“เข้ามาครับ”
จบเสียงอนุญาตทุ้มทรงอำนาจ เรือนร่างของผู้หญิงที่มีส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นติเมตรก็ก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานกว้างที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูมีสไตล์ของ ธีธัช จรรยาธาดากุล
มิรดา อาภากร เลขาผู้ทรงประสิทธิภาพของประธานกรรมการใหญ่ของบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และติดหนึ่งในห้าของทวีปเอเชีย
เขาเข้ามารับช่วงบริหารงานที่นี่ต่อจากคุณพ่อที่ว่างมือไปได้เกือบๆ ห้าปี ซึ่งตอนนั้นหญิงสาวก็ทำงานอยู่ที่นี่แล้ว แต่เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงแค่สองเดือนเศษ
เขารับช่วงงานต่อจากบิดา และก็รับช่วงเลขาหน้าห้องต่อจากท่านด้วยเช่นกัน
ตอนแรกเขาปรามาสหญิงสาวเอาไว้ว่าไม่มีทางทนทำงานกับผู้ชายเจ้าระเบียบ และทุกอย่างต้องถูกต้องตรงเป๊ะไร้ที่ติ เพราะคนอย่างเขาไม่เคยรู้จักคำว่าผิดพลาดมาก่อน แต่มิรดากลับทำทุกอย่างได้ตรงตามความต้องการของเขาจนน่าทึ่ง
ไม่มีคำว่าผิดพลาดในการทำงานของหล่อนเช่นกัน
เพราะอย่างนี้ไงล่ะ เขากับหล่อนจึงร่วมงานกันมาถึงห้าปีเต็ม ตั้งแต่หล่อนอายุยี่สิบเอ็ดจนตอนนี้หล่อนอายุยี่สิบหกแล้ว
แต่ถึงแม้วันเวลาจะเคลื่อนผ่านไปหลายปี แต่แม่เลขาทรงประสิทธิภาพตรงหน้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากครั้งแรกที่เจอกัน
หล่อนยังคงเหมือนเดิม...
สวมแว่นหนา
ทำผมทรงคุณยายคลุมทับด้วยเน็ตตาข่ายสีดำบ้างกรมท่าบ้าง และก็...
ไม่แต่งหน้าเลย
ความจริงเขาเคยบอกหล่อนหลายหนแล้วว่าให้เปลี่ยนการแต่งตัว และแต่งหน้ามาทำงาน เพื่อที่จะได้คู่ควรกับตำแหน่งเลขาฯ ของท่านประธาน แต่หล่อนกลับย้อนกลับมาว่า...
หน้าตาไม่ได้สำคัญเท่ากับประสิทธิภาพในการทำงาน
ใช่ หล่อนพูดได้ถูกต้องทุกอย่าง และเขาก็ไม่มีเหตุผลใดจะคัดค้านด้วย ทำให้เขาไม่เคยยื่นมือเข้าไปก้าวก่ายเรื่องการแต่งตัวของมิรดาอีก
หล่อนจะเฉิ่มเชยแค่ไหนก็ได้ ตามใจหล่อนเลย ขอแค่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิมก็พอแล้ว
จริงไหม...?
