เมื่อเจเนวีลืมตาขึ้นมาอีกครั้งภาพเบื้องหน้าก็ไม่ใช่ในหลุมดักสัตว์อีกแล้ว แต่ทว่าที่นี่คือห้องนอนของเธอที่เรือนรับรองในคฤหาสน์โรแลนด์เมื่อเธอตื่นขึ้น มีนาก็รีบเดินเข้ามาหาเธอในทันทีด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“องค์หญิงเพคะ อยากให้หม่อมฉันตามหมอมาตรวจดูอาการหรือไม่”ความอ่อนเพลียปรากฏให้เห็นผ่านทางแววตาของเจเนวี เธอส่ายหน้าเบาๆ ราวกับไม่ต้องการให้มีนาเรียกหมอหรือว่าใครหน้าไหนมาทั้งนั้น“เจ้าไม่บาดเจ็บใช่ไหม”ดวงตาของมีนาสั่นระริก เธอคุกเข่าลงที่ข้างเตียงก่อนจะจับมือขององค์หญิงเอาไว้“หม่อมฉันบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเพคะ คราวหน้าองค์หญิงอย่าทำเช่นนั้นอีกนะ อย่าทรงมีรับสั่งให้เบรเดนอยู่ห่างพระวรกาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องร้ายแรงกับองค์หญิงอีก”เจเนวียกมือขึ้นมาปิดปากที่กำลังหาว“ว่าแต่ข้ากลับมาที่นี่ได้อย่างไรกัน? แล้วทางพระราชวังรู้เรื่องนี้หรือไม่”มีนาส่ายหน้า“ท่านคาดินันและท่านแกรนด์ดยุคพาพระองค์กลับมาเพคะ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ท่านแกรนด์ดยุคมีรับสั่งให้ปกปิดเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่”อ่า..เป็นเช่นนั้นดีมากๆแล้ว เธอไม่อยากให้เรื่องที่เธอออกไปเที่ยวเล่นจน
เสียงของเจเนวีนั้นหนักแน่นและเฉียบขาด ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้มันจะสั่นเครือราวกับว่าเธอกำลังร้องไห้แต่ประโยคสุดท้ายที่เธอสั่งให้เขาไป..มันดูเหมือนกับว่าเธอไม่ต้องการเขาแล้วจริงๆแล้ว..เขามีสิทธิ์อะไรไปเจ็บปวดกันนะ ในเมื่อเขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะรับใช้องค์รัชทายาท เขาไม่ต้องการถูกตราหน้าว่าตัวเองมีความสามารถเป็นเพียงแค่บุรุษที่รับใช้องค์หญิงบนเตียงนอนเท่านั้น เขาอยากแสดงความสามารถของตัวเองให้ผู้อื่นได้รับรู้และมองเห็น..แล้วทำไมในใจของเขาถึงเจ็บปวดราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเคล้นหัวใจของเขาให้มันแหลกสลายด้วยนะ..เขานิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวดในขณะที่ลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปหาองค์หญิงที่กำลังนอนอยู่..หากว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้สัมผัสใบหน้านั้น..แล้วเหตุใดเขาต้องลังเลด้วยเล่า“กระหม่อมสมควรตาย..ความผิดที่กระหม่อมกระทำต่อพระองค์นั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก”ครั้งที่แล้วเขาก็กล่าวเช่นนี้..เขาบอกว่าจะตั้งใจปกป้องเธอแต่จนแล้วจนรอดเขาก็ตัดสินใจหักหลังเธอเช่นเดิม เขาทำให้เธอรู้สึกเจ็บแสบในหัวใจราวกับถูกราด แอลกอฮอร์ลงบนแผลที่สดใหม่เธอปรือตาขึ้นมามองหน้าเขา เมื่อเบรเดนนั่งลงบนเตียง“โอกาสของข้า
