"ท่านประธาน..." เลขารีบเดินเข้ามาหาเพราะคุณเดชะได้เข้ามานั่งรอแล้ว และเขาเองก็รู้เช่นกันว่าตัวเองออกไปนานเกินไป"ผมรู้แล้ว" "....." "ต้องขอโทษคุณเดชะด้วยนะครับที่มาช้า""ไม่เป็นอะไรครับ" ออสตินนั่งลงเพื่อเตรียมที่จะพูดคุยเจรจากันเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเซ็นสัญญาด้วยกัน เพราะบริษัทของออสตินเป็นบริษัทใหญ่จึงทำให้บริษัทเล็กๆ อยากจะเข้ามาร่วมเซ็นสัญญาด้วย เนื่องจากมันสามารถเติบโตได้เร็วแบบก้าวกระโดด "ต้องขอโทษด้วยครับท่านประธานพอดีผมมีปัญหานิดหน่อย" "....." น้ำเสียงที่คุ้นหูเหมือนออสตินเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน พอได้หันกลับไปมองก็พบว่าเป็นชาญชัยอดีตสามีของน้ำผึ้งนั่นเอง "นี่มันอะไรกันครับ คนนี้เป็นใครครับท่านประธาน""อ้าว นึกว่ารู้จักแล้วซะอีก""หมายความว่ายังไงครับ?""นี่ออสตินเพิ่งจบมาจากเมืองนอกหมาดๆ เลย ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวพิธา เพิ่งมารับตำแหน่งแทนพ่อได้ไม่นานเอง" "วะ ว่าไงนะครับ ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวพิธา" ชาญชัยดูตกใจเอามากๆ เพราะไม่คิดว่าเจ้าของบริษัทใหญ่ที่ยอมมาร่วมลงทุนด้วยคือออสติน "จะตกใจอะไรขนาดนั้นเล่า""คนนี้ใครหรอครับคุณเดชะ?" ออสตินถาม "คนนี้เป็นเลขาของผมเองครับ ชื่
ฉันตกใจมากเมื่อรู้ว่าคนที่พูดจาไม่ดีกับออสตินคือใคร นี่เขายังไม่เลิกยุ่งกับฉันกับออสตินอีกหรือไงเนี่ย ฉันไม่เข้าใจเลยเหมือนกันว่าเขามาทำแบบนี้กับฉันกับออสตินเพื่ออะไร หรือว่าต้องการไม่ให้ฉันได้มีคนรักเหมือนคนอื่นเขา อันที่จริงเราสองคนก็จากกันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เพราะฉันขู่เขาเรื่องที่เขาคบชู้กับคนในบริษัทว่าจะแจ้งความเอาเรื่องให้ถึงที่สุดถ้าเขายังไม่เลิกยุ่งกับฉัน เขาคงจะแค้นใจและไม่อยากให้ฉันได้มีคนรักดีๆ หรือเปล่านะ "เขาไม่ได้ทำอะไรนายใช่ไหม?""ไม่หรอกครับ แต่ก็มีปากเสียงกันอยู่นิดหน่อย" "เขาน่ะเป็นพวกที่ชอบหาเรื่องคนอื่น ชอบพูดอะไรตามใจตัวเองขอแค่ให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บใจหรือเสียใจ""ครับ เขาพยายามพูดให้ผมเจ็บใจ เรื่องของพี่..."".....""ผมไม่ได้จะว่าพี่หรือเลิกคบกับพี่เลยนะ ผมรู้ว่าคนเราทุกคนต่างก็มีอดีตด้วยกันทั้งนั้น" "ขะ เขาพูดถึงเรื่องอะไร?" ฉันถามออกไปเสียงตะกุกตะกัก อันที่จริงในอดีตฉันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นแต่ก็ไม่เคยนอกใจสามีไปมีผู้ชายคนอื่น ฉันมันเป็นพวกนิสัยเสียก็จริงแต่ฉันก็รักเดียวมั่นคงมาตลอด "เขาบอกว่าพี่เคยมีลูกกับเขา...""อ๋อ..." "แล้วตอนนี้ลูกของพี่อยู่ไหนล่ะครับ"
