“ตาปัทนะตาปัท แม่อุตส่าห์หาสิ่งดี ๆ ไว้ให้กลับไม่เห็นแค่ยังจะไปคั่วอยู่กับแม่นางแบบอะไรนั่นอีก “ คุณนายปภาโวยวายขึ้นเมื่อเห็นรูปภาพบุตรชายกับนางแบบสาวนางนั้นผ่านโทรศัพท์มือถือในเว็บข่าวซุบซิบดารา
“อะไรกันคุณ อ่านข่าวแล้วก็โวยวายขึ้นมา” คุณชรัชสามีของนาง
เงยหน้าถามละสายตาจาะหนังสือพิมพ์ฉบับเช้า“ก็ลูกชายสุดที่รักคุณน่ะสิ ทำงามหน้าอีกแล้ว… ไม่ดูแลหนูภัคแต่กลับเอาเวลาไปอยู่กับแม่นางแบบแพนเพลินอะไรนั้น เมื่อไรแม่คนนี้จะออกไปจากชีวิตลูกชายเราสักที”
คุณชรัชมองดูท่าทางอาการของภรรยาที่มีความกรุ่นโกรธมาเต็ม
“คุณจะทำอะไรได้ในเมื่อลูกเรารักหนูแพน แล้วหนูแพนก็รักตาปัท”
“รักบ้าบออะไรกัน แม่นั้นรักเงินของตาปัทมากกว่า”
“เอาน่ารอดูไปก่อนผมว่าอีกไม่นาน เจ้าปัทก็รักหนูภัคบ้าง”
“แต่ฉันรอไม่ไหวฉันอยากอุ้มหลาน” นางโพล่งความประสงค์ของตนเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินลงมาจากชั้นสอง
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณแม่… เสียงดังเชียว” ปิยดา พรหมพิริยะ บุตรสาวคนเล็กเดินลงมาจากชั้นสองพลางเอ่ยถามบิดามารดาว่ามีเรื่องอะไรกันถึงได้เสียงดังตั้งเช้า<
ทางด้านของภัคพิญานั้นกำลังลงมือปัดกวาดเช็ดถูกหลังจากที่เธอทำค้างไว้ในช่วงเช้าก่อนจะออกไปเยี่ยมยายเป็นประจำทุกวันหยุดแล้วกลับมาทำงานบ้านเหมือนดั่งเคย ตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมาเธอเป็นคนที่คอยดูแลทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูตลอด เพราะบ้านหลังนี้ไม่มีแม่บ้าน คราแรกคุณนายปภานั้นจะจ้างแม่บ้านให้มาช่วยเธอดูแลทำความสะอาดบ้าน ด้วยความเกรงใจเธอจึงปฏิเสธไปแต่ด้วยว่ากลัวลูกสะใภ้จะเหนื่อยนางจึงให้แม่บ้านมาคอยทำความสะอาดให้แต่ก็ถูกปริภัทร์ส่งกลับพร้อมกับให้เหตุผลที่ว่าบ้านหลังนี้อยู่กันแค่สองไม่ต้องส่งแม่บ้านมาทำความสะอาดก็ได้ แค่เมียเขาคนเดียวก็ทำไหว คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไรเพราะถูกสายตาคาดคั้น ของปริภัทร์หญิงสาวจึงตอบแม่สามีกลับไปว่าไม่เป็นไร เธอทำเองได้แค่นี้สบายมากมือเรียวเปิดบานประตูตู้เย็นเพื่อที่จะดูว่ามีอะไรที่พอปรุงเป็นมื้อเย็นได้บ้าง เพราะไม่ถึงชั่วโมงก่อนหน้านี้สามีโทรเข้ามาบอกว่าจะกลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านเตรียมกับข้าวเอาไว้ด้วย ซึ่งเธอเองก็บอกว่าจะทำให้ น้อยนักที่เขาจะกลับมารับประทานอาหารที่บ้าน บางครั้งเ
“สวัสดีค่ะคุณภัค” / “ สวัสดีค่ะคุณปาย”“เอาของไปเก็บในครัวก่อนค่ะ” เจ้าบ้านที่ดีกุลีกุจอเข้าไปช่วยถือของเอาเข้าไปไว้ในครัวในตอนแรกหญิงสาวจะเอาของจากมือน้องของสามีไปเก็บให้แล้วให้เธอนั่งพักกับคุณหญิงปภาแต่สาวเจ้าเกรงใจเพราเธออายุน้อยกว่าจะให้คนที่โตกว่าถือให้ได้อย่างไรนอกจากจะโตกว่าแล้วยังเป็นภรรยาของพี่ชายอีกต่างหาก“เอาวางตรงนี้ก่อนก็ได้ค่ะคุณปาย” ภัคพิญาวางถุงต่าง ๆ ลงบนเคาน์เตอร์ลายหินอ่อนกลางห้องครัว คนที่ตามมาก็วางลงตามคำที่บอกก่อนจะหันไปทางพี่สะใภ้“จริง