“อื้อ~” ยูริเริ่มส่งเสียงในลำคอออกมาเบาๆ หลังจากสลบไปนานพอสมควร เปลือกตาที่แนบสนิทค่อยๆ เปิดออกปรากฏนัยน์ตาสีน้ำตาลหวานละมุน ความรู้สึกแรกที่วิ่งเข้ามาเล่นงานหลังจากรู้สึกตัวก็คือ…ความเจ็บตรงศีรษะ และความปวดร้าวตามร่างกายจากการตกบันได“ฟื้นแล้วเหรอ” ดวงตากลมโตมองเจ้าของเสียงทุ้มที่เอ่ยถามนิ่งๆ มาร์ลิกซ์ทำคิ้วขมวดเป็นปม เมื่อยูริไม่พูดอะไรตอบกลับมา“ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย หรือสมองได้รับการกระทบกระเทือนจนจำฉันไม่ได้?”“คุณเป็นใคร” เขาชะงักลงไปทันทีที่ยูริเอ่ยถามแบบนั้น เธอคงไม่ได้สมองได้รับการกระทบกระเทือนจนความจำเสื่อมอย่างที่เขาแซวไปเมื่อกี้จริงๆ หรอกนะ “อย่ามาตลก” เขาไม่เชื่อหรอกว่ายูริจะความจำเสื่อม ตกจากบันไดแค่สามขั้น ไม่ขนาดทำให้ความจำเสื่อมได้หรอก ยกเว้นเสียแต่…เธอกำลังแกล้งเขา และรอยยิ้มทะเล้นที่ผุดขึ้นมาบนหน้ายูริ ทำให้เขาเดาถูกว่าเธอแกล้งเขาจริงๆ “ตลกมากรึไงห๊ะ”“คิก เห็นคุณทำหน้าเครียด เลยกะจะแกล้งให้อารมณ์ดีซะหน่อย”เครียดหนักกว่าเดิมน่ะสิ เขาพูดขึ้นมาในใจ แค่เห็นเธอไม่เป็นอะไร และยิ้มได้ก็สบายใจแล้ว ระหว่างที่เธอยังไม่ฟื้น ในหัวเขาคิดไปเองต่างๆ นานา บางครั้งเกินความเป็นจร
“ทำอะไรอยู่” เธอกรอกเสียงถามเพื่อนสนิทผ่านโทรศัพท์(กำลังกินยำมะม่วงกับดูหนัง วันนี้โทรมาแล้วถามแปลกๆ) แวนด้าพูดไปตักยำมะม่วงขึ้นมากินตามไปด้วย ปกติยูริไม่เคยโทรมาแล้วถามว่า ‘ทำอะไรอยู่’ หากแต่วันนี้กลับถามจนเธออดแปลกใจไม่ได้ (มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจรึเปล่า น้ำเสียงแกดูไม่ค่อยดีเลยนะ) “ก็มี…”(เล่าให้ฉันฟังได้นะ)“ฉันว่า….ฉันรักเขา”(แกรักใคร?)เธอเม้มปากเข้าหากันเมื่อแวนด้าถามว่าเธอรักใคร จะเป็นใครอีกไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่มาร์ลิกซ์“คุณมาร์ลิกซ์…”(แค่กๆ! โอ๊ยสำลักยำมะม่วง!)พอแวนด้าได้ยินว่าเพื่อนสนิทรักใคร ก็สำลักยำมะม่วงออกมาหน้าดำหน้าแดงทันที คาดไม่ถึงว่าคนที่ยูริ ‘รัก’ คือมาร์ลิกซ์ เจ้านายของตัวเอง (แกพูดจริงหรืออำฉันเล่นยูริ?)“จริง”(คุณมาร์ลิกซ์…เจ้านายแกอะน่ะ!?)“อือ ฉันรักเขา”(ตายๆๆๆๆ พูดใหม่อีกทีซิว่าแกรักใคร?)“คุณมาร์ลิกซ์” ต่อให้แวนด้าถามซ้ำ คำตอบของเธอก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม(แกแน่ใจนะว่ารักเขาจริงๆ?)“ตอนแรกก็ไม่แน่ใจหรอก แต่มีเรื่องนึงเข้ามากระทบความรู้สึกของฉัน และมันก็ทำให้หัวใจฉัน…รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา”(…)“ฉันเลยแน่ใจว่ารักเขา”(ถ้าแกรักคนอื่น ฉันจะไม่หนักใจเท่าคุณ