นี่มันแย่..แย่มากเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว ทันทีที่ตื่นขึ้นมา ร่างกายของเขามันเรียกร้องหาแต่เจเนวีเท่านั้น จนไม่เป็นอันหลับอันนอน เขาไม่ได้ทำงานเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่หมกตัวเองอยู่ในห้องนอนทั้งวัน ทว่าข้ารับใช้ของเขาก็ส่งรายงานมาให้ทุกวันเพราะอย่างนั้นเรื่องที่เขาไม่ได้ทำงานจึงไม่เกิดผลกระทบที่น่าเป็นห่วงมากเท่าไหร่แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเขากำลัง..เสพติดร่างกายของเจเนวีอย่างช้าๆ จนเขาแทบแยกไม่ออกว่ามันคือความต้องการของร่างกายหรือว่ามันคือความต้องการทางจิตใจกันแน่“ทางสาวใช้ของเรือนรับรองรายงานมาว่าองค์หญิงทรงตื่นจากบรรทมแล้วครับท่านแกรนด์ดยุค”ไอแซ็คยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองเอาไว้“จากนี้ไป..เรื่องของนางไม่ต้องมารายงานข้าอีก ข้าไม่อยากฟังอีกแล้ว..”ข้ารับใช้ของแกรนด์ดยุคขมวดคิ้วเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ท่านแกรนด์ดยุคให้เขารายงานทุกฝีก้าวของเรือนรับรอง แต่ทว่าในยามนี้กลับสั่งยกเลิกไม่ให้เขาจับตาดูองค์หญิงแล้วงั้นหรือ..“ครับท่านแกรนด์ดยุค รายงานการประชุมของเมื่อวานข้าวางเอาไว้ตรงนี้นะครับ”ไอแซ็คยังคงไม่หันมามองข้ารับใช้ของเขา เขาขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มราวกับว่ากำลังหาข้อสรุปกับตัวเองอยู่
“ถึงอย่างไรเมื่อองค์หญิงหายดีแล้ว ก็ควรจะเสด็จไปทานมื้อเย็นกับท่านแกรนด์ดยุคและท่านคาดินันอีริคนะเพคะ จะทรงเอาแต่บรรทมอยู่บนเตียงเช่นนั้นตลอดทั้งวันมิได้..”เจเนวีรู้ดีว่าเธอนอนมาสองวันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นในยามนี้นอกจากการนอนเธอก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะต้องทำอะไร เธอยังไม่พร้อมจะไปเผชิญหน้ากับท่านแกรนด์ดยุคและท่านคาดินันอีริค มันน่าอายมากเกินไป ไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้าแบบไหนด้วย..หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงช่วยให้เธอมุดดินหนีไปในตอนนี้หน่อยเถอะ“ไม่เอาแบบนั้นมีนา ข้ายังง่วงอยู่ ข้าไม่ไปทานข้าวกับใครทั้งนั้น ข้าจะทานที่นี่ในห้องนี้ บนเตียงนี้ด้วย!!”มีนาถอนหายใจออกมาอย่างเหลืออด“ทำเช่นนั้นมิได้เพคะ หม่อมฉันจะไปแจ้งแก่พ่อบ้านของคฤหาสน์โรแลนด์ว่าองค์หญิงมีพระประสงค์จะเข้าร่วมมื้ออาหารในตอนเย็นของวันนี้กับท่านแกรนด์ดยุคและท่านคาดินันอีริค..ลุกขึ้นมาได้แล้วเพคะ จะต้องไปขอบคุณทั้งท่านแกรนด์ดยุคและท่านคาดินันที่พาองค์หญิงกลับมาส่งอย่างปลอดภัย..นั่นคือมารยาทพื้นฐานที่ราชวงศ์พึงมี”เจเนวีกำลังกรีดร้องออกมาเสียงดังในใจ..แค่ในใจเท่านั้นเพราะเธอไม่สามารถขัดใจมีนาได้เลยแม้แต่นิดเดียว..เจเนวีพบเจอคนที่น
