หลังจากสามีออกไปทำหน้าที่ของตนเอง เขาส่งจดหมายกลับมาหาเธอตั้งแต่สามวันแรกที่ไปถึง ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายในจดหมายว่าหลังจากนี้เขาจะยุ่งมากเพราะต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับภารกิจสำคัญนี้ อาจจะไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกหลายเดือน แม้หญิงสาวจะรู้สึกเป็นห่วงสามีมากขนาดไหน แต่ก็ทำได้แค่เพียงเชื่อมั่นในตัวเขา ว่าสามีของเธอจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน
จางซิ่วอิงยังคงใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเรียบง่าย ตื่นเช้ามารดน้ำผักหน้าบ้าน ทำอาหารที่อยากทาน มีพูดคุยกับป้าสวีที่อยู่ข้างบ้านบ้างเป็นครั้งคราว ในแต่ละวันนั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างว่างมากทีเดียว อาจะเพราะไม่ได้ขายของที่ตลาดมืดอีกแล้ว อาจจะมีส่งสินค้าให้กับร้านของแห้งและร้านผ้าอยู่บ้างนาน ๆ ครั้ง แต่หลัก ๆ เวลาทั้งหมดจะทุ่มเทให้กับร้านที่กำลังจะเปิดในเร็ว ๆ นี้เสียมากกว่า
สองเท้าเล็กก้าวเดินด้วยจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว วันนี้เธอมีนัดพูดคุยรายละเอียดการตกแต่งร้านกับนายช่าง ซึ่งตอนนี้มีการเริ่มงานไปกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ต้องยอมรับว่าช่างที่สามีหามาให้นั้นค่อนข้า
จ้าวคุนขับรถต่อไปมานานก็มาหยุดอยู่ที่ภัตตาคารชื่อดังที่เคยมาเจอกับจางซิ่วอิงในครั้งแรก ร่างสูงโปร่งดูโดดเด่นไม่น้อยเมื่ออยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก ทั้งการแต่งกายก็บ่งบอกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็นว่าเป็นคุณชายจากตระกูลร่ำรวย ใบหน้าหล่อเหลาที่แม้ไม่ได้ยิ้มก็ยังดูเป็นมิตรเรียกความสนใจจากสาว ๆ ภายในภัตตาคารได้ไม่ยากชายหนุ่มเดินนำหน้าน้องสาวที่มีใบหน้าดูดีไร้ที่ติไม่ต่างกันเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัวที่อยู่ด้านในสุด ก่อนจะพบกับทนายประจำตระกูลที่มารออยู่ก่อนแล้ว“ขอโทษที่ให้รอนะครับ คุณลุงกู้”ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอย่างเกรงใจเพราะคุณลุงกู้คนนี้นั้นรับหน้าที่เป็นทนายให้กับตระกูลจ้าวมาแล้วตั้งแต่รุ่นพ่อ เดิมที่พ่อของลุงกู้จงเป็นทนายให้กับตระกูลจ้าวตั้งแต่สมัยคุณปู่ แต่ก่อนหน้านี้ราวเจ็ดปีพ่อของลุงกู้สุขภาพไม่ค่อยดี ลุงกู้ที่เรียนทนายอยู่แล้วจึงรับช่วงต่อผู้เป็นพ่อมาจนถึงตอนนี้ซึ่งตระกูลกู้ค่อนข้างสนิทสนมกับคนในตระ
ตอนนี้ข่าวการเปิดตัวของห้างสรรพสินค้าของสกุลจ้าวในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าทำให้ผู้คนโดยรอบนั้นตื่นตัวเป็นอย่างมาก อาคารขนาดใหญ่สี่ชั้นที่ถูกร้านค้าประเภทต่าง ๆ จับจองเช่าขายสินค้าจนเต็มทุกพื้นที่ ทั้งชั้นบนสุดครึ่งหนึ่งได้จัดให้มีโรงภาพยนต์ซึ่งจะจัดฉายหนังที่นำเข้ามาจากทานตอนใต้โดยเฉพาะหากถึงวันเปิดจริง ๆ คาดว่าคงเรียกเม็ดเงินมหาศาลให้หมุนสะพัดอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ไม่ต่ำกว่าแสนหยวนต่อวันอย่างแน่นอนแต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคงไม่พ้นร้านขายผ้าสกุลเยว่ที่ติดประกาศรับสมัครผู้จัดการร้านเพื่อเข้าทำงานในร้านขายผ้าอีกสองแห่งที่กำลังจะเปิดภายในห้างสรรพสินค้าประจำอำเภอนี้ ด้วยค่าตอบแทนที่ดีกว่าโรงงานทุกแห่งในแถบนี้ มีหรือที่คนโดยรอบจะไม่ให้ความสนใจ“มีคนมาสมัครบ้างหรือไม่คะ?”