“ถุงยางอนามัยไซส์พิเศษจากอิตาลีมาถึงแล้วค่ะบอส”
ใบหน้าของมิรดาเรียบเฉย ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ขณะเดินเข้ามาหยุดใกล้กับโต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่ของเจ้านายสุดหล่อ และวางกล่องถุงยางอนามัยที่สั่งทำพิเศษขึ้นมาเพื่อธีธัชโดยเฉพาะลง
ธีธัช ผู้มีเจ้าโลกใหญ่จนต้องสั่งทำถุงยางอนามัยรุ่นพิเศษโดยเฉพาะ และหล่อนก็รับหน้าที่จัดหาจัดการเรื่องนี้ให้กับชายหนุ่ม ตั้งแต่วันแรกที่เจ้านายสุดหล่อเข้ามาบริหารงานที่นี่
ธีธัช จรรยาธาดากุล ประธานกรรมการใหญ่ของบริษัทฯ การเงินชื่อดัง เขาคือหนุ่มโสด และหล่อมาก ผู้หญิงล้วนแต่วิ่งเข้าใส่ จึงไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะมีผู้หญิงห้อมหน้าห้อมหลัง จนต้องให้เลขาฯ อย่างหล่อนเป็นคนช่วยจัดคิวให้
“รอบนี้มากี่กล่องครับ จะพอผมใช้ถึงเดือนหรือเปล่า”
“มาห้ากล่องค่ะ”
หล่อนตอบเสียงเรียบ สีหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา
“หากบอสใช้งานคืนละไม่เกินห้าชิ้น ก็น่าจะพอใช้ถึงเดือนค่ะ”
“โอเค ผมมั่นใจว่าคุณคำนวณไม่พลาดหรอก”
“ค่ะบอส”
หล่อนโค้งศีรษะให้ ก่อนจะถอยหลังออก เพื่อจะออกไปนอกห้อง แต่เจ้านายหนุ่มเรียกเอาไว้เสียก่อน
“คืนนี้คิวของใครหรือ”
แววตากลมโตที่มักจะซ่อนอยู่ใต้แว่นหนาเสมอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะตอบ
“คุณแพ๊ตตี้ค่ะ นางแบบลูกครึ่งไทยสิงคโปร์ คนที่เคยมาถ่ายโฆษณาให้บริษัทค่ะ”
ธีธัชเลิกคิ้วครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะปฏิเสธออกมา
“คนนี้นมเล็ก และก็ผอมเกินไปด้วย ผมไม่ชอบ หาคนอื่นมาแทนนะ”
“ได้ค่ะบอส”
มิรดาตอบรับทุกอย่างที่เจ้านายสั่งไม่เคยขัด ไม่ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟไปหามา หล่อนก็จะต้องนำมาประเคนเจ้านายให้จงได้
“โอเค สิบโมงครึ่งมีประชุม เข้ามาเตือนผมด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะบอส”
แล้วเลขาฯ ดีเด่นก็ถอยหลัง และหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงานของเขา
ธีธัชระบายยิ้มพึงพอใจ ขณะเอนกายพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยความผ่อนคลาย
“ถ้าไม่มีคุณ ผมคงต้องแย่แน่ๆ เลย มิรดา”
“หกโมงตรง รถจะไปรับคุณมินนี่ที่หน้าคอนโดนะคะ ตามนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
มิรดาวางสายจากผู้หญิงที่ตัวเองติดต่อให้กับ
ธีธัชแทนนางแบบลูกครึ่งไทยสิงคโปร์ที่ธีธัชปฏิเสธที่จะขึ้นเตียงด้วยกลีบปากอิ่มเต็มที่มีเพียงลิปสติกสีชมพูอมส้มจางๆ แต้มอยู่เผยอออกจากกัน และพ่นลมออกมาแผ่วเบา
หล่อนทำหน้าที่เป็นเลขาฯ ของธีธัชทั้งเรื่องงานและก็เรื่องส่วนตัว ทำอย่างนี้มาห้าปีเต็มแล้ว และก็คงจะต้องทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าธีธัชจะไม่ต้องการหล่อนนั่นแหละ
แว่นตาหนาถูกถอดออกมาวางบนโต๊ะ เผยดวงตากลมโตที่มีขนตายาวงอนสีดำขลับล้อมกรอบเอาไว้
ตอนแม่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเคยบอกว่าหล่อนมีดวงตาที่หวานมาก ใครเห็นก็ต้องชื่นชม และหล่อนก็เคยภูมิใจกับมัน
แต่ตอนนี้หล่อนต้องหลบซ่อนมันเอาไว้ภายในแว่นหนาทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้สายตาสั้นแต่อย่างใด นั่นก็เพียงเพราะว่า หล่อนต้องการซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้จากใครบางคน
ธีธัช...