มีนาใช้เวลาในการแต่งกายองค์หญิงของนางนานมากกว่าทุกวัน นานมากทีเดียวเพราะว่านางอยากจะแต่งกายขององค์หญิงให้พิถีพิถันสักหน่อย..ท่านแกรนด์ดยุคนั้นถึงแม้ว่าท่านจะมีชื่อเสียงในด้านที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ทว่าคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงกันได้ ยิ่งบุรุษที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักย่อมต้องมีความอยากจะดูดีในสายตาของสตรีที่รักอยู่เสมอ อีกทั้งคาดินันอีริคเองก็จะสนใจองค์หญิงเช่นกัน แถมท่านคาดินันคือบุรุษที่ท่านหญิงเซียร่าหมายมั่นตั้งใจว่าจะให้ผูกความสัมพันธ์กับองค์หญิงอีกต่างหากไม่ว่าจะมองทางไหนวันนี้องค์หญิงของเธอคือดาวเด่นท่ามกลางบุรุษที่ทั้งหล่อเหลาและดีพร้อมทั้งสองท่าน“จะต้องยิ้มแย้มให้เยอะๆ นะเพคะ แล้วอย่าลืมกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจที่ท่าน แกรนด์ดยุคและท่านคาดินันพาองค์หญิงกลับมาอย่างปลอดภัย”เจเนวีกำลังนั่งมองหน้าตัวเองในกระจก เธอไม่ค่อยชอบความรู้สึกแบบนี้เท่าไหร่นัก มัน..แปลกๆ ชอบกล หากเลือกได้เธอก็ไม่ได้อยากจะไปทานมื้อเย็นอะไรนั่นในวันนี้เลย เธออยากวิ่งหนีไปจากที่นี่เพราะมันน่าอายเกินไปแต่ไม่มีใครที่สามารถหลบหนีไปได้ตลอด..ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเธอย่อมต้องออกมาเผชิญหน้ากับทั้งท่านแกรนด์ดยุคไอแซ็คและ
ได้ทีแล้วใส่ร้ายกันใหญ่เลยนะท่านแกรนด์ดยุค“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงรู้ดีว่าพลังของกระหม่อมในยามนั้นไม่เสถียร..กระหม่อมมิได้ตั้งใจที่จะปกปิดซ่อนเร้นเรื่องพลังต่อพระองค์เลยนะพ่ะย่ะค่ะ”อีริคกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ“ข้าเชื่อท่านอยู่แล้วค่ะ การที่เรากลับมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย แค่เท่านั้นก็พอแล้ว..ใช่ไหมคะท่านแกรนด์ดยุค"ตอนนี้เธออยากจะเริ่มลงมือทานมื้อเย็นแล้วแยกย้ายกันไปนอน..เรื่องราวมันจะได้จบลงที่ตรงนี้“เจ้าเชื่อเขาง่ายจังเลยนะ ทีกับข้าไม่เห็นเชื่อแบบนี้เลย”เธอเอียงคอเล็กน้อยเพื่อมองหน้าของท่านแกรนด์ดยุค“มีเรื่องไหนบ้างคะที่ฉันไม่เชื่อท่าน..”ไอแซ็คมองสบตากับเจเนวี เมื่อสายตาของเราสอดประสานหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที“ก็อย่างเช่นเรื่องที่ข้าต้องการแต่งงานกับเจ้าอะไรแบบนั้น”เธอยังคงมองหน้าเขาเหมือนเดิมไม่ละสายตาไปไหน“ใครบอกท่านกันคะว่าฉันไม่เชื่อ..ฉันรู้ว่าตำแหน่งแกรนด์ดยุคมีความหมายกับท่านมากแค่ไหน และ..หากท่านแต่งงานกับฉันตำแหน่งของท่านก็จะมั่นคงมากกว่านี้ เพียงแต่ว่า..ฉันยังไม่อยากจะแต่งงานค่ะ ทั้งในตอนนี้และในอนาคต หากว่าฉันจะแต่งงานแน่นอนว่าฉันจ
ใบหน้าของหญิงชราฉายแววตื้นตันใจที่ได้พบเจอลูกชายที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานานแรมปี เซียร่าโผเข้ากอดเอเรนด้วยความรู้สึกคิดถึง“ให้ตายสิเอเรน เราจะได้พบเจอกันปีละหนึ่งครั้งจริงๆ นะหรือลูกรัก”เอเรนมองหน้าท่านแม่ของเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าไปหมด เขามีความสุขดีในยามที่อยู่ที่อคาเด็มมี่เพราะแบบนั้นเอเรนจึงคิดว่าเขาจะเรียนไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาจะเป็นนักเดินทางที่สามารถเดินทางไปทุกทีที่เขาต้องการได้ตามใจ..