ๆ คุณภัคไม่ต้องเรียกปายว่าคุณก็ได้นะคะ ปายอายุน้อยกว่าอีกค่ะ”ภัคพิญาพยักหน้ารับก่อนเอ่ยตอบไปเช่นกัน“อย่างนั้นก็ไม่ต้องเรียกว่าคุณภัคเช่นกันนะคะ เรียกภัคเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”“ได้ยังไงคะปายเรียกพี่ภัคแล้วกันนะคะ” สองสาวเดินคุยกันออกมาจากห้องครัวรับรู้ได้ถึงความเป็นมิตรระหว่างสองคน“คุยอะไรกันสองสาว”“ปายแค่ขอเปลี่ยนสรรพนามของคุณภัคเป็นพี่ภัคเท่านั้นเองค่ะคุณแม่”“วันนี้คุณแม่กับน้องปายจะมาค้างที่นี่เหรอคะ” หญิงสาวถามเพราะว่าบ้านหลังนี้มีเพียงสามห้องนอนเท่านั้น ห
คุณนายปภาได้ยินถึงกับควันออกหูทันที ลูกชายพาแม่นางแบบนั้นกลับมาบ้านด้วยมันน่านัก“หนูภัค ตาปัทมันพาผู้หญิงเข้าบ้านบ่อยไหม”“เอ่อ ก็มีบ้างค่ะ แต่ภัคไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอะไรของเขานะคะ” หญิงสาวตอบกลับเสียงเรียบแผ่วเบา“พี่ภัคก็ยอมเหรอคะที่ให้พี่ปัทพาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามานอนที่บ้าน” น้องของสามีถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ“ภัคทำอะไรไม่ได้นี่คะ… คุณปัทเขาเกลียดภัคจะตาย คุณแม่ก็ทราบ”“หนูภัคทำไม่ได้แต่แม่ทำได้ เดี๋ยวแม่จัดการเอง” นางว่าแค่นั้น เสียเข้มของปริภัทร์ดังขึ้น แล้วตามด้วยเสียงแหลมราวกับนางร้ายของกวิตา“ภัค… ทำไมน้ำยังไม่ได้อีก”“นั่นสิคะ… ภรรยาคุณนี่ไม่รู้ยังไงนะคะ มีแขกมาเยี่ยมบ้านแท้ ๆ กลับไม่ยอมดูแล”“ขอโทษนะแม่คุณ… ลูกกสะใภ้ฉันไม่ใช่คนใช้ ที่จะคอยเอาน้ำเอาท่ามาดูแลคนนอก” เสียงของคุณนายปภาดังขึ้นทำให้สองคนที่เข้ามาใหม่ตกใจ โดยเฉพาะปริภัทร์กลับช็อกหนักเพราะไม่คิดว่ามารดาของตนจะมาที่นี่“คุณแม่!”“อุ๊ย… คุณแม่” เสียงแหลมที่แสร้งขึ้นราวกับตกใจหนักหนากระแดะเหลือเกินแม่คุณ“ก็แม่สิคิดว่าใคร”
พี่สะใภ้คนสวยอย่างภัคพิญาช่วยน้องสามีตัวเล็กอย่างปิยดาขนกระเป๋าเสื้อผ้าของคุณนายปภาขึ้นมาไว้บนชั้นสองแต่ถูกน้องสาวของสามีนั้นบอกว่าจะจัดการเรื่องกระเป๋าเองทั้งของตนและของคุณแม่ หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างไม่เข้าใจแต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรกลับนอกจากลงมาชั้นล่างหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดมาปัดกวาดห้องนอนเล็กให้กับแขกที่มาพักที่บ้าน แล้วลงมือจัดการอย่างไม่เกี่ยงงอน เวลาผ่านไปห้องก็สะอาดเรียบร้อยจึงลงเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดกลับไปไว้ที่เดิมหยดเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าเธอจึงใช้หลังมือปาดมันออกอย่างลวก ๆ ในจังหวะที่เธอกำลังจะเดินกลับขึ้นไปยังชั้นสองอีกครั้งเห็นแม่สามีที่กำลังนั่งดูข่าวภาคค่ำกับบุตรชายและบุตรสาวที่เพิ่งตามมาสมทบไม่นานนี้ส่งยิ้มให้เธอ หญิงสาวส่งยิ้มกลับไปแล้วตรงไปยังโต๊ะทำงานอีกตัวที่เธอสั่งซื้อเอามาประกอบเองที่บ้านเพื่อที่จะเอางานอีกชิ้นที่ออกแบบค้างเอาไว้กลับขึ้นไปทำต่อ เพราะกาลเวลาในตอนนี้นั้นก็เริ่มมืดเสียแล้ว แต่หากทั้งสามที่กำลังนั่งดูข่าวสารที่ห้องนั่งเล่นยังคงไม่กลับไปพักผ่อน เธอจึงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำและจัดการงานออกแบบที่ทำคั่งค้างเอาไว้ต่อ เธออยากจะทำให้ได้มากที่สุ