เจ้านายเพลย์บอยสุดหล่อของหล่อน
เขาคือผู้ที่กุมดวงใจของหล่อนเอาไว้ทั้งดวง ตั้งแต่แรกเห็นหน้า
เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าหล่อนหวั่นไหว และก็ฟุ้งซ่านแค่ไหนเมื่อได้ทำงานร่วมกับเขา แต่เขาก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า เขาคือสมภารที่ไม่มีทางกลืนกินไก่ในวัดของตัวเอง
หล่อนมีสิทธิ์แค่เพียงแอบรัก แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงมันออกไปเลย
ตอนที่ 2.ดังนั้นการได้ทำงานร่วมกับเขาทุกวัน ได้มองเขาในเวลาที่เขาเผลอ ได้พูดคุยกับเขา ได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเขา มันจึงมีค่ากับหล่อนมากมายเหลือเกิน เพราะอย่างนี้ไง ตลอดห้าปีที่ผ่านมา หล่อนถึงไม่เคยลาหยุดงานเลยหลายครั้งที่หล่อนอิจฉาผู้หญิงพวกนั้น และหลายครั้งที่หล่อนอยากจะขึ้นไปทำหน้าที่บนเตียงแทนพวกหล่อน แต่ก็จำต้องหยุดคิด เพราะหากหล่อนทำเช่นนั้นลงไป ธีธัชจะไม่มีวันยอมทำงานร่วมกับหล่อนอีก และแน่นอนว่า หล่อนจะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิด หรือว่าเห็นหน้าเขาอีกเลยชั่วชีวิตหล่อนต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ภายในใจ เก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกแม้ว่าจะรักเขามากมายแค่ไหนก็ตาม...หล่อนเจ็บปวดนะ ทรมานมากด้วย แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว“เมื่อกี้คุณทำได้ดีมากเลยนะคุณมิ้ม”เจ้าของช่วงขายาวเอ่ยชมเลขาฯ ของตัวเองไม่ขาดปาก หลังจากจบการประชุมใหญ่ และทุกอย่างราบรื่นจนน่าทึ่ง“ไม่ใช่เพราะมิ้มหรอกค่ะ เพราะบอสต่างหาก ลูกค้าถึงได้เชื่อถือและยอมตกลงเซ็นต์สัญญาง่ายกว่าที่คาดคิดเอาไว้”ชายหนุ่มหยุดเดิน และมองเลขาที่ตัวเองเล็กกว่าตนเองไม่น้อย ระดับศีรษะของหล่อนอยู่แค่ปลายคางของ
ตอนที่ 3.มิรดาจ้องมองภาพผู้หญิงที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาภายในห้องพักของตัวเองด้วยความอัศจรรย์ใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เพราะไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เห็นจากกระจกเงาจะคือตัวเองจริงๆ“นี่เราจริงๆ เหรอเนี่ย”มือเล็กยกขึ้นแตะใบหน้านวลที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจากช่างมืออาชีพที่ธีธัชจัดหามาให้ซ้ำไปซ้ำมาหล่อนจริงๆ ด้วย...กลีบปากอิ่มหนาเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูหวานแวววาว แก้มนวลถูกแต้มด้วยสีสันจนมองไม่เห็นผิวเนื้อแท้จริงดวงตาเลื่อนลงมามองที่ลำคอของตัวเองที่ถูกเปิดเผยออกมาจากอาภรณ์มากกว่าทุกครั้ง บ่าเนียนมีเพียงแค่สายเล็กๆ สองเส้นที่ร้อยจากคริสตัสสีทองคล้องเอาไว้ทั้งสองข้าง และต่ำลงไปกว่านั้นก็คือเนินอกสาวที่หล่อนไม่เคยเปิดเผยแกสายตาของใครมาก่อนเลยหล่อนไม่เคยมั่นใจกับรูปร่างของตัวเองเลย โดยเฉพาะที่หน้าอกมันใหญ่เกินตัว และมันก็ทำให้หล่อนต้องสวมใส่ชุดตัวใหญ่กว่าขนาดจริงมาตลอดตั้งแต่อายุสิบสอง หน้าอกของหล่อนโตเร็วและเด่นชัดกว่าเพื่อนๆ ร่วมชั้น ซึ่งขนาดของมันใหญ่โตจนถูกแซวจากเพื่อนผู้ชายบ่อยครั้งหล่อนต้องซ่อนตัวเองเอาไว้ภายใต้เสื้อตัวโคร่ง และก็ห่อไหล่ลงเมื่อต้องเดินผ่านผู้คน เพราะเกรงว่าห
ตอนที่ 4.หล่อนตอบรับเสียงเรียบ ขณะก้าวเดินตามคนตัวโตออกไป เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก“วันนี้บอสขับรถเองเลยเหรอคะ”“ใช่ครับ พอดีลุงแกไม่ค่อยสบาย ผมก็เลยขับเอง”“เอ่อ... ให้มิ้มขับให้ไหมคะ”ธีธัชที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงัก แววตาที่มองมามีประกายขบขัน“คุณคิดว่าผมจะเอาเปรียบคุณขนาดนั้นเลยหรือ คุณมิ้ม”“เอ่อ... บอสไม่ได้เอาเปรียบนะคะ แต่มิ้มเป็นเลขาฯ เอ่อ...”หล่อนยังพูดไม่จบ ธีธัชก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน“ผมรู้ว่าคุณทำเพื่อผมได้ทุกอย่าง คุณเก่ง คุณเป็นเลขายอดวิเศษที่ผมไม่อาจจะหาใครมาเทียบได้ แต่เรื่องขับรถ ให้ผมทำเองบ้างเถอะนะ”เขาหัวเราะขณะก้าวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยรถ หล่อนรีบก้าวตามขึ้นไปนั่งเบาะหน้าข้างๆ“มิ้มก็แค่อยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ”คนตัวโตที่เพิ่งคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ หันมามอง แต่สายตาของเขาไม่ได้มองหน้าของหล่อนหรอกนะ แต่มันจ้องไปที่หน้าอกที่ล้นทะลักของหล่อนแทน คล้ายกับเขาลืมตัวนี่ธีธัชจะรู้ไหมนะว่าสายตาของเขาทำให้หล่อนร้อนเป็นไฟรู้หรอกว่าเขาก็มองหล่อน เหมือนกับที่ผู้ชายมองผู้หญิงนมโตนั่นแหละ ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรเลย แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้“คุณทำหน้
ตอนที่ 5.หล่อนอยากกลับห้อง...ไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้เลยมิรดาก้มลงมองเนื้อตัวของตัวเองอย่างเวทนา ต่อให้หล่อนสวยแค่ไหน พยายามทำตัวให้คู่ควรกับเขายังไง แต่ธีธัชก็ไม่มีทางมองสองแขนยกขึ้นโอบกอดเนื้อตัวเอาไว้ด้วยความเหน็บหนาว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีเสื้อสูทของใครบางคนคลุมทับมาบนบ่า“อุ๊ยยยย...”หล่อนตกใจมาก รีบหันไปมอง ก็พบว่าผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเป็นเจ้าของเสื้อสูทบนบ่าบอบบางของตัวเอง“ผมเห็นคุณยืนตัวสั่นน่ะ ก็เลยให้ยืม”“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ”หล่อนจะส่งเสื้อสูทคืนเขา แต่เขาขยับออกห่าง และส่ายหน้า“ไม่เป็นไรครับ ยืมเถอะ ผมไม่คิดเงินหรอก”มิรดาอมยิ้มขบขันออกมาในที่สุด“ผมดีใจที่เห็นคุณหัวเราะนะครับ”“ฉันก็ไม่ได้ร้องไห้สักหน่อยนี่คะ”ผู้ชายเจ้าของเสื้อสูทเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะชวนหล่อนไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร และชวนคุยต่อ“ก็ผมเห็นคุณเดินหน้าเศร้านี่ครับ”หล่อนเอียงหน้ามองเจ้าของคำพูดที่ตัวเองไม่อาจจะปฏิเสธได้“นี่แสดงว่าคุณจับตามองฉันตลอดเวลาเลยอย่างนั้นเหรอคะ”เขาหัวเราะอีกแล้ว ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย หากหล่อนเป็นแบบเขาบ้างก็