เขาไม่ได้อยากจะเข้าไปอยู่ระหว่างความบาดหมางของท่านแม่และท่านพี่ไอแซ็ค เรื่องการเป็นแกรนด์ดยุคนั้นเขาไม่เคยต้องการมันแม้แต่น้อย..ไม่ได้ต้องการมันเลยสักนิดเดียว“ท่านแม่ ลูกมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ครับ ได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องราวมากมายที่รู้ยังไม่รู้ ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องต่างๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้”เซียร่ากุมมือของลูกชายเอาไว้“แล้ว..แม่ล่ะเอเรน ลูกไม่ได้มีความคิดที่อยากจะกลับไปอยู่กับแม่บ้างอย่างนั้นหรือ? ไม่ได้อยากกลับไปทำเพื่อแม่สักครั้งเลยหรือ?”เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบคำถามนั้นออกไปอย่างไรไม่ให้ท่านแม่เสียใจ จะตอบไปตามความจริงหรือว่าจะโกหกเพื่อให้ท่านแม่สบายใจ..“ลูก..อกตัญญูยิ่งนัก”เซ
ไอแซ็คอุ้มเจเนวีขึ้นมาจากโต๊ะอาหารเมื่อเธอไม่สามารถนั่งตัวตรงได้อีกแล้ว เขาปรายสายตามองหน้าอีริคเล็กน้อย“อย่าให้ถึงขั้นทำให้องค์หญิงสลบไปอีกนะครับ”เขารู้ดีว่าคำกล่าวเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ใครจะไปสนใจคำพูดของหมอนี่กันล่ะ“เรื่องของข้า ต่อให้นางสลบไปนางก็สลบในอ้อมแขนของข้าต่างหาก”เมื่อกล่าวจบไอแซ็คก็พาเจเนวีมาที่เรือนหลัก เขาไม่ได้พาเธอกลับไปที่ห้องนอนของเธอแต่เขากำลังพาเจเนวีมาที่ห้องนอนของเขา..“ท่านแกรนด์ดยุคครับ..องค์หญิงจำเป็นจะต้องกลับไปยังเรือนรับรอง..”เบรเดนใช้ตัวเขาขวางทางของไอแซ็คเอาไว้ และนั่นทำให้ไอแซ็ครู้สึกหงุดหงิดมากทีเดียว เขาอยากจะเดินเข้าไปแล้วใช้กำปั้นทุบหน้าของหมอนี่สักหน กล้าดีอย่างไรถึงได้มาขัดขวางเขาน่ะ..“เจนนี่เต็มใจไปกับข้า ไม่เชื่อเจ้าก็ถามนางดูสิ..เจนนี่เจ้ายินดีไปกับข้ารึเปล่า”ดวงตาของเธอฉ่ำวาว เนื้อตัวแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของไวน์ที่ดื่มเข้าไป“ค่ะ..ข้ายินดีไปกับท่านไอแซ็คเองค่ะ..แต่ว่า..หากครั้งนี้ท่าน..ทรมานข้าอีก..ละก็ ข้าจะ..ไม่”เขารีบก้มใบหน้าลงไปเพื่อจูบปิดปากของเจเนวีเร็วๆ ให้เธอหยุดยั้งคำกล่าวต่อไป“เห็นไหม..นางเต็มใจไปกับข้า..ส่วนเจ้าน่ะกลับไ
คืนนี้มันคืออะไรกัน เจเนวีมั่นใจว่าตัวเองเมา..ใช่คราแรกมันเป็นเช่นนั้นและท่านอีริค นั้นแสนอ่อนโยนกับเธอมากเหลือเกินจนเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองเมาสุราหรือว่าเมาท่านอีริคกันแน่ทว่าในยามนี้ความอ่อนโยนจางหายไปจนหมดสิ้น บนเตียงนอนไม่เหมือนกับสนามรักอีกแล้วแต่ทว่ามันคือสนามรบ จอมปีศาจที่อยู่ในตัวของท่านอีริคกำลังโอ้อวดความสามารถของเขาผ่านทางท่าท่างมากมายที่สรรหาทำ..เขาจับเธอนอนคว่ำก่อนจะใช้หมอนรองเพื่อยกให้ตัวโก่ง แล้วใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนี“ข้าแค่คาดหวังว่าท่านจะยินยอมให้ข้าได้พัก..อื้อ!! พักหายใจ..อ๊ะ!”