บริษัทBBB ออสตินกลับไปทำงานตามปกติแต่ในวันนี้เลขาของเขาบอกว่าพ่อของเขามารอพบตั้งแต่เช้า และสีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ด้วย น่าจะเกิดจากที่ออสตินไปฉีกสัญญาระหว่างบริษัท ถึงแม้บริษัทใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรแต่การที่มีบริษัทที่เป็นศัตรูมากกว่ามิตรมันก็ไม่ใช่เรื่องดี "สวัสดีครับพ่อ" "แกทำอะไรลงไปแกรู้ตัวบ้างไหม!?""รู้ครับ" "แล้วแกทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร" "ผมแค่ไม่อยากร่วมทำงานกับบริษัทที่ปล่อยผ่านเรื่องพนักงานทำผิดกฎของบริษัทแถมยังปล่อยให้ลอยนวลทำงานมาจนถึงทุกวันนี้" "แล้วมันใช่เรื่องที่แกจะต้องไปสนใจงั้นเหรอ บริษัทของเขาก็ให้เขาเป็นคนจัดการคนของเขาเอง" "แต่ผู้ชายคนนั้นเขามายุ่งกับผมเองแถมยังมายุ่งกับผู้หญิงที่ผมรักอีก" "นี่แกเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานงั้นหรอ" "พ่อคิดว่าผมจะสามารถร่วมงานกับคนที่พูดจาดูถูกผมได้งั้นหรอครับ" "เฮ้อ...ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกไม่พอใจอะไรใครตรงไหนแต่สิ่งที่แกทำมันไม่ถูกต้อง คุณเดชะเขาเป็นนักธุรกิจรุ่นใหญ่แถมยังมีฝีมือในการทำงานด้วย""มีฝีมือในการทำงานแต่ไม่มีฝีมือในการดูแลอบรมคนของตัวเอง แบบนี้พ่อจะยังอยากร่วมงานกับเขาอยู่อีกงั้นหรอครับ" "แล้วผ
ตกกลางดึกคืนนึง..."อือพี่ค้าบ..." "อะไรเป็นอะไร?" ฉันถามเพราะออสตินเอาแต่ขยับตัวขยุกขยิกไปมาไม่ยอมนอนหลับสักที มันก็เลยทำให้ฉันพลอยนอนไม่หลับไปด้วย "ผมนอนไม่หลับอ่ะพี่ช่วยปลอบใจผมหน่อยสิ" "....." ฉันเองก็พอจะรู้มาเหมือนกันว่าที่บริษัทของออสตินมีงานเยอะและเขาต้องรับผิดชอบหลายอย่าง เพราะแบบนี้ถึงทำให้เด็กน้อยของฉันหน้าบึ้งตึงกลับมาทุกวัน "แล้วนายจะให้ฉันปลอบใจยังไง""พี่ก็น่าจะรู้นี่ครับว่าผมชอบให้พี่ปลอบใจยังไง" พรึ่บ! ฉันลุกขึ้นแล้วไปคร่อมอยู่บนตัวของออสติน ก่อนที่มือจะลูบไล้ไปตามหน้าอกแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าส่วนด้านล่างเริ่มมีการขยายใหญ่ขึ้นมาตอบสนองการกระทำของฉัน "นายซื้อถุงยางมาใหม่แล้วใช่ไหม""ครับ เดี๋ยวผมหยิบให้" ว่าแล้วออสตินก็เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักตรงหัวเตียงซึ่งเขาอยู่ใกล้มันมากที่สุดก่อนจะหยิบถุงยางออกมากล่องนึง "อืม...""พี่จะถอดชุดไหม" "ถามทำไม?""ผมอยากลองเอาพี่แบบคาชุดแบบนี้บ้าง""....." ชุดนอนที่ฉันใส่มันก็แค่ชุดนอนธรรมดานั่นแหละแต่ฉันไม่ได้ใส่ชุดชั้นในเลย จึงทำให้หัวนมของฉันมันตั้งโด่ออกมาด้านนอก งับ!"อะ อ๊ะ ออสติน!?" ฉันตกใจที่จ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา “อื้อ อย่าสิออสติน ฉันกำลังใส่เสื้อผ้าอยู่นะ” เธอหันไปพูดเพราะถูกออสตินเข้ามารบกวนขณะที่กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่ และก็กำลังจะไปหาแม่ของออสตินเธอจึงต้องเลือกชุดที่เรียบร้อยหน่อย ถึงชุดที่มีอยู่มันจะเรียบร้อยแล้วแต่มันก็ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ “พี่เลือกชุดนานจังครับ”“ฉันกลัวว่าเสื้อผ้าที่จะใส่ไปมันจะไม่เหมาะสมน่ะ นายว่าแบบนี้มันจะดีไหม”“ผมว่ามันก็เรียบร้อยแล้วนะครับ” “ฉันไม่รู้จะใส่ตัวไหนไปด้วย ไม่คิดว่าแม่ของนายจะอยากเจอเราสองคนเร็วขนาดนี้”“ผมให้บัตรพี่ไว้ใช้แล้วนะครับ ทำไมพี่ไม่ไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ล่ะครับ รองเท้า กระเป๋า หรือของสวยๆ งามๆ ที่ผู้หญิงชอบกัน”“มันสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์นะออสติน ของบางอย่างมันไม่ได้จำเป็นต้องซื้อ สู้เอาเงินไว้ใช้ตอนที่จำเป็นจะดีกว่านะ” เพราะเธอเคยลำบากมาก่อนจึงรู้คุณค่าของเงิน ถึงแม้จะไม่ใช่เงินของตัวเอง ถึงจะรู้ว่าออสตินรวยระดับไหนแต่มันก็เป็นนิสัยของเธอไปแล้วที่จะไม่ใช่เงินสุรุ่ยสุร่าย “ซื้อไปเถอะครับพี่ ซื้อไว้ใช้เฉพาะที่ต้องใช้”“เอาไว้ฉันจะคิดอีกทีนะ”“ครับ” ออสตินนั่งมองเรือนร่างของหญิงสาวคนรักตรงหน้า เธอสวยและหุ่นดีมากเธอไม่ได้ผอม
ตอนเย็น ฉันเข้ามาอยู่ในครัวกับแม่บ้านแล้วก็แม่ของออสติน ส่วนรายนั้นถูกกันออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ยอมให้เข้ามายุ่งเลย ฉันรู้แหละว่าออสตินเป็นห่วงฉันแต่ก็ตัวติดกับฉันเกินไป พอโดนสั่งห้ามไม่ให้เข้ามายุ่งก็หน้าบึ้งตึงขึ้นมาเลยเชียว “เธอทำอะไรเป็นบ้าง?” “คะ? เอ่อก็ทำได้หลายอย่างอยู่ค่ะ แต่อาหารชาวเมืองทำไม่ค่อยเป็นค่ะ ปกติทำเป็นแต่อาหารบ้านๆ” ฉันพอจะทำได้แหละแต่ก็ต้องเปิดคลิปการทำไปด้วย เพราะฉันทำไม่คล่อง และกลัวรสชาติมันจะออกมาไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก่อนอยู่กับพ่อแม่ก็กินแต่ของบ้านๆ พอได้อยู่คนเดียวฉันก็ยิ่งกินง่ายเข้าไปใหญ่ เพราะไม่ใช่คนเรื่องมากกับการกินเท่าไหร่ด้วย “งั้นเหรอ เดี๋ยวให้แม่บ้านสอนทำก้แล้วกัน จะได้ทำเป็น”“ค่ะ” ฉันเดินเข้าไปจากนั้นก็ค่อยๆ ทำไปโดยที่มีแม่บ้านเป็นคนบอกว่าต้องทำยังไงบ้าง ส่วนแม่ของออสตินเองก็ทำด้วยเช่นกันแต่เราแยกกันทำ แต่ฉันก็ยังรู้สึกได้ว่าแม่ของออสตินจะคอยมาที่ฉันตลอดเหมือนกำลังมองว่าฉันทำไปถึงไหนแล้ว “ทำแบบนี้นะคะคุณ”“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” “นี่เธอพักอยู่ที่ไหนแล้วทำงานอะไรเหรอ” “…..” ฉันนิ่งไปทันที เพราะก่อนหน้านี้เรายังไม่ได้พูดกันมากมายเลย และก็ยังไม่เ
พอถึงเวลานั่งกินข้าวด้วยกันต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร ถึงจะเกร็งอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าดีกว่าก่อนหน้านี้มาก เพราะแม่ของออสตินเขาก็ไม่ใช่คนที่จะแรงใส่ขนาดนั้น เขาเป็นคนที่เงียบและใช้คำพูดได้กินใจทุกคำ "ออสติน...""ครับ?" จู่ๆ เสียงของแม่ออสตินก็พูดดังขึ้นท่ามกลางความเงียบซึ่งมันทำให้ฉันและพ่อของออสตินเองหันมองไปตามเสียงเช่นกัน "ลูกสะใภ้คนนี้เนี่ย...""คะ ครับ? มีอะไรหรือเปล่าครับแม่" น้ำเสียงของออสตินดูสั่นๆ เหมือนกำลังกลัว ซึ่งฉันเองก็กลัวไม่ต่างกัน"เฮ้อ...