ตอนที่ 5.หล่อนอยากกลับห้อง...ไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้เลยมิรดาก้มลงมองเนื้อตัวของตัวเองอย่างเวทนา ต่อให้หล่อนสวยแค่ไหน พยายามทำตัวให้คู่ควรกับเขายังไง แต่ธีธัชก็ไม่มีทางมองสองแขนยกขึ้นโอบกอดเนื้อตัวเอาไว้ด้วยความเหน็บหนาว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีเสื้อสูทของใครบางคนคลุมทับมาบนบ่า“อุ๊ยยยย...”หล่อนตกใจมาก รีบหันไปมอง ก็พบว่าผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเป็นเจ้าของเสื้อสูทบนบ่าบอบบางของตัวเอง“ผมเห็นคุณยืนตัวสั่นน่ะ ก็เลยให้ยืม”“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ”หล่อนจะส่งเสื้อสูทคืนเขา แต่เขาขยับออกห่าง และส่ายหน้า“ไม่เป็นไรครับ ยืมเถอะ ผมไม่คิดเงินหรอก”มิรดาอมยิ้มขบขันออกมาในที่สุด“ผมดีใจที่เห็นคุณหัวเราะนะครับ”“ฉันก็ไม่ได้ร้องไห้สักหน่อยนี่คะ”ผู้ชายเจ้าของเสื้อสูทเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะชวนหล่อนไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร และชวนคุยต่อ“ก็ผมเห็นคุณเดินหน้าเศร้านี่ครับ”หล่อนเอียงหน้ามองเจ้าของคำพูดที่ตัวเองไม่อาจจะปฏิเสธได้“นี่แสดงว่าคุณจับตามองฉันตลอดเวลาเลยอย่างนั้นเหรอคะ”เขาหัวเราะอีกแล้ว ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย หากหล่อนเป็นแบบเขาบ้างก็
ตอนที่ 4.หล่อนตอบรับเสียงเรียบ ขณะก้าวเดินตามคนตัวโตออกไป เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก“วันนี้บอสขับรถเองเลยเหรอคะ”“ใช่ครับ พอดีลุงแกไม่ค่อยสบาย ผมก็เลยขับเอง”“เอ่อ... ให้มิ้มขับให้ไหมคะ”ธีธัชที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงัก แววตาที่มองมามีประกายขบขัน“คุณคิดว่าผมจะเอาเปรียบคุณขนาดนั้นเลยหรือ คุณมิ้ม”“เอ่อ... บอสไม่ได้เอาเปรียบนะคะ แต่มิ้มเป็นเลขาฯ เอ่อ...”หล่อนยังพูดไม่จบ ธีธัชก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน“ผมรู้ว่าคุณทำเพื่อผมได้ทุกอย่าง คุณเก่ง คุณเป็นเลขายอดวิเศษที่ผมไม่อาจจะหาใครมาเทียบได้ แต่เรื่องขับรถ ให้ผมทำเองบ้างเถอะนะ”เขาหัวเราะขณะก้าวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยรถ หล่อนรีบก้าวตามขึ้นไปนั่งเบาะหน้าข้างๆ“มิ้มก็แค่อยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ”คนตัวโตที่เพิ่งคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ หันมามอง แต่สายตาของเขาไม่ได้มองหน้าของหล่อนหรอกนะ แต่มันจ้องไปที่หน้าอกที่ล้นทะลักของหล่อนแทน คล้ายกับเขาลืมตัวนี่ธีธัชจะรู้ไหมนะว่าสายตาของเขาทำให้หล่อนร้อนเป็นไฟรู้หรอกว่าเขาก็มองหล่อน เหมือนกับที่ผู้ชายมองผู้หญิงนมโตนั่นแหละ ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรเลย แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้“คุณทำหน้
ตอนที่ 3.มิรดาจ้องมองภาพผู้หญิงที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาภายในห้องพักของตัวเองด้วยความอัศจรรย์ใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เพราะไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เห็นจากกระจกเงาจะคือตัวเองจริงๆ“นี่เราจริงๆ เหรอเนี่ย”มือเล็กยกขึ้นแตะใบหน้านวลที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจากช่างมืออาชีพที่ธีธัชจัดหามาให้ซ้ำไปซ้ำมาหล่อนจริงๆ ด้วย...