เขาจับเข้าที่แก่นกายก่อนจะเคาะรอบรอยแยก แล้วสอดทแยงเข้าไปในครั้งเดียวจนสุดลำแท่ง เธอหลับตาลงพร้อมกับหยาดน้ำตาแวววาวที่กำลังไหลเอ่อ ตอนนี้เจเนวีมั่นใจว่าตนเองไม่ได้เมาแล้ว เธอสร่างเมาตั้งแต่ที่เขาพาเธอเดินรอบห้องไปเมื่อครู่แล้ว เราเสร็จสมนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าเขากลับไม่ยินยอมที่จะรู้จักคำว่าพอ เธอเองก็ไม่ร้องห้าม..เอาสิ! หากมันจะขาดใจตายก็ให้ตายลงไปด้วยความสุขสมที่เขากำลังจะมอบให้เธอซะเถิด..อย่างน้อยที่สุดการเสียชีวิตไปแบบนั้นอาจจะดีก็ได้เพราะเธอได้ขึ้นสวรรค์ตั้
คราแรกอีริคนั้นไม่มีความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น ว่าเหตุใดทางวิหารเน้นย้ำถึงข้อห้ามเรื่องความผิดบาปเรื่องตัณหาและราคะ ท่านคาดินันลำดับที่หนึ่งที่พาเขาเข้าสู่หนทางที่แสนบริสุทธิ์นั้นได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนว่า หนทางที่จะนำไปสู่ความสุขที่แท้จริงจะต้องปราศจากเรื่องพวกนั้น จะต้องไม่มีตัณหาและความลุ่มหลงมาครอบงำจิตใจ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถเดินทางเข้าสู้หนทางอันเต็มไปด้วยแสงสว่างพวกนั้นได้..เขาพึ่งเข้าใจในยามนี้เองว่าเหตุใดเขาจึงถูกสั่งให้ระงับอารมณ์ตัณหาของตัวเอง กดข่มมันเอาไว้ภายใต้จิตใจไม่ให้แสดงออกมาให้ใครหน้าไหนมองเห็น..เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงมากแค่ไหนก็ในยามที่เขาได้ยินเสียงครางหวานๆ ของเจเนวี เธอหลุดเสียงครางออกมาทุกครั้งที่หายใจ ใบหน้างามแหงนขึ้นพร้อมกับเรียวนิ้วที่จิกทึ้งลงไปบนแผ่นหลังของเขา เล็บยาวๆ จิกลึกลงไปบนชั้นผิวหนังของเขาเพื่อระบายความรู้สึกรุ่มร้อนที่นางได้รับออกไป แน่นอนว่ามันเจ็บ..ถึงจะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอยู่ดี แต่ในยามนี้เขาไม่คิดจะผลักไสปลายนิ้วนั้นออกไปจากร่างกายเลย หากว่าการจิกทึ้งลงไปบนแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกดีมากยิ่ง
อีริคกำลังเฝ้าภาวนาอย่างสุดหัวใจ ขอให้ทุกการกระทำของเขาไม่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจหรือว่ารู้สึกไม่ชอบใจ ใครๆ ต่างบอกกับเขาอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนที่มักจะทำอะไรๆ ได้ดีตั้งแต่ในครั้งแรก แต่ถึงอย่างนั้นในเรื่องนี้ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกมั่นใจได้เลยเขายังคงประหม่า..แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีความต้องการอัดแน่นในหัวใจเช่นเดียวกันอีริควางมือลงเบาๆ บนทรวงอกอวบอิ่ม สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้เจเนวีหายใจไม่ทั่วท้อง นิ้วมือเรียวยาวจิกแน่นลงบนผ้าปูเตียงราวกับต้องการผ่อนคลายให้ได้มากที่สุดเธอช้อนสายตามองหน้าเขา เมื่อใบหน้าที่หล่อเหลาพลันพรมจูบที่รอบเรียวขาขาวเนียน เขาใช้ปลายลิ้นขบเม้มไล้ขึ้นมาจนถึงโคนขาอ่อนด้านใน จ้องมองร่องรักสีชมพูราวกับผลไม้สุกงอม กลีบเนื้ออ่อนนุ่มเหมือนดอกบัวที่แรกแย้มบานรับแสงแรกของดวงตะวัน เขาหลับตาลงก่อนจะซุกใบหน้าเข้าหาส่วนนั้นอย่างไม่คิดรั้งรอ..“อะ..อีริค อื้อ!!”ความร้อนและเปียกชื้นกำลังทำให้สะโพกของเธอแอ่นขึ้นมาในทันที ขณะที่เธอแอ่นขั้นกลีบปากของเขาก็ไล่ตามขึ้นมาอย่างไม่ลดละ หยาดน้ำหวานสีใสถูกดูดกลืนจากกลีบปากของเธอด้วยเสียงแห่งความลามก แน่นอนว่ามันน่าอายแต่ทว่าเธอเปียกชื้นตั้งแ
