หลังจากทดลองเดินทางไปบริษัทที่จะต้องไปทำงานมาสองวันแล้ว รติรสก็ตัดสินใจได้ว่าการนั่งรถเมล์ไปทำงานจะประหยัดเวลาเดินทางมากกว่าเพราะถ้าหากต้องขึ้นรถไฟฟ้าจะต้องเสียเวลาเดินขึ้นไปสถานีรถไฟฟ้าและบริษัทที่ตนเองทำงานก็อยู่ห่างสถานีรถไฟฟ้าพอสมควร ซึ่งถ้าหากนั่งรถเมล์รถก็จะจอดบริเวณหน้าบริษัทเลย ถึงแม้ผู้โดยสารจากค่อนข้างเยอะไปหน่อย แต่เธอก็อยู่ต้นสายจึงไม่ต้องลำบากยืนโหนรถเมล์
วันนี้ที่บริษัทมีการเรียกพนักงานใหม่เข้าไปชี้แจงกฎระเบียบต่างๆ ในเวลา 10 นาฬิกา แต่รติรสเตรียมตัวออกจากหอพักของเพื่อนตั้งแต่เช้า
“ไปก่อนสองชั่วโมงเลยเหรอโรส เช้าไปหรือเปล่า”
“โรสไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรก นันท์ล่ะจะออกไปพร้อมกันเลยไหม” รติรสถามเจ้าของห้องที่กำลังแต่งหน้าอย่างใจเย็น
“ไม่ล่ะวันนี้รุ่นพี่ที่ทำงานเขาจะแวะมารับ”
“รุ่นพี่แน่เหรอนันท์หรือว่าแฟน”
“อย่าเพิ่งเรียกว่าแฟนเลยโรส แค่ลองคุยกันได้ไม่กี่วันเอง”
“เขาเป็นรุ่นพี่ที่บริษัทเหรอ”
“อือ เขาทำงานก่อนนันท์ประมาณสองปี แต่เพิ่งมีโอกาสได้รู้จักกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง บ้านเขาอยู่เลยจากหอเราไปนิดหน่อย เห็นว่าไปทางเดียวกันแล้วเขาก็เลยอาสาจะมารับนะ”
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะไม่ต้องนั่งเบียดกับคนอื่นบนรถเมล์ไปทำงาน”
“แล้วโรสคิดว่าตัวเองไหวไหมล่ะ ที่นี่กับที่ทำงานไกลกันมากเลยนะ ที่นันท์ถามไม่ใช่ว่าไม่อยากให้โรสมาพักอยู่ด้วยนะ แต่ถ้าต้องทำงานจริงๆ และนั่งรถเมล์ไปทำงานโรสก็ต้องตื่นเช้ามากๆ”
“เมื่อวานโรสไปดูหอพักแถวที่ทำงานมาแล้ว จะว่างก็เดือนหน้าแต่โรสยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะลองถามหลายๆ ที่ก่อน”
“ดูหลายที่ก็ดีเหมือนกันจะได้เอาที่ถูกใจ”
“วันนี้หลังจากฟังการชี้แจงกฎระเบียบแล้วก็ไม่ได้เริ่มทำงานทันที บางทีอาจจะลองชวนเพื่อนที่มาเริ่มงานด้วยกันหาหอพักใกล้ๆ แถวนั้นอีกสักหน่อย”
“ถ้าได้เรื่องยังไงบอกนันท์ด้วยนะ”
“อือ ถ้างั้นโรสไปทำงานก่อนนะ แล้วเย็นนี้จะกลับมากินข้าวกับโรสหรือเปล่า”
“ก็ต้องกลับมากินข้าวกับโรสสิทำไมถามแบบนั้น”
“โรสก็นึกว่านันท์จะไปกินข้าวกับรุ่นพี่”
“ไม่หรอกตอนเย็นนันท์นั่งรถเมล์กลับคนเดียวพี่เขาอยู่ทำโอทีต่อนะ”
“ถ้าวันไหนพี่เขาไม่ทำโอทีพามาแนะนำให้โรสรู้จักบ้างสิ”
“รอให้คบกันก่อนนะโรส”
“เหมือนนันท์ยังไม่ค่อยแน่ใจ”
“อือ เราเพิ่งรู้จักเอง ไม่รู้ว่าจะคุยกันได้นานหรือเปล่า”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
“ก็พี่เขาเป็นถึงรองผู้จัดการฝ่าย ส่วนเราเป็นแค่พนักงานธรรมดาเอง”
“กลัวว่าจะมีปัญหาในที่ทำงานเหรอนันท์”
“ก็ประมาณนั้น คนตำแหน่งสูงกับคนตำแหน่งต่ำกว่าคบกันคนอื่นเขาก็จะมองว่าเราเข้าหาเขาเพราะอยากจะเลื่อนตำแหน่ง”
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ถ้าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่นสิ”
“โรสพูดเหมือนพี่เขาเลยนะพี่เขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน แต่นันท์คงต้องดูให้ดี ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้หรอกเผื่อเขาอาจจะแอบมีแฟนไว้ที่อื่นเราไม่อยากไปเป็นมือที่สามของใคร เรามีโอกาสเลือกคนที่เหมาะสมกับเรา”
“ข้อนี้โรสเห็นด้วยเลยนะ เราเพิ่งอายุยี่สิบสองเอง ยังมีโอกาสเลือกผู้ชายอีกเยอะเอาไว้อายุสามสิบค่อยลดสเปกลงดีไหม”
“สามสิบเลยเหรอโรส”
“อือ โรสคิดว่าผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกมากกว่าแต่ก่อนเยอะถ้ามันไม่ใช่ก็ไม่ต้องทนให้เสียเวลา อยู่เป็นโสดไปแบบนี้แหละดีแล้ว”
“โรสพูดเหมือนไม่อยากมีแฟนเลยนะ”
“ไม่ใช่ไม่อยากมีแฟนหรอก แต่ตอนนี้ยังไม่อยากสนใจใครทั้งนั้นโรสอยากตามหาแม่ให้เจอก่อน”
