อีกฟากหนึ่ง ภายในร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรูที่มือชื่อเสียงโด่งดังผู้คนมากมายต่างรู้จัก ชายหญิงคู่หนึ่งเดินควงคู่กันเข้าไปในร้านแห่งนี้ พนักงานต่างคอยดูแลลูกค้าที่เป็นนางแบบสาวแถวหน้าอย่างดีที่เดินควงคู่มากับ
ปริภัทร์ พรหมพิริยะ ที่เพิ่งแต่งานไปเมื่อไม่นาน เขามากับนางแบบสาวแน่นอนไม่วายที่จะมีคนติฉินนินทา“ปัทคะ… ปัทว่าชุดนี้สวยเหมาะกับแพนไหมคะ” แพน กวิตา นางแบบสาวชื่อดังเอ่ยถามความคิดเห็นชายหนุ่ม
“สวยครับแพน ชุดไหนผมว่าก็เหมาะกับแพนทั้งนั้นแหละครับ” เขาว่าพลางสอดส่ายส่ายตาไปรอบ ๆ แต่พลันสายตาสะดุดกับร่างบอบบางของภัคพิญา เมียแต่งของเขาเดินเคียงคู่ควงแขนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าใคร สายตาของเขาและเธอสบประสานกันครู่หนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ชายหนุ่มมองตามสองร่างด้วยความสงสัย แล้วค่อยหันมาสนใจคนที่กำลังเลือกของ
“ชุดนี้สวยไหมคะ ปัท” เขามักจะได้ยินคำถามเหล่านี้เสมอเมื่อมาเลือกซื้อของกับเจ้าหล่อน
“สวยครับ ว่าแต่เลือกได้หรือยัง”
“ได้แล้วค่ะ แพนขอไปจ่ายเงินก่อนนะคะ”
“ไม่เป็นไรฉันจัดการให้” กวิตายิ้มพรายออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางแบบสาวว่าไปแบบนั้นเพราะหล่อนรู้เมื่อเธอจะจ่ายทีไรชายหนุ่มมัก
จะเป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายให้เสมอ“แต่ว่า” เจ้าหล่อนกำลังจะแย้งแต่ถูกเข้าตัดบทโดยการเดินไปจ่ายเงินและถือถุงเสื้อผ้าของเธอไว้ในมือก่อนจะเอ่ยถามเจ้าหล่อนว่าเวลานี้ก็ใกล้จะเย็นแล้วหิวหรืออยากหาอะไรทานหรือไม่ซึ่งเขาก็ตามใจหล่อนอยากจะกินหรือซื้ออะไรเขาพาเธอไปทุกที่หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อย ปริภัทร์ขับรถไปส่งกวิตาที่คอนโดมิเนียมหรูของหล่อน
นางแบบสาวออดอ้อนให้ชายหนุ่มนอนค้างกับเธอเหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาปฏิเสธหล่อนไปโดยอ้างเหตุผลว่าเขามีงานที่ต้องจัดการโดยให้ลูกน้องเอาไปให้ที่บ้าน แต่จริง ๆ แล้วเขาอยากจะไปจัดการอะไรบางอย่างเท่านั้น หล่อนจำต้องปล่อยชายหนุ่มไปด้วยความเสียดายแสงสีนวลของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นดั่งราชินีเป็นสง่าท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดส่องสว่างเหมือนดั่งเช่นทุกค่ำคืน รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูเหล็กบานใหญ่ไม่นานร่างเล็กของภัคพิญาก้าวขาลงจากรถคันนั้น หญิงสาวเคาะกระจกรถสองถึงสามครั้งคนภายในรถก็ลดกระจกลงแล้วก้มตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน
“ขอบใจนะที่แวะไปรับที่โรงพยาบาลน่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างขอบคุณคนตรงหน้าหลังจากที่เธอนั้นนัดทานข้าวกับเพื่อนและชอปปิงแล้วภัคพิญาก็กลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงยาย
“ไม่เป็นไรหรอกย่ะ คราวหน้าคราวหลังก็อ้อนผัวให้ผัวซื้อรถให้สิยะ” เอ่ยออกไปอย่างหยอดเย้าเพื่อนของอธิกร
“หยุดพูดเลย ขอบใจที่มาส่งนะ”
“ไม่เป็นไร รีบเข้าบ้านไป เดี๋ยวผัวรอ” หญิงสาวพยักหน้าโบกมือขึ้นไปมาจากนั้นอธิกรเลื่อนกระจกรถขึ้นแล้วขับออกไป แน่นอนว่าเวลานี้สามีของเธอนั้นยังคงไม่กลับบ้านเพราะรถสปอร์ตคันหรูที่เขาใช้ขับประจำของนั้นไม่ได้จอดอยู่ภายในโรงจอดรถ ภัคพิญาเปิดประตูรั้วเหล็กบานเล็กที่อยู่ข้างบ้านออกและเดินเข้าไปโดยไม่ลืมตรวจตราล็อกให้เรียบร้อย
