ไอแซ็คอุ้มเจเนวีขึ้นมาจากโต๊ะอาหารเมื่อเธอไม่สามารถนั่งตัวตรงได้อีกแล้ว เขาปรายสายตามองหน้าอีริคเล็กน้อย“อย่าให้ถึงขั้นทำให้องค์หญิงสลบไปอีกนะครับ”เขารู้ดีว่าคำกล่าวเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ใครจะไปสนใจคำพูดของหมอนี่กันล่ะ“เรื่องของข้า ต่อให้นางสลบไปนางก็สลบในอ้อมแขนของข้าต่างหาก”เมื่อกล่าวจบไอแซ็คก็พาเจเนวีมาที่เรือนหลัก เขาไม่ได้พาเธอกลับไปที่ห้องนอนของเธอแต่เขากำลังพาเจเนวีมาที่ห้องนอนของเขา..“ท่านแกรนด์ดยุคครับ..องค์หญิงจำเป็นจะต้องกลับไปยังเรือนรับรอง..”เบรเดนใช้ตัวเขาขวางทางของไอแซ็คเอาไว้ และนั่นทำให้ไอแซ็ครู้สึกหงุดหงิดมากทีเดียว เขาอยากจะเดินเข้าไปแล้วใช้กำปั้นทุบหน้าของหมอนี่สักหน กล้าดีอย่างไรถึงได้มาขัดขวางเขาน่ะ..“เจนนี่เต็มใจไปกับข้า ไม่เชื่อเจ้าก็ถามนางดูสิ..เจนนี่เจ้ายินดีไปกับข้ารึเปล่า”ดวงตาของเธอฉ่ำวาว เนื้อตัวแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของไวน์ที่ดื่มเข้าไป“ค่ะ..ข้ายินดีไปกับท่านไอแซ็คเองค่ะ..แต่ว่า..หากครั้งนี้ท่าน..ทรมานข้าอีก..ละก็ ข้าจะ..ไม่”เขารีบก้มใบหน้าลงไปเพื่อจูบปิดปากของเจเนวีเร็วๆ ให้เธอหยุดยั้งคำกล่าวต่อไป“เห็นไหม..นางเต็มใจไปกับข้า..ส่วนเจ้าน่ะกลับไ
“ไอแซ็คลูกรัก..จงจดจำเอาไว้ในใจอยู่เสมอว่าอย่าหลงรักใครอย่างเด็ดขาด..ความรักจะกัดกินหัวใจของลูกให้แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี เมื่อหัวใจถูกย่ำยีจนไม่หลงเหลือจิตวิญญาณ เมื่อนั้นชีวิตของลูกก็จะสูญสิ้นตามไป..”เขาเฝ้ามองมารดาที่ร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าอาดูรมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนานในช่วงวัยเด็ก ทั้งๆ ที่บิดาของเขาคือผู้กล้าแห่งยุค คือทหารรับจ้างที่สามารถดำรงยศขุนนางได้ด้วยความสามารถของตัวเอง มิใช่จากชาติกำเนิดหรือว่าจากเงินทอง..ชื่อของอีรอน โรแลนด์นั้นเด่นหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับ ถึงแม้ว่าในยามนั้นเขาจะยังอ่านไม่ออกแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าข้อความบนหนังสือพิมพ์เหล่านั้นมันคือข้อความสรรเสริญอย่างแน่นอน..ไอแซ็คในวัยเด็กเคยรู้สึกโชคดีมากกว่าใครที่วีรบุรุษในสงครามคือท่านพ่อของเขาทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นและสวยงาม เส้นทางการเป็นท่านดยุคของท่านพ่อราวกับโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ..จนถึงงานเลี้ยงต้อนรับท่านดยุคแห่งโรแลนด์ที่ท่านแม่จัดขึ้นมาในคฤหาสน์ที่ได้รับพระราชวังทานจากองค์จักรพรรดิ..ไม่มีชนชั้นสูงผู้ใดเข้าร่วมงานเลยแม้แต่ผู้เดียว..ท่านแม่ที่เฝ้าทุ่มเทจัดงานเลี้ยงยืนมองบรรยากาศที่แสนว่างเปล่าในงานด้วยด