“ดูเหมือนว่าโรสจะตั้งความหวังเรื่องแม่ไว้มากเลยใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ โรสอยากรู้ว่าทำไมแม่ถึงหายไป เกิดอะไรขึ้นกับแม่กันแน่ โรสขอไปก่อนนะเดี๋ยวรถเมล์คนจะแน่น” หญิงสาวรีบโบกมือให้เพื่อนจากนั้นก็ลงจากหอพักเอามายังหน้าปากซอยแล้วนั่งรถเมล์คันที่ผ่านหน้าบริษัทพอดีหญิงสาวใช้เวลานั่งรถนานเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงหน้าบริษัท
เมื่อมาถึงรติรสก็ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องประชุมของบริษัทตามที่ได้รับรายละเอียดจากอีเมลของฝ่ายบุคคลที่แจ้งให้พนักงานใหม่ไปรวมกันที่นั่น
รติรสนั่งลงข้างๆ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอายุน่าจะใกล้เคียงกัน
“สวัสดีจ้ะเราชื่อโรสนะ เธอชื่ออะไร”
“เราชื่อส้มจ้ะ” ส้มหรือกัญญารัตน์ตอบพร้อมกับยิ้มเป็นมิตร
“ส้มมาสมัครงานแผนกอะไร”
“ส้มมาเป็นฝ่ายบุคคลน่ะ แล้วโรสล่ะ”
“โรสมาสมัครตำแหน่งแม่บ้าน”
“ตำแหน่งแม่บ้านทำไมแต่งตัวดีจังล่ะ” กัญญารัตน์มองรติรสที่สวมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวกับกระโปรงทรงเอและรองเท้าคัทชูดูเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่จะมาทำงานตำแหน่งแม่บ้านเลยแม่แต่น้อย
“ก็วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศโรสก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย”
“ขอโทษนะโรสจบอะไรมาถึงมาเป็นแม่บ้าน ส้มดูแล้วน่าจะเรียนมาสูงอยู่นะ” หญิงสาวถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะดูรูปร่างหน้าตาผิวพรรณแล้วเธอไม่เหมาะเลยที่จะมาทำงานในตำแหน่งแม่บ้าน
“โรสเรียนจบบัญชีมาน่ะ”
“อ้าวเรียนจบบัญชีแล้วทำไมมาสมัครตำแหน่งแม่บ้าน”
“ก็อยากหาอะไรที่มันท้าทายทำสักหน่อยนะ ว่าจะทำแม่บ้านสักปีสองปี แล้วค่อยไปสมัครตำแหน่งที่ตนเองเรียนมาน่ะ”
“โรสนี่แปลกคนจังเลยนะ แสดงว่าที่บ้านไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินใช่ไหม”
“ก็ประมาณนั้นแหละ อีกอย่างโรสมาทำตำแหน่งแม่บ้านก็อยากจะได้ข้อมูลไปเขียนนิยายด้วยนะ เพราะตำแหน่งนี้สามารถคุยกับคุณได้ทุกคนในบริษัท” หญิงสาวโกหกคำโตเพราะกลัวว่าจะถูกสงสัย
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง เหมือนในละครเลยเนอะที่นางเอกปลอมตัวไปเป็นแม่บ้านหรือบางครั้งก็ปลอมตัวไปสมัครงานในบริษัทต่างๆเพื่อจะหาข้อมูลมาเขียนนิยาย”
“อือ..ประมาณนั้นแหละโรสค่อนข้างจะเพ้อฝันนิดหน่อย”
“แต่ก็ดีนะได้ทำตามความต้องการของตนเองไม่เหมือนส้มหรอกจบมาก็ต้องรีบทำงาน แล้วโรสพักอยู่ที่ไหนล่ะ”
“โรสพักอยู่กับเพื่อน แต่หอพักอยู่ไกลเหมือนมากว่าจะลองหาใกล้ๆ แถวนี้ดูสักหน่อยแล้วส้มล่ะ”
“ส้มเช่าหออยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
“ค่าห้องเป็นยังไงบ้าง”
“ค่าหอสามพันห้าเองนะไม่แพงเลย แต่ห้องมันเล็กไปนิด”
“ยังมีห้องว่างอีกไหม” รติรสเริ่มมาสนใจเพราะราคานี้ค่อนข้างโอเคสำหรับแม่บ้านที่เงินเดือนหมื่นนิดๆ อย่างเธอ
“ก็พอมีห้องว่างอยู่นะ มีทั้งห้องพัดลมและห้องแอร์ ถ้าเป็นห้องพัดลมราคาก็จะถูกกว่านี้ แต่ถ้าบ้านโรสไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน ส้มว่าเอาเป็นห้องแอร์เถอะอากาศกรุงเทพมันร้อนมากๆ ถ้าสนใจจริงๆอบรมเสร็จจะตามส้มไปดูที่หอพักก็ได้นะ”
“ไปยากไหม”
“ไม่เลย แค่เดินเลาะไปทางซอยด้านหลังไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงห้องพักแล้ว”
“จริงเหรอมันอยู่ใกล้มากๆ เลยนะ”
“ใช้มันใกล้มากแต่คนไม่ค่อยพักหรอกเพราะห้องมันแคบน่ะ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราแล้วราคานี้ก็ถือว่าโอเค เราอยู่หอเฉพาะตอนกลางคืนตอนกลางวันก็มาทำงานค่าไฟก็คงไม่เท่าไหร่หรอกอีกอย่างมันค่อนข้างปลอดภัยหอนี้มีแต่ผู้หญิงพักทั้งนั้น แม้แต่คนดูแลก็เป็นผู้หญิง” กัญญารัตน์อธิบาย
“น่าสนใจมากเลย ถ้าเสร็จจากนี่แล้วโรสจะตามส้มไปดูนะ ส้มไม่มีธุระไปทำอะไรที่ไหนใช่ไหม”
“ไม่หรอก ถ้าได้พักที่เดียวกันก็ดีนะเพราะส้มก็ไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไหนเลย”