“ปล่อย จะให้ฉันบอกคุณอีกสักกี่ครั้งว่าฉันไม่รู้คุณถึงจะเชื่อฉัน” หญิงสาวถามชายหนุ่มตรง ๆ“ฉันไม่มีวันเชื่อผู้หญิงหน้าเงินอย่างเธอที่ยอมแต่งงานเพราะหวังสบาย”“ฉันไม่อยากจะเถียงกับคุณแล้ว”ภัคพิญาบอกกับชายหนุ่มแล้วเอี้ยวกายไปปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจากนั้นก็เกินผ่านหน้าชายหนุ่มอ้อมไปยังเตียงอีกฝั่งที่ใช้นอนประจำ มือเรียวกำลังจะดึงผ้าห่มขึ้นแล้วสอดกายลงบนเตียงแต่เสียงเข้มของชายหนุ่มออกคำสั่งเอาไว้เสียก่อน“คืนนี้ฉันนอนบนเตียงส่วนเธอ โน่นโซฟา” หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจโห… สุภาพบุรุษเหลือเกินพ่อคุณภัคพิญาเดินหายเข้าไปในห้องที่เก็บเสื้อผ้าเธอจำได้ว่าคราวก่อนนั้นเธอเห็นชุดเครื่องนอนหมอนผ้าห่มอยู่อีกหนึ่งชุดหอบมายังโซฟาตัวยาวจัดแจงที่หลับที่นอนสำหรับคืนนี้ที่ต้องนอนร่วมห้องกับสามีที่เขาไม่เคยต้องการแม้แต่น้อยปริภัทร์นอนคิดอะไรบางอย่างไปเรื่อย ๆ มองไปยังโซฟาที่มีร่างเล็กนอนอยู่แล้วนึกถึงสิ่งที่เขาและมารดาได้คุยกันเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้“คุณแม่จะให้ผมไปนอนห้องนั้น แล้วคุณแม่จะนอนห้องของผมเหรอครับ” คนเป็นลูกชายถามกลับ
ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงผ่านไปพยาบาลก็มานำตัวไปฟอกไตและตรวจโรคต่าง ๆ ที่อาจจะแทรกซ้อนขึ้นมาอีกราว ๆ ห้าถึงหกชั่วโมง หญิงสาวใช้เวลานี้นั่งทำงานของตนไปเพลิน ๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้นมาจึงเปิดอ่านพบว่าเพื่อนของเธอนั้นมาถึงแล้ว มือเรียวจึงเก็บงานทุกอย่างให้เรียบร้อยใบบุญ : ฉันถึงร้านแล้วนะตัวจิ๋ว : โอเคเดี๋ยวรีบลงไปเลยหลังจากที่ส่งข้อความตอบกลับเรียบร้อยแล้วคว้ากระเป๋าออกจากห้องไประหว่างทางที่เดินนั้นเธอบังเอิญพบกับหมอโซ่สิงหะ ทางด้านหมอหนุ่มที่เดินมากับพยาบาลผู้ช่วยที่เดินตามหลังมาเขาหันไปบอกพยาบาลให้ไปพักก่อน แล้วหันมาทักทายหญิงสาวคนสวยผู้ที่เป็นภรรยาของเพื่อนสนิท“สวัสดีครับ คุณภัคกำลังจะไปไหนครับเนี่ย” คุณหมอหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม“สวัสดีค่ะคุณหมอ กำลังจะลงไปร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลค่ะ” เธอตอบเสียงหวานกลับหมอหนุ่มด้วยความยิ้มแย้ม“ไปหาไอ้ปัทเหรอครับ” เขาถามพลางมองหน้าที่ยิ้มหวานเล็กน้อยอย่างรอคำตอบ“อ๋อ… ไม่ใช่ค่ะ พอดีเพื่อนของภัคมาหามีเรื่องจะคุยอะไรแบบนี้ค่ะ”“อ๋อครับ งั้นเชิญตามสบายนะครับ”