หญิงสาวเดินเข้ามาภายในบ้านซึ่งไร้แสงสว่างจากไฟฟ้า เธอนั้นไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะบ้านหลังนี้อยู่กันเพียงสองคนเท่านั้นคือเธอกับปริภัทร์ เดินเข้ามาอย่างไม่ใส่ใจแต่อยู่ ๆ ไฟกลางห้องนั่งเล่นก็สว่างขึ้นทำเอาหญิงสาวตกใจไม่น้อย หันซ้ายแลขวาดูว่าใครกันเป็นคนเปิดมัน แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับร่างของปริภัทร์ผู้เป็นสามียืนกอดอกมองเธอแววตาโกรธเกรี้ยวบนเชิงบันใดข้าง ๆ สวิตช์ไฟที่เปิดเมื่อครู่
“คุณปัท!” หญิงสาวเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ
“ใช่ฉันเอง… ตกใจขาดนั้นเลยเหรอที่เห็นฉันอยู่บ้าน” ร่างสูงเดินเข้ามาหาร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ใกลจากเขา
“ฉันก็ตกใจนิดหน่อยค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาบ้าน” หญิงสาวตอบกลับเสียงอ่อนเพราะเธอนั้นไม่อยากหาเรื่องเข้าตัวหรือทะเลาะกับเขา
รู้ว่าเขาไม่ชอบหน้าเธอ“ทำไมนี่บ้านฉันทำไมฉันจะกลับมาไม่ได้ หึ...กลับบ้านเอาป่านนี้ไปถึงสวรรค์ชั้นไหนมาล่ะ”
“นี่คุณ… พูดเรื่องอะไรฉันไม่เข้าใจ”
“อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสา พูดจาทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลย ออกจากบ้านไปแต่เช้ากลับกลับบ้านเอาป่านนี้ไปถึงสวรรค์ชั้นไหนมาล่ะ” ชายหนุ่มว่าเสียงแข็งแล้วย่างก้าวเข้าหาเธอช้า ๆ สองมือแกร่งบีบเข้ากับไล่มนของหญิงสาวและจับเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวพยายามสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา
“มันไม่มากไปสำหรับผู้หญิงมักง่าย หน้าเงินอย่างเธอหรอก” ว่าแล้วก็กระชากแขนเรียวของภัคพิญาขึ้นไปยังชั้นสองทั้งลากทั้งดึงไปตามแรงของเขาด้วยความโกรธจากเรื่องวันนี้
“คุณปัท… ปล่อยฉันนะ” เธอว่าพยายามรั้งกายเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล และทันทีที่ประตูห้องปิดลงก็เหวี่ยงเธอลงบนเตียงอย่างแรง
“คุณจะทำอะไร” เธอถามด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนกกับท่าทางของเขา ยันกายขยับตัวให้ออกห่างรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านจากกายคนตรงหน้า
“อย่าทำเป็นไร้เดียงสาไม่เคยไปหน่อยเลย” เขาว่าแล้วกระชากเท้าเรียวให้เข้ามาอยู่ใต้ร่างจากนั้นเขาก็คร่อมเธอเอาไว้แขนสองข้างที่กำลังจะทุบตีเขาถูกรวบตรึงเอาไว้กับเตียงนุ่มก่อนก้มซุกไซ้ลำคอขาวผ่องจนเกิดรอยท่ามกลางเสียงขอร้องอ้อนวนของเธอ
“คุณปัทปล่อยฉันนะ อย่าทำอะไรฉันเลย” อยู่ ๆ น้ำใส ๆ ก็ไหลออกมาเขากำลังจะย่ำยีเธอ
“ฮึ ดีใจถึงกับร้องไห้เลยหรือไง” เขาว่าน้ำเสียงเย้ยหยันคนใต้ร่างอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะผละออกจากร่างบางที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยจากฝีมือของเขา
หญิงสาวได้แต่กอดตัวเองเอาไว้เขามองด้วยความสมเพชกับผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายอย่างเธอแล้วเอ่ยอีกประโยคหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไปปิดประตูลงอย่างแรง
ทิ้งให้ร่างบางนั้นกอดตัวเองนอนร้องไห้อยู่บนเตียง“คืนนี้ฉันไม่มีอารมณ์ อีกอย่างเธอคงอิ่มจากไอ้เวรที่มาส่งแล้วฉันคงไม่ต้องปรนเปรอให้เธอหรอกนะ”
สองเดือนผ่านไปตามวันเวลา การใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาของปริภัทร์และภัคพิญาแน่นอนว่าชีวิตของทั้งคู่ไม่ได้ราบรื่นหวานชื่นเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ การที่คนสองคนต้องมาแต่งงานกันโดยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้นไม่เต็มใจย่อมขื่นขมมากเกินพอ ปริภัทร์ทำทุกอย่างและทุกวิถีทางที่จะทำให้เธอหย่าขาดจากเขาแม้กระทั่งพานางแบบสาวคู่ควงคนล่าสุดของเขาเข้ามาค้างอ้างแรมกัน ที่บ้านใคร ๆ ก็ว่ากันว่าชีวิตของภัคพิญานั้นโชคดีที่ได้แต่งงานกับปริภัทร์ ต่างคนต่างพากันอิจฉาในชีวิตของเธอ แต่หญิงสาวนั้นไม่ได้คิดแบบนั้นว่าตนโชคดีแต่ตรงกันข้ามเสียมากกว่า ถ้าหาเมื่อสองปีก่อนเธอไม่บังเอิญได้พบกับบิดามารดาของเขาเธอก็คงไม่ต้องมาแต่งงานและใช้ชีวิตเรียบง่ายตามมีตามเกิดสองยายหลานหากว่าด้วยเหตุผลบางประการที่ทำให้เธอตกปากรับคำแต่งงานกับ ปริภัทร์ พรหมพิริยะ บุตรชายคนโต ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อน ภัคพิญานั้นรู้จักกับท่านทั้งสองมาราวสองปี ท่านคอยช่วยเหลือเธอในยามยากลำบาก ยายที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอนั้นล้มป่วยต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมานานแรมปีระหว่างที่ยายของเธอเข้ารับการรักษาตัวเธอก็จำเป็นต้องย้ายเข้ามาอยู่ภายในบ้า
“ว่าแต่ยายเป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นรึยัง” เธอถามพลางป้อนอาหารเย็น ที่พยาบาลเอามาให้“ดีแล้วยายไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย อยากออกโรงพยาบาลกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว” หญิงสาวหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่นางว่าออกมาภัคพิญามีอะไรที่ปิดบังยายของตนเอาไว้กังวลว่าหากได้รับรู้ไปแล้วนั้นจะทำให้อาการทรุดลง ความเงียบเข้าปกคลุมจนทำให้คนป่วยนั่นจับสังเกตของคนเป็นหลานได้“มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกยายรึเปล่าภัค”“เอ่อคือ” ความอึกอักทำให้ยายแววคาดคั้นหญิงสามอีกครั้ง“มีอะไรบอกยายมา”“ภัคว่ารอยายรักษาตัวหายดีก่อนแล้วเดี๋ยวภัคจะบอกนะคะ ภัคเป็นห่วงยายไม่อยากให้ยายอาการทรุดลงอีก” ภัคพิญาส่งยิ้มให้นางพลางจับมือเหี่ยวย่นอย่างให้กำลังใจอยากให้ผ่านโรคร้ายไปให้ได้ แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันสองยายหลานเหมือนเมื่อก่อนนี้“ไม่ต้องเป็นห่วงยายหรอก แต่ยายห่วงเราเสียมากกว่านะภัค ทำงานหนักหาเงินมารักษายาย” ยายแววเปลี่ยนประเด็นสนทนากับหลานทันที“ไม่ต้องห่วงเลยค่ะยาย แค่นี้สบายมาก ภัคทำงานไหวขอแค่ยายหายดีแล้วอยู่กับภัคไปนาน ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว”“ภัคเอ้ย คนเราหนีกา
“ว่าแต่บุญมาเยี่ยมยายอย่างเดียวเลยใช่มั้ยวันนี้” ภัคพิญาหันไปถามบุญญาวีร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเตียง“อ๋อใช่วันนี้แวะมาเยี่ยมยายแล้วก็จะชวนแกไปกินข้าวเย็นด้วย”“งั้นไปสิฉันว่างพอดียังไม่อยากกลับบ้านด้วย” เพราะว่าถ้าเธอกลับบ้านไปเธอก็ไม่ได้เจอใคร อยู่คนเดียวก็เหงา สามีก็คงไม่กลับมานอนบ้าน บุญญาวีร์เดินมาหาขนมไทยที่ซื้อมาให้ยายสองสามอย่างเห็นวันก่อนยายแกบ่นอยากกินเธอเลยซื้อมาฝาก“ยายจ๋า บุญซื้อขนมชั้นมาให้ยายด้วยนะ” ว่าพร้อมชูถุงขนมในมือให้ “แต่ยายต้องกินน้อย ๆ ล่ะ เดี๋ยวคนแถวนี้เขาจะว่าเอาได้” หญิงสาวเอ่ยไม่วายที่จะปรายตาเหน็บแนมหมอหนุ่ม“ขอบใจนะหนูบุญ ยายกินไปแล้วแหละ ยายภัคเขาก็ซื้อมาให้ยายเหมือนกันลูก” นางว่าแล้วหันไปทางหลานสาวเธอยิ้มและพยักหน้ารับ ทั้งสี่คนคุยกันไปไม่นานคนป่วยก็หาววอด ๆ ขึ้นพลางเอ่ยไล่หลานสาวให้กลับบ้านกันไปได้แล้ว“ยายให้ภัคอยู่ต่อไม่ได้เหรอ” ผู้เป็นหลานเอ่ยออดอ้อน“กลับบ้าไปดูแลผัวได้แล้ว แต่งงานแล้วก็หัดดูแลซะบ้างนะลูก” หญิงสาวยิ้มเจื่อนให้ผู้เป็นยายแหะ ดูแลเหรอ เขานะบ้านก็ยังไม่กลับเลย“งั้นหนูก