เจเนวีหน้าแดงก่ำ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังเมาเหล้าหรือว่าเมาความหล่อของท่านอีริคกันแน่พระเจ้าช่วย เขาพาเธอมาที่บ้านของเขา..บ้านของเขาที่ไม่ใช่ที่วิหารแต่มันคือบ้านที่อยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร บ้านไม้ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบสุดๆ ที่ด้านหน้าคือน้ำตกที่ได้ยินเสียงน้ำไหลลงมาเอื่อยๆ เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านในก็พบความเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบสุดๆ ..ภาพลักษณ์ของเขาก็ดูไม่เหมือนคนที่จะทำบ้านรกอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว“อะ..เอ่อ ถึงแม้ว่าข้าจะรวบรวมความกล้าเพื่อพูดไปแบบนั้น แต่ว่า..ข้าอยากให้องค์หญิงให้เวลาข้าสักหน่อย”อีริคหน้าแดงก่ำ เขาพึ่งเคยพาสตรีมาที่บ้านของตัวเองครั้งแรกเลย ไม่รู้ว่าองค์หญิงเจเนวีจะคิดว่าที่นี่มันซอมซ่อมากเกินไปรึเปล่า แต่ว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะพาพระองค์ไปที่ไหนที่มันจะเป็นส่วนตัวมากพอ จนเราทั้งคู่สามารถพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาได้“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจดีว่า..ท่านกำลังประหม่า..”ดูแล้วเขาก็ไม่น่าจะเป็นพวกปิดประตูปุ๊บใส่ยับกันเลยอะไรแบบนั้น แต่ว่า..นี่เรายังจะคุยกันอีกงั้นเรอะ ฉันนึกว่าที่เขาพาฉันมาที่นี่เพราะว่าเรามีความต้องการอันแรงกล้าที่จะ..ถาโถมร่างกายใส่กันให้ย่อยยั
อีริคกำลังเฝ้าภาวนาอย่างสุดหัวใจ ขอให้ทุกการกระทำของเขาไม่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจหรือว่ารู้สึกไม่ชอบใจ ใครๆ ต่างบอกกับเขาอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนที่มักจะทำอะไรๆ ได้ดีตั้งแต่ในครั้งแรก แต่ถึงอย่างนั้นในเรื่องนี้ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกมั่นใจได้เลยเขายังคงประหม่า..แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีความต้องการอัดแน่นในหัวใจเช่นเดียวกันอีริควางมือลงเบาๆ บนทรวงอกอวบอิ่ม สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้เจเนวีหายใจไม่ทั่วท้อง นิ้วมือเรียวยาวจิกแน่นลงบนผ้าปูเตียงราวกับต้องการผ่อนคลายให้ได้มากที่สุดเธอช้อนสายตามองหน้าเขา เมื่อใบหน้าที่หล่อเหลาพลันพรมจูบที่รอบเรียวขาขาวเนียน เขาใช้ปลายลิ้นขบเม้มไล้ขึ้นมาจนถึงโคนขาอ่อนด้านใน จ้องมองร่องรักสีชมพูราวกับผลไม้สุกงอม กลีบเนื้ออ่อนนุ่มเหมือนดอกบัวที่แรกแย้มบานรับแสงแรกของดวงตะวัน เขาหลับตาลงก่อนจะซุกใบหน้าเข้าหาส่วนนั้นอย่างไม่คิดรั้งรอ..“อะ..อีริค อื้อ!!”ความร้อนและเปียกชื้นกำลังทำให้สะโพกของเธอแอ่นขึ้นมาในทันที ขณะที่เธอแอ่นขั้นกลีบปากของเขาก็ไล่ตามขึ้นมาอย่างไม่ลดละ หยาดน้ำหวานสีใสถูกดูดกลืนจากกลีบปากของเธอด้วยเสียงแห่งความลามก แน่นอนว่ามันน่าอายแต่ทว่าเธอเปียกชื้นตั้งแ