“อือ โรสก็ว่าดีเหมือนกัน”
พนักงานใหม่ที่เข้ามาฟังคำชี้แจงของบริษัทในวันนี้มีด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน ซึ่งทั้งหมดเป็นนักศึกษาจบใหม่ด้วยกันทั้งนั้นทำให้แต่ละคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หลังจากฟังชี้แจงรายละเอียดรวมถึงเซ็นสัญญาเสร็จแล้วรติรสก็โดนหัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียกตัวไว้ก่อน“โรสคงไปกับส้มไม่ได้แล้วแหละหัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียกโรสเข้าไปคุย” รติรสรู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้ตามกัญญารัตน์ไปดูหอพัก“ไม่เป็นไรจ้ะเอาไว้วันหลังค่อยไปดูก็ได้ เดี๋ยวเราก็คงได้เจอกันอีก โรสมีเบอร์โทรกับไลน์ไหมล่ะ”“มีสิ เราแลกไลน์กันไว้ก่อนดีกว่า มีอะไรจะได้คุยกัน”หลังจากแลกไลน์และเบอร์โทรศัพท์กับเพื่อนใหม่แล้วรติรสก็เดินตามหัวหน้าฝ่ายบุคคลไปยังห้องประชุมเล็กที่เธอเพิ่งออกมาเมื่อครู่“นั่งลงก่อนสิรติรส”“ขอบคุณค่ะพี่นงลักษณ์”“เรียกพี่ว่าพี่นิ่มก็ได้แล้ว รติรสมีชื่อเล่นไหม”“หนูชื่อเล่นว่าโรสค่ะ พี่นิ่มมีอะไรกับโรสหรือเปล่าคะ”“พี่เห็นวุฒิการศึกษาของโรสแล้วพี่รู้สึกแปลกๆ ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งแม่บ้านล่ะ”“เพราะโรสอยากหาประสบการณ์ค่ะ”“พี่ต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้นะ คนจบบัญชีแต่มาสมัครงานในตำแหน่งแม่บ้านมันน่าสงสัยอยู่มากๆ”“คือจริงๆ แล้วถ้าโร
เมื่อเรียนรู้งานกับคุณสุรีย์พรอย่างเร่งรัดมาเกือบสัปดาห์รติรสก็มีความมั่นใจในการจะทำงานในตำแหน่งเลขามากขึ้น วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวจะได้เจอกับเจ้านายเป็นครั้งแรก เธอไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนยังแบบไหน แต่หญิงสาวก็คิดว่าจะต้องทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดเธอมาถึงถึงบริษัทในเวลา 8.30 น.ซึ่งเป็นเวลาก่อนเข้างานครึ่งชั่วโมง แล้วตอนนี้บริเวณหน้าห้องทำงานของเจ้านายคนใหม่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หญิงสาวยิ้มก่อนจะสวัสดีทักทายเพราะดูแล้วเขาน่าจะอายุมากกว่าตนเอง“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีครับคุณคือคุณรติรสใช่ไหม”“ใช่ค่ะ แล้วคุณคือ...”“ผมชื่อเตวิชญ์ครับ เป็นผู้ช่วยของคุณบอริส”“อ้าว...เจ้านายก็มีลูกน้องอยู่แล้วทำไมยังจะต้องการเลขาอีกล่ะคะ” หญิงสาวถามด้วยความไม่เข้าใจเพราะถ้าหากเขามีคนทำงานอยู่ก่อนแล้วเธอก็ไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่าย“ผมดูแลในส่วนของธุรกิจฝั่งคุณพ่อบอสครับ ส่วนคุณจะมาดูเป็นเลขาในบริษัทนี้”“อ๋อ...”หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจเพราะคุณสุรีย์พรเล่าให้ฟังแล้วว่าเจ้านายที่เธอจะต้องทำงานด้วยนั้นนอกจากจะมีธุรกิจนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมแล้วยังมีธุรกิจผับบาร์และโรงแรมอีกหลายแห่งซึ่งเป็นธุรกิจที่ชา
“นายเชื่อสิ่งที่เธอบอกไหมเต”“ไม่ครับบอสผมว่าคงไม่มีใครลงทุนมาทำงานเป็นแม่บ้านเพื่อจะเอาข้อมูลไปเขียนนิยายเหรอครับ มันฟังดูไม่เมคเซนต์เท่าไหร่”“แต่ถ้าหากว่านายสืบแล้วว่าเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนของลุงสมบูรณ์ก็น่าจะเบาใจได้ เอาละนายไปทำงานของนายเถอะ เย็นนี้ไม่ต้องเข้าไปดูที่ผับก็ได้นะ”“ทำไมล่ะครับหรือว่าบอสจะเข้าไปดูเอง”“ฉันว่าจะเข้าไปดูเองสักหน่อย”“ผมเตรียมคนขับรถให้แล้ว ส่วนเบอร์โทรศัพท์ของเลขาเดี๋ยวผมส่งให้บอสทางไลน์นะครับ”“ขอบใจนะเต ถ้าฉันไม่ได้นายช่วยงานที่เมืองไทยฉันคงแย่แน่”เมื่อผู้ช่วยมือซ้ายออกจากห้องไปแล้วบอริสก็นั่งอ่านข้อมูลของบริษัทที่ให้คนของตนเองรวบรวมมาเปรียบเทียบกับรายงานที่ ลุงสมบูรณ์ส่งให้ซึ่งมันค่อนข้างแตกต่างกันมากและเขาจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป ชายหนุ่มปิดแฟ้มลงด้วยความโมโหจากนั้นก็กดอินเตอร์คอมเพื่อเรียกเลขา“โรสเข้ามาหาผมหน่อย”“ค่ะบอส”ไม่ถึงห้าวินาทีเลขาหน้าสวยก็เข้ามายังห้องของเจ้านายด้วยความรวดเร็ว“บอสมีอะไรจะใช้โรสคะ”“แฟ้มไปดูถึงไหนแล้ว”“คือโรสเพิ่งดูได้ไม่กี่หน้าเองค่ะ แต่โรสว่าตัวเลขมันค่อนข้างแปลกๆ ค่ะแต่โรสยังไม่แน่ใจเดี๋ยวจะขอทบทวนดูให้ด