“เป็นไปไม่ได้หรอก เขาไม่มานั่งกินข้าวข้างแบบนี้หรอก อีกอย่างเขาก็อยู่กับคนของเขา” ปากว่าสายตายังคงมองโทศัพท์มือถือไม่ห่าง“ขอโทษนะครับที่มาช้า” สิงหะกล่าวขอโทษกับสองสาวทันที่ที่เดินมาถึงโต๊ะ“ไม่เป็นไรค่ะ” แต่ผิดกับบุญญาวีร์ยังคอยหาเรื่องคนมาใหม่“มาก็ช้าฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”“แล้วทำไมไม่สั่งรอล่ะคุณ” หอมหนุ่มว่าแล้วก็นั่งลงข้าง ๆ หญิงสาว ส่วนที่นั่งที่ว่างอยู่ของภัคพิญาก็ถูกแทนที่ด้วยปริภัทร์นั่งลงข้างภรรยา“ไม่คิดที่จะทักกทายกันหน่อยรึไง” ภัคพิญาเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าแล้วทักทายตามความต้องการของเขา“สวัสดีค่ะ” ว่าแล้วก็ขยับกายออกห่างจากเขา แต่แขนแกร่งก็รวบ เอวบางดึงกลับเข้ามาชิดดังเดิมจนทำให้หมอหนุ่มเอ่ยแซวเล็กน้อย“เบาได้เบาเว้ย… ไม่ได้อยู่กันสองคนนะเว้ย”“ทำไมวะ ก็เมียกูอะ” เขาตอบกลับเพื่อน ภัคพิญาส่งยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้ตอบอะไร“ภัคว่าเราสั่งอาหารกันเถอะค่ะ” หญิงสาวเสนอตามด้วยผู้เป็นเพื่อนสมทบเรียกพนักงานของร้านแล้วจัดการสั่งอาหารตามเมนูที่มีอยู่ในมือ ไม่นานนักอาหารมากมายก็ถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ“เชิญทานเล
“ตาปัทนะตาปัท แม่อุตส่าห์หาสิ่งดี ๆ ไว้ให้กลับไม่เห็นแค่ยังจะไปคั่วอยู่กับแม่นางแบบอะไรนั่นอีก “ คุณนายปภาโวยวายขึ้นเมื่อเห็นรูปภาพบุตรชายกับนางแบบสาวนางนั้นผ่านโทรศัพท์มือถือในเว็บข่าวซุบซิบดารา“อะไรกันคุณ อ่านข่าวแล้วก็โวยวายขึ้นมา” คุณชรัชสามีของนาง เงยหน้าถามละสายตาจาะหนังสือพิมพ์ฉบับเช้า“ก็ลูกชายสุดที่รักคุณน่ะสิ ทำงามหน้าอีกแล้ว… ไม่ดูแลหนูภัคแต่กลับเอาเวลาไปอยู่กับแม่นางแบบแพนเพลินอะไรนั้น เมื่อไรแม่คนนี้จะออกไปจากชีวิตลูกชายเราสักที”คุณชรัชมองดูท่าทางอาการของภรรยาที่มีความกรุ่นโกรธมาเต็ม“คุณจะทำอะไรได้ในเมื่อลูกเรารักหนูแพน แล้วหนูแพนก็รักตาปัท”“รักบ้าบออะไรกัน แม่นั้นรักเงินของตาปัทมากกว่า”“เอาน่ารอดูไปก่อนผมว่าอีกไม่นาน เจ้าปัทก็รักหนูภัคบ้าง”“แต่ฉันรอไม่ไหวฉันอยากอุ้มหลาน” นางโพล่งความประสงค์ของตนเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินลงมาจากชั้นสอง“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณแม่… เสียงดังเชียว” ปิยดา พรหมพิริยะ บุตรสาวคนเล็กเดินลงมาจากชั้นสองพลางเอ่ยถามบิดามารดาว่ามีเรื่องอะไรกันถึงได้เสียงดังตั้งเช้า
“ตาปัทนะตาปัท แม่อุตส่าห์หาสิ่งดี ๆ ไว้ให้กลับไม่เห็นแค่ยังจะไปคั่วอยู่กับแม่นางแบบอะไรนั่นอีก “ คุณนายปภาโวยวายขึ้นเมื่อเห็นรูปภาพบุตรชายกับนางแบบสาวนางนั้นผ่านโทรศัพท์มือถือในเว็บข่าวซุบซิบดารา“อะไรกันคุณ อ่านข่าวแล้วก็โวยวายขึ้นมา” คุณชรัชสามีของนาง เงยหน้าถามละสายตาจาะหนังสือพิมพ์ฉบับเช้า“ก็ลูกชายสุดที่รักคุณน่ะสิ ทำงามหน้าอีกแล้ว… ไม่ดูแลหนูภัคแต่กลับเอาเวลาไปอยู่กับแม่นางแบบแพนเพลินอะไรนั้น เมื่อไรแม่คนนี้จะออกไปจากชีวิตลูกชายเราสักที”คุณชรัชมองดูท่าทางอาการของภรรยาที่มีความกรุ่นโกรธมาเต็ม“คุณจะทำอะไรได้ในเมื่อลูกเรารักหนูแพน แล้วหนูแพนก็รักตาปัท”“รักบ้าบออะไรกัน แม่นั้นรักเงินของตาปัทมากกว่า”“เอาน่ารอดูไปก่อนผมว่าอีกไม่นาน เจ้าปัทก็รักหนูภัคบ้าง”“แต่ฉันรอไม่ไหวฉันอยากอุ้มหลาน” นางโพล่งความประสงค์ของตนเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินลงมาจากชั้นสอง“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณแม่… เสียงดังเชียว” ปิยดา พรหมพิริยะ บุตรสาวคนเล็กเดินลงมาจากชั้นสองพลางเอ่ยถามบิดามารดาว่ามีเรื่องอะไรกันถึงได้เสียงดังตั้งเช้า