คราแรกอีริคนั้นไม่มีความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น ว่าเหตุใดทางวิหารเน้นย้ำถึงข้อห้ามเรื่องความผิดบาปเรื่องตัณหาและราคะ ท่านคาดินันลำดับที่หนึ่งที่พาเขาเข้าสู่หนทางที่แสนบริสุทธิ์นั้นได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนว่า หนทางที่จะนำไปสู่ความสุขที่แท้จริงจะต้องปราศจากเรื่องพวกนั้น จะต้องไม่มีตัณหาและความลุ่มหลงมาครอบงำจิตใจ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถเดินทางเข้าสู้หนทางอันเต็มไปด้วยแสงสว่างพวกนั้นได้..เขาพึ่งเข้าใจในยามนี้เองว่าเหตุใดเขาจึงถูกสั่งให้ระงับอารมณ์ตัณหาของตัวเอง กดข่มมันเอาไว้ภายใต้จิตใจไม่ให้แสดงออกมาให้ใครหน้าไหนมองเห็น..เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงมากแค่ไหนก็ในยามที่เขาได้ยินเสียงครางหวานๆ ของเจเนวี เธอหลุดเสียงครางออกมาทุกครั้งที่หายใจ ใบหน้างามแหงนขึ้นพร้อมกับเรียวนิ้วที่จิกทึ้งลงไปบนแผ่นหลังของเขา เล็บยาวๆ จิกลึกลงไปบนชั้นผิวหนังของเขาเพื่อระบายความรู้สึกรุ่มร้อนที่นางได้รับออกไป แน่นอนว่ามันเจ็บ..ถึงจะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอยู่ดี แต่ในยามนี้เขาไม่คิดจะผลักไสปลายนิ้วนั้นออกไปจากร่างกายเลย หากว่าการจิกทึ้งลงไปบนแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกดีมากยิ่ง
คืนนี้มันคืออะไรกัน เจเนวีมั่นใจว่าตัวเองเมา..ใช่คราแรกมันเป็นเช่นนั้นและท่านอีริค นั้นแสนอ่อนโยนกับเธอมากเหลือเกินจนเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองเมาสุราหรือว่าเมาท่านอีริคกันแน่ทว่าในยามนี้ความอ่อนโยนจางหายไปจนหมดสิ้น บนเตียงนอนไม่เหมือนกับสนามรักอีกแล้วแต่ทว่ามันคือสนามรบ จอมปีศาจที่อยู่ในตัวของท่านอีริคกำลังโอ้อวดความสามารถของเขาผ่านทางท่าท่างมากมายที่สรรหาทำ..เขาจับเธอนอนคว่ำก่อนจะใช้หมอนรองเพื่อยกให้ตัวโก่ง แล้วใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนี“ข้าแค่คาดหวังว่าท่านจะยินยอมให้ข้าได้พัก..อื้อ!! พักหายใจ..อ๊ะ!”เขาจับเข้าที่แก่นกายก่อนจะเคาะรอบรอยแยก แล้วสอดทแยงเข้าไปในครั้งเดียวจนสุดลำแท่ง เธอหลับตาลงพร้อมกับหยาดน้ำตาแวววาวที่กำลังไหลเอ่อ ตอนนี้เจเนวีมั่นใจว่าตนเองไม่ได้เมาแล้ว เธอสร่างเมาตั้งแต่ที่เขาพาเธอเดินรอบห้องไปเมื่อครู่แล้ว เราเสร็จสมนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าเขากลับไม่ยินยอมที่จะรู้จักคำว่าพอ เธอเองก็ไม่ร้องห้าม..เอาสิ! หากมันจะขาดใจตายก็ให้ตายลงไปด้วยความสุขสมที่เขากำลังจะมอบให้เธอซะเถิด..อย่างน้อยที่สุดการเสียชีวิตไปแบบนั้นอาจจะดีก็ได้เพราะเธอได้ขึ้นสวรรค์ตั้