เจเนวีหน้าแดงก่ำ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังเมาเหล้าหรือว่าเมาความหล่อของท่านอีริคกันแน่พระเจ้าช่วย เขาพาเธอมาที่บ้านของเขา..บ้านของเขาที่ไม่ใช่ที่วิหารแต่มันคือบ้านที่อยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร บ้านไม้ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบสุดๆ ที่ด้านหน้าคือน้ำตกที่ได้ยินเสียงน้ำไหลลงมาเอื่อยๆ เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านในก็พบความเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบสุดๆ ..ภาพลักษณ์ของเขาก็ดูไม่เหมือนคนที่จะทำบ้านรกอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว“อะ..เอ่อ ถึงแม้ว่าข้าจะรวบรวมความกล้าเพื่อพูดไปแบบนั้น แต่ว่า..ข้าอยากให้องค์หญิงให้เวลาข้าสักหน่อย”อีริคหน้าแดงก่ำ เขาพึ่งเคยพาสตรีมาที่บ้านของตัวเองครั้งแรกเลย ไม่รู้ว่าองค์หญิงเจเนวีจะคิดว่าที่นี่มันซอมซ่อมากเกินไปรึเปล่า แต่ว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะพาพระองค์ไปที่ไหนที่มันจะเป็นส่วนตัวมากพอ จนเราทั้งคู่สามารถพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาได้“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจดีว่า..ท่านกำลังประหม่า..”ดูแล้วเขาก็ไม่น่าจะเป็นพวกปิดประตูปุ๊บใส่ยับกันเลยอะไรแบบนั้น แต่ว่า..นี่เรายังจะคุยกันอีกงั้นเรอะ ฉันนึกว่าที่เขาพาฉันมาที่นี่เพราะว่าเรามีความต้องการอันแรงกล้าที่จะ..ถาโถมร่างกายใส่กันให้ย่อยยั
“ไอแซ็คลูกรัก..จงจดจำเอาไว้ในใจอยู่เสมอว่าอย่าหลงรักใครอย่างเด็ดขาด..ความรักจะกัดกินหัวใจของลูกให้แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี เมื่อหัวใจถูกย่ำยีจนไม่หลงเหลือจิตวิญญาณ เมื่อนั้นชีวิตของลูกก็จะสูญสิ้นตามไป..”เขาเฝ้ามองมารดาที่ร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าอาดูรมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนานในช่วงวัยเด็ก ทั้งๆ ที่บิดาของเขาคือผู้กล้าแห่งยุค คือทหารรับจ้างที่สามารถดำรงยศขุนนางได้ด้วยความสามารถของตัวเอง มิใช่จากชาติกำเนิดหรือว่าจากเงินทอง..ชื่อของอีรอน โรแลนด์นั้นเด่นหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับ ถึงแม้ว่าในยามนั้นเขาจะยังอ่านไม่ออกแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าข้อความบนหนังสือพิมพ์เหล่านั้นมันคือข้อความสรรเสริญอย่างแน่นอน..ไอแซ็คในวัยเด็กเคยรู้สึกโชคดีมากกว่าใครที่วีรบุรุษในสงครามคือท่านพ่อของเขาทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นและสวยงาม เส้นทางการเป็นท่านดยุคของท่านพ่อราวกับโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ..จนถึงงานเลี้ยงต้อนรับท่านดยุคแห่งโรแลนด์ที่ท่านแม่จัดขึ้นมาในคฤหาสน์ที่ได้รับพระราชวังทานจากองค์จักรพรรดิ..ไม่มีชนชั้นสูงผู้ใดเข้าร่วมงานเลยแม้แต่ผู้เดียว..ท่านแม่ที่เฝ้าทุ่มเทจัดงานเลี้ยงยืนมองบรรยากาศที่แสนว่างเปล่าในงานด้วยด