ที่ผ่านมาแม่พยายามหาผู้หญิงที่ดีและเพียบพร้อมมาให้เราแต่เราก็ไม่เคยสนใจใครคนไหนเลย" "ผมไม่สนใจหรอกครับ" "หลังจากที่มีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้ แม่อยากจะบอกว่าแม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้มาก" "คะ ครับ?" ไม่ใช่แค่ออสตินหรอกที่ตกใจฉันเองก็ทั้งตกใจทั้งแปลกใจไม่ต่างกัน ฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านั้นแม่ของออสตินเข้มงวดกับฉันพอสมควรเลย ไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือว่ากันแสดงกิริยาต่างๆ ของฉัน "ขอโทษนะน้ำผึ้งก่อนหน้านี้ที่แม่ตั้งคำถามอะไรแบบนั้นไป แม่แค่อยากรู้ว่าเธอมีความรักให้กับลูกชายของแม่มากแค่ไหนถ้าแลกกับเงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้นแล้ว"
หลายวันถัดมา "ผมไปทำงานก่อนนะครับพี่เสร็จงานแล้วจะรีบกลับมาหาเลย" "ขับรถให้มันดีๆ ล่ะออสติน" "ค้าบ" หลังจากที่ออสตินออกไปทำงานหน้าที่ของฉันที่จะต้องทำต่อจากนี้ก็คือหน้าที่แม่บ้าน เพราะฉันไม่ชอบอยู่นิ่งๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย กริ๊งงง~ กริ๊งงง~ "....." ฉันขมวดคิ้วเข้าหากัน ออสตินก็ออกไปทำงานแล้วนี่นาแถมรายนั้นก็มีคีย์การ์ดด้วยไม่น่าจะมากดกริ่งแบบนี้ แล้วใครกันล่ะมากดกริ่ง จะว่าไปฉันก็ไม่มีใครที่ไหนให้รู้จักนี่นา ส่วนเพื่อนของออสตินหรือว่าคนรู้จักก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาพักอยู่ที่นี่ หรือว่าจะเป็นพนักงานของคอนโดกันนะ ฉันเดินออกไปส่องที่ตาแมว ก่อนจะพบว่าคนที่มากดกริ่งคือแม่ของออสติน แกร๊ก~"คุณหญิง!" ฉันรีบเปิดประตูในทันทีแถมสภาพของฉันในตอนนี้ก็ดูไม่ดีสักเท่าไหร่ด้วย เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่ใส่นอนเพราะยังไม่ได้อาบน้ำยังมัวแต่ทำงานบ้านอยู่เลย "ตายจริงเธอทำอะไรของเธอเนี่ย?""เข้ามาก่อนนะคะคุณหญิง""แล้วนี่เจ้าตัวดีไปไหน?""ออกไปทำงานได้สักพักแล้วค่ะ" "ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้เตรียมตัวต้อนรับไม่รู้ว่าคุณหญิงจะมา" "แล้วนี่เธอทำอะไรอยู่?" "กำลังจะทำงานบ้านค่ะ" "เธอไม่ออกไปไหนเลยห
สามปีต่อมาในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาฉันกับออสตินคอยช่วยกันเลี้ยงดูลูกเป็นอย่างดี มันก็มีบ้างที่คนเราจะต้องเหนื่อย และมันก็มีบ้างที่เราจะมีปากเสียงกันแต่สุดท้ายแล้วเราก็เลือกที่จะปรับความเข้าใจกันเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะอยู่ด้วยกันแล้วจะมีความคิดเห็นบางอย่างไม่ตรงกันและมีปากเสียงกันบ้าง แต่พอเราลองถอยกันคนละก้าวและพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมามันก็ทำให้เราสองคนเข้าใจกันปรับความเข้าใจกันมันเลยไม่มีการทะเลาะกันใหญ่โต ตอนนี้ฉันกำลังท้องลูกคนที่สองได้ห้าเดือนแล้วเป็นผู้หญิง