ช่วงเวลาแสนหวานนั่นราวกับช่วงที่ผลไม้สุกงาม หอมหวานและน่ารักประทาน เราผลัดกันลิ้มรสชาติแสนหวานที่หาไม่ได้จากผู้อื่น ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาโอบกอดเธอเอาไว้ และครั้งแล้วครั้งเล่าที่ริมฝีปากของท่านอีริค หว่านพรมรอบจูบลงไปบนร่างกายของเธอได้อย่างแนบแน่นและแนบเนียน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เจเนวีได้สัมผัสถึงการถูกใครสักคนรักและเอาใจใส่ใช่แล้ว..ท่านอีริคดูเหมือนจะชอบเธอมากจริงๆ ให้ตายสิ และ..ปีศาจในร่างกายของเขาก็ถูกปลดปล่อยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ตามที่เราตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่ในสวนครั้งที่แล้ว แค่เธอยินยอมนอนกับท่านอีริคสิบครั้งเท่านั้น มาร์โคก็จะยินยอมหนีจากไปจากร่างกายของท่านอีริค และช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันนั้น..อย่าว่าแต่สิบครั้งเลย เราพูดกันน้อยกว่าการส่งเสียงร้องครางด้วยซ้ำ“หากสามารถเลือกได้ กระหม่อมอยากให้องค์หญิงอยู่ที่นี่กับกระหม่อมตลอดไป..เราไม่ต้องกลับไปที่คฤหาสน์โรแลนด์แล้วดีไหมพ่ะย่ะค่ะ ท่านหญิงเซียร่าจะต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน”เธอจับมือเขาพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ เธอชอบที่นี่นะ ชอบจนอยากจะอยู่ที่นี่กับเขาตลอดไปเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่าไม่มีใครหลบหนีปัญหาได้ตลอด และ..เธอเหนื่อยแล้วล
เขาแสดงออกไม่เก่งและ..พูดออกมาตามที่ใจรู้สึกไม่เป็น ทว่าในใจของไอแซ็คตอนนี้เขาไม่อยากจะฝืนใจของเจเนวีเลย เขาจับมือเธอเอาไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างเพื่อสวมชุดเดรสกลับเข้าไปให้เธออย่างช้าๆ ..ระหว่างเราไม่มีเสียงพูดคุยอะไรเลยมีแค่เสียงมือของเขาที่กำลังติดกระดุมเสื้อคลุมให้เธอเท่านั้น“มันไม่มีความหมายอะไรกับเจ้าเลยงั้นหรือ ช่วงเวลาที่เราใช้ด้วยกัน..”เขาจะถามเธอให้มันได้อะไรขึ้นมากันนะ ในเมื่อเขาไม่ได้คิดจะรักเธอน่ะเธอช้อนสายตามองหน้าเขา ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมใบหน้านั้นเอาไว้“เพราะมันมีความหมายข้าจึงต้องการให้มันชัดเจนมากกว่านั้น..ความสุขของท่านแกรนด์ดยุคคือการยืนอยู่บนความสัมพันธ์ที่มันไม่แน่นอนอย่างนั้นหรือคะ ท่านไม่อยากบอกใครต่อใครหรือว่าเราคือคนรักกัน ว่าข้าคือภรรยาของท่านและท่านคือสามีของข้า..แต่ข้าอยากทำแบบนั้นนะคะ ข้าอยากจะประกาศก้องให้ทุกคนรู้ว่าแกรนด์ดยุคโรแลนด์ที่เหล่าสตรีต่างหมายปองผู้นั้น..คือคนรักของข้า..เพราะแบบนั้นข้าจึงอยากให้ท่านหยุดมันเสีย หากไม่คิดสานต่อหรือว่าไม่คิดจะจริงจังกับข้า การปล่อยข้าไปนั่นมันยากเย็นตรงไหนกันคะ..”คำกล่าวของเธอนั้นเสียบคาอยู่ในส่วนลึกของหัวใจโดยท