ทั้งห้าคนนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ แต่มีสองคนที่คุยประเด็นไหนมักจะมีปัญหากันตลอดจนคนในโต๊ะอดแซวไม่ได้ ภัคพิญานั่งฟังทุกคนคุยกันด้วยความสนุกสนานอย่างเงียบ ๆ พลางคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าหลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จ ช่วงระหว่างที่ปริภัทร์เดินลงมาจากชั้นสองอย่างสบายใจเหมือนกำลังจะออกไปที่ไหนสักแห่งแต่กลับถูกคุณนายปภาที่นั่งโบกพัดประจำตัวไปมาเรียกเอาไว้เสียก่อน“วันหยุดจะออกไปไหนฮะตาปัท”“ไปหาเพื่อนครับคุณแม่” ชายหนุ่มตอบกลับ“ไปหาเพื่อน หรือจะไปกกกับแม่นางแบบนั่น”คนเป็นแม่อดที่จะเหน็บแนมไม่ได้ มีเมียอยู่แล้วยังจะออกไปลั้นลาข้างนอกอีกชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองไปยังมารดาที่ชะเง้อคอราวกับต้องการหาใครสักคนแล้วกลับมาจ้องที่หน้าเขาอีกครั้ง“คุณแม่มองหาอะไรครับ แล้วจ้องหน้าผมมีเรื่องอะไรจะด่าอีกไหมครับ ถ้าไม่มีแล้วผมจะออกไปข้างนอก” ปริภัทร์เอ่ยถามมารดา“แม่ก็ไม่ได้มีอะไรมากนักเหรอ แค่อยากจะคุยกับแกและเมียแกเท่านั้น” คุณนายปภาเอ่ยขึ้นระหว่างที่รอภัคพิญาที่กำลังเก็บจานอาหารที่เพิ่งจะรับประทานกันเสร็จไม่นานอยู่ในครัวกับปิยดา“คุ
กระบี่ ประเทศไทยทันทีที่ปริภัทร์กับภัคพิญาเดินทางมาถึงจังหวัดกระบี่ ทั้งสองคนเดินลากกระเป๋ามายังประตูทางออกของสนามบินมองหาลูกน้องคนสนิทที่พ่วงตำแหน่งเลขาส่วนตัว เขาให้ลูกน้องบินมารอที่โรงแรมก่อนที่เขาจะมาจัดการความเรียบร้อยถึงแม้ว่ามันจะกระทันหันไปหน่อยแต่ความเรียบร้อยที่เจ้านายต้องการนั้นห้ามขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด หลังจากที่มองหาอยู่ครู่หนึ่งก็กดต่อสายโทรหาทันทีและพอรู้ว่าลูกน้องนักมารออยู่แล้วจึงยืนรออยู่ที่เดิมกับหญิงสาวที่ยืนห่างจากเขาราวหนึ่งช่วงแขน“ขอโทษครับนาย พอดีวันนี้รถที่สนามบินเยอะเลยช้าครับ” นพกรลูกน้องของปริภัทร์ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษที่ให้เจ้านายทั้งสองต้องรอนาน“ไม่เป็นไร เอาของขึ้นรถเถอะ” เขาพยักหน้าแล้วยื่นกระเป๋าลากใบสีดำให้ลูกน้องแล้วตนเองก็ขึ้นไปนั่งประจำที่นพกรกำลังจะยื่นมือไปขอกระเป๋าลากที่อยู่ในมือภัคพิญาแต่ ปริภัทร์ที่ลดกระจกลงมาในระดับใบหน้าเอ่ยขึ้นเสียก่อน “กระเป๋าใครก็เอาขึ้นเอง นพเป็นคนของฉันเธอไม่มีสิทธิ์” หญิงสาวส่งยิ้มให้ลูกน้องของสามีเล็กน้อยข่มความเสียใจเอาไว้แล้วเดินยกกระเป๋าไปเก็บที่ท้า
ร่างสูงค่อยขยับเปือกตาขึ้นอย่างอยากลำบากมองดูสิ่งรอบข้างและสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นอนหมอบข้างเตียงของเขาในมือมีหนังสือเล่มเล็ก ๆ หน้าปกมีเด็กทารกหน้าตาหน้ารักส่งยิ้มอยู่แค่พียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าหล่อนเป็นใครหัวใจที่แห้งเหี้ยวกลับเหมือนมีน้ำมาล่อเลี้ยงจนรู้สึกชุ่มชื่น มือของเขาถูกกุมด้วยมือบางของเธอไว้แน่นจนต้องเผลอยิ้มออกมา“ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลตัวเองอีกแล้ว” ว่าออกมาเบา ๆ แล้วยกมือที่เหลืออีกข้างลูบศีรษะเมียรักเบา ๆ อย่างรักใคร่ การที่เขาขับรถเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความประมาทจนเกิดอุบัติเหตุเฉียดตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เจอคนตัวเล็ก