ทางด้านของภัคพิญานั้นกำลังลงมือปัดกวาดเช็ดถูกหลังจากที่เธอทำค้างไว้ในช่วงเช้าก่อนจะออกไปเยี่ยมยายเป็นประจำทุกวันหยุดแล้วกลับมาทำงานบ้านเหมือนดั่งเคย ตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมาเธอเป็นคนที่คอยดูแลทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูตลอด เพราะบ้านหลังนี้ไม่มีแม่บ้าน คราแรกคุณนายปภานั้นจะจ้างแม่บ้านให้มาช่วยเธอดูแลทำความสะอาดบ้าน ด้วยความเกรงใจเธอจึงปฏิเสธไปแต่ด้วยว่ากลัวลูกสะใภ้จะเหนื่อยนางจึงให้แม่บ้านมาคอยทำความสะอาดให้แต่ก็ถูกปริภัทร์ส่งกลับพร้อมกับให้เหตุผลที่ว่าบ้านหลังนี้อยู่กันแค่สองไม่ต้องส่งแม่บ้านมาทำความสะอาดก็ได้ แค่เมียเขาคนเดียวก็ทำไหว คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไรเพราะถูกสายตาคาดคั้น ของปริภัทร์หญิงสาวจึงตอบแม่สามีกลับไปว่าไม่เป็นไร เธอทำเองได้แค่นี้สบายมากมือเรียวเปิดบานประตูตู้เย็นเพื่อที่จะดูว่ามีอะไรที่พอปรุงเป็นมื้อเย็นได้บ้าง เพราะไม่ถึงชั่วโมงก่อนหน้านี้สามีโทรเข้ามาบอกว่าจะกลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านเตรียมกับข้าวเอาไว้ด้วย ซึ่งเธอเองก็บอกว่าจะทำให้ น้อยนักที่เขาจะกลับมารับประทานอาหารที่บ้าน บางครั้งเ
“สวัสดีค่ะคุณภัค” / “ สวัสดีค่ะคุณปาย”“เอาของไปเก็บในครัวก่อนค่ะ” เจ้าบ้านที่ดีกุลีกุจอเข้าไปช่วยถือของเอาเข้าไปไว้ในครัวในตอนแรกหญิงสาวจะเอาของจากมือน้องของสามีไปเก็บให้แล้วให้เธอนั่งพักกับคุณหญิงปภาแต่สาวเจ้าเกรงใจเพราเธออายุน้อยกว่าจะให้คนที่โตกว่าถือให้ได้อย่างไรนอกจากจะโตกว่าแล้วยังเป็นภรรยาของพี่ชายอีกต่างหาก“เอาวางตรงนี้ก่อนก็ได้ค่ะคุณปาย” ภัคพิญาวางถุงต่าง ๆ ลงบนเคาน์เตอร์ลายหินอ่อนกลางห้องครัว คนที่ตามมาก็วางลงตามคำที่บอกก่อนจะหันไปทางพี่สะใภ้“จริง ๆ คุณภัคไม่ต้องเรียกปายว่าคุณก็ได้นะคะ ปายอายุน้อยกว่าอีกค่ะ”ภัคพิญาพยักหน้ารับก่อนเอ่ยตอบไปเช่นกัน“อย่างนั้นก็ไม่ต้องเรียกว่าคุณภัคเช่นกันนะคะ เรียกภัคเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”“ได้ยังไงคะปายเรียกพี่ภัคแล้วกันนะคะ” สองสาวเดินคุยกันออกมาจากห้องครัวรับรู้ได้ถึงความเป็นมิตรระหว่างสองคน“คุยอะไรกันสองสาว”“ปายแค่ขอเปลี่ยนสรรพนามของคุณภัคเป็นพี่ภัคเท่านั้นเองค่ะคุณแม่”“วันนี้คุณแม่กับน้องปายจะมาค้างที่นี่เหรอคะ” หญิงสาวถามเพราะว่าบ้านหลังนี้มีเพียงสามห้องนอนเท่านั้น ห
ร่างสูงค่อยขยับเปือกตาขึ้นอย่างอยากลำบากมองดูสิ่งรอบข้างและสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นอนหมอบข้างเตียงของเขาในมือมีหนังสือเล่มเล็ก ๆ หน้าปกมีเด็กทารกหน้าตาหน้ารักส่งยิ้มอยู่แค่พียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าหล่อนเป็นใครหัวใจที่แห้งเหี้ยวกลับเหมือนมีน้ำมาล่อเลี้ยงจนรู้สึกชุ่มชื่น มือของเขาถูกกุมด้วยมือบางของเธอไว้แน่นจนต้องเผลอยิ้มออกมา“ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลตัวเองอีกแล้ว” ว่าออกมาเบา ๆ แล้วยกมือที่เหลืออีกข้างลูบศีรษะเมียรักเบา ๆ อย่างรักใคร่ การที่เขาขับรถเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความประมาทจนเกิดอุบัติเหตุเฉียดตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เจอคนตัวเล็ก มาคอยอยู่ข้าง ๆ คิดแบบนี้เขาก็แทบไม่อยากหายกลัวว่าเธอจะไปจากเขาอีกครั้งร่างคนตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยทำให้ร่างสูงของคนป่วยต้องหลับตานิ่งเหมือนเดิมทำเป็นยังไม่ได้สติอีกครั้ง“หนูภัคลงมาทานข้าวเช้าได้แล้วลูก” คุณนายปภาเปิดประตูมาเรียกให้ภัคพิญาลงไปทานอาหารเช้า“เดี่ยวภัคลงไปค่ะตอนนี้ยังไม่หิวเท่าไรค่ะ”“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอลูก” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ แม่สามีก็พยักหน้ารับแหม... เจ