เบรเดนกำลังผูกผ้าโพกหัวให้กับเจเนวี และนี่คือปัญหาเพราะว่าเขาทำมันได้ยากเย็นมากยิ่งนัก สาเหตุหลักๆ มันมาจากสายตาของเธอที่กำลังจ้องมองหน้าเขาไม่ละสายตาเลย“อย่ามองกันแบบนั้นสิครับ..”ใบหน้าที่แดงระเรื่อของเขามันน่ารักชะมัดเลย ไม่ว่าเราจะอยู่กันกี่ปีแต่ความเขินอายของเขาก็ทำให้เธออดแกล้งไม่ได้ทุกทีเลย“อันที่จริงท่านเจนนี่รออยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ วันนี้แดดแรงยิ่งนัก ข้าจะไปขุดหัวมันมาให้ท่านเอง”“ข้าไม่อยากรออยู่เฉยๆ นี่คะ ให้ข้าไปด้วยเถอะนะ เห็นแบบนี้แต่ข้าก็ขุดหัวมันเก่งมากเลยนะ ไม่เชื่อถามมีนาได้เลย”มีนาลาออกจากการเป็นสาวใช้ของท่านแกรนด์ดัชเชสมาสร้างครอบครัวอยู่ที่ชนบท..และเบรเดนพาเธอมาเยี่ยมมีนาทุกปีเลย“ให้ท่านหญิงได้ทำด้วยเถิดเบรเดน แต่ไหนแต่ไหนท่านล้วนแล้วแต่ชื่นชอบการลงมือทำด้วยตัวเองทั้งนั้น”เบรเดนรู้ดีว่าเขาไม่สามารถขัดใจสตรีผู้นี้ได้หรอก“เช่นนั้นตามข้ามาครับ..ต้องรับปากก่อนนะครับว่าหากท่านทนแดดไม่ไหวหรือมีอาการเวียนหัวท่านจะต้องบอกข้าในทันที”“เห็นแบบนี้ข้าแข็งแรงมากกว่าที่เจ้าคิดนะ ไม่อย่างนั้นในปีแรกที่แต่งงานข้าคงจะตายไปแล้ว..”เธอกระซิบบอกเขาด้วยใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ
เจเนวีกำลังนั่งเท้าคางเพื่อมองดูพิธีอะไรสักอย่างที่แม่หมอกำลังทำกับป้ายหลุมศพของท่านอีเรน ส่วนท่านอีริค..เขากำลังตั้งอกตั้งใจมองดูการทำพิธีของแม่หมอมากทีเดียวหรือว่าเขาจะหันมาเอาดีทางด้านการทำนายและการทำพิธีอะไรพวกนั้นกันนะ“พิธีในปีนี้เสร็จแล้วค่ะ..ปีหน้าเราพบเจอกันใหม่นะคะท่านแกรนด์ดัชเชส”อีริคจ่ายเงินให้กับแม่หมอพวกนั้น ส่วนเจเนวีเธอลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจเพื่อยืดเส้นยืดสาย“วันนี้รอบๆ วิหารมีงานเทศกาลนะคะท่านแกรนด์ดัชเชส หากว่าท่านไม่รีบกลับลองไปเดินเที่ยวดูได้นะคะ”เจเนวีส่งยิ้มให้กับแม่หมอ“ขอบคุณนะคะ ข้าจะลองไปเดินดูสักหน่อย”งานเทศกาลอย่างนั้นหรือ น่าตื่นเต้นชะมัดเลย“คิดอะไรซนๆ อีกรึเปล่าครับ..ที่รัก”คำว่าที่รักที่ถูกเรียกออกมาจากริมฝีปากของท่านอีริคไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็ชวนให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งสิน่า..เธอจิ้มปลายนิ้วลงบนกรอบแว่นตาของเขา“แล้วจะตีข้ารึเปล่าคะ หากว่าข้าซนน่ะ”อีริคอมยิ้ม เขากระซิบที่ข้างหูของเจเนวีเบาๆ“ตีแน่ๆ ครับ..รับรองได้เลยว่าท่านจะต้องถูกตีที่ก้นแน่ๆ”ความหวานละมุนโอบล้อมรอบตัวเธอเอาไว้ เพียงแค่เขามองสบตามาก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งใบหยุดหมุน
ในชีวิตของเรานั้นจะมีสักกี่คนที่ทำให้เรารู้สึกอยากจะเป็นคนดี แน่นอนว่าในชีวิตของไอแซ็คเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยนึกอยากที่จะเป็นคนดีขึ้นในสายตาของผู้อื่น..จนเขาได้มาพูดคุยและทำความรู้จักกับเจเนวีภายนอกนั้นไม่ต้องอธิบายสิ่งใดเพิ่มเติมเลยเพราะว่าเธองดงามชนิดที่ว่าแทบจะละสายตาออกไปจากใบหน้านั้นไม่ได้เลย เป็นความสวยที่เจิดจรัสราวกับดวงดาวที่ค้างอยู่บนฟ้า แต่ทว่าข่าวลือเกี่ยวกับองค์หญิงผู้นั้นไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก นางมีดีแค่ความงามและชอบเริงรักกับบุรุษมากหน้าหลายตา..อีกทั้งจีซัสสั่งให้เขาสังหารนาง..