นอกจากจะทำหน้าที่เป็นเลขาคอยช่วยงานบอริสแล้วอีกหน้าที่หนึ่งที่รติรสจะต้องรับผิดชอบมันก็คือการคอยสับรางให้เจ้านาย เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานที่นี่ก็มีผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาหาเขาอยู่หลายคน แต่ละคนก็ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แต่คนที่รติรสคิดว่าเจ้านายน่าจะชอบที่สุดน่าจะเป็นผู้หญิงที่ชื่อมินนี่เพราะทุกครั้งที่ผู้หญิงคนนี้มาเจ้านายกับเธอจะเดินตามกันออกไปแล้วจะไม่กลับเข้ามาที่บริษัทอีกเลยแต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงพวกนี้ชอบเจ้านายของเธอที่หน้าตาหรือชอบเพราะเงินของเขากันแน่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรรติรสก็รู้สึกอิจฉาผู้หญิงพวกนั้นนิดๆ เพราะได้ควงกับหนุ่มหล่อซึ่งคนอย่างเธอคงไม่มีโอกาสแบบนั้นรติรสไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตั้งแต่มาทำงานกับบอริสได้หนึ่งเดือนหญิงสาวจะรู้สึกชอบเขาเอามากๆ เพราะเขาเป็นเจ้านายที่ทำงานเก่งและใจดีมากแม้ว่าเธอจะเป็นเลขาที่ทำหน้าที่ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่เคยดุหรือใช้อำนาจของความเป็นเจ้านายทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเลยสักนิดบางครั้งเธอก็ตามเขาออกไปคุยงานกับลูกค้าเขาก็ปฏิบัติกับเธออย่างดี มันทำให้ความรู้สึกในใจของรติรสคิดกับเขามากกว่าเจ้านายจนลืมเรื่องที่ตัวเองเข้ามาทำงานที่นี่เพราะอะไร
รติรสหรือโรสหญิงสาววัย 22 ปีกำลังเก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เพราะบริษัทที่เธอสมัครงานไว้ตอบรับและให้เธอไปเริ่มงานในสัปดาห์หน้าหญิงสาวต้องลงไปกรุงเทพก่อนหนึ่งสัปดาห์เพื่อหาที่พักและระหว่างนี้ก็จะไปอาศัยอยู่กับเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน“ป้าไม่เข้าใจเลยทำไมหนูจะต้องไปทำงานไกลถึงกรุงเทพล่ะลูก เชียงใหม่บ้านเราก็มีบริษัทตั้งเยอะตั้งแยะหนูไม่คิดจะสนใจทำบ้างเหรอ”“ก็ที่นู่นให้เงินเดือนมากกว่านี้ค่ะป้าวรรณ แล้วที่นี่ก็มีคนรู้จักป้าวรรณกับลุงเรืองแล้วไหนจะพี่ฤทธิ์อีก ไปทางไหนก็มีแค่คนรู้จักหนูว่าพวกเขาก็คงรับหนูเข้าทำงานเพราะเกรงใจแน่ๆ”“เงินเดือนมากกว่าก็จริงแต่ค่าครองชีพก็สูงนะลูกแล้วไหนจะต้องเสียค่าที่พักอีกถ้าอยู่ที่นี่หนูไม่ต้องเสียค่าที่พักค่าอาหารก็ไม่ต้องเสียเลยนะโรส”“แต่หนูว่าที่นู่นมันโอกาสดีกว่านะคะป้า หนูจะใช้จ่ายอย่างประหยัดรับรองว่ามีเงินเหลือเก็บแน่ๆ”“นี่ป้าจะเปลี่ยนใจหนูไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม”“หนูขอไปหาประสบการณ์เยอะๆ ก่อนนะคะถ้าเบื่อแล้วจะกลับมาช่วยงานลุงกับป้าที่สวน”“ที่ป้าไม่อยากให้หนูไปเพราะป้ากลัวว่าหนูไปทำงานที่กรุงเทพแล้วจะหายไปเหมือนแม่”“หนูไม่หายไปหรอกค่ะป้า หนูจะพยายามต
แม้ว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่จะก้าวหน้ามากการติดต่อสื่อสารสะดวกสบายแต่มารดาของเธอก็เป็นคนไม่เล่นสื่อโซเชียลการตามหาทางนี้ก็เลยยาก เธอกับพี่ชายไปถามที่บริษัททุกคนก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่ามารดาของเธอลาออกไปแล้วหนึ่งเดือน หญิงสาวไปตามดูที่ห้องเช้าของมารดาเจ้าของห้องก็บอกว่ามารดาของเธอย้ายออกไปแล้วรติรสตัดสินใจแจ้งความคนหายแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะสองปีแล้วที่อรสามารดาของเธอขาดการติดต่อกับรติรสและครอบครัว