จางซิ่วอิงถามขึ้นทันทีที่มาถึง ตอนเดินเข้ามาในร้านผ้าเธอเห็นหน้าร้านมีคนมามุงดูประกาศนับสิบคน แต่กลับย้อนแย้งไปสักหน่อยตรงที่ยังไม่มีคนมาสมัคร
หลังจากเจ้าหน้าที่ทั้งสามคนนั้นเดินกลับเข้าไปในสำนักงาน จางซิ่วอิงจึงรีบเดินเข้าไปหาร่างที่กำลังทรุดนั่งอยู่กับพื้นโดยใช้สองมือปิดใบหน้า เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้จนไหล่สั่น “คุณ! เป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”“ฮึก! เป็นคุณนั่นเอง”ว่านหนิงเจียวเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของฝ่ามือนิ่มที่จับไหล่เธอไว้ ท่ามกลางผู้คนที่มามุงดูเรื่องสนุกหญิงสาวคนนี้กลับเข้ามาถามไถ่เธอราวกับเป็นห่วง เด็กสาวคนนี้คือคนที่ซื้อบ้านกับเธอเมื่อคราวก่อนไม่ผิดแน่ดวงตาคู่เรียวฉายแววสงสารหญิงสาวตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด พี่สาวคนนี้จางซิ่วอิงรู้สึกถูกชะตากับเธอตั้งแต่มาติดต่อถามราคาบ้านในครั้งแรก แม้ในตอนนั้นคนที่ไปสอบถามจะบอกชัดเจนว่ายังไม่ซื้อ แต่เจ้าหน้าที่สาวคนนี้กลับระบายยิ้มกว้างและกล่าวแนะนำบ้านให้เธอโดยไม่มีท่าทีดูแคลนแม้แต่น้อยเยว่ผิงอันที่เดินตามน้องสาวอิงอิงของเธอมาติด ๆ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์นักแต่ก็ออกปากไล่คนที่มามุงดูให้ ก่อ
วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา ‘ร้านอ้ายเหม่ย’ ก็ถึงเวลาต้องเปิดทำการอย่างเต็มรูปแบบ จางซิ่วอิงและเยว่ผิงอันเข้ามาที่ร้านตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อตระเตรียมความพร้อมให้กับร้านทั้งสองสาขาก่อนเข้ามาภายในห้างโดยประตูด้านหลัง ทั้งคู่เดินผ่านทางประตูเข้าห้างสรรพสินค้ามาก่อนแล้ว ผู้คนจำนวนมากที่กำลังยืนออกันบริเวณประตูทางเข้าเพื่อรอเวลาเปิดทำการนั้นหากกะด้วยสายตาก็ราว ๆ หลักร้อยคนเลยก็ว่าได้เห็นเช่นนั้นเยว่ผิงอันที่ตื่นเต้นกับกิจการแรกของตนเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ถึงกับเหงื่อออกมือ “ตื่นเต้นจังเลยอิงอิง”แม้จะเป็นเถ้าแก่เนี๊ยอยู่แล้ว แต่อย่างไรร้านผ้สกุลเยว่ก็เป็นร้านที่ได้รับมรดกตกทอดมาอีกที เธอดำเนินกิจการไปตามการสั่งสอนของผู้เป็นแม่ก็เท่านั้น แต่พอกิจการมีปัญหาก็ราวกับมีเทพเซียนมาโปรด เมื่อน้องสาวอิงอิงเข้ามาในชีวิตเธอจนตอนนี้ร้านผ้าสกุลเยว่สามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงแล้วต่างจากสอ