แล้วโยนความผิดให้กับแม่เลี้ยงของเขาว่านี่คือการกระทำที่เป็นการทวงคืนอำนาจของอดีตองค์หญิง คราแรกเขาตั้งใจว่าจะทำเช่นนั้นจะสังหารเจเนวีด้วยมือคู่นี้ จัดการนางให้ย่อยยับและสิ้นซาก แต่บังเอิญว่าวันนั้นกลับมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับเราเธอเอายาแปลกๆ ให้เขาทานและนั่นทำให้ส่วนลับของเขาตั้งโด่ขึ้นมาไม่ยอมล้มเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ นั่นคือเรื่องยุ่งยากมากจริงๆ ในความคิดของไอแซ็ค เขาก่นด่าชื่อของเจเนวีออกมาวันละหลายๆ ครั้งเลยทีเดียวแต่เรื่องราวมันเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเขาและเธอใกล้ชิดกันมากยิ
ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปจากเดิมนิดหน่อย..ไม่สิไม่นิดหน่อยเพราะว่ามันเปลี่ยนไปจากเดิมมากทีเดียวข้อแรกหลังจากที่ฉันแต่งงานอย่างเรียบง่ายภายในคฤหาสน์โรแลนด์ที่มีแค่คนรู้จักและคนที่สนิทเท่านั้นที่มาร่วมงาน ท่านอีริคยังคงเป็นคาดินันอยู่เพราะแบบนั้นท่านจึงทำพิธีแต่งงานให้ฉันและท่านไอแซ็คด้วยตัวเองท่านป้ายังคงร้องไห้และก่นด่าท่านไอแซ็คไม่หยุด บ่นว่าท่านไอแซ็คนั้นไม่เหมาะสมกับฉันเลยสักนิดเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ท่านยินดีอย่างที่สุดก็หนีไม้พ้นที่ฉันเข้าไปเป็นลูกสะใภ้ของท่านป้า จากหลานเดินทางเข้าสู่การเป็นลูกสะใภ้ ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเราก็ยุ่งเหยิงเหมือนสายไฟฟ้าเหมือนกันนะเนี่ยเรื่องภายในระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ลืมไปได้เลยจ้าเพราะว่ามันไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นมาแน่ๆ ท่านป้าเลี้ยงเจเนวีมาเองกับมือและรักเจเนวีเป็นที่สุด เพราะแบบนั้นไม่มีทางที่ท่านป้าจะด่าหรือว่าฉันเลย แต่ท่านกลับบ่นท่านไอแซ็คแทน..หลังจากที่ฉันแต่งงานท่านอีริคก็ยื่นเรื่องลาออกจากการเป็นคาดินันต่อวิหาร และเขาได้รับการยินยอมอย่างง่ายดาย นั่นทำให้ตอนนี้ท่านอีริคคือผู้ช่วยของท่านไอแซ็คไปโดยปริยาย เนื่องจากธุรกิจของตระกูลโรแลน
เพราะเรื่องหลังจากนี้ไม่มีอะไรต้องให้คิดเยอะอยู่แล้ว เช่นนั้นหากระหว่างทางฉันแวะเล็กน้อยเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศระหว่างทางก็คงจะไม่นับว่าเป็นอะไรหรอกใช่ไหมบนรถม้าสั่นคลอนเล็กน้อยเมื่อเจเนวีลุกขึ้นมานั่งบนตักของอีริค เธอฝังริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของเขาอย่างลืมตัว แน่นอนว่าอีริคเองก็จูบตอบด้วยความเร่าร้อนเช่นเดียวราวกับว่าเขารอคอยจุมพิตนี้มาทั้งชีวิต เขาดูดดึงเรียวลิ้นเล็กๆ นั้นอย่างแรง เราจูบกันเนิ่นนานจนเกิดเสียงดังฉ่ำแฉะไปทั่วรถม้า เธอร้องครางในลำคอเมื่อมือของเขาเลิกกระโปรงของเธอขึ้นมาอีริคในวันนี้ดูร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเพราะว่าเราไม่ต้องคำนึงถึงอะไรทั้งนั้น..