“มึงเอายูริไปเป็นไม้กันหมาเหรอวะ” อลันเอ่ยถามมาร์ลิกซ์ หลังจากรู้ว่าเพื่อนสนิทจะพายูริไปงานเลี้ยงในวันเสาร์นี้ด้วย และที่ทำให้พวกเขาทุกคนคิดว่ามาร์ลิกซ์พายูริไปเป็น ‘ไม้กันหมา’ นั่นเป็นเพราะงานเลี้ยงครั้งนี้ ครอบครัวของคู่หมั้นมาร์ลิกซ์ได้รับเชิญไปด้วย“ได้ข่าวว่าคู่หมั้นมึงไปด้วยนิงานนี้” มาร์คินพูดเสริม “ตำนานกำลังจะแต่งงาน แต่ไม่รู้ว่าคู่หมั้นตัวเองเป็นใคร” ลีคัสเอ่ยแซวมาร์ลิกซ์ ที่ไม่รู้ว่าคู่หมั้นของตัวเองเป็นใคร อาจเป็นเพราะมาร์ลิกซ์ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าไร จึงไม่สืบว่าใครคือ ‘คู่หมั้น’ ตัวเอง และคิดว่าตอนนี้มาร์ลิกซ์คงกำลังหาวิธีทำให้งานแต่งไม่เกิดขึ้นในอนาคต “กูไม่ได้พายูริไปเป็นไม้กันหมา…” เขายกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมากระดกหนึ่งอึก ก่อนจะพูดต่อให้จบประโยค “แต่กูจะพาเธอไปเปิดตัวในฐานะ…ผู้หญิงของกูต่างหาก” เมื่อพูดจบ รอยยิ้มร้ายกาจก็ประดับขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรทันที เพื่อนสนิททั้งสามคนต่างหันหน้ามองกันอย่างไม่เข้าใจ แต่ที่แน่ๆ นั่นคือแผนการของมาร์ลิกซ์อย่างแน่นอน“ยังไงวะ”“ในเมื่อปู่อยากให้กูแต่งงาน กูก็จะปาดหน้าเค้กโดยการพายูริไปงานนี้ด้วย และทำให้ทุกคนคิดว่า…
รถหรูเลี้ยวเข้ามาภายในตัวบ้านช่วงตีหนึ่งเศษๆ มาเฟียหนุ่มก้าวขาลงมาจากรถหรูหลังจากรถจอดสนิท สองเท้าใหญ่ชะลอฝีเท้าลงเมื่อสายตาพลันไปเห็นยูริที่กำลังนั่งตบยุงอยู่ตรงที่นั่งหน้าประตูทางเข้าบ้าน พอก้มมองนาฬิกาบนข้อมือก็พบว่าดึกมากแล้ว ตอนแรกคิดว่าเธอคงนอนแล้วแต่ที่ไหนได้…ยังไม่นอน “ทำไมยังไม่นอน” พอเสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้น ยูริก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มสดใสประดับขึ้นมาบนใบหน้าสวยหวานไร้เครื่องสำอาง หญิงสาวลุกขึ้นและปรี่เข้าไปหามาร์ลิกซ์ “กลับมาแล้วเหรอคะ”“อืม แล้วทำไมถึงยังไม่นอนอีก”“หนูมารอคุณมาร์ลิกซ์” เธอนอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำอะไรเลยออกมานั่งเล่นรอมาร์ลิกซ์ข้างนอก กลิ่นแอลกอฮอล์ที่คลุ้งกระจายออกมาจากตัวเขา ทำให้เธอรู้ทันทีว่าเขาดื่มมา “ดื่มมาเหรอคะ?” “นิดหน่อย เพื่อนมันนัดเจอกะทันหัน” เขาตอบยูริ ก่อนจะเลื่อจสายตามามองไล่มองชุดที่เธอสวมใส่ ใส่ชุดนอนบางขนาดนี้ยังกล้าออกมานั่งรอเขาอยู่อีก“เข้าไปข้างใน” เขาคว้ามือยูริและเดินเข้าไปข้างในบ้าน ข้างนอกลูกน้องเขาเยอะ ไม่อยากให้พวกมันเห็นยูริในชุดนี้ ไม่รู้ว่าเธอออกมานั่งรอเขานานหรือยัง เคยบอกเธอหลายครั้งแล้วว่าอย่าใส่ชุดบางๆ ออกมา