เธอคิดว่ามันผิดปกติอย่างมากจึงอยากจะไปกรุงเทพและเข้าไปทำงานในบริษัทที่มารดาของตนเองเคยไปทำงานหลังจากเก็บของและตรวจความเรียบร้อยแล้วรติรสก็ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาใส่ท้ายรถกระบะเพื่อให้คุณป้าไปส่งยังสถานีรถไฟ“ไปถึงกรุงเทพกี่โมง”“ประมาณตีสี่ตีห้าค่ะ”“แล้วจะไปหาเพื่อนยังไง”“หนูจะรอให้เช้าแล้วค่อยนั่งรถเมล์เข้าไปหานันท์ค่ะ”“หนูไปถูกใช่ไหมโรส”“ไปถูกค่ะป้าห้องพักของนันท์อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเท่าไหร่นั่งรถเมล์ไม่กี่ป้ายก็ถึง ป้าวรรณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้าเจอนันท์แล้วหนูจะถ่ายรูปคู่กับนันท์ส่งให้ป้านะคะ ป้าจะได้สบายใจตกลงมั้ยคะ”“ตกลงจ้ะ อย่าล
บอริสชายหนุ่มลูกครึ่งรัสเซียเคลียร์เอกสารกองสุดท้ายบนโต๊ะเสร็จจากนั้นก็กดออดเรียกให้ลูกน้องคนสนิทเข้ามาในห้อง“เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับบอส”“ฉันเซ็นเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กำหนดการกลับเมืองไทยน่าจะเร็วกว่าเดิมสักอาทิตย์หนึ่ง” บอริสบอกกับลูก้าลูกน้องคนสนิท“ผมนึกว่าบอสจะไปต้นเดือนหน้า”“ตอนแรกฉันก็ว่าจะไปต้นเดือนหน้า แต่แม่อยากให้รีบเข้าไปที่บริษัทหน่อยนะ”บอริสหมายถึงมารดาของตัวเองที่หย่าขาดกับบิดามาสองปีแล้วท่านดูแลกิจการนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมอยู่ที่เมืองไทยโดยมีเขาคอยบินไปช่วยงานนานๆ ครั้ง แต่ตอนนี้มารดาของเขาอยากจะวางมือเพื่อพักผ่อน ชายหนุ่มเลยรีบกลับไปเมืองไทยเพื่อจะศึกษางานก่อนจะรับทุกอย่างมาดูแลแทน“ผมเพิ่งคุยกับเตวิชญ์เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาบอกว่าเตรียมหาเลขาคนใหม่ให้บอสแล้วนะครับ แต่จะมาเริ่มงานเดือนหน้า บอสไปก่อนแบบนี้เขาอาจจะหาเลขาให้บอสไม่ทันนะครับ”“ฉันใช้เลขาของคุณแม่ไปก่อนก็ได้ หรือถ้าช่วงนี้มีใครที่พอจะเข้าตาก็ให้มาทำงานช่วยคุณสุรีย์พรไปก่อน”“ถ้างั้นผมจะประสานงานกับเตวิชญ์ให้นะครับ”“อือ ขอเป็นคนใหม่ไม่ใช่คนเก่านะ ฉันไม่อยากได้คนของลุงสมบูรณ์เท่าไหร่ ช่วงที่ฉัน
เมื่อมาถึงโรงแรมบอริสก็เห็นว่าซูซานสวมชุดคลุมอาบน้ำรออยู่แล้ว“มาเหนื่อยๆ ดื่มอะไรหน่อยไหมคะบอริส” หญิงสาวเดินไปรินวิสกี้ส่งให้ชายหนุ่มอย่างรู้ใจ“ขอบใจมากนะซูซานพรุ่งนี้มีงานต่อที่ไหนหรือเปล่า”“ตอนแรกซูซานมีนัดถ่ายแบบกับนิตยสารค่ะ แต่พอลูก้าโทรมาซูซานก็เลยเลื่อนนัดเขาไปเป็นสัปดาห์หน้าเพราะอยากจะให้เวลากับคุณเต็มที่ ลูก้าบอกว่าคุณจะต้องกลับไปอยู่เมืองไทยหลายเดือนใช่ไหม”“ก็ตามนั้นแหละ”“ซูซานอยากไปเที่ยวเมืองไทยบ้างจัง ขอซูซานไปหาคุณบ้างได้ไหมคะ”“ฉันยังให้คำตอบเธอตอนนี้ไม่ได้หรอกนะซูซานเพราะที่เมืองไทยฉันมีงานที่จะต้องทำเยอะ”“คุณคงไม่มีผู้หญิงคนอื่นที่เมืองไทยนะ”“มีสิซูซานที่เมืองไทยมีแม่ของฉันอยู่”“ซูซานยังไม่เคยเจอแม่ของคุณเลยค่ะ ถ้าซูซานมีโอกาสไปทำงานที่เมืองไทยขอแวะไปทักทายคุณกับคุณแม่ได้ไหมคะ”“เธอคิดว่าจะไปเจอแม่ของฉันในสถานะอะไรล่ะ”“เพื่อนไงคะ เราเป็นเพื่อนกัน”“ถ้าเธอคิดได้แบบนั้นฉันก็อาจจะแนะนำเธอให้รู้จักกับแม่ แต่เมื่อไหร่ที่เธออยากเปลี่ยนสถานะเธอก็คงรู้ดีว่าจุดจบระหว่างฉันกับเธอจะเป็นแบบไหน”“ซูซานรู้ค่ะว่าการเป็นคู่นอนของคุณไม่สามารถบอกใครได้แต่ซูซานก็เต็มใจนะคะ ซูซ