จากนี้ไปเราแค่คิดถึงความต้องการของตัวเองแค่เท่านั้นก็พอ เรื่องหลังจากนั้นไม่ต้องมาคอยวิตกกังวลใดๆ ทั้งสิ้นเขาใช้นิ้วจับแหวกกางเกงซับในของเธอไปไว้ที่ด้านข้างเพื่อให้นิ้วมือของเขาได้ลูบไล้กับกลีบดอกไม้ที่ฉ่ำแย้มนั้นโดยตรง เจเนวีเธอก็ไม่ยอมแพ้เธอจู่โจมเข้าที่กลางลำตัวของเขาอย่างอุกอาจ ปลายนิ้วกำลังเล่นสนุกอยู่กับความโค้งมนตรงส่วนปลายก่อนที่เธอจะเริ่มรูดรั้งมันขึ้นมาเพื่อปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนในใจของเขาขึ้นมาเขาจดจ้องดวงตาคู่นั้
อีริคเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาพบเจอท่านข้าหลวงที่เดินทางมาที่วิหารด้วยความเร่งรีบ“องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้จัดเตรียมจอกศักดิ์สิทธิ์และให้คาดินันระดับสูงไปทำพิธีหลั่งเลือดด้วย..เก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับแล้วเร่งรีบตามมาเถิด”อีริครีบเดินเข้าไปหาท่านคาดินันลำดับที่หนึ่ง“ให้ข้าช่วยนะครับ ท่านคาดินันไปเตรียมตัวเถิด ส่วนข้าจะไปจัดเตรียมของให้เอง”จะมีเรื่องใดอีกเล่าที่ต้องใช้วิธีการหลั่งเลือดใส่จอกศักดิ์สิทธิ์ หากมิใช่การเทียบเคียงสายเลือด พิธีนี่คือพิธีที่มีตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งจักรวรรดิ เพราะองค์จักรพรรดิองค์แรกมีความสัมพันธ์กับสตรีมากมาย นั่นทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มาแอบอ้างว่าตนเองคือองค์หญิงและองค์ชาย เรื่องนี้ทำให้เมืองหลวงปั่นป่วนมากทีเดียว ท่านคาดินันระดับสูงในช่วงเวลานั้นจึงเดินทางเพื่อตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่าผู้ใดที่กันแน่ที่มีสายเลือดขององค์จักรพรรดิจริงๆหากเป็นสายเลือดเดียวกัน เลือดที่หลั่งรินลงในจอกศักดิ์จะหลอมรวมเป็นหนึ่ง แต่ทว่าหากมิใช่สายเลือดเดียวกัน เลือดจะแยกตัวและไม่ทำให้น้ำในจอกเปลี่ยนเป็นสีแดง..หากอีริคคาดเดาไม่ผิด นี่
“ต้องคุยให้รู้เรื่องและเผยให้เห็นถึงความจริงใจนะคะ ข้ารู้ว่าท่านไอแซ็คทำได้และ..ข้ารู้ว่าทุกคำที่ท่านกล่าวออกมากับท่านป้ามันจะเป็นความจริงที่ออกมาจากหัวใจของท่าน..”ก่อนจากลากัน เจเนวีเน้นย้ำกับเขาอีกครั้ง..ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อใจเขาแต่ว่าเธออยากให้เขา..แสดงความจริงใจออกมาให้มากที่สุด เพราะปกติแล้วเขาไม่ได้แสดงออกทางสีหน้ามากมายเท่าไหร่นักเขายืนอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์โรแลนด์เพื่อรอคอยต้อนรับท่านแม่เซียร่าที่กำลังเดินทางกลับมา ใช้เวลาไม่นานขบวนรถม้าของท่านแม่ก็เคลื่อนตัวเข้ามาภายในคฤหาสน์ แน่นอนว่าการที่เขามายืนรอต้อนรับท่านแม่เช่นนี้มันอาจจะดูแปลกตามากทีเดียว“ลมอันใด หอบเอาแกรนด์ดยุคมายืนรอข้าถึงด้านหน้าคฤหาสน์อย่างนั้นหรือ?”เขาเขียนจดหมายไปถามไถ่หมายกำหนดการเดินทางเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นว่าจะเดินทางกลับเมื่อไหร่และจะถึงเวลาไหน ไอแซ็คคิดว่ากับเรื่องสำคัญเขาไม่ควรเขียนผ่านทางจดหมายแต่ควรจะพูดคุยต่อหน้ามากกว่า“เราเข้าไปคุยกันที่ด้านในเถอะครับ..ข้ามีเรื่องมากมายจะพูดคุยกับท่านแม่อยู่พอดี”ดวงตาของหญิงชราอ่อนลงเล็กน้อย เธอเองก็รู้สึกเหนื่อยกับการทำสงครามในคฤหาสน์โรแลนด์แห่งนี้แล้วเหมือนกัน