ณ สวนหลังบ้าน ทุกคนกำลังนั่งกินหมูกะทะด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีเจย์สันร่วมวงด้วย ยูริมองเจย์สันที่มีท่าทางเก้ๆ กังๆ จึงทำให้เดาได้ว่าเขาไม่เคยกินหมูกะทะมาก่อน หญิงสาวคีบเนื้อที่สุกแล้ววางลงจานให้คนข้างกาย ภาพนั้นถูกมองด้วยพ่อ และน้องชาย ทั้งสองคนหันหน้ามองกันราวกับกำลังมีความคิดแบบเดียวกัน ก่อนจะหันไปมองยูริและเจย์สัน“ชื่ออะไรล่ะเรา” ชนินทร์ถามเจย์สัน “เจย์สันครับ หรือเรียกสั้นๆ ว่าเจตก็ได้” “เป็นเพื่อนของยูริเหรอ?” “ครับ” “พ่อไม่ยักรู้ว่ายูริมีเพื่อนผู้ชายด้วย” ชนินทร์หันไปมองลูกสาว เพื่อนคนเดียวของยูริที่เขารู้จักก็มีแค่แวนด้า มาวันนี้เพิ่งรู้ว่าลูกสาวก็มีเพื่อนผู้ชายด้วยเหมือนกัน เขาไม่ได้ห้ามให้มีเพื่อนผู้ชาย เพียงแค่แปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นยูริมีเพื่อนผู้ชายมาก่อน“รู้จักกันในที่ทำงานน่ะค่ะ” เธอตอบ แต่อันที่จริงรู้จักกันตอนไปดื่ม“อ๋อ…” ชนินทร์ดึงสายตากลับมามองเจย์สัน ท่าทางแบบนี้คงเป็นลูกคนรวย เพราะสังเกตจากการแต่งตัว อีกทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ยังเป็นของแบรนด์เนม ไหนจะนาฬิกาข้อมือที่เดาได้ว่าคงหลักล้าน ไม่ได้สงสัยที่ยูริจะรู้จักคนระดับแบบนี้ได้ เพราะกับแวนด้า ลูกสาวมหาเศรษฐีช
ซ่า ซ่า ซ่า สายน้ำเย็นฉ่ำที่ไหลตกกระทบลงร่างกายพลอยทำให้รู้สึกเย็นสดชื่น มือเล็กลูบไล้ฟองสบู่ไปตามทุกซอกทุกมุมของร่างกาย กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำที่ใช้เป็นประจำช่วยทำให้สมองเบาโล่งและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ระหว่างอาบน้ำพลางคิดเรื่องมาร์ลิกซ์ไปด้วย ก่อนหน้านี้ที่อยู่กับครอบครัว ยอมรับว่าไม่มีเรื่องเขาเข้ามากวนหัวใจ ทว่าพอได้อยู่คนเดียว กลับกลายเป็นว่าในหัวเต็มไปด้วยเรื่องของเขา เธออยากตัดใจจากเขาเหลือเกิน แต่ติดตรงที่ ‘ทำไม่ได้’ เพราะเธอต้องอยู่กับเขาไปอีกนาน และกว่าจะครบสามเดือนตามสัญญา เธอจะเจ็บช้ำกับเรื่องของเขาเยอะเท่าไรกันเชียวคงเยอะมากน่าดู…สำหรับเขา เธออาจเป็นเพียง ‘สัตว์เลี้ยง’ ไม่มีวันที่เขาจะเหลียวมองคนอย่างเธอหรอก หากวันหนึ่งมาร์ลิกซ์ต้องมีคนรัก ก็ขอให้วันนั้นเธอไม่ได้อยู่ในสถานะนี้ของเขาแล้ว เพราะเธอคงทำใจไม่ได้ และเสียใจมากที่ต้องทนเห็นผู้หญิงคนอื่น ยืนอยู่ข้างกายเขาทั้งที่เธอ…สู้อะไรอีกคนไม่ได้เลย และถ้าหากวันนั้นมาถึง เธอคงคิดถึงเขา คิดถึงกอด คิดถึงจูบ คิดถึงทุกๆ สัมผัสจากเขาเธอเอื้อมมือไปปิดฝักบัวและสวมใส่ชุดนอนบางๆ เหมือนที่ชอบใส่อยู่เป็นประจำ ก่อนจะเปิดประตูและก้าว
ชนินทร์และโรมันนั่งมองมาร์ลิกซ์อยู่มุมหนึ่งของบ้านมาแล้วสองนาน โดยในมือชนินทร์ยังคงถือปืนเอาไว้ป้องกันตัวจากคนตรงหน้าเพราะไม่ไว้ใจ กลัวว่าหากอีกฝ่ายเกิดคิดไม่ซื่อขึ้นมา จะได้ใช้ปืนในมือป้องกันอันตรายจากมาร์ลิกซ์ได้ทันเวลา “จะบอกผมได้หรือยัง ว่ามาทำอะไรที่นี่” ชนินทร์เอ่ยถามมาร์ลิกซ์เสียงเรียบ ไม่เพียงแค่บุกบ้าน แต่ยังปีนขึ้นไปห้องนอนของยูริอีก เขาไม่รู้หรอกว่ามาร์ลิกซ์ขึ้นไปทำอันตรายอะไรยูริหรือเปล่า เพราะเห็นอีกทีก็ปีนลงมาแล้ว เขาได้ให้โรมันขึ้นไปเช็กดูว่ายูริยังปลอดภัยดีหรือเปล่า และคำตอบที่ได้ก็คือยูรินอนแล้ว “ผมไม่ได้มาร้าย” “ถ้าไม่ได้มาร้าย ก็บอกมาสิว่ามาทำอะไรที่นี่” ชนินทร์พูดพร้อมจ้องตาเขม็ง แม้ว่าที่ผ่านมามาร์ลิกซ์เคยส่งลูกน้องมาทวงหนี้และใช้กำลังด้วยหลายครั้ง ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้เขากลัวอีกฝ่ายสักนิด เพราะวันนี้มาร์ลิกซ์บุกบ้านและปีนขึ้นห้องนอนลูกสาวในยามวิกาล หากคำตอบที่ได้ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เขาไม่ปล่อยมาร์ลิกซ์กลับไปเฉยๆ แน่!เขาไม่สนใจว่ามาร์ลิกซ์เป็นพวกมาเฟียทรงอิทธิพล ต่อให้โหดเหี้ยมหรือสูงส่งมาจากไหน หากทำอะไรลูกสาวของเขาแม้แต่ปลายเล็บ…เขาก็พร้อมออกโรงปกป้องลูกตัวเ
บ่ายของวัน“แน่ใจแล้วเหรอที่คบกับคุณมาร์ลิกซ์” เมื่อได้อยู่ตามลำพัง ชนินทร์จึงถือโอกาสถามยูริเรื่องมาร์ลิกซ์ ลูกสาวเขาไม่ผิดที่มีความรัก หากแต่คนๆ นั้นกลับเป็นมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล นี่แหละที่เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ “รู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นมาเฟีย แถมเขายังต่างจากเรามากๆ อีกด้วย” นอกจากเป็นมาเฟียแล้ว มาร์ลิกซ์ยังเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง และครอบครัวเป็นถึงมหาเศรษฐี แม้ยูริตกลงคบกับมาร์ลิกซ์แล้ว แต่เขาก็อดเป็นห่วงผลที่จะตามมาในอนาคตของลูกสาวไม่ได้“หนูรู้ค่ะ…”“พ่อไม่ได้ห้ามให้มีแฟน แต่ถ้าจะมีแฟนทั้งที พ่อก็อยากให้คนๆ นั้นรักลูกสาวพ่อจริง ไม่ใช่เห็นเป็นแค่ดอกไม้ริมทาง ที่จะเด็ดดมเมื่อไหร่ก็ได้”“…”“ถ้าเขารักยูริจริงๆ พ่อก็ดีใจ พ่อกลัวแค่…เขาจะหลอกลูก” ไม่อยากเห็นยูริต้องบอบช้ำเพราะความรัก ลูกสาวเขาเหมาะสมกับรอยยิ้มและความสดใสมากกว่าน้ำตา “หนูรู้ว่าพ่อเป็นห่วงและอยากให้หนูเจอคนดีๆ คุณมาร์ลิกซ์เป็นแฟนคนแรกของหนู ซึ่งหนูไม่รู้เหมือนกันว่าในอนาคตพวกเรายังจะคบกันต่อไหมเพราะไม่มีใครรู้อนาคต แค่หนูได้รักเขา ได้ยืนเคียงข้างเขาในปัจจุบัน…ก็มีความสุขมากๆ แล้ว” สิ่งที่เธอพูดมันออกมาจากความรู้สึกแท้จริงท
มาร์ลิกซ์วิ่งออกกำลังกายบนลู่วิ่งไฟฟ้าคนเดียวในห้องออกกำลังกาย โดยท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องที่อัดแน่นเรียงตัวกันสวยงาม ส่วนท่อนล่างสวมใส่กางเกงขาสั้นประมาณเข่า มือหนาเอื้อมไปปิดลู่วิ่งไฟฟ้าหลังจากวิ่งมาได้สักพัก เขาก้าวลงจากลู่วิ่งและหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม จากนั้นเดินออกมาจากห้องออกกำลังกายและบังเอิญเห็นควินต์เดินมา จึงเอ่ยถามบางอย่างเกี่ยวกับยูริ“ยูริลงมากินข้าวรึยัง?”