นอกจากจะทำหน้าที่เป็นเลขาคอยช่วยงานบอริสแล้วอีกหน้าที่หนึ่งที่รติรสจะต้องรับผิดชอบมันก็คือการคอยสับรางให้เจ้านาย เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานที่นี่ก็มีผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาหาเขาอยู่หลายคน แต่ละคนก็ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แต่คนที่รติรสคิดว่าเจ้านายน่าจะชอบที่สุดน่าจะเป็นผู้หญิงที่ชื่อมินนี่เพราะทุกครั้งที่ผู้หญิงคนนี้มาเจ้านายกับเธอจะเดินตามกันออกไปแล้วจะไม่กลับเข้ามาที่บริษัทอีกเลยแต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงพวกนี้ชอบเจ้านายของเธอที่หน้าตาหรือชอบเพราะเงินของเขากันแน่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรรติรสก็รู้สึกอิจฉาผู้หญิงพวกนั้นนิดๆ เพราะได้ควงกับหนุ่มหล่อซึ่งคนอย่างเธอคงไม่มีโอกาสแบบนั้นรติรสไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตั้งแต่มาทำงานกับบอริสได้หนึ่งเดือนหญิงสาวจะรู้สึกชอบเขาเอามากๆ เพราะเขาเป็นเจ้านายที่ทำงานเก่งและใจดีมากแม้ว่าเธอจะเป็นเลขาที่ทำหน้าที่ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่เคยดุหรือใช้อำนาจของความเป็นเจ้านายทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเลยสักนิดบางครั้งเธอก็ตามเขาออกไปคุยงานกับลูกค้าเขาก็ปฏิบัติกับเธออย่างดี มันทำให้ความรู้สึกในใจของรติรสคิดกับเขามากกว่าเจ้านายจนลืมเรื่องที่ตัวเองเข้ามาทำงานที่นี่เพราะอะไร
“นายเชื่อสิ่งที่เธอบอกไหมเต”“ไม่ครับบอสผมว่าคงไม่มีใครลงทุนมาทำงานเป็นแม่บ้านเพื่อจะเอาข้อมูลไปเขียนนิยายเหรอครับ มันฟังดูไม่เมคเซนต์เท่าไหร่”“แต่ถ้าหากว่านายสืบแล้วว่าเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนของลุงสมบูรณ์ก็น่าจะเบาใจได้ เอาละนายไปทำงานของนายเถอะ เย็นนี้ไม่ต้องเข้าไปดูที่ผับก็ได้นะ”“ทำไมล่ะครับหรือว่าบอสจะเข้าไปดูเอง”“ฉันว่าจะเข้าไปดูเองสักหน่อย”“ผมเตรียมคนขับรถให้แล้ว ส่วนเบอร์โทรศัพท์ของเลขาเดี๋ยวผมส่งให้บอสทางไลน์นะครับ”“ขอบใจนะเต ถ้าฉันไม่ได้นายช่วยงานที่เมืองไทยฉันคงแย่แน่”เมื่อผู้ช่วยมือซ้ายออกจากห้องไปแล้วบอริสก็นั่งอ่านข้อมูลของบริษัทที่ให้คนของตนเองรวบรวมมาเปรียบเทียบกับรายงานที่ ลุงสมบูรณ์ส่งให้ซึ่งมันค่อนข้างแตกต่างกันมากและเขาจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป ชายหนุ่มปิดแฟ้มลงด้วยความโมโหจากนั้นก็กดอินเตอร์คอมเพื่อเรียกเลขา“โรสเข้ามาหาผมหน่อย”“ค่ะบอส”ไม่ถึงห้าวินาทีเลขาหน้าสวยก็เข้ามายังห้องของเจ้านายด้วยความรวดเร็ว“บอสมีอะไรจะใช้โรสคะ”“แฟ้มไปดูถึงไหนแล้ว”“คือโรสเพิ่งดูได้ไม่กี่หน้าเองค่ะ แต่โรสว่าตัวเลขมันค่อนข้างแปลกๆ ค่ะแต่โรสยังไม่แน่ใจเดี๋ยวจะขอทบทวนดูให้ด
เมื่อเรียนรู้งานกับคุณสุรีย์พรอย่างเร่งรัดมาเกือบสัปดาห์รติรสก็มีความมั่นใจในการจะทำงานในตำแหน่งเลขามากขึ้น วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวจะได้เจอกับเจ้านายเป็นครั้งแรก เธอไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนยังแบบไหน แต่หญิงสาวก็คิดว่าจะต้องทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดเธอมาถึงถึงบริษัทในเวลา 8.30 น.ซึ่งเป็นเวลาก่อนเข้างานครึ่งชั่วโมง แล้วตอนนี้บริเวณหน้าห้องทำงานของเจ้านายคนใหม่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หญิงสาวยิ้มก่อนจะสวัสดีทักทายเพราะดูแล้วเขาน่าจะอายุมากกว่าตนเอง“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีครับคุณคือคุณรติรสใช่ไหม”“ใช่ค่ะ แล้วคุณคือ...”“ผมชื่อเตวิชญ์ครับ เป็นผู้ช่วยของคุณบอริส”“อ้าว...เจ้านายก็มีลูกน้องอยู่แล้วทำไมยังจะต้องการเลขาอีกล่ะคะ” หญิงสาวถามด้วยความไม่เข้าใจเพราะถ้าหากเขามีคนทำงานอยู่ก่อนแล้วเธอก็ไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่าย“ผมดูแลในส่วนของธุรกิจฝั่งคุณพ่อบอสครับ ส่วนคุณจะมาดูเป็นเลขาในบริษัทนี้”“อ๋อ...”หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจเพราะคุณสุรีย์พรเล่าให้ฟังแล้วว่าเจ้านายที่เธอจะต้องทำงานด้วยนั้นนอกจากจะมีธุรกิจนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมแล้วยังมีธุรกิจผับบาร์และโรงแรมอีกหลายแห่งซึ่งเป็นธุรกิจที่ชา