มาคอยอยู่ข้าง ๆ คิดแบบนี้เขาก็แทบไม่อยากหายกลัวว่าเธอจะไปจากเขาอีกครั้งร่างคนตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยทำให้ร่างสูงของคนป่วยต้องหลับตานิ่งเหมือนเดิมทำเป็นยังไม่ได้สติอีกครั้ง“หนูภัคลงมาทานข้าวเช้าได้แล้วลูก” คุณนายปภาเปิดประตูมาเรียกให้ภัคพิญาลงไปทานอาหารเช้า“เดี่ยวภัคลงไปค่ะตอนนี้ยังไม่หิวเท่าไรค่ะ”“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอลูก” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ แม่สามีก็พยักหน้ารับแหม... เจ
“เชื่ออะไรคะ”“พี่ว่าคุณปัทเขารักภัคมากนะ รู้ไหมเขาออกตามหาภัคทุกวัน จนวันหนึ่งเขารู้ว่าพี่คือพี่ชายของเรา เขามาหาพี่อ้อนวอนทำทุกอย่างให้พี่ยอมบอกที่อยู่ แววตาของคุณปัทตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักและความหวังที่จะเจอภัค พอพี่บอกว่าพี่บอกไม่ได้ ไม่รู้แววตาจากที่มีความหวังเหมือนโลกที่พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารักและอยากเจอภัคมาก ทำทุกอย่างเพื่อภัค ช่วงแรก ๆ ที่ยังตามหาไม่เจอปายบอกว่าเขากินเหล้าทุกวันเพ้อถึงภัคตลอดเลยนะ ” ภัคพิญานิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชายบอกด้วยหัวใจที่สับสน“ลองให้อภัยเขาแล้วมาเริ่มต้นครอบครัวที่ภัคอยากได้อีกครั้งดีไหม” พิธานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน “ลองคิดดูนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่งข้อความเสียงนั่นให้กับปริภัทร์ เขาเพิ่งทราบจากคุณนายปภาว่าปริภัทร์พื้นแล้ว แต่เขายังคงดึงดันที่จะกลับบ้านไม่ยอมนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ทางคุณชรัชเลยตัดสินใจให้บุตรชายไปพักรักษาตัวที่บ้านแทนเขาช่วยน้องเขยได้เท่านี้แหละหญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร“พี่ว่าเราเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าอีกอย่างน
ภัคพิญานั่งรับลมที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่พี่ชายเธอสั่งให้ที่ร้านเอามาลงไว้ให้ข้างแปลงดอกมะลิยามเย็นที่แดดร่มลมตกอากาศกำลังสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งซื้อมากับเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะสองถึงสามเล่มมาเปิดอ่านเพราะวันนี้ภัคพิญาได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายมาเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาชีพเดิม ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปริภัทร์ยังคงแวะเวียนมาหามาคอยดูแล มิหนำซ้ำยังทำอาหารให้เธอได้ทานอีกแต่เธอนั้นไม่ยอมทานมันแม้แต่คำเดียวแถมยังไล่เขาทุกวัน ปริภัทร์ก็ยังไม่ยอมแพ้ทำทุกอย่างให้เธอทั้งที่รู้ว่าไม่ต้องการสายตาหวานละจากหนังสือคู่มือมองไปยังประตูรั้วอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างแต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ ท่ามกลางความเงียบสงบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาทางที่ตนนั่งอยู่แต่ในใจกลับคิดว่าเป็นเขาปริภัทร์! จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับความผิดหวังคนที่มานั้นคือพิธานพี่ชายของเธอกับปิยดาน้องสาวของสามี เห็นแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมากับปิยดาวางของลงบนโต๊ะแล้วถามขึ้น“อะไรเนี่ยเห็