“ยังไม่เห็นไปห้องอาหารนะครับ แต่เห็นนั่งอ่านหนังสืออยู่แถวสระว่ายน้ำ”“บอกคนยกอาหารเช้าทั้งของกูและยูริมาให้กูที่สระว่ายน้ำ”“ได้ครับนาย” ควินต์ตอบรับคำสั่งเจ้านายเขาเดินตรงไปยังสระว่ายน้ำที่ควินต์บอกว่ายูริอยู่นั่น พอมาถึงก็เห็นเธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว “ทำไมยังไม่กินข้าว” เสียงมาร์ลิกซ์ที่ดังขึ้นทำให้ยูริเงยหน้าขึ้นมอง“หนูรอเฮียออกกำลังกายเสร็จแล้วจะได้กินด้วยกัน”ร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของมาร์ลิกซ์ทำให้เธออดเผลอมองไม่ได้ ทำไมแฟนเธอหุ่นดีแบบนี้ น่าลูบ น่าสัมผัสไปหมดเลย ช่วงนี้ยอมรับว่าเธอหลงเขามาก และก็งอนเขาบ่อยมากเช่นกัน “เด็กหื่น!” “อื้ออ มาดีดหน้าผากหนูทำไม” เธอลูบหน้าผากตร
หลายวันต่อมา @บ้านกรรณ์ตระกูลเกียรติ (บ้านยูริ)“ผมทำยูริท้องครับ” “…” หลังจากมาร์ลิกซ์สารภาพกับเรญาว่าทำยูริท้อง ความเงียบก็ได้เข้ามาปกคลุมโดยอัตโนมัติ ยูริเมื่อเห็นแม่ตัวเองเอาแต่นั่งเงียบพร้อมสีหน้านิ่งๆ ก็ทำให้เริ่มกังวลขึ้นมา และคิดไปเองต่างๆ นานาว่าแม่จะโกรธหรือเปล่า หรือผิดหวังในตัวเธอไหม มาร์ลิกซ์รู้ว่าคนรักเริ่มกังวลจึงเลื่อนมือไปกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ให้ผ่อนคลาย “ถ้าคุณน้าโกรธที่ผมทำยูริท้อง คุณน้าลงโทษผมก็ได้ แต่ผมขออย่างเดียว อย่าลงโทษยูริก็พอ” เรญาดึงสายตากลับมามองมาร์ลิกซ์แล้วยิ้มมุมปาก หากเธอต้องการลงโทษ เชื่อว่าอีกฝ่ายคงยอมให้ทำอย่างที่ลั่นปากพูดออกมา แววตาและน้ำเสียงหนักแน่นของแฟนลูกสาวทำให้เรญาสัมผัสได้ว่ามาร์ลิกซ์พร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปจริงๆ เรญาวางแก้วน้ำชาที่มักดื่มเป็นประจำลงโต๊ะตรงหน้า “รับผิดชอบโดยการออกไปจากชีวิตลูกสาวฉันดีไหม?”ยูริหน้าถอดสีเมื่อคนเป็นแม่พูดอย่างนั้น ส่วนมาร์ลิกซ์แอบใจแป๋วแต่ไม่ได้แสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น “ถ้ารับผิดชอบด้วยวิธีนั้น ผมขอปฏิเสธ”“ทำไมล่ะ ก็นายบอกเอง ว่าพร้อมให้ฉันลงโทษ และนี่แหละคือบทลงโทษของฉัน”“ผมไม่มีวันเลิกกับยู
มาร์ลิกซ์ลอบมองยูริที่เอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นไม่ยอมตักกินมาแล้วสองนาน มาเฟียหนุ่มวางแก้วกาแฟดำในมือลง จากนั้นขยับเรียวปากหยักได้รูปพูดกับคนตรงหน้า“ทำไมไม่กินข้าวหืม”“หนูกินไม่ลง” เขาได้ฟังคำตอบของยูริก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอคงคิดมากเรื่องท้อง แม้เขาจะพยายามบอกให้เธอผ่อนคลายไม่ต้องคิดมาก ทว่าก็ไม่สามารถห้ามความคิดของเธอได้ เขาเข้าใจยูริ ถ้าหากเขาเป็นเธอก็คงตกอยู่ในอาการเดียวกัน “เครียดว่าจะบอกพ่อกับแม่ยังไงเหรอ?”“หนูทำใจเรื่องบอกพ่อกับแม่ได้สักพักแล้วล่ะค่ะ”“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วเครียดเรื่องอะไร ระบายมาให้ฉันฟังได้นะ” เขาพร้อมรับฟังทุกเรื่องจากยูริ หากมันจะช่วยแบ่งเบาความเครียดของเธอให้ลดน้อยลง “หนูไม่เคยมีลูกมาก่อน แค่กลัวว่าจะเลี้ยงเขาได้ไม่ดีพอ อีกอย่างหนูยังไม่ได้เตรียมตัวเรื่องการมีลูก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหนูตั้งรับไม่ทัน” “ฉันเองก็ไม่เคยมีลูกมาก่อนเหมือนกัน เรายังใหม่เรื่องนี้กันทั้งคู่ ฉันเชื่อว่าเราสองคนช่วยกันเลี้ยงดูเขาได้ดีแน่นอน พออยู่ในสถานการณ์จริง สัญชาตญาณความเป็นพ่อกับแม่มันจะแสดงออกมาเองโดยอัตโนมัติ” ก่อนหน้านี้เขาโทรไปบอกพ่อกับแม่ว่ายูริท้อง