ตอนแรกออสตินก็ไม่กล้าที่จะให้ฉันท้องอีกเพราะกลัวว่าฉันจะต้องเจ็บ รายนั้นกลัวฉันเจ็บมากๆ ถึงขั้นมีความคิดที่จะไปทำหมันตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีลูกอีกฉันจะได้ไม่ต้องเจ็บอีกทั้งที่ตัวเองคิดเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะมีลูกอีกหลายๆ คนลูกจะได้ไม่เหงา สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องปลอบใจและอธิบายให้เขาเข้าใจจนเขาล้มเลิกความคิดที่จะไปทำหมัน และตอนนี้ออสก้ากำลังเข้าเรียนในชั้นเตรียมอนุบาล ออสตินจะขับรถไปส่งทุกๆวันพอเลิกงานก็จะแวะรับลูกชายกลับมาด้วยเพราะงั้นฉันเลยไม่ได้ต้องวุ่นวายตรงนี้ ตอนเช้าตื่นมาออสตินก็จะเป็นคนจัดแจงอาบน้ำแต่งตัว
เวลาต่อมา ตอนนี้ฉันคลอดลูกแล้วและก็กลับมาอยูที่บ้านแล้วด้วย ลูกตัวใหญ่แต่ก็คลอดออกมาเองได้เพราะร่างกายของฉันแข็งแรงพอที่จะคลอดเองได้ ก่อนหน้านั้นออสตินเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยเลย เพราะก่อนจะคลอดฉันมีอาการปวดที่เรียกว่าปวดสุดๆ ปวดจนหน้าซีดไปหมด ปวดจนตัวบิดงอ มันเหมือนร่างกายมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่เขาว่ากันว่าการคลอดลูกของผู้หญิงมันเจ็บปวดที่สุดแล้วเพิ่งจะเข้าใจก็วันนี้นี่แหละ “เฮ้อ…”“เจ็บแผลหรือเปล่าครับพี่”“ไม่หรอก ไม่เจ็บแล้ว” ฉันตอบ พอคลอดเสร็จแล้วพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลสองวันก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะ เพราะร่างกายมันฟื้นตัวได้เร็วกกว่า ลูกของฉันเองก็แข็งแรงสมบูรณ์ดีเลยกลับบ้านได้พร้อมกับฉันเลย ตอนนี้ก็ได้แม่บ้านกับออสตินคอยดูแลอยู่ฉันเลยได้มีเวลาพักฟื้นตัวเอง เขาไม่ยอมให้ฉันได้หยิบจับอะไรเลยนอกจากนอนดูพวกเขาช่วยกันเลี้ยงลูกนิ่งๆ “คุณหนูน้อยเลี้ยงง่ายจังเลยค่ะ ไม่ร้องงอแงเลย” “ดีแล้วค่ะที่เลี้ยงง่าย ถ้าแกเลี้ยงยากทุกคนคงต้องเหนื่อยเพิ่มกันแน่ๆ เลยค่ะ” “พี่ครับ..ผมพาขึ้นไปพักไหมครับ”“ไม่เป็นอะไรหรอก ให้ฉันได้นั่งรับลมอยู่ข้างล่างนี่แหละ ตอนเย็นๆ ว่าจะไปเดินเล่นสักหน่อย เหมือนจ
ออสติน Talk "จะเข้ามากอดอะไรขนาดนั้น""....." พอพี่น้ำผึ้งพูดผมก็รีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ตอนนี้ผมกำลังเอาหูแนบฟังลูกที่กำลังดิ้นอยู่ในท้อง ถึงแม้ตอนที่ผมเข้ามาสัมผัสแกจะไม่ดิ้นเลยก็เถอะ แต่ผมก็จะรออยู่แบบนี้จนกว่าจะได้เห็นว่าลูกดิ้นเป็นแบบไหน พี่น้ำผึ้งบอกเสมอว่าลูกชอบดิ้นตอนกลางคืนจนทำให้พี่แกนอนไม่ค่อยหลับบวกกับท้องที่ใหญ่ขึ้นด้วย ผมมักจะรอดูว่าลูกจะดิ้นตอนไหนแต่ทุกครั้งก็ต้องเผลอหลับไปเพราะเหนื่อยจากการทำงานมาแล้ว "พี่หนักท้องไหม?""