“ระวังหน่อยสิ” เขาเอ็ดหญิงสาวเบา ๆ ทั้งที่ทั้งหมดคือความผิดของเขาที่ยื้อแย่งเสื้อจากเธอ“อยากซักใช่ไหมก็ซักไป” พูดกับเขาเสียงแข็งแล้วถอนหายใจจากนั้นลุกจากที่ซักผ้าก่อนจะดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่สนใจเขาอีกเลย ปริภัทร์มองตามร่างเล็กของเมียด้วยสายตาละห้อยด้วยความน่าสงสารชายหนุ่มซักเสื้อยืดให้เมียพร้อมทำการตากเป็นที่เรียบร้อยก้อนจะเดินเข้าในบ้านหลังน้อยอย่างถือสิทธิ์แล้วลงมือกวาดบ้านหลังเล็กพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดให้ เพราะไม่อยากให้เมียต้องเหนื่อยในการทำงานบ้าน แต่คนที่ไม่เคยจับไม้กวาดหรือลงมือทำงานบ้านเลยก็จะเก้ ๆ กัง ๆ อย่างมาก ชนข้าวของตรงนั้นตรงนี้ล้มจนภัคพิญาสงสัยคิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านเธอหรือเปล่าเลยออกมาดูก็เจอกับเขายืนถือไม้กวาดกับลังเก็บกวาดเศษแก้วอยู่“หยุดวุ่นวายกับบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”“แต่ผมอยากช่วย ไม่อยากให้คุณเหนื่อย” เขาบอกเสียงอ่อน อยากช่วยแบ่งเบาภาระเธอบ้าง“ไม่ต้องค่ะ ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อฉัน เพราะฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ชาวบ้านแถวนี้เขาจะเข้าใจผิดกันได้” เธอนั้นไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านที่เอาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปพู
"ไม่! ผมทำไม่ได้ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ได้โปรดเถอะภัค ขอโอกาสให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อและสามีที่ดีสักครั้งนะ""สามี!" เธอทวนคำของเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“ใช่ภัค ผมขอทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะ” พูดอ้อนวอนคนตัวเล็กตรงหน้า“ไม่ค่ะ เชิญคุณออกไปจากพื้นที่ส่วนตัวของฉันได้แล้ว”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนะ จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณกับลูกจะยอมกลับกรุงเทพฯ กับผม” ปริภัทร์บอกอย่างแน่วแน่“ลูกอะไรของคุณ” หญิงสาวถามอย่างไขสือไม่ยอมรับ“คุณท้องลูกของผม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าทุกครั้งไม่มีคำพูดที่ร้ายกาจใด ๆ แต่พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่กลั่นจากหัวใจของเขา“เขาไม่ใช่ลูกของคุณอาจจะเป็นลูกของคนอื่นหรือไม่ก็คุณพิธานก็ได้”“ไม่จริง คุณก็รู้ว่าผมเป็นพ่อของลูกในท้องคุณ แล้วอย่าเอาคนอื่นมาเป็นพ่อของลูกผม” เธอมองใบหน้าคมที่จริงจังด้วยท่าทางนิ่งสงบ“เพราะมันคงเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น”เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง “คุณรู้ได้ยังไง”“รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ ตอนนี้ขอแค่คุณกลับไปกับผมเถอะนะ ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่อง” หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ รวบรวมพลังทั
ปริภัทร์ยืนมองร่างเล็กของเมียตัวน้อยที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้หลังบ้านหลังเก่า ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นปล่อยผมที่เหลือด้านหลังเหมือนหางม้า เพื่อไม่ให้ปรกใบหน้ายามที่เธอทำสวน ความสวยของเธอนั้นยังคงอยู่เช่นเคย รอยยิ้มที่มองดอกไม้ด้วยความสุข ใบหน้างามก้มลงดอมดมกลิ่นของดอกมะลิมันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่ทำให้ไม่แพ้ท้อง แต่พอลองดมดอกอื่นที่ไม่ใช่เท่านั้นแหละรีบวิ่งออกไปอาเจียนทุกครั้งวันนี้ก็เช่นกันที่ภัคพิญาได้กลิ่นดอกไม้อื่นจึงทำให้อาเจียน คนที่แอบดูอยู่หน้าประตูรั้วที่สูงเท่าเอวของเขาเท่านั้นตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นอยากเสนอหน้าเข้าไปหาแต่ก็ไม่กล้าพอชายหนุ่มแอบมองดูหญิงสาวแบบนี้มานานเกือบหนึ่งสัปดาห์พลอยทำให้เขารู้ว่าครอบครัวของเขาและเหล่าเพื่อนของเธอรวมทั้งสิงหะและพีระที่รวมหัวจงใจปิดบังที่อยู่ของภัคพิญาตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมาคิดแล้วมั่นน่าโมโหนักภัคพิญาออกจากบ้านหลังน้อยพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและถุงผ้าเวลานี้ก็ได้เวลาจ่ายตลาดของเธอแล้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้านหญิงสาวเด็ดดอกมะลิขึ้นมาสองดอกเอาไว้ดมระหว่างทางที่เดินไปตลาด วันนี้เธอเกิดอยากกินชานมมะลิไข่มุกขึ้นมาจ
“อื้อ นึกว่าเป็นอะไรก็แค่ท้อง” เมนี่ว่า“แค่ท้อง” กรรณิการ์ย้ำแต่การย้ำซ้ำสองทำให้ทั้งสองคนเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างเสียงดัง“ฮะ... ยายภัคท้อง”“เห้ย... เบา ๆ สิ คนแตกตื่นหมดแล้ว” บุญญาวีร์ร้องห้ามแทบไม่ทัน แล้วหันไปขอโทษคนในร้าน“ก็มันตกใจนี่หว่า แล้วนี่คุณปัทรู้มั้ย นอกจากแกแล้วมีใครรู้บ้าง แฟนแกรู้มั้ย”“คุณปัทไม่น่าจะรู้ แฟนฉันก็ไม่รู้ คนที่รู้จะมีแค่ฉันกับพี่ชายของยายภัค อีกอย่างนางเพิ่งไปตรวจเมื่อเดือนที่แล้วเอง พักหลัง ๆ ที่ไปหานี่สินางแพ้ท้องหนักจนแทบไม่เป็นอันทำงานเลย”“พี่ชาย” สองสาวทำหน้างงกันอย่างหนักภัคพิญามีชายด้วยหรือ “ใครคือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธาน คือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธานเนี่ยนะคือพี่ชายของยายภัค” กรรณิการ์ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ บุญญาวีร์พยักหน้ารับแต่แล้วบทสนทนาก็เงียบลงพร้อมกับปรากฏร่างของปริภัทร์ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของสามสาว“เมื่อกี้คุณบุญบอกว่าภัคท้องเหรอครับ” หญิงสาวอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ไม่คิดเสียด้วยซ้ำว่าจะพบกับปริภัทร์ที่นี่“ว่ายังไงครับ ภัคท้องใช่ไหมครับ”“ก
