเอ๋อร์ ข้าสัญญาว่าจะปกป้องเจ้าและลูกในครรภ์ของเจ้า ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ้าได้อีก”เกาเฟยฉีโน้มตัวลงมาและจูบเบาๆ ที่หน้าผากของนาง เขามองดูนางด้วยความรักที่ล้นใจ “ข้าจะดูแลเจ้าและลูกด้วยสุดชีวิต ข้าสัญญา”หลังจากที่ทั้งสองนั่งมองดูดวงจันทร์และผลัดกันบอกรักกันแล้ว เกาเฟยฉีก็พาโจวฟางเซียนกลับเข้าไปในห้องพักเขาดูแลนางอย่างทะนุถนอม ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกด้วยความอ่อนโยน นางยอมรับความอบอุ่นและความรักที่เขามอบให้ด้วยความเต็มใจ แม้ว่านางจะมีครรภ์ แต่นางก็ไม่ปฏิเสธการร่วมรักกับเขาทั้งสองคนต่างมอบความรักให้กันอย่างลึกซึ้งและอ่อนโยน พวกเขาต่างรู้สึกถึงความสุขและความสมบูรณ์ที่เกิดขึ้นจากความรักที่แท้จริง ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความหมายและความผูกพัน พวกเขาไม่ต้องการอะไรนอกจากการได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันในยามเช้า แสงแดดแรกของ
ในวันแต่งงานของเสนาบดีเย่ซีเฉินและไป๋หลี่เมิ่ง บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความหรูหรา แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างสวมชุดที่งดงาม และทุกสายตาต่างจับจ้องมายังสถานที่จัดงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่เมื่อเกาเฟยฉีจูงมือโจวฟางเซียนเข้ามาในงาน ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่นางในทันที มีความกังวลปรากฏในดวงตาของหลายคน เพราะต่างรู้กันดีว่าโจวฟางเซียนเคยมีความสัมพันธ์กับเย่ซีเฉินมาก่อน ผู้คนในงานต่างกระซิบกระซาบกันด้วยความสงสัยและความหวาดกลัวว่าการปรากฏตัวของนางจะนำมาซึ่งความวุ่นวายแต่ในวันนี้ โจวฟางเซียนได้ตัดสินใจแล้ว นางเลือกที่จะทิ้งความหลังไว้เบื้องหลัง และยึดมั่นในความรักที่นางมีต่อเกาเฟยฉีเพียงคนเดียว นางก้าวเดินอย่างมั่นใจข้างสามีของนางแม้จะมีสายตาจับจ้องและเสียงกระซิบที่ตามหลังมา แต่นางไม่ได้สนใจ นางรู้ว่าความรักและความสุขที่แท้จริงอยู่กับผู้ชายคนนี้ และนางจะไม่ปล่อยให้ความทรงจำเก่าๆ มาบั่นทอนความสุขของนางในปัจจุบันในระหว่างที่รอบ่าวสาวทำพิธีแต่งงาน โจวฟางเซียนได้ขอตัวไปหาไป๋หลี่เมิ่งในห้องแต่งตัวของเจ้าสาว บ่าวไพร่ที่เฝ้าห้องต่างพากันกันท่าด้วยความระมัดระวัง พวกเขากลัวว่าองค์หญิงสามจะมารังแกคุณหนูของพวกเ
ในที่สุด รถม้าก็มาถึงเมืองหลวง โจวฟางเซียนมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นผู้คนมากมายกำลังเตรียมตัวสำหรับงานมงคลสมรสของเสนาบดีเย่ซีเฉินและไป๋หลี่เมิ่งเกาเฟยฉีโอบไหล่โจวฟางเซียนไว้ "พร้อมหรือยัง" เขาถามโจวฟางเซียนพยักหน้า "พร้อมแล้วเจ้าค่ะ" นางตอบเมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงเมืองหลวง กระแสข่าวลือเกี่ยวกับโจวฟางเซียนก็เริ่มจางหายไป ผู้คนในเมืองหลวงดูเหมือนจะสนใจเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องราวขององค์หญิงสามที่เคยเป็นข่าวใหญ่โตโจวฟางเซียนและเกาเฟยฉีเข้าเฝ้าฮ่องเต้และฮองเฮาด้วยกัน ฮองเฮามองทั้งสองด้วยสายตาอบอุ่น พระนางเห็นได้ชัดว่าทั้งคู่รักกันอย่างลึกซึ้งเกาเฟยฉีดูแลโจวฟางเซียนอย่างดีในจวนของเขาที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวง คืนแรกที่ทั้งสองกลับมาถึงจวน เกาเฟยฉีก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ เขาโอบกอดโจวฟางเซียนไว้แนบอก จูบและเล้าโลมนางอย่างดูดดื่ม ทั้งสองร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนราวกับจะชดเชยเวลาที่ห่างหายกิจกามกันไปวันเวลาผ่านไปหลายวัน โจวฟางเซียนเริ่มมีอาการผิดปกติ นางรู้สึกคลื่นไส้และหน้ามืดบ่อยครั้ง เกาเฟยฉีเป็นห่วงนางมาก เขาจึงรีบเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการหลังจากตรวจอย่างละเอียด หมอหลวงก็แจ้งข่าวดีว่าโ