สายลมเย็นในช่วงปลายฤดูร้อนกำลังพัดผ่านร่างกายของเธอไป เจเนวียืนอยู่ที่ด้านหน้าพระราชวัง รถม้าของท่านแม่กำลังเคลื่อนตัวออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆจนสุดสายตา..บางทีคนเราก็แค่ต้องการความกล้าหาญสักหน่อยเพื่อที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับความกลัวของตัวเอง“ท่านแม่ใจร้ายไปหน่อยที่ไม่บอกว่าท่านจะออกเดินทางวันนี้”จารีอัลเดินเข้ามายืนข้างๆ เจเนวี“วิวที่ด้านหน้าพระราชวังเป็นแบบนี้เองนะเพคะ มันช่างสวยงามและ..เหงานิดหน่อย โชคดีที่ข้ากำลังจะเดินทางออกไปจากที่นี่แล้ว ไม่อย่างนั้นหากต้องทนดูวิวเหงาๆ เช่นนี้ต่อไป ข้าคงจะขาดใจตายแน่ๆ”จารีอัลมองหน้าน้องสาวที่กำลังหัวเราะออกมาทั้งๆ ที่ในใจของนางไม่ได้นึกขำเลย“ไปเจอเสด็จพ่อหน่อยสิ..พระองค์ทรงอาการไม่ดีเลย”“อ่า..ให้ข้าไปมิใช่ว่าอาการของพระองค์จะทรุดหนักมากกว่าเดิมอีกอย่างนั้นหรือเพคะ พระองค์ทรงไม่ชอบหน้าข้าอยู่แล้วนี่”จารีอัลส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอก..บางทีในยามนี้พระองค์อาจจะกำลังต้องการเจอเจ้ามากที่สุดก็ได้ ไหนๆ เจ้าก็จะออกจากพระราชวังอยู่แล้วนี่..ไปล่ำลาพระองค์อย่างเป็นทางการเถิด”ที่เสด็จพี่กล่าวมาก็ถูกต้อง..เธอกำลังจะออกเดินทางจากพระราชวังแล้วใ
มากาเร็ตปรายสายตาไปมองหน้าของไอแซ็คด้วยแววตาที่สั่นไหว..นางไม่อยากตัดสินคนเพียงภายนอก เพราะแบบนั้นนางจะไม่ตีตราว่าไอแซ็คคือคนไม่ดีเหมือนกับพ่อของเขา“มีนา..นำทะเบียนสมรสมาสิ ข้าจะเป็นพยานให้การแต่งงานในครั้งนี้เอง”แน่นอนว่าเมื่ออดีตองค์จักรพรรดินีกล่าวออกมาเช่นนั้น ทั้งเจเนวีและไอแซ็คต่างมองหน้ากันไปมา เจเนวีไม่คิดว่าเสด็จแม่จะยินยอมให้เราแต่งงานกันง่ายดายถึงเพียงนั้น“ลังเลอันใดอยู่..เจ้าทั้งสองยังไม่อยากแต่งงานกันหรืออย่างไร”“ตะ..แต่งครับ ข้าจะแต่งงานกับเจนนี่อย่างแน่นอน”มากาเร็ตจุดยิ้มที่มุมปากด้วยความพึงพอใจ“เช่นนั้นก็ลงนามสิแกรนด์ดยุค ข้าจะส่งทะเบียนสมรสนี้ไปที่วิหารเพื่อประกาศเรื่องการแต่งงานของเจ้าทั้งสองเอง”อีริคมองหน้าขององค์หญิงเจเนวี รอยยิ้มของเขามันค่อยๆ แย้มบานออกมาด้วยความยินดี“ให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะต้องเดินทางกลับไปที่วิหารอยู่แล้ว รับรองได้เลยว่ากระหม่อมจะเป็นผู้รับรองใบทะเบียนสมรสนี้ด้วยตัวเอง”เขาคือคาดินันคนหนึ่ง เขามีสิทธิ์อย่างชอบธรรมในการลงนามเพื่อรับรองใบทะเบียนสมรสของชนชั้นสูงมากาเร็ตพยักหน้า“หวังอย่างยิ่งว่าเจ้าคงจะไม่น้อยใจใช