“คุณฉันรู้สึกว่าฉันชอบเด็กคนนั้น ฉันอยากได้ลูกสะใภ้ที่หน้าตาน่ารักนิสัยดีแบบนั้น”“จริงคุณ ขนาดเจอกันแค่เดี๋ยวเดียวนะยังรับรู้ได้ถึงความจิตใจดีเป็นห่วงคนอื่นเลย”“หลังจากวันนั้นแม่ก็ให้คนตามสืบประวัติของหนูภัค แม่ใช้เวลาปีกว่าถึงจะเข้าหาและทำความรู้จักได้ มีวันหนึ่งที่แกมาบอกฉันว่าอยากจะแต่งงานกับแม่แพนอะไรนั้น ฉันเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากให้หนูภัคแต่งงานกับแกแทนแม่ผู้หญิงมักมากหน้าเงินนั่น”“แพนเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น” ชายหนุ่มแก้ต่าง“จำช่วงที่แม่นางแบบนั่นหายไปจากชีวิตแกแล้วมีหนูภัคเข้ามาแทนได้ไหม กวิตาได้เงินจากแม่ไปสิบล้านแลกกับอิสระของแก”“จริงค่ะพี่ปัทปายยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงใจกับใคร วันนั้นปายไปเที่ยวเห็นแม่นางแบบนั้นออกไปกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าพอพี่แต่งงานเขาก็กลับมาถูกไหมคะ”“แม่เสนอข้อตกลงให้หนูภัคแต่งงานกับแกแลกกับค่ารักษาพยาบาลผ่าตัดหัวใจของยายเขาที่ราคาสูงมาก แม่พูดจนกว่าหนูภัคเขาจะยอมจนนาทีสุดท้ายที่ยายแววต้องเข้าผ่าตัดถึงยอมตกลงแต่งงานกับแก เขาไม่ได้หวังทรัพย์สมบัติของแกเลย ฉันดูแววตาหนูภัคที่เจอแกคร
สามวันที่เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านชายหนุ่มหัวเสียไม่น้อยที่เข้ามาร้องเรียกหาภัคพิญาเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงเดินขึ้นไปดูบนชั้นสองเผื่อหญิงสาวจะอยู่ข้างบนแต่เปล่าเลย ห้องนอนที่เงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ผิดแปลกที่โต๊ะทำงานของเธอนั้นโล่งสนิทไม่มีอะไรวางอยู่แม้แต่อย่างเดียวมีเพียงโต๊ะเปล่า ๆ เท่านั้น ในใจเขารู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ วันนี้วันหยุดภัคพิญาไม่น่าจะออกไปไหน ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปยังห้องเสื้อผ้าเลื่อนเปิดประตูออกพบเพียงเสื้อผ้าของเขาเท่านั้นแต่ยังคงมีเสื้อผ้าของหญิงสาวอยู่ประปราย มองไปยังเบื้องล่างของตู้เสื้อผ้ากระเป๋าเดินทางของหญิงสาวนั้นหายไป ปริภัทร์จึงเดินลงมายังชั้นล่างทันทีเธอไปจริง ๆ น่ะ หรือยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าเยียบบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบิดามารดารวมทั้งน้องสาวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่บอกบุญไม่รับเสียเท่าไร ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาหาบิดาที่เดินนำหน้ามาพร้อมทั้งซองเอกสารอยู่ในมือ“สวัสดีครับ มาหาผมถึงบ้านมีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามทั้งที่ในใจว้าวุ้นเรื่องของภัคพิญาเหลือเกิน เจ้าของ