“อ้วกก~” เสียงดังโอ้กอ้ากในช่วงเวลาเช้ามืดปลุกให้มาร์ลิกซ์ซึ่งนอนหลับอยู่ตื่นขึ้น มาเฟียหนุ่มในสภาพเปลือยท่อนบนสวมเพียงกางเกงวอร์มสีเทาตัวเดียวเดินตรงไปยังห้องน้ำและเห็นยูริกำลังนั่งเกาะขอบชักโครกอาเจียนอย่างหนัก “ไหวไหม” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามคนรักสาวด้วยความห่วงใยพลางเดินเข้าไปลูบหลังให้ ยูริเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว และดูเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย จะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม เข้าประเด็นนี้ทีไรเป็นต้องโดนเธองอนใส่ทุกที “อึก! อ้วกก~” ยูริไม่ทันตอบในสิ่งที่มาร์ลิกซ์ถาม ก็ต้องหันกลับไปโก่งคออาเจียนอีกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน กลัวว่าถ้าไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วเป็นอย่างอื่นขึ้นมาจะทำให้เธอวิตกกังวล อีกประเด็นหนึ่งที่กำลังสงสัยตัวเองก็คือ หรือเธออาจจะท้องตอนนี้ยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น แต่อาการของเธอมันเข้าข่าย ‘ท้อง’ มากกว่า เธอลองโทรไปเล่าให้แวนด้าฟัง แวนด้าก็บอกว่าลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจจะได้แน่ใจ เธอยังไม่กล้าบอกมาร์ลิกซ์เรื่องนี้ อยากรอให้แน่ใจก่อนถึงจะบอก“ไปหาหมอเถอะ เธอเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ ฉันเป็นห่วง”“ไม่เอา~” “ทำไมดื้อแบบนี้ ครั้
@Mar.L Club“เห็นคุณมาร์ลิกซ์ไหม?” ยูริเดินเข้าไปถามควินต์ที่เพิ่งคุยกับพนักงานในคาสิโนเสร็จ“นายอยู่กับคุณเซบาสเตียนที่ห้องVIPครับ”“ใครคือคุณเซบาสเตียนเหรอคะ?” “นักธุรกิจจากฮ่องกงครับ และเป็นลูกค้ารายใหญ่ของนาย วันนี้คุณเซบาสเตียนมาหานายที่คาสิโน นายเลยต้องไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนเขาน่ะครับ”“อ๋อ ขอบคุณนะคะ”“ครับ นายฝากให้ผมดูแลคุณยูริ ถ้าต้องการอะไรเรียกหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”“ค่ะ” เธอตอบควินต์ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปสูดอากาศอยู่มุมหนึ่งของคาสิโนซึ่งเป็นจุดชมวิว สายลมที่พัดผ่านทำให้เธอรู้สึกเย็นสบายมากไม่น้อย ทว่าการมาของใครบางคนมันทำให้บรรยากาศดีๆ ตอนนี้เสียไปอย่างดื้อๆ“มุมนี้ก็เป็นมุมโปรดของฉันเหมือนกัน”“…” เธอไม่ได้พูดอะไรกับอีกฝ่าย แอบลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ เมลดามาทำอะไรที่คาสิโนมาร์ลิกซ์อีกหมู่นี้เมลดามาหาแฟนของเธอบ่อยๆ โดยอ้างเสมอว่ามาคุยเรื่องธุรกิจ มาร์ลิกซ์ปฏิเสธไปหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ จะให้เขาเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับครอบครัวตัวเองให้ได้ หากเธอเป็นเมลดาคงไม่กล้ามาอีก เพราะโดนปฏิเสธครั้งเดียวมันก็ทำให้อายจนไม่กล้าสู้หน้าอีกแล้ว“ฉันมาหามาร์ทน่ะ แต่เขาดันติดแขกคนสำคั
“ทำข้าวต้มมาให้ค่ะ” เจย์สันนั่งพิงหัวเตียงมองแวนด้าที่ยกข้าวต้มมาให้ ตอนนี้กลับมารักษาตัวอยู่บ้านโดยมีแวนด้าตามมาดูแล ตอนแรกเธอไม่ยอมมา แต่เจย์สันขอยูริให้ช่วยพูดจนสุดท้ายแวนด้าก็ยอมมาดูแล หญิงสาวเดินไปเปิดผ้าม่านสีดำออกจนแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอน “ทำไมไม่กินล่ะคะ” เธอหันไปถามเจย์สันหลังจากเปิดผ้าม่านออกเสร็จแล้ว “ข้าวต้มนั่นแวนด้าทำเองนะคะ ไม่ได้บอกแม่ครัวทำ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะอร่อยถูกปากพี่ไหม”“พี่ยังไม่ค่อยหิว”“แต่พี่ต้องกินยานะคะ”“ไม่เป็นไร กินยาเลยก็ได้” เธอมองเขาอย่างรูัทัน เจย์สันมักใช้แผนการนี้เพื่อให้เธอป้อนข้าว อ้างทุกวันว่าไม่ค่อยหิว แต่พอเธอป้อนก็กินจนหมดเกลี้ยง วันนี้ก็คงอยากให้เธอป้อนข้าวอีกเช่นเคย“ถ้าแวนด้าป้อนพี่จะกินไหม?”“กิน” เขาตอบอย่างไม่ลังเล แวนด้าเดินมานั่งลงข้างๆ หยิบถาดที่มีถ้วยข้าวต้มมาวางไว้บนตักตัวเอง เจย์สันลอบยิ้มอย่างพอใจ เพราะอยากให้แวนด้าป้อนข้าวทุกวันจึงต้องใช้แผนการแบบนี้กับเธอ “พี่ชอบข้าวต้มฝีมือเรา ทำให้กินแบบนี้ทุกวันเลยได้ไหม”“ถ้าไม่อร่อยก็พูดมาตรงๆ เถอะค่ะ ไม่ต้องทำเหมือนอร่อย”“อร่อยจริงๆ อร่อยจนพี่…ติดใจ” หัวใจดวงน้อย
“นายเรียกหาผม มีธุระอะไรเหรอครับ” ควินต์เดินเข้ามาหาเจ้านายที่นั่งไขว้ห้างดูงานบนไอแพดอยู่โซฟาในห้องนั่งเล่น มาร์ลิกซ์ขยับริมฝีปากพูดโดยสายตายังคงมองงานตรงหน้า“เลื่อนประชุมของบ่ายวันนี้ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด”“ทำไมเหรอครับ?” ควินต์เลิกคิ้วขึ้นสูงและเอ่ยถาม ประชุมบ่ายนี้สำคัญมากแต่เจ้านายกลับเลื่อนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด“เมียกูไม่สบาย กูไม่อยากทิ้งเธอไว้คนเดียว” เขาเงยหน้าตอบควินต์ เมื่อคืนยูริคลื่นไส้อาเจียนเกือบทั้งคืนจนไม่ได้นอน แถมเมื่อเช้ายังเป็นอีกตั้งหลายรอบ มิหนำซ้ำเมื่อเช้ายังกินอะไรไม่ได้ บอกว่าจะพาไปหาหมอก็ดื้อไม่ยอมไป พอโดนบังคับกลับงอนใส่จนป่านนี้ยังไม่คุยกับเขาเลย เป็นห่วงก็เป็นห่วง แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเธอไม่ยอม และเขาก็ไม่อยากบังคับเธอมากด้วย “ให้ผมเรียกหมอมาดูอาการไหมครับ?”“เมื่อเช้ากูบอกว่าจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมไป ตอนนี้งอนกูหนักมากจนไม่ยอมคุยกับกู” รอบนี้งอนเขาหนักมาก เอาของกินไปง้อก็ไม่สำเร็จ พยายามง้อทุกวิถีทาง ขอโทษก็แล้ว แต่เธอไม่ยอมหายงอนง่ายๆ ตอนนี้เขาจนปัญญาแล้วจริงๆ“มึงเคยมีแฟนมาก่อน เวลาแฟนมึงงอนหนักๆ มึงง้อยังไง?”“ผมก็ไม่รู้ว่าวิธีของผมจะทำให้นายง้อค