กลีบปากอิ่มหนาเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูหวานแวววาว แก้มนวลถูกแต้มด้วยสีสันจนมองไม่เห็นผิวเนื้อแท้จริงดวงตาเลื่อนลงมามองที่ลำคอของตัวเองที่ถูกเปิดเผยออกมาจากอาภรณ์มากกว่าทุกครั้ง บ่าเนียนมีเพียงแค่สายเล็กๆ สองเส้นที่ร้อยจากคริสตัสสีทองคล้องเอาไว้ทั้งสองข้าง และต่ำลงไปกว่านั้นก็คือเนินอกสาวที่หล่อนไม่เคยเปิดเผยแกสายตาของใครมาก่อนเลยหล่อนไม่เคยมั่นใจกับรูปร่างของตัวเองเลย โดยเฉพาะที่หน้าอกมันใหญ่เกินตัว และมันก็ทำให้หล่อนต้องสวมใส่ชุดตัวใหญ่กว่าขนาดจริงมาตลอดตั้งแต่อายุสิบสอง หน้าอกของหล่อนโตเร็วและเด่นชัดกว่าเพื่อนๆ ร่วมชั้น ซึ่งขนาดของมันใหญ่โตจนถูกแซวจากเพื่อนผู้ชายบ่อยครั้งหล่อนต้องซ่อนตัวเองเอาไว้ภายใต้เสื้อตัวโคร่ง และก็ห่อไหล่ลงเมื่อต้องเดินผ่านผู้คน เพราะเกรงว่าห
ตอนที่ 2.ดังนั้นการได้ทำงานร่วมกับเขาทุกวัน ได้มองเขาในเวลาที่เขาเผลอ ได้พูดคุยกับเขา ได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเขา มันจึงมีค่ากับหล่อนมากมายเหลือเกิน เพราะอย่างนี้ไง ตลอดห้าปีที่ผ่านมา หล่อนถึงไม่เคยลาหยุดงานเลยหลายครั้งที่หล่อนอิจฉาผู้หญิงพวกนั้น และหลายครั้งที่หล่อนอยากจะขึ้นไปทำหน้าที่บนเตียงแทนพวกหล่อน แต่ก็จำต้องหยุดคิด เพราะหากหล่อนทำเช่นนั้นลงไป ธีธัชจะไม่มีวันยอมทำงานร่วมกับหล่อนอีก และแน่นอนว่า หล่อนจะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิด หรือว่าเห็นหน้าเขาอีกเลยชั่วชีวิตหล่อนต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ภายในใจ เก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกแม้ว่าจะรักเขามากมายแค่ไหนก็ตาม...หล่อนเจ็บปวดนะ ทรมานมากด้วย แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว“เมื่อกี้คุณทำได้ดีมากเลยนะคุณมิ้ม”เจ้าของช่วงขายาวเอ่ยชมเลขาฯ ของตัวเองไม่ขาดปาก หลังจากจบการประชุมใหญ่ และทุกอย่างราบรื่นจนน่าทึ่ง“ไม่ใช่เพราะมิ้มหรอกค่ะ เพราะบอสต่างหาก ลูกค้าถึงได้เชื่อถือและยอมตกลงเซ็นต์สัญญาง่ายกว่าที่คาดคิดเอาไว้”ชายหนุ่มหยุดเดิน และมองเลขาที่ตัวเองเล็กกว่าตนเองไม่น้อย ระดับศีรษะของหล่อนอยู่แค่ปลายคางของ
ตอนที่1.“เข้ามาครับ”จบเสียงอนุญาตทุ้มทรงอำนาจ เรือนร่างของผู้หญิงที่มีส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นติเมตรก็ก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานกว้างที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูมีสไตล์ของ ธีธัช จรรยาธาดากุลมิรดา อาภากร เลขาผู้ทรงประสิทธิภาพของประธานกรรมการใหญ่ของบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และติดหนึ่งในห้าของทวีปเอเชียเขาเข้ามารับช่วงบริหารงานที่นี่ต่อจากคุณพ่อที่ว่างมือไปได้เกือบๆ ห้าปี ซึ่งตอนนั้นหญิงสาวก็ทำงานอยู่ที่นี่แล้ว แต่เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงแค่สองเดือนเศษเขารับช่วงงานต่อจากบิดา และก็รับช่วงเลขาหน้าห้องต่อจากท่านด้วยเช่นกันตอนแรกเขาปรามาสหญิงสาวเอาไว้ว่าไม่มีทางทนทำงานกับผู้ชายเจ้าระเบียบ และทุกอย่างต้องถูกต้องตรงเป๊ะไร้ที่ติ เพราะคนอย่างเขาไม่เคยรู้จักคำว่าผิดพลาดมาก่อน แต่มิรดากลับทำทุกอย่างได้ตรงตามความต้องการของเขาจนน่าทึ่งไม่มีคำว่าผิดพลาดในการทำงานของหล่อนเช่นกันเพราะอย่างนี้ไงล่ะ เขากับหล่อนจึงร่วมงานกันมาถึงห้าปีเต็ม ตั้งแต่หล่อนอายุยี่สิบเอ็ดจนตอนนี้หล่อนอายุยี่สิบหกแล้วแต่ถึงแม้วันเวลาจะเคลื่อนผ่านไปหลายปี แต่แม่เลขาทรงประสิทธิภาพตรงหน้าก็