ไอแซ็คอุ้มเจเนวีขึ้นมาจากโต๊ะอาหารเมื่อเธอไม่สามารถนั่งตัวตรงได้อีกแล้ว เขาปรายสายตามองหน้าอีริคเล็กน้อย“อย่าให้ถึงขั้นทำให้องค์หญิงสลบไปอีกนะครับ”เขารู้ดีว่าคำกล่าวเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ใครจะไปสนใจคำพูดของหมอนี่กันล่ะ“เรื่องของข้า ต่อให้นางสลบไปนางก็สลบในอ้อมแขนของข้าต่างหาก”เมื่อกล่าวจบไอแซ็คก็พาเจเนวีมาที่เรือนหลัก เขาไม่ได้พาเธอกลับไปที่ห้องนอนของเธอแต่เขากำลังพาเจเนวีมาที่ห้องนอนของเขา..“ท่านแกรนด์ดยุคครับ..องค์หญิงจำเป็นจะต้องกลับไปยังเรือนรับรอง..”เบรเดนใช้ตัวเขาขวางทางของไอแซ็คเอาไว้ และนั่นทำให้ไอแซ็ครู้สึกหงุดหงิดมากทีเดียว เขาอยากจะเดินเข้าไปแล้วใช้กำปั้นทุบหน้าของหมอนี่สักหน กล้าดีอย่างไรถึงได้มาขัดขวางเขาน่ะ..“เจนนี่เต็มใจไปกับข้า ไม่เชื่อเจ้าก็ถามนางดูสิ..เจนนี่เจ้ายินดีไปกับข้ารึเปล่า”ดวงตาของเธอฉ่ำวาว เนื้อตัวแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของไวน์ที่ดื่มเข้าไป“ค่ะ..ข้ายินดีไปกับท่านไอแซ็คเองค่ะ..แต่ว่า..หากครั้งนี้ท่าน..ทรมานข้าอีก..ละก็ ข้าจะ..ไม่”เขารีบก้มใบหน้าลงไปเพื่อจูบปิดปากของเจเนวีเร็วๆ ให้เธอหยุดยั้งคำกล่าวต่อไป“เห็นไหม..นางเต็มใจไปกับข้า..ส่วนเจ้าน่ะกลับไ
ใบหน้าของหญิงชราฉายแววตื้นตันใจที่ได้พบเจอลูกชายที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานานแรมปี เซียร่าโผเข้ากอดเอเรนด้วยความรู้สึกคิดถึง“ให้ตายสิเอเรน เราจะได้พบเจอกันปีละหนึ่งครั้งจริงๆ นะหรือลูกรัก”เอเรนมองหน้าท่านแม่ของเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าไปหมด เขามีความสุขดีในยามที่อยู่ที่อคาเด็มมี่เพราะแบบนั้นเอเรนจึงคิดว่าเขาจะเรียนไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาจะเป็นนักเดินทางที่สามารถเดินทางไปทุกทีที่เขาต้องการได้ตามใจ..เขาไม่ได้อยากจะเข้าไปอยู่ระหว่างความบาดหมางของท่านแม่และท่านพี่ไอแซ็ค เรื่องการเป็นแกรนด์ดยุคนั้นเขาไม่เคยต้องการมันแม้แต่น้อย..ไม่ได้ต้องการมันเลยสักนิดเดียว“ท่านแม่ ลูกมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ครับ ได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องราวมากมายที่รู้ยังไม่รู้ ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องต่างๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้”เซียร่ากุมมือของลูกชายเอาไว้“แล้ว..แม่ล่ะเอเรน ลูกไม่ได้มีความคิดที่อยากจะกลับไปอยู่กับแม่บ้างอย่างนั้นหรือ? ไม่ได้อยากกลับไปทำเพื่อแม่สักครั้งเลยหรือ?”เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบคำถามนั้นออกไปอย่างไรไม่ให้ท่านแม่เสียใจ จะตอบไปตามความจริงหรือว่าจะโกหกเพื่อให้ท่านแม่สบายใจ..“ลูก..อกตัญญูยิ่งนัก”เซ