พนักงานใหม่ที่เข้ามาฟังคำชี้แจงของบริษัทในวันนี้มีด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน ซึ่งทั้งหมดเป็นนักศึกษาจบใหม่ด้วยกันทั้งนั้นทำให้แต่ละคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หลังจากฟังชี้แจงรายละเอียดรวมถึงเซ็นสัญญาเสร็จแล้วรติรสก็โดนหัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียกตัวไว้ก่อน“โรสคงไปกับส้มไม่ได้แล้วแหละหัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียกโรสเข้าไปคุย” รติรสรู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้ตามกัญญารัตน์ไปดูหอพัก“ไม่เป็นไรจ้ะเอาไว้วันหลังค่อยไปดูก็ได้ เดี๋ยวเราก็คงได้เจอกันอีก โรสมีเบอร์โทรกับไลน์ไหมล่ะ”“มีสิ เราแลกไลน์กันไว้ก่อนดีกว่า มีอะไรจะได้คุยกัน”หลังจากแลกไลน์และเบอร์โทรศัพท์กับเพื่อนใหม่แล้วรติรสก็เดินตามหัวหน้าฝ่ายบุคคลไปยังห้องประชุมเล็กที่เธอเพิ่งออกมาเมื่อครู่“นั่งลงก่อนสิรติรส”“ขอบคุณค่ะพี่นงลักษณ์”“เรียกพี่ว่าพี่นิ่มก็ได้แล้ว รติรสมีชื่อเล่นไหม”“หนูชื่อเล่นว่าโรสค่ะ พี่นิ่มมีอะไรกับโรสหรือเปล่าคะ”“พี่เห็นวุฒิการศึกษาของโรสแล้วพี่รู้สึกแปลกๆ ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งแม่บ้านล่ะ”“เพราะโรสอยากหาประสบการณ์ค่ะ”“พี่ต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้นะ คนจบบัญชีแต่มาสมัครงานในตำแหน่งแม่บ้านมันน่าสงสัยอยู่มากๆ”“คือจริงๆ แล้วถ้าโร
หลังจากทดลองเดินทางไปบริษัทที่จะต้องไปทำงานมาสองวันแล้ว รติรสก็ตัดสินใจได้ว่าการนั่งรถเมล์ไปทำงานจะประหยัดเวลาเดินทางมากกว่าเพราะถ้าหากต้องขึ้นรถไฟฟ้าจะต้องเสียเวลาเดินขึ้นไปสถานีรถไฟฟ้าและบริษัทที่ตนเองทำงานก็อยู่ห่างสถานีรถไฟฟ้าพอสมควร ซึ่งถ้าหากนั่งรถเมล์รถก็จะจอดบริเวณหน้าบริษัทเลย ถึงแม้ผู้โดยสารจากค่อนข้างเยอะไปหน่อย แต่เธอก็อยู่ต้นสายจึงไม่ต้องลำบากยืนโหนรถเมล์วันนี้ที่บริษัทมีการเรียกพนักงานใหม่เข้าไปชี้แจงกฎระเบียบต่างๆ ในเวลา 10 นาฬิกา แต่รติรสเตรียมตัวออกจากหอพักของเพื่อนตั้งแต่เช้า“ไปก่อนสองชั่วโมงเลยเหรอโรส เช้าไปหรือเปล่า”“โรสไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรก นันท์ล่ะจะออกไปพร้อมกันเลยไหม” รติรสถามเจ้าของห้องที่กำลังแต่งหน้าอย่างใจเย็น“ไม่ล่ะวันนี้รุ่นพี่ที่ทำงานเขาจะแวะมารับ”“รุ่นพี่แน่เหรอนันท์หรือว่าแฟน”“อย่าเพิ่งเรียกว่าแฟนเลยโรส แค่ลองคุยกันได้ไม่กี่วันเอง”“เขาเป็นรุ่นพี่ที่บริษัทเหรอ”“อือ เขาทำงานก่อนนันท์ประมาณสองปี แต่เพิ่งมีโอกาสได้รู้จักกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง บ้านเขาอยู่เลยจากหอเราไปนิดหน่อย เห็นว่าไปทางเดียวกันแล้วเขาก็เลยอาสาจะมารับนะ”“แบบนี้ก็ดีเหมือ
ซูซานมีความสุขมากที่ตื่นมาแล้ว ยังเห็นว่าบอริสนอนอยู่ข้างๆ ตนเองหญิงสาวขยับเข้ามาใกล้ กอดเขาไว้อย่างรักใคร่และหลงใหล ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้เขาจะต้องรักอย่างหมดหัวใจเหมือนกับเธออย่างแน่นอน“คุณจะเดินทางไปเมืองไทยเมื่อไหร่คะบอริส”“อาทิตย์หน้า”“ก่อนไปเมืองไทยซูซานจะอยู่กับคุณทุกวันเลยดีไหมคะ เพราะถ้าคุณไม่อยู่ซูซานก็คงคิดถึงคุณมากแน่ๆ เลยค่ะ”“ฉันก็คงจะคิดถึงเธอเหมือนกันนะ” บอริสหมายถึงคิดถึงเซ็กซ์ของหญิงสาวไม่ได้คิดถึงตัวของหญิงสาวเลย แต่คำพูดของเขาก็ทำให้ซูซานรู้สึกดี“ฉันขอตัวก่อนนะมีอีกหลายอย่างต้องเคลียร์ก่อนไป”ซูซานเห็นเงินเข้ามาในบัญชีเยอะมากก็ทำเธอตกใจเพราะมันมากว่าทุกครั้งที่ชายหนุ่มเคยให้“ทำไมมันเยอะแบบนั้นล่ะคะบอริส”“เพื่อตอบแทนที่คุณมอบความสุขให้ผม”“แต่มันเยอะกว่าทุกครั้ง”“เพราะผมจะไม่อยู่ที่นี่นาน ผมก็อยากให้เงินคุณไว้ใช้เยอะหน่อยอย่าคิดมากเลยนะซูซาน”“เหตุผลแค่นี้จริงๆ ใช่ไหมคะ ไม่ใช่ว่าเงินนี่คือเงินค่าบอกเลิกนะ”“ผมจะบอกเลิกคุณได้ยังไงในเมื่อเราสองคนยังไม่เคยคบกันเลย เอาล่ะปล่อยตัวผมได้แล้วผมต้องรีบไป”คำพูดของชายหนุ่มทำให้ซูซานรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากแต่เธอก็ไ