ก็มีบ้าง ท้องฉันมันโตขึ้นตั้งเยอะ จะบอกไม่หนักเลยก็แปลกสิ" "อืม..." ท้องใหญ่ๆ ของพี่น้ำผึ้งเริ่มมีรอยแตกลาย คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนท้องบางคนที่พอหน้าท้องขยายแล้วก็จะมีรอยแตกแบบนี้ ผมไม่ได้มองว่ามันน่าเกลียดเลย กลับกันผมรู้สึกสงสารพี่น้ำผึ้งด้วยซ้ำที่ต้องยอมเสียสละร่างกายยอมตัวแตกลายเพื่ออุ้มท้อง ที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงมักจะเสียเปรียบผู้ชายมันคงจะจริงสินะเพราะผู้ชายไม่สามารถท้องได้ ไม่สามารถเป็นประจำเดือนได้ "ทำไมนายชอบจูบท้องฉันนักล่ะ""จูบเพราะแสดงความรักกับลูกแล้วก็จูบเพราะผมอยากจูบ" ".....""พี่ครับ...ถ้าคลอดลูกคนนี้แล้ว พี่ไม่อยากม
ออสติน Talk "จะเข้ามากอดอะไรขนาดนั้น""....." พอพี่น้ำผึ้งพูดผมก็รีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ตอนนี้ผมกำลังเอาหูแนบฟังลูกที่กำลังดิ้นอยู่ในท้อง ถึงแม้ตอนที่ผมเข้ามาสัมผัสแกจะไม่ดิ้นเลยก็เถอะ แต่ผมก็จะรออยู่แบบนี้จนกว่าจะได้เห็นว่าลูกดิ้นเป็นแบบไหน พี่น้ำผึ้งบอกเสมอว่าลูกชอบดิ้นตอนกลางคืนจนทำให้พี่แกนอนไม่ค่อยหลับบวกกับท้องที่ใหญ่ขึ้นด้วย ผมมักจะรอดูว่าลูกจะดิ้นตอนไหนแต่ทุกครั้งก็ต้องเผลอหลับไปเพราะเหนื่อยจากการทำงานมาแล้ว "พี่หนักท้องไหม?""ก็มีบ้าง ท้องฉันมันโตขึ้นตั้งเยอะ จะบอกไม่หนักเลยก็แปลกสิ" "อืม..." ท้องใหญ่ๆ ของพี่น้ำผึ้งเริ่มมีรอยแตกลาย คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนท้องบางคนที่พอหน้าท้องขยายแล้วก็จะมีรอยแตกแบบนี้ ผมไม่ได้มองว่ามันน่าเกลียดเลย กลับกันผมรู้สึกสงสารพี่น้ำผึ้งด้วยซ้ำที่ต้องยอมเสียสละร่างกายยอมตัวแตกลายเพื่ออุ้มท้อง ที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงมักจะเสียเปรียบผู้ชายมันคงจะจริงสินะเพราะผู้ชายไม่สามารถท้องได้ ไม่สามารถเป็นประจำเดือนได้ "ทำไมนายชอบจูบท้องฉันนักล่ะ""จูบเพราะแสดงความรักกับลูกแล้วก็จูบเพราะผมอยากจูบ" ".....""พี่ครับ...ถ้าคลอดลูกคนนี้แล้ว พี่ไม่อยากม
เวลาต่อมา ออสตินคอยดูแลฉันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะลุกจะเดินหรือจะทำอะไรเขาจะเป็นคนจัดการให้ทุกครั้ง ออสตินดูแลฉันอยู่เป็นอาทิตย์หลังจากนั้นเขาก็กลับไปทำงานต่อเพราะเขามั่นใจแล้วว่าอาการแพ้ท้องของฉันมันไม่ได้หนักหนาอะไรและที่บ้านก็ยังมีแม่บ้านคอยอยู่เป็นเพื่อนฉันด้วย แต่ออสตินก็ยังจะกลับบ้านเร็วกว่าปกติ บางครั้งก็จะกลับมาในช่วงเที่ยงๆ ไม่ได้กลับไปทำงานต่อ ออสตินทั้งทำงานไปด้วยดูแลฉันไปด้วย จนบางครั้งฉันก็แอบห่วงสุขภาพของเขาเหมือนกัน อาการแพ้ท้องของฉันมันไม่ได้หนักหนาอะไร ฉันไม่ได้อาเจียนจนกินอะไรไม่ได้ จะมีก็แค่รู้สึกเวียนหัวบ้างเป็นบางครั้ง ออสตินสั่งห้ามฉันทำงานทุกอย่างไม่ว่าจะงานเล็กงานน้อย และเขาก็สั่งกำชับกับแม่บ้านเอาไว้อย่างดีเลยด้วย ฉันแอบไม่ได้หรอกเพราะเรื่องนี้แม่บ้านก็เห็นด้วยกับออสตินไม่มีใครเห็นด้วยกับฉันเลย "ผมกลับมาแล้วครับ" "วันนี้กลับเร็วอีกแล้วนะ" "ก็กลับมาดูแลพี่ไงครับ" "นายเองก็พักบ้างสิดูแลแต่ฉัน แต่ตัวนายไม่ได้พักเลยแบบนี้ฉันก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะ" "พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดเลยครับ ภรรยาของผมกำลังท้องลูกของผมอยู่สามีอย่างผมก็ต้องดูแลภรรยาอย่างเต็มที่สิครับ""แต่นายก็