ส่วนของร้านอ้ายเหม่ยที่อยู่ชั้นบนก็มีลูกค้าให้ความสนใจไม่น้อยกว่าร้านด้านล่างนัก แต่กลุ่มลูกค้าอาจจะแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นหน้าร้านขนาดสองล็อคติดด้วยกระจกใสทั้งหมดเพื่อให้ด้านนอกสามารถมองเป็นภายในร้านได้อย่างชัดเจนภายในร้านถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ดูดีมีระดับ พนักงานในร้านสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยสูทขนาดพอดีตัวสีดำ ตรงหน้าอกด้านซ้ายติดเข็มกลัดรูปโลโก้ร้านและชื่อของแต่ละคนเอาไว้อย่างสวยงาม โดยพนักงานจะสวมกางเกงสีเดียวกับสูท ใบหน้าและผมถูกจัดแต่งอย่างเรียบร้อย เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของทางร้านจางซิ่วอิงทุ่มเทกับสิ่งเหล่านี้มากจริง ๆต้องยอมรับว่าสำหรับพนักงานของร้านอ้ายเหม่ยชั้นบนนั้นค่อนข้างคัดรูปร่างหน้าตาพอสมควร เมื่อรับเข้าเป็นพนักงานแล้วยังต้องอบรมเกี่ยวกับบุคลิกภาพ และมารยาทในการให้บริการลูกค้าอย่างเคร่งครัดทุกคนเมื่อประตูร้านเปิดออกกว้างลูกค้าก็เดินเข้ามาภายในร้าน แม้จะไม่ได้หนาแน่นเท่าร้านด้านล่าง แต่ก
ภายในห้องประชุมของหน่วยพยัคฆ์ขาวปรากฎชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบทหารเต็มยศกำลังประชุมกันอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะมีชายอีกคนที่อยู่ในหน่วยเดียวกันเปิดประตูเข้ามาอย่างไร้มารยาท“นี่คือหลักฐานในส่วนของฉัน”หยางซีห่าวโยนเอกสารเกี่ยวกับการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐของนายพลท่านหนึ่งลงบนโต๊ะภารกิจนี้เกี่ยวพันกับหลายฝ่าย ทหารหลายนายถูกตั้งข้อกล่าวหา จต้องใช้หลักฐานจำนวนมากเพื่อเอาผิดคนเหล่านี้ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาทหารในหน่วยพยัคฆ์ขาวจึงต้องช่วยกันรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจนหัวหมุน ซึ่งส่วนของหยางซีห่าวหามานั้นนับเป็นชิ้นสุดท้ายแล้วเจ้าของใบหน้าไร้อารมณ์ทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่โดยไม่ได้ทำความเคารพร้อยเอกที่เป็นหัวหน้าหน่วยอย่างที่ควรจะเป็น เขาห่างภรรยามาเกือบสามเดือนแล้ว และไม่ได้ติดต่อเธอนับหลายสัปดาห์ ภารกิจในครั้งนี้ค่อนข้างเสี่ยงกว่าทุกครั้งที่เขาทำมา และกินเวลายาวนานที่สุดในชีวิตการทำงานเลยก็ว่าได้เพราะ
ภายในสำนักงานของหน่วยพยัคฆ์ขาวตอนนี้ทหารทุกนายกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมการเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดสำหรับคดีใหญ่นี้หลังจากส่งเอกสารทั้งหมดและทำหนังสือราชการต่าง ๆ เพื่อขอหมายจับกุมเหล่าทหารยศใหญ่ที่มีส่วนร่วมกับกลุ่มกบฎ ซึ่งบ่ายนี้หมายจับที่ขอไว้จะมาถึง ทำให้เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหมดต้องใช้เวลาตลอดช่วงเช้าในการวางแผนและการเตรียมความพร้อมใบหน้าเคร่งเครียดของซ่งเฟยหลงที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเคราหนาเกือบครึ่งไม่ต่างจากลูกน้องเท่าไหร่นัก น้ำเสียงทุ้มเข้มอธิบายแผนการพร้อมกับแจกแจงงานให้ลูกน้องในสังกัดพอช่วงบ่ายหมายจับที่ทำเรื่องขอเอาไว้ก็ถูกจัดส่งมาที่หน่วยพยักคฆ์ขาวอย่างลับ ๆ ซ่งเฟยหลงที่หยิบเอกสารที่มาตรวจสอบก็กระตุกยิ้มมุมปากพึงพอใจ“สำหรับภารกิจที่ยาวนานนี้ ฉันเองก็เบื่อหน่ายไม่ต่างจากพวกนาย แต่ฉันก็ขอให้พวกนายเต็มที่กับมัน และหลังจากจบภารกิจนี้พวกเราจะหยุดพักผ่อนกัน”
จ้าวคุนขับรถตรงมายังบ้านหลังใหญ่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะต้องมารับมาส่งหญิงสาวเจ้าของบ้านอยู่เป็นประจำตามคำขอของน้องสาว ชายหนุ่มจึงขับรถเข้ามาภายในตรอกโดยไม่ต้องปลุกคนหลับสนิทขึ้นมาบอกทางด้วยซ้ำ“คุณ! ถึงบ้านแล้ว”เสียงทุ้มดังขึ้นขณะที่รถยนต์เคลื่อนมาจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านสกุลเยว่ทว่านอกจากหญิงสาวจะไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่เขาพูดขึ้นแล้ว ร่างบางในชุดกี่เพ้าสีเหลืองอ่อนกลับดีดตัวนั่งหลังตรง ก่อนจะผายมือไปอีกด้านในเวลาต่อมา“อื้อออ! ชำระเงินทางนี้ได้เลยค่า”สิ่งที่หญิงสาวพูดออกมานั้นเรียกเสียงหัวเราะขบขันจากคุณชายจ้าวได้เป็นอย่างดี “คุณได้ยินผมหรือเปล่า”ชายหนุ่มไม่ละความพยามที่จะปลุกอีกฝ่ายให้ลงจากรถ เขามาส่งเธอในยามวิกาลเช่นนี้ การจะอุ้มร่างบางเข้าไปในบ้านอย่างสนิทสนมนับเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง อีกอย่างคาดว่าคุณนายเยว่คงหลับไปแล้ว ถ้า
ภายในบ้านหลังสีขาวขนาดกลางในย่านการค้าสำคัญ เสียงหัวเราะพูดคุยของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ช่วยทำให้บรรยาของบ้านหลังนี้ดูอบอุ่นไม่น้อยในช่วงเช้าอากาศสดใสจางซิ่วยืนมองหน้าท้องที่เริ่มนูนเล็กน้อยของตนเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ใบหน้าเอิบอิ่มของคุณแม่ยังสาวนับวันยิ่งสวยขึ้นจนผิดหูผิดตาตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่เจ้าสองแสบเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน สามีอย่างหยางซีห่าวที่ขยันบอกรักภรรยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ขยันมากขึ้นอีกหลายเท่า จนผ่านไปสองเดือนเจ้าหัวผักกาดหัวที่สามก็ถือกำเนิดขึ้นมาในท้องของเธอในที่สุด“ผมต้องไปแล้วครับ คุณก็อย่าหักโหมนะครับ ผมเป็นห่วง”ชายหนุ่มเอ่ยเตือนภรรยาประโยคเดิมเช่นทุกวัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอบอุ่น ทั้งแววตาที่มองภรรยานั้นอ่อนโยนกว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไหน ๆเพราะภรรยาของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องความขยันขันแข็ง ในแต่ละวันเธอทั้งทำงานนอกบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูก
จางซิ่วอิงยังต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้ลูกน้อยทั้งสองต้องอยู่กับเธอด้วย หยางซีห่าวก็เช่นกัน เขาทำเรื่องลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อมาดูแลภรรยาและลูกน้อยทั้งสองด้วยตนเอง“เด็ก ๆ ป้ามาแล้ววววว!!”เยว่ผิงอันส่งเสียงเรียกหลานทั้งสองก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาในห้องเสียอีก เธอเข้ามาเยี่ยมหลาน ๆ พร้อมกับสามีที่ถือของพะรุงพะรังตามหลังมาจางซิ่วอิงยิ้มให้กับคนเห่อหลานทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะให้สามีรับข้าวของเหล่านั้นและนำไปเก็บไว้ก่อน“ผมฝากดูแลเธอและเด็ก ๆ ด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา”หยางซีห่าวพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้เขากับพี่ภรรยามีธุระที่ต้องไปสะสางจึงต้องฝากเธอกับลูกไว้กับพี่สะไภ้เสียก่อนจางซิ่วอิงยังไม่หายดีนัก ส่วนลูกทั้งสองแม้จะเป็นเด็กเลี้ยงง่ายแต่การมีคนคอยช่วยเหลือย่อมดีกว่า เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยจนเกินไป“ไปจัดการ
สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างโปร่งแสงไปอย่างแรงจนผมยาวพลิ้วไสวไปตามแรงลม จางซิ่วอิงเผยรอยยิ้มยินดีออกมาในทันที เธอเข้าใจว่าคุณยายรับรู้ความปรารถนาของเธอแล้วจึงเอ่ยพรข้อที่สามออกไป“พรข้อสุดท้ายฉันขอให้ฉันและลูก ๆ ปลอดภัยค่ะ ขอโอกาสให้ฉันได้คลอดพวกเขา ให้พวกเขาได้ออกมาใช้ชีวิตบนโลกอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ”คำอ้อนวอนปนเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวลอยหายไปตามสายลม ก่อนจะได้รับรู้ได้ถึงลมอีกระลอกหนึ่งพัดผ่านร่างของเธอไปอย่างรวดเร็ว สายลมแรงนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บ แต่ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรอบตัวเธอเอาไว้ต่างหาก“พรของหล่อนถูกใช้หมดแล้วนะ ต่อจากนี้ยายขอให้หล่อนมีชีวิตที่ดี”เสียงของหญิงชราดังแว่วอยู่ไกล ๆ จางซิ่วอิงพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบ ทว่าเมื่อมองไปยังหน้าห้องคลอดที่มีร่างของเธอนอนนิ่งอยู่ กลับเห็นเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักยืนยิ้มแฉ่งให้เธออยู่
ซ่งเฟยหลงประกาศกร้าวพร้อมยกปืนขึ้นเล็งไปยังผู้ก่อเหตุทั้งหมด อันธพาลสี่คนที่ถูกจ้างมาให้คอยช่วยเหลือหวงไฉ่หง เมื่อเห็นชายในชุดเครื่องแบบทหารพร้อมปืนก็หวาดกลัวจนต้องยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นตามคำสั่ง แม้แต่หวงไฉ่หงเองที่เป็นเพียงชาวบ้านชนบทมีหรือจะกล้าขัดขืนพันโทซ่งเฟยหลงย้ายมาประจำการที่นี่ในวันนี้ซึ่งเขาไปรายงานตัววันแรก พอเรียบร้อยแล้วก็เจอเข้ากับลูกน้องเก่าอย่างหยางซีห่าวกำลังออกจากค่ายพอดี เขาจึงขอติดรถออกมาด้วยเพื่อหาบ้านพักชั่วคราว ระหว่างรอทำเรื่องขอบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งหยางซีห่าวก็รับปากว่าจะพาไปดูบ้านพัก แต่ขอไปรับภรรยาที่กำลังท้องแก่เสียก่อน แต่เมื่อรถเข้ามาจอดภาพเหตุการณ์อุกฉกรรจ์นี้ก็ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่งมาจากรถที่จอดอยู่อีกด้านทว่าจากที่ซ่งเฟยหลงคิดว่าเป็นเหตุการณ์ของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปคงไม่ใช่แล้ว เพราะลูกน้องอย่างหยางซีห่าวรีบวิ่งไปประคองหญิงท้องแก่ พร้อมตะโกนเรียกชื่อภรรยาดังลั่น“ซิ่วอิง ภรรยา!”