วันต่อมา“อื้อ…” เจย์สันเริ่มส่งเสียงดังในลำคอออกมาเบาๆ หลังจากนอนไม่ได้สติมาหลายอาทิตย์ แวนด้าที่ฟุบหลับอยู่ข้างๆ ตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงครางในลำคอ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้น “พี่เจย์สัน…” เธอเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมทั้งยิ้มออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดเขาก็ฟื้นสักที เจย์สันนอนมองแวนด้านิ่งๆ เพราะเธอคือคนแรกที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้วเจอ ความรู้สึกแรกที่วิ่งปราดเข้ามาเล่นงานหลังจากฟื้นก็คือ ความปวดร้าวตามร่างกายและบาดแผลบริเวณที่ถูกยิง “แวนด้าจะไปบอกคุณมาร์ลิกซ์ตามหมอมาดูอาการพี่เจย์สันนะคะ”หมับ!เจย์สันคว้าแขนแวนด้าไว้ ทำให้หญิงสาวชะงักและหันกลับไปมองเจ้าของการกระทำดังกล่าว“คะ?”“เราอยู่เฝ้าพี่เหรอ” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “ใช่ค่ะ เดี๋ยวมานะคะ ขอไปบอกคุณมาร์ลิกซ์ก่อนว่าพี่เจย์สันฟื้นแล้ว” เธอดึงมือเขาออกและเดินออกไปจากห้องพักฟื้นของเจย์สัน เพื่อบอกมาร์ลิกซ์เรียกหมอมาดูอาการของเขา บอกตามตรงว่าเธอตื่นเต้นและดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ผ่านไปไม่นานหมอก็มาดูอาการเจย์สันโดยมีแวนด้า มาร์ลิกซ์ และยูริยืนดูอยู่ห่างๆ เมื่อหมอรายงานทุกอย่าง
“อดีตรักแรกตามมาถึงที่ขนาดนี้ น่าจะอยู่คุยต่ออีกสักหน่อยนะคะ” คำพูดและน้ำเสียงเชิงประชดประชันทำให้มาร์ลิกซ์ที่กำลังยกเครื่องดื่มขึ้นดื่มชะงักและหันไปมองแฟนสาวซึ่งยืนกอดอกมองมายังตัวเองด้วยสายตาไม่พอใจ “เมลดามาคุยเรื่องธุรกิจ ฉันไม่ชอบ ฉันก็ปฏิเสธไปตรงๆ จะนั่งคุยกันยืดเยื้อให้เสียเวลาทำไม”“แต่ดูเหมือนคุณเมลดาเขาอยากคุยกับคุณมาร์ลิกซ์ต่อนะคะ”“หึงเหรอ?”“ลองมาเป็นหนูดูไหม ใครบ้างจะไม่หึง”มาร์ลิกซ์อมยิ้ม ก่อนจะวางแก้วเหล้าลงเคาน์เตอร์บาร์และเดินเข้าไปกอดแฟนสาวที่กำลังยืนทำหน้าบูดบึ้งอยู่ “เมลดาคืออดีตที่ผ่านมาแล้ว ส่วนคนนี้…คือปัจจุบัน และอนาคต” ฟอดด“อื๊อ!! มาหอมแก้มหนูทำไม” เธอยกมือขึ้นมากุมแก้มข้างที่โดนเขาหอมไปเมื่อกี้“เดี๋ยวนี้หวงตัวเหรอหืม หอมนิดหอมหน่อยไม่ได้?” “หนูไม่ได้หวงตัวสักหน่อย” “แต่ว่ากำลังงอน?”“เปล่า…” “โกหกผัวตัวเองมากๆ ระวังจมูกยื่นยาวออกมาเหมือนพีน็อคคีโอนะ”“หนูก็แค่ไม่ชอบที่คุณเมลดามาหาแฟนของหนู ยังไม่ไปเรียนต่อต่างประเทศยังมาหาถึงที่ขนาดนี้ ถ้าหนูไม่อยู่แล้วคงมาหาแฟนหนูทุกวัน!”“พบเด็กขึ้หึง1อัตรา”“ปล่อยหนูเลย ไม่อยากคุยกับคุณเล่า!” “อย่างอแงสิ ขอกอดหน่