ออสติน Talk ตอนเย็นหลังเลิกงาน ผมขับรถกลับมาที่บ้านตามปกติเหมือนอย่างเคย บางวันผมก็ขับรถเอง วันไหนเหนื่อยขี้เกียจขับรถก็จะมีคนขับรถค่อยขับรถไปส่งที่บริษัท แต่วันนี้ผมขับรถกลับมาเอง "พี่ค้าบ..." พอกลับมาถึงสิ่งที่ผมทำอย่างแรกเลยคือการได้อ้อนพี่น้ำผึ้ง ผมชอบเข้าไปกอดเธอหอมแก้มเธอ การได้ทำแบบนี้มันทำให้ผมหายเหนื่อยจากที่ทำงานมาเป็นปลิดทิ้งเลย "วันนี้เหนื่อยไหม""เหนื่อยครับ แต่พอเห็นหน้าพี่แล้วก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับ""อ้อนเก่งนักนะนายเนี่ย" "ผมขอชาร์จแบตหน่อย" "หิวหรือยัง กินข้าวก่อนแล้วค่อยขึ้นไปอาบน้ำก็ได้จะได้พักทีเดียวเลย""ครับ" ทุกๆ อย่างมันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ผมกลับมาจากที่ทำงานกินข้าวพร้อมกับพี่น้ำผึ้งแล้วก็ขึ้นไปนอนด้วยกัน เราสองคนไม่ได้เที่ยวที่ไหน กลับกันเราใช้ชีวิตดั่งเช่นสามีภรรยาทั่วไปมากกว่า พี่น้ำผึ้งเธอจะคอยทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน ทำอาหารไว้รอผมในทุกๆ วัน มันอาจจะไม่ได้พิเศษอะไรในสายตาของคนอื่นแต่ในสายตาของผมการได้เห็นหน้าพี่น้ำผึ้งในทุกๆ วันได้พูดคุยกับเธอได้บอกรักเธอมันเป็นวันที่แสนพิเศษสำหรับผมมากที่สุดเลย เพราะงั้นผมถึงได้คิดว่าทุกๆ วันที่ผมตื่นมาแล้ว
ตอนเช้าวันถัดมา “ผมไปก่อนนะครับพี่ เลิกงานแล้วจะรีบกลับมานะครับ”“อื้ม อย่าหักโหมล่ะ พักเที่ยงก็กินข้าวด้วยห้ามอดนะ เข้าใจไหม”“เข้าใจแล้วค้าบ” “ไปเถอะ” ฉันยืนมองออสตินเดินออกไปขึ้นรถ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านใน รีบขึ้นไปด้านบนทันทีเพราะฉันมีสิ่งที่ต้องทำ นั่นก็คือตรวจครรภ์ว่าตัวเองกำลังท้องจริงๆ หรือเปล่า ฉันรีบหยิบซองยาที่แอบให้แม่บ้านไปซื้อมาให้เมื่อเช้าเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะรีบจัดการตรวจตามที่ตัวเองพอจะรู้ และก็นั่งรอผลตรวจอยู่ห้านาที ในที่สุด…ผลตรวจก็ออกมา ปรากฏว่าฉันกำลังท้องจริงๆ แม้ที่ตรวจครรภ์จะขึ้นสองขีดจางๆ แต่ฉันก็มั่นใจ เพราะอาการที่ฉันกำลังเป็นอยู่มันก็คล้ายกับคนท้องมากจริงๆ ฉันคงต้องรีบไปฝากท้องสินะ เพื่อที่จะได้เอาสมุดตรวจครรภ์มายืนยันความจริงว่าฉันกำลังท้องจริงๆ ไม่ใช่แค่ลมปาก “คุณน้ำผึ้งจะออกไปไหนคะ?”“จะไปโรงพยาบาลน่ะ บ่ายๆ ถึงจะกลับมานะ ห้ามใครบอกออสตินล่ะว่าฉันไปไหน”“ผลตรวจเป็นยังไงคะ ใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า”“…..” แม่บ้านทุกคนต่างยืนมองฉันด้วยสีหน้าที่รอลุ้นคำตอบจากฉัน พวกเขาดูตื่นเต้นกันมากเลยนะเนี่ย “ค่ะ มันขึ้นสองขีด แต่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกทีน่ะค่ะเพ