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรจางซิ่วอิงก็อุ้มท้องเจ้าหัวผักกาดมาได้จนถึงแปดเดือนแล้ว เพราะขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปกติของคุณแม่ลูกแฝดทำให้การเดินเหินค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบากโดยปกติแล้วการมาทำงานของจางซิ่วอิงจะต้องมีพี่ชายหรือสามีอยู่ด้วยเพื่อคอยระมัดระวังหากเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ทว่าเมื่อวานโรงงานผลไม้กระป๋องของเธอที่อยู่ต่างเมืองมีปัญหาพี่ชายอย่างจ้าวคุนจึงรับอาสาไปดูแทนส่วนสามีนั้นติดภารกิจตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอันที่จริงเขาทำภารกิจนี้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่ต้องอยู่ต่ออีกนิดเพื่อทำเรื่องลาหยุดงานมาดูแลเธอจนกระทั่งคลอด ซึ่งคนเป็นภรรยาเองก็เข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไรจากคนเป็นสามี เพราะอย่างไรวันนี้เธอก็ตั้งใจจะมาทำงานวันสุดท้ายอยู่แล้ว ท้องเธอโตมากและใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปทำงานคงไม่สะดวกนัก หลังจากนี้จึงตั้งใจว่าจะให้พี่สะไภ้เอางานส่วนของเธอมาให้ที่บ้านแทนจางซิ่วอิงเดินไปยังลานจอดรถโดยมีพี่สะไภ้คอยประคองอย
“ฉุนเหรอคะ?” คำพูดของเจ้านายสาวทำเอาแม่บ้านซุนคิดหนัก หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม พยายามนึกถึงอาหารแต่ล่ะจานว่าเธอทำผิดพลาดที่ตรงไหนกัน มีส่วนผสมอะไรที่ผิดแปลกหรือพิศดารจึงได้ทำให้เจ้านายอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเช่นนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ว่าอาหารของป้าซุนไม่ดี แต่ว่าฉันได้กลิ่นแล้วรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ”หญิงสาวกล่าวขอโทษแม่บ้านทั้งน้ำตาคลอหน่วย เธอเห็นแก่ความทุ่มเทของป้าซุนที่พยายามรังสรรอาหารหลากหลายอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่กลิ่นแบบนั้นเธอไม่สามารถทนได้จริง ๆแม่บ้านวัยกลางคนได้รับคำยืนยันเช่นนั้นก็คิดหนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เห็นทีฝีมือการทำอาหารของเธอคงตกเสียแล้ว พลันวิ่งเข้าไปเตรียมยาดมและยาหอมมาให้กับเจ้านายเพื่อบรรเทาอาการเยว่ผิงอันที่ยืนอยู่ข้างกันกับคู่หมั้นหนุ่มพอฟังอยู่ไม่ไกลนั้นรู้สึกแปลกใจกับน้องสาวขึ้นมาในทันที อาหารบนโต๊ะนั้นแน่นอนว่าล้วนเป็นอาหารอย่างดี ถูกรังสรรขึ้นมาจนหน
เพียงชั่วพริบตาเวลาก็เวียนผ่านมาราวสามเดือนแล้ว ตอนนี้จางซิ่วอิงค่อนข้างสนุกกับการใช้ชีวิตไม่น้อย ในวันที่สามีไม่มีภารกิจยามเช้าเธอก็จะตื่นมาในอ้อมกอดของสามี ทานมื้อเช้าร่วมกัน ออกไปทำงานพร้อมกัน ช่วงเย็นก็กลับมาเจอกันที่บ้าน ทานอาหารแล้วเข้านอนพร้อมกันตามประสาคนรักนับว่าชีวิตของเธอในชาตินี้ค่อนข้างลงตัว เธอมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตครอบครัวที่ดี มีหน้าที่การงานมั่นคง แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วย แต่ความรู้สึกของเธอกลับรู้สึกขาดบางสิ่งไป นั่นคือเจ้าหัวผักกาดที่เธอกับสามีตั้งตารออยู่ตลอด“คิดอะไรอยู่ครับ”เขาเห็นภรรยายืนเหม่ออยู่หน้ากระจกได้สักพักแล้ว ก่อนใบหน้างามจะค่อย ๆ หม่นหมองลงราวกับมีเรื่องไม่สบายใจ เขาจึงเดินเข้ามาโอบกอดเธอไว้แล้วถามออกมาด้วยความเป็นห่วง“ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะ ว่าฉันยังจะมีลูกให้คุณได้จริง ๆ”จางซิ่วอิงตอบสามีอย่างเป็นกังวล แม้เขาจะพูดมาตลอดว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่หลายครั้งเธอแอบเห็นสายตาของเขาเวลามองเด็กเล
เช้าวันต่อมาจ้าวคุนขับรถมารอรับคุณหนูเยว่ไปทำงานอย่างที่ได้พูดเอาไว้ และทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เยว่ผิงอันก็ออกมาจากบ้านทันทีชายหนุ่มออกมายืนรอด้านข้างรถ ก่อนจะเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง จากนั้นจึงกลับไปนั่งประจำที่คนขับรถ ตลอดทางไปยังห้างสรรพสินค้าจ้าวคุนไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาสักประโยค เขาเพียงแต่นั่งรออยู่เงียบ ๆ เท่านั้นแต่หารู้ไม่ว่าการที่เขาไม่พูดอะไรออกมาเลยมันกำลังทำให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วยรู้สึกอึดอัดจนแผ่นหลังนั้นหลั่งเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมากผ่านไปราวยี่สิบนาทีรถยนต์คันหรูก็เข้าจอดยังตำแหน่งที่เตรียมไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายหันมาสบตากับหญิงสาวที่เขานั่งรอคำตอบมาตลอดทาง “คำตอบคืออะไรครับ?”เยว่ผิงอันลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวหากจะถามออกไป“ฉันขอถามได้ไหมคะ?” เสียงใสพูดจบก็เหลือบมองใบหน้าของคุณชายจ้าวเล็กน้อย เมื่
จ้าวคุนที่ไปคุยธุระด้านนอกตั้งแต่เช้าเมื่อกลับมาในสำนักงานชั้นบนของห้างสรรพสินค้าก็ได้ยินเรื่องที่พนักงานกำลังพูดถึงกันอย่างออกรส ไม่รอช้าความร้อนใจทำให้เขาเร่งฝีเท้าลงมาหาน้องสาวยังร้านอ้ายเหม่ยในทันทีร่างหนาในชุดสูทเรียบหรูสีกรมท่าผลักประตูห้องทำงานน้องสาวเข้าไปด้วยความเป็นห่วง ทว่าภาพที่เขาเห็นกลับเป็นน้องสาวที่กำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม้นโดยมีน้องเขยที่ไม่รู้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั่งเฝ้าอยู่บรรยากาศเงียบสงบภายในห้องทำงานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ“เป็นอย่างไรบ้าง?”เสียงทุ้มปนหอบเหนื่อยถามออกไป ก่อนจะทรุดกายนั่งข้างน้องเขย หยางซีห่าวเห็นพี่ภรรยาก็รีบลุกขึ้นทักทายในทันที แต่จ้าวคุนไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทในตอนนี้เท่าใดนัก นัยน์ตาคมเพ่งสำรวจไปยังร่างกายน้องสาวเพียงคนเดียวไม่วางตา“สบายมากค่ะ”จางซิ่วอิงเพียงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไหล่สองข้างยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มกว้