“เชื่ออะไรคะ”“พี่ว่าคุณปัทเขารักภัคมากนะ รู้ไหมเขาออกตามหาภัคทุกวัน จนวันหนึ่งเขารู้ว่าพี่คือพี่ชายของเรา เขามาหาพี่อ้อนวอนทำทุกอย่างให้พี่ยอมบอกที่อยู่ แววตาของคุณปัทตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักและความหวังที่จะเจอภัค พอพี่บอกว่าพี่บอกไม่ได้ ไม่รู้แววตาจากที่มีความหวังเหมือนโลกที่พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารักและอยากเจอภัคมาก ทำทุกอย่างเพื่อภัค ช่วงแรก ๆ ที่ยังตามหาไม่เจอปายบอกว่าเขากินเหล้าทุกวันเพ้อถึงภัคตลอดเลยนะ ” ภัคพิญานิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชายบอกด้วยหัวใจที่สับสน“ลองให้อภัยเขาแล้วมาเริ่มต้นครอบครัวที่ภัคอยากได้อีกครั้งดีไหม” พิธานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน “ลองคิดดูนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่งข้อความเสียงนั่นให้กับปริภัทร์ เขาเพิ่งทราบจากคุณนายปภาว่าปริภัทร์พื้นแล้ว แต่เขายังคงดึงดันที่จะกลับบ้านไม่ยอมนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ทางคุณชรัชเลยตัดสินใจให้บุตรชายไปพักรักษาตัวที่บ้านแทนเขาช่วยน้องเขยได้เท่านี้แหละหญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร“พี่ว่าเราเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าอีกอย่างน
ภัคพิญานั่งรับลมที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่พี่ชายเธอสั่งให้ที่ร้านเอามาลงไว้ให้ข้างแปลงดอกมะลิยามเย็นที่แดดร่มลมตกอากาศกำลังสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งซื้อมากับเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะสองถึงสามเล่มมาเปิดอ่านเพราะวันนี้ภัคพิญาได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายมาเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาชีพเดิม ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปริภัทร์ยังคงแวะเวียนมาหามาคอยดูแล มิหนำซ้ำยังทำอาหารให้เธอได้ทานอีกแต่เธอนั้นไม่ยอมทานมันแม้แต่คำเดียวแถมยังไล่เขาทุกวัน ปริภัทร์ก็ยังไม่ยอมแพ้ทำทุกอย่างให้เธอทั้งที่รู้ว่าไม่ต้องการสายตาหวานละจากหนังสือคู่มือมองไปยังประตูรั้วอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างแต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ ท่ามกลางความเงียบสงบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาทางที่ตนนั่งอยู่แต่ในใจกลับคิดว่าเป็นเขาปริภัทร์! จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับความผิดหวังคนที่มานั้นคือพิธานพี่ชายของเธอกับปิยดาน้องสาวของสามี เห็นแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมากับปิยดาวางของลงบนโต๊ะแล้วถามขึ้น“อะไรเนี่ยเห็
“ระวังหน่อยสิ” เขาเอ็ดหญิงสาวเบา ๆ ทั้งที่ทั้งหมดคือความผิดของเขาที่ยื้อแย่งเสื้อจากเธอ“อยากซักใช่ไหมก็ซักไป” พูดกับเขาเสียงแข็งแล้วถอนหายใจจากนั้นลุกจากที่ซักผ้าก่อนจะดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่สนใจเขาอีกเลย ปริภัทร์มองตามร่างเล็กของเมียด้วยสายตาละห้อยด้วยความน่าสงสารชายหนุ่มซักเสื้อยืดให้เมียพร้อมทำการตากเป็นที่เรียบร้อยก้อนจะเดินเข้าในบ้านหลังน้อยอย่างถือสิทธิ์แล้วลงมือกวาดบ้านหลังเล็กพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดให้ เพราะไม่อยากให้เมียต้องเหนื่อยในการทำงานบ้าน แต่คนที่ไม่เคยจับไม้กวาดหรือลงมือทำงานบ้านเลยก็จะเก้ ๆ กัง ๆ อย่างมาก ชนข้าวของตรงนั้นตรงนี้ล้มจนภัคพิญาสงสัยคิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านเธอหรือเปล่าเลยออกมาดูก็เจอกับเขายืนถือไม้กวาดกับลังเก็บกวาดเศษแก้วอยู่“หยุดวุ่นวายกับบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”“แต่ผมอยากช่วย ไม่อยากให้คุณเหนื่อย” เขาบอกเสียงอ่อน อยากช่วยแบ่งเบาภาระเธอบ้าง“ไม่ต้องค่ะ ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อฉัน เพราะฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ชาวบ้านแถวนี้เขาจะเข้าใจผิดกันได้” เธอนั้นไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านที่เอาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปพู
"ไม่! ผมทำไม่ได้ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ได้โปรดเถอะภัค ขอโอกาสให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อและสามีที่ดีสักครั้งนะ""สามี!" เธอทวนคำของเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“ใช่ภัค ผมขอทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะ” พูดอ้อนวอนคนตัวเล็กตรงหน้า“ไม่ค่ะ เชิญคุณออกไปจากพื้นที่ส่วนตัวของฉันได้แล้ว”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนะ จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณกับลูกจะยอมกลับกรุงเทพฯ กับผม” ปริภัทร์บอกอย่างแน่วแน่“ลูกอะไรของคุณ” หญิงสาวถามอย่างไขสือไม่ยอมรับ“คุณท้องลูกของผม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าทุกครั้งไม่มีคำพูดที่ร้ายกาจใด ๆ แต่พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่กลั่นจากหัวใจของเขา“เขาไม่ใช่ลูกของคุณอาจจะเป็นลูกของคนอื่นหรือไม่ก็คุณพิธานก็ได้”“ไม่จริง คุณก็รู้ว่าผมเป็นพ่อของลูกในท้องคุณ แล้วอย่าเอาคนอื่นมาเป็นพ่อของลูกผม” เธอมองใบหน้าคมที่จริงจังด้วยท่าทางนิ่งสงบ“เพราะมันคงเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น”เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง “คุณรู้ได้ยังไง”“รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ ตอนนี้ขอแค่คุณกลับไปกับผมเถอะนะ ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่อง” หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ รวบรวมพลังทั
ปริภัทร์ยืนมองร่างเล็กของเมียตัวน้อยที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้หลังบ้านหลังเก่า ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นปล่อยผมที่เหลือด้านหลังเหมือนหางม้า เพื่อไม่ให้ปรกใบหน้ายามที่เธอทำสวน ความสวยของเธอนั้นยังคงอยู่เช่นเคย รอยยิ้มที่มองดอกไม้ด้วยความสุข ใบหน้างามก้มลงดอมดมกลิ่นของดอกมะลิมันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่ทำให้ไม่แพ้ท้อง แต่พอลองดมดอกอื่นที่ไม่ใช่เท่านั้นแหละรีบวิ่งออกไปอาเจียนทุกครั้งวันนี้ก็เช่นกันที่ภัคพิญาได้กลิ่นดอกไม้อื่นจึงทำให้อาเจียน คนที่แอบดูอยู่หน้าประตูรั้วที่สูงเท่าเอวของเขาเท่านั้นตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นอยากเสนอหน้าเข้าไปหาแต่ก็ไม่กล้าพอชายหนุ่มแอบมองดูหญิงสาวแบบนี้มานานเกือบหนึ่งสัปดาห์พลอยทำให้เขารู้ว่าครอบครัวของเขาและเหล่าเพื่อนของเธอรวมทั้งสิงหะและพีระที่รวมหัวจงใจปิดบังที่อยู่ของภัคพิญาตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมาคิดแล้วมั่นน่าโมโหนักภัคพิญาออกจากบ้านหลังน้อยพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและถุงผ้าเวลานี้ก็ได้เวลาจ่ายตลาดของเธอแล้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้านหญิงสาวเด็ดดอกมะลิขึ้นมาสองดอกเอาไว้ดมระหว่างทางที่เดินไปตลาด วันนี้เธอเกิดอยากกินชานมมะลิไข่มุกขึ้นมาจ