เมื่อมาถึงโรงแรมบอริสก็เห็นว่าซูซานสวมชุดคลุมอาบน้ำรออยู่แล้ว“มาเหนื่อยๆ ดื่มอะไรหน่อยไหมคะบอริส” หญิงสาวเดินไปรินวิสกี้ส่งให้ชายหนุ่มอย่างรู้ใจ“ขอบใจมากนะซูซานพรุ่งนี้มีงานต่อที่ไหนหรือเปล่า”“ตอนแรกซูซานมีนัดถ่ายแบบกับนิตยสารค่ะ แต่พอลูก้าโทรมาซูซานก็เลยเลื่อนนัดเขาไปเป็นสัปดาห์หน้าเพราะอยากจะให้เวลากับคุณเต็มที่ ลูก้าบอกว่าคุณจะต้องกลับไปอยู่เมืองไทยหลายเดือนใช่ไหม”“ก็ตามนั้นแหละ”“ซูซานอยากไปเที่ยวเมืองไทยบ้างจัง ขอซูซานไปหาคุณบ้างได้ไหมคะ”“ฉันยังให้คำตอบเธอตอนนี้ไม่ได้หรอกนะซูซานเพราะที่เมืองไทยฉันมีงานที่จะต้องทำเยอะ”“คุณคงไม่มีผู้หญิงคนอื่นที่เมืองไทยนะ”“มีสิซูซานที่เมืองไทยมีแม่ของฉันอยู่”“ซูซานยังไม่เคยเจอแม่ของคุณเลยค่ะ ถ้าซูซานมีโอกาสไปทำงานที่เมืองไทยขอแวะไปทักทายคุณกับคุณแม่ได้ไหมคะ”“เธอคิดว่าจะไปเจอแม่ของฉันในสถานะอะไรล่ะ”“เพื่อนไงคะ เราเป็นเพื่อนกัน”“ถ้าเธอคิดได้แบบนั้นฉันก็อาจจะแนะนำเธอให้รู้จักกับแม่ แต่เมื่อไหร่ที่เธออยากเปลี่ยนสถานะเธอก็คงรู้ดีว่าจุดจบระหว่างฉันกับเธอจะเป็นแบบไหน”“ซูซานรู้ค่ะว่าการเป็นคู่นอนของคุณไม่สามารถบอกใครได้แต่ซูซานก็เต็มใจนะคะ ซูซ
บอริสชายหนุ่มลูกครึ่งรัสเซียเคลียร์เอกสารกองสุดท้ายบนโต๊ะเสร็จจากนั้นก็กดออดเรียกให้ลูกน้องคนสนิทเข้ามาในห้อง“เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับบอส”“ฉันเซ็นเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กำหนดการกลับเมืองไทยน่าจะเร็วกว่าเดิมสักอาทิตย์หนึ่ง” บอริสบอกกับลูก้าลูกน้องคนสนิท“ผมนึกว่าบอสจะไปต้นเดือนหน้า”“ตอนแรกฉันก็ว่าจะไปต้นเดือนหน้า แต่แม่อยากให้รีบเข้าไปที่บริษัทหน่อยนะ”บอริสหมายถึงมารดาของตัวเองที่หย่าขาดกับบิดามาสองปีแล้วท่านดูแลกิจการนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมอยู่ที่เมืองไทยโดยมีเขาคอยบินไปช่วยงานนานๆ ครั้ง แต่ตอนนี้มารดาของเขาอยากจะวางมือเพื่อพักผ่อน ชายหนุ่มเลยรีบกลับไปเมืองไทยเพื่อจะศึกษางานก่อนจะรับทุกอย่างมาดูแลแทน“ผมเพิ่งคุยกับเตวิชญ์เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาบอกว่าเตรียมหาเลขาคนใหม่ให้บอสแล้วนะครับ แต่จะมาเริ่มงานเดือนหน้า บอสไปก่อนแบบนี้เขาอาจจะหาเลขาให้บอสไม่ทันนะครับ”“ฉันใช้เลขาของคุณแม่ไปก่อนก็ได้ หรือถ้าช่วงนี้มีใครที่พอจะเข้าตาก็ให้มาทำงานช่วยคุณสุรีย์พรไปก่อน”“ถ้างั้นผมจะประสานงานกับเตวิชญ์ให้นะครับ”“อือ ขอเป็นคนใหม่ไม่ใช่คนเก่านะ ฉันไม่อยากได้คนของลุงสมบูรณ์เท่าไหร่ ช่วงที่ฉัน
แม้ว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่จะก้าวหน้ามากการติดต่อสื่อสารสะดวกสบายแต่มารดาของเธอก็เป็นคนไม่เล่นสื่อโซเชียลการตามหาทางนี้ก็เลยยาก เธอกับพี่ชายไปถามที่บริษัททุกคนก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่ามารดาของเธอลาออกไปแล้วหนึ่งเดือน หญิงสาวไปตามดูที่ห้องเช้าของมารดาเจ้าของห้องก็บอกว่ามารดาของเธอย้ายออกไปแล้วรติรสตัดสินใจแจ้งความคนหายแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะสองปีแล้วที่อรสามารดาของเธอขาดการติดต่อกับรติรสและครอบครัว เธอคิดว่ามันผิดปกติอย่างมากจึงอยากจะไปกรุงเทพและเข้าไปทำงานในบริษัทที่มารดาของตนเองเคยไปทำงานหลังจากเก็บของและตรวจความเรียบร้อยแล้วรติรสก็ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาใส่ท้ายรถกระบะเพื่อให้คุณป้าไปส่งยังสถานีรถไฟ“ไปถึงกรุงเทพกี่โมง”“ประมาณตีสี่ตีห้าค่ะ”“แล้วจะไปหาเพื่อนยังไง”“หนูจะรอให้เช้าแล้วค่อยนั่งรถเมล์เข้าไปหานันท์ค่ะ”“หนูไปถูกใช่ไหมโรส”“ไปถูกค่ะป้าห้องพักของนันท์อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเท่าไหร่นั่งรถเมล์ไม่กี่ป้ายก็ถึง ป้าวรรณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้าเจอนันท์แล้วหนูจะถ่ายรูปคู่กับนันท์ส่งให้ป้านะคะ ป้าจะได้สบายใจตกลงมั้ยคะ”“ตกลงจ้ะ อย่าล