ผ่านมาได้เดือนกว่าๆ “อืม…” ฉันนั่งกุมขมับตัวเองเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ มันรู้สึกมึนๆ จะเวียนหัวก็ไม่เชิง อาการพวกนี้ฉันเป็นมาได้สองสามวันแล้ว แต่ก็คิดว่าเพราะนอนไม่ค่อยหลับด้วยหรือเปล่าเลยเป็นแบบนี้ แต่มันก็เป็นค่อนข้างหนักเพราะมันทำให้ฉันทำงานบ้านอะไรไม่ได้เลยจึงต้องทิ้งงานบ้านทุกอย่างให้แม่บ้านทำทั้งหมด "คุณน้ำผึ้งคะ รับน้ำหวานเย็นๆ สักแก้วไหมคะเผื่อจะดีขึ้น" "อ่า ก็ดีเหมือนกันค่ะ" "ถ้างั้นรอสักครู่นะคะ" ฉันนั่งรออยู่ได้ไม่นานแม่บ้านก็เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำหวาน "ถ้าอาการไม่ดีขึ้นคุณน้ำผึ้งไปหาหมอดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวดิฉันโทรหาคุณออสตินให้" "ไม่ต้องๆ ห้ามบอกเรื่องนี้กับออสตินเด็ดขาด" "....." "ฉันไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วง แค่งานที่บริษัทของเขาที่ต้องทำมันก็เยอะมากแล้ว ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคงเพราะนอนดึกตื่นเช้าด้วยก็เลยเพลียๆ""งั้นก็ขึ้นไปนอนพักเถอะค่ะไม่ต้องห่วงงานบ้านหรอก เดี๋ยวดิฉันกับพวกแม่บ้านจะช่วยกันทำให้เสร็จเองค่ะ""ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง" ฉันกลับขึ้นไปนอนบนห้องตามที่แม่บ้านบอกจริงๆ แต่สุดท้ายก็ยังนอนไม่หลับเหมือนเดิม ฉันพยายามข่มตาให้นอนหลับแล้ว แต่ดูเ
พั่ก! พั่ก! พั่ก!แก่นกายใหญ่กระแทกเข้าออกช่องทางรักอย่างหนักหน่วง ร่างกายของหญิงสาวสั่นสะท้านไปตามแรงกระแทก พร้อมกับเปล่งเสียงร้องครางออกมาไม่ยอมหยุด สายตาของเธอพร่ามัวแทบมองสิ่งตรงหน้าไม่ชัดแล้ว ยิ่งถูกกระแทกแรงขึ้นก็ยิ่งทำให้เธอร้องครางออกมาเสียงดังมากขึ้น ทว่าเธอต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองเพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้อง แต่อยู่นอกระเบียงด้านนอกซึ่งเสียงครางที่ดังออกมามันอาจจะทำให้คนได้ยินได้ “อึก..อ๊ะอ๊ะ อึ๊อื้ม…” มือเรียวปิดปากของตัวเองไว้แน่น เพราะหากมือหลุดไปเสียงอาจจะเล็ดลอดออกมาได้ “อืม…มันดีมากเลยนะครับพี่ อึก..ผมจะคลั่งให้ได้อยู่แล้วครับ” ออสตินพูดกระซิบเสียงแผ่วข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ ที่ถูกพ่นออกมาพร้อมกับคำพูดเสียงกระเส่ามันทำเอาเธอขนลุกซู่จนเบิกตาโพลง “ละ ลึกไป ออสติน…เฮือก!!” หญิงสาวตาเบิกโพลงเมื่อช่องทางรักมันคับแน่นจนรู้สึกได้ตรงท้องน้อย เขากดท่อนเอ็นเข้ามาลึกมากและปลดปล่อยน้ำกามเข้ามาในท้องของเธอจนรู้สึกอุ่นวาบในทันที ร่างหนาทิ้งตัวลงนอนทับร่างของภรรยาสาวพร้อมกับลมหายใจที่หอบถี่ ในขณะที่เธอเองก็เหนื่อยและหมดแรงไม่ต่างกัน แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาคงไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้อย่างแน่