“อื้อ นึกว่าเป็นอะไรก็แค่ท้อง” เมนี่ว่า“แค่ท้อง” กรรณิการ์ย้ำแต่การย้ำซ้ำสองทำให้ทั้งสองคนเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างเสียงดัง“ฮะ... ยายภัคท้อง”“เห้ย... เบา ๆ สิ คนแตกตื่นหมดแล้ว” บุญญาวีร์ร้องห้ามแทบไม่ทัน แล้วหันไปขอโทษคนในร้าน“ก็มันตกใจนี่หว่า แล้วนี่คุณปัทรู้มั้ย นอกจากแกแล้วมีใครรู้บ้าง แฟนแกรู้มั้ย”“คุณปัทไม่น่าจะรู้ แฟนฉันก็ไม่รู้ คนที่รู้จะมีแค่ฉันกับพี่ชายของยายภัค อีกอย่างนางเพิ่งไปตรวจเมื่อเดือนที่แล้วเอง พักหลัง ๆ ที่ไปหานี่สินางแพ้ท้องหนักจนแทบไม่เป็นอันทำงานเลย”“พี่ชาย” สองสาวทำหน้างงกันอย่างหนักภัคพิญามีชายด้วยหรือ “ใครคือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธาน คือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธานเนี่ยนะคือพี่ชายของยายภัค” กรรณิการ์ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ บุญญาวีร์พยักหน้ารับแต่แล้วบทสนทนาก็เงียบลงพร้อมกับปรากฏร่างของปริภัทร์ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของสามสาว“เมื่อกี้คุณบุญบอกว่าภัคท้องเหรอครับ” หญิงสาวอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ไม่คิดเสียด้วยซ้ำว่าจะพบกับปริภัทร์ที่นี่“ว่ายังไงครับ ภัคท้องใช่ไหมครับ”“ก
“คุณฉันรู้สึกว่าฉันชอบเด็กคนนั้น ฉันอยากได้ลูกสะใภ้ที่หน้าตาน่ารักนิสัยดีแบบนั้น”“จริงคุณ ขนาดเจอกันแค่เดี๋ยวเดียวนะยังรับรู้ได้ถึงความจิตใจดีเป็นห่วงคนอื่นเลย”“หลังจากวันนั้นแม่ก็ให้คนตามสืบประวัติของหนูภัค แม่ใช้เวลาปีกว่าถึงจะเข้าหาและทำความรู้จักได้ มีวันหนึ่งที่แกมาบอกฉันว่าอยากจะแต่งงานกับแม่แพนอะไรนั้น ฉันเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากให้หนูภัคแต่งงานกับแกแทนแม่ผู้หญิงมักมากหน้าเงินนั่น”“แพนเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น” ชายหนุ่มแก้ต่าง“จำช่วงที่แม่นางแบบนั่นหายไปจากชีวิตแกแล้วมีหนูภัคเข้ามาแทนได้ไหม กวิตาได้เงินจากแม่ไปสิบล้านแลกกับอิสระของแก”“จริงค่ะพี่ปัทปายยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงใจกับใคร วันนั้นปายไปเที่ยวเห็นแม่นางแบบนั้นออกไปกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าพอพี่แต่งงานเขาก็กลับมาถูกไหมคะ”“แม่เสนอข้อตกลงให้หนูภัคแต่งงานกับแกแลกกับค่ารักษาพยาบาลผ่าตัดหัวใจของยายเขาที่ราคาสูงมาก แม่พูดจนกว่าหนูภัคเขาจะยอมจนนาทีสุดท้ายที่ยายแววต้องเข้าผ่าตัดถึงยอมตกลงแต่งงานกับแก เขาไม่ได้หวังทรัพย์สมบัติของแกเลย ฉันดูแววตาหนูภัคที่เจอแกคร
สามวันที่เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านชายหนุ่มหัวเสียไม่น้อยที่เข้ามาร้องเรียกหาภัคพิญาเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงเดินขึ้นไปดูบนชั้นสองเผื่อหญิงสาวจะอยู่ข้างบนแต่เปล่าเลย ห้องนอนที่เงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ผิดแปลกที่โต๊ะทำงานของเธอนั้นโล่งสนิทไม่มีอะไรวางอยู่แม้แต่อย่างเดียวมีเพียงโต๊ะเปล่า ๆ เท่านั้น ในใจเขารู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ วันนี้วันหยุดภัคพิญาไม่น่าจะออกไปไหน ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปยังห้องเสื้อผ้าเลื่อนเปิดประตูออกพบเพียงเสื้อผ้าของเขาเท่านั้นแต่ยังคงมีเสื้อผ้าของหญิงสาวอยู่ประปราย มองไปยังเบื้องล่างของตู้เสื้อผ้ากระเป๋าเดินทางของหญิงสาวนั้นหายไป ปริภัทร์จึงเดินลงมายังชั้นล่างทันทีเธอไปจริง ๆ น่ะ หรือยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าเยียบบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบิดามารดารวมทั้งน้องสาวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่บอกบุญไม่รับเสียเท่าไร ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาหาบิดาที่เดินนำหน้ามาพร้อมทั้งซองเอกสารอยู่ในมือ“สวัสดีครับ มาหาผมถึงบ้านมีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามทั้งที่ในใจว้าวุ้นเรื่องของภัคพิญาเหลือเกิน เจ้าของ