ได้ทีแล้วใส่ร้ายกันใหญ่เลยนะท่านแกรนด์ดยุค“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงรู้ดีว่าพลังของกระหม่อมในยามนั้นไม่เสถียร..กระหม่อมมิได้ตั้งใจที่จะปกปิดซ่อนเร้นเรื่องพลังต่อพระองค์เลยนะพ่ะย่ะค่ะ”อีริคกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ“ข้าเชื่อท่านอยู่แล้วค่ะ การที่เรากลับมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย แค่เท่านั้นก็พอแล้ว..ใช่ไหมคะท่านแกรนด์ดยุค"ตอนนี้เธออยากจะเริ่มลงมือทานมื้อเย็นแล้วแยกย้ายกันไปนอน..เรื่องราวมันจะได้จบลงที่ตรงนี้“เจ้าเชื่อเขาง่ายจังเลยนะ ทีกับข้าไม่เห็นเชื่อแบบนี้เลย”เธอเอียงคอเล็กน้อยเพื่อมองหน้าของท่านแกรนด์ดยุค“มีเรื่องไหนบ้างคะที่ฉันไม่เชื่อท่าน..”ไอแซ็คมองสบตากับเจเนวี เมื่อสายตาของเราสอดประสานหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที“ก็อย่างเช่นเรื่องที่ข้าต้องการแต่งงานกับเจ้าอะไรแบบนั้น”เธอยังคงมองหน้าเขาเหมือนเดิมไม่ละสายตาไปไหน“ใครบอกท่านกันคะว่าฉันไม่เชื่อ..ฉันรู้ว่าตำแหน่งแกรนด์ดยุคมีความหมายกับท่านมากแค่ไหน และ..หากท่านแต่งงานกับฉันตำแหน่งของท่านก็จะมั่นคงมากกว่านี้ เพียงแต่ว่า..ฉันยังไม่อยากจะแต่งงานค่ะ ทั้งในตอนนี้และในอนาคต หากว่าฉันจะแต่งงานแน่นอนว่าฉันจ
มีนาใช้เวลาในการแต่งกายองค์หญิงของนางนานมากกว่าทุกวัน นานมากทีเดียวเพราะว่านางอยากจะแต่งกายขององค์หญิงให้พิถีพิถันสักหน่อย..ท่านแกรนด์ดยุคนั้นถึงแม้ว่าท่านจะมีชื่อเสียงในด้านที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ทว่าคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงกันได้ ยิ่งบุรุษที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักย่อมต้องมีความอยากจะดูดีในสายตาของสตรีที่รักอยู่เสมอ อีกทั้งคาดินันอีริคเองก็จะสนใจองค์หญิงเช่นกัน แถมท่านคาดินันคือบุรุษที่ท่านหญิงเซียร่าหมายมั่นตั้งใจว่าจะให้ผูกความสัมพันธ์กับองค์หญิงอีกต่างหากไม่ว่าจะมองทางไหนวันนี้องค์หญิงของเธอคือดาวเด่นท่ามกลางบุรุษที่ทั้งหล่อเหลาและดีพร้อมทั้งสองท่าน“จะต้องยิ้มแย้มให้เยอะๆ นะเพคะ แล้วอย่าลืมกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจที่ท่าน แกรนด์ดยุคและท่านคาดินันพาองค์หญิงกลับมาอย่างปลอดภัย”เจเนวีกำลังนั่งมองหน้าตัวเองในกระจก เธอไม่ค่อยชอบความรู้สึกแบบนี้เท่าไหร่นัก มัน..แปลกๆ ชอบกล หากเลือกได้เธอก็ไม่ได้อยากจะไปทานมื้อเย็นอะไรนั่นในวันนี้เลย เธออยากวิ่งหนีไปจากที่นี่เพราะมันน่าอายเกินไปแต่ไม่มีใครที่สามารถหลบหนีไปได้ตลอด..ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเธอย่อมต้องออกมาเผชิญหน้ากับทั้งท่านแกรนด์ดยุคไอแซ็คและ