ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงผ่านไปพยาบาลก็มานำตัวไปฟอกไตและตรวจโรคต่าง ๆ ที่อาจจะแทรกซ้อนขึ้นมาอีกราว ๆ ห้าถึงหกชั่วโมง หญิงสาวใช้เวลานี้นั่งทำงานของตนไปเพลิน ๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้นมาจึงเปิดอ่านพบว่าเพื่อนของเธอนั้นมาถึงแล้ว มือเรียวจึงเก็บงานทุกอย่างให้เรียบร้อย
ใบบุญ : ฉันถึงร้านแล้วนะ
ตัวจิ๋ว : โอเคเดี๋ยวรีบลงไปเลย
หลังจากที่ส่งข้อความตอบกลับเรียบร้อยแล้วคว้ากระเป๋าออกจากห้องไประหว่างทางที่เดินนั้นเธอบังเอิญพบกับหมอโซ่สิงหะ ทางด้านหมอหนุ่มที่เดินมากับพยาบาลผู้ช่วยที่เดินตามหลังมาเขาหันไปบอกพยาบาลให้ไปพักก่อน แล้วหันมาทักทายหญิงสาวคนสวยผู้ที่เป็นภรรยาของเพื่อนสนิท
“สวัสดีครับ คุณภัคกำลังจะไปไหนครับเนี่ย” คุณหมอหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
“สวัสดีค่ะคุณหมอ กำลังจะลงไปร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลค่ะ” เธอตอบเสียงหวานกลับหมอหนุ่มด้วยความยิ้มแย้ม
“ไปหาไอ้ปัทเหรอครับ” เขาถามพลางมองหน้าที่ยิ้มหวานเล็กน้อยอย่างรอคำตอบ
“อ๋อ… ไม่ใช่ค่ะ พอดีเพื่อนของภัคมาหามีเรื่องจะคุยอะไรแบบนี้ค่ะ”
“อ๋อครับ งั้นเชิญตามสบายนะครับ”
<ทั้งห้าคนนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ แต่มีสองคนที่คุยประเด็นไหนมักจะมีปัญหากันตลอดจนคนในโต๊ะอดแซวไม่ได้ ภัคพิญานั่งฟังทุกคนคุยกันด้วยความสนุกสนานอย่างเงียบ ๆ พลางคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าหลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จ ช่วงระหว่างที่ปริภัทร์เดินลงมาจากชั้นสองอย่างสบายใจเหมือนกำลังจะออกไปที่ไหนสักแห่งแต่กลับถูกคุณนายปภาที่นั่งโบกพัดประจำตัวไปมาเรียกเอาไว้เสียก่อน“วันหยุดจะออกไปไหนฮะตาปัท”“ไปหาเพื่อนครับคุณแม่” ชายหนุ่มตอบกลับ“ไปหาเพื่อน หรือจะไปกกกับแม่นางแบบนั่น”คนเป็นแม่อดที่จะเหน็บแนมไม่ได้ มีเมียอยู่แล้วยังจะออกไปลั้นลาข้างนอกอีกชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองไปยังมารดาที่ชะเง้อคอราวกับต้องการหาใครสักคนแล้วกลับมาจ้องที่หน้าเขาอีกครั้ง“คุณแม่มองหาอะไรครับ แล้วจ้องหน้าผมมีเรื่องอะไรจะด่าอีกไหมครับ ถ้าไม่มีแล้วผมจะออกไปข้างนอก” ปริภัทร์เอ่ยถามมารดา“แม่ก็ไม่ได้มีอะไรมากนักเหรอ แค่อยากจะคุยกับแกและเมียแกเท่านั้น” คุณนายปภาเอ่ยขึ้นระหว่างที่รอภัคพิญาที่กำลังเก็บจานอาหารที่เพิ่งจะรับประทานกันเสร็จไม่นานอยู่ในครัวกับปิยดา“คุ
กระบี่ ประเทศไทยทันทีที่ปริภัทร์กับภัคพิญาเดินทางมาถึงจังหวัดกระบี่ ทั้งสองคนเดินลากกระเป๋ามายังประตูทางออกของสนามบินมองหาลูกน้องคนสนิทที่พ่วงตำแหน่งเลขาส่วนตัว เขาให้ลูกน้องบินมารอที่โรงแรมก่อนที่เขาจะมาจัดการความเรียบร้อยถึงแม้ว่ามันจะกระทันหันไปหน่อยแต่ความเรียบร้อยที่เจ้านายต้องการนั้นห้ามขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด หลังจากที่มองหาอยู่ครู่หนึ่งก็กดต่อสายโทรหาทันทีและพอรู้ว่าลูกน้องนักมารออยู่แล้วจึงยืนรออยู่ที่เดิมกับหญิงสาวที่ยืนห่างจากเขาราวหนึ่งช่วงแขน“ขอโทษครับนาย พอดีวันนี้รถที่สนามบินเยอะเลยช้าครับ” นพกรลูกน้องของปริภัทร์ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษที่ให้เจ้านายทั้งสองต้องรอนาน“ไม่เป็นไร เอาของขึ้นรถเถอะ” เขาพยักหน้าแล้วยื่นกระเป๋าลากใบสีดำให้ลูกน้องแล้วตนเองก็ขึ้นไปนั่งประจำที่นพกรกำลังจะยื่นมือไปขอกระเป๋าลากที่อยู่ในมือภัคพิญาแต่ ปริภัทร์ที่ลดกระจกลงมาในระดับใบหน้าเอ่ยขึ้นเสียก่อน “กระเป๋าใครก็เอาขึ้นเอง นพเป็นคนของฉันเธอไม่มีสิทธิ์” หญิงสาวส่งยิ้มให้ลูกน้องของสามีเล็กน้อยข่มความเสียใจเอาไว้แล้วเดินยกกระเป๋าไปเก็บที่ท้า
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามชายตรงหน้าที่พบกันเพียงไม่ กี่ครั้ง เขาเคยเอาเอกสารด่วนไปให้ปริภัทร์ที่บ้านครั้งสองครั้งเท่านั้น“คุณปัทให้มาตามคุณภัคไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรมครับ” เขาเอ่ยตอบหญิงสาว“อ๋อ เดี๋ยวภัคตามไปนะคะ พอดีลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องค่ะขอกลับไปเอาสักครู่” เธอตอบกลับเขาด้วยน้ำเสียงหวานโทนปกติขอเธอ“อ๋อคุณปัทรออยู่ครับ ฝากผมมาบอกให้ไปเร็ว ๆ ครับ” เขาตอบ“ได้ค่ะ งั้นไปกันเลยก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเดินตามหลังคนของสามีไปเพราะเธอนั้นไม่รู้ว่าห้องอาหารของโรงแรมที่ว่านั้นจะอยู่ที่ไหน ไม่นานนักเขาก็พาเธอมายังห้องอาหารของโรงแรมตรงไปยังโต๊ะที่มีเจ้านายของเขา นั่งอยู่เธอจึงเอ่ยของคุณนพกรก่อนจะหย่อนกายนั่งลงตามคำเชิญของสามีทั้งสองนั่งรับประทานอาหารเย็นโดยที่ไม่เอ่ยอะไรต่อกันแม้แต่น้อย หลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อยทั้งคู่กลับมายังที่พักโดยที่เดินเคียงกันราวกับคู่รัก แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินเข้าบ้านมิวายทิ้งท้ายให้เธอเจ็บช้ำอีกครั้ง“ขอบใจนะเมียนอกสถานะ ไว้ฉันจะเรียกใช้บริการใหม่เธอใหม่แล้วกัน … อ๋อคืนนี้ฉันนอนบนเตียงส่ว
หลังจากส่งข้อความขอบคุณเพื่อนสนิทแล้วจัดการเอางานทั้งหมดเข้าไปไว้ในบ้านหยิบกระเป๋าสตางค์ก่อนจะเดินออกจากบ้านพักไป ร่างเล็กของภัคพิญาเดินเล่นรับลมริมชายหาดเวลานี้แสงแดดจากดวงตะวันนั้นไม่ร้อนมากนักหากเธอดูเวลาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือพบว่าเวลานี้จวนจะห้าโมงเย็นสายตาหวานหันมองบรรยากาศโดยรอบกับท้องทะเล ที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาของเธอ เดินเตะทรายเรื่อยเปื่อยไปมาจนมาถึงชายหาดทางล็อบบี้หน้าโรงแรม ระหว่างที่เธอกำลังจะกลับหลังเดินไปยังทางออกของโรงแรมร่างเล็กของภัคพิญากระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างทำให้เธอนั้นเซจวนจะล้มแต่หากว่าเคราะห์ดีที่มีแขนแกร่งของใครบางคนที่โอบประคองเธอเอาไว้อุ๊ย!“ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวขอโทษบุคคลที่เธอนั้นเดินไม่ดูตาม้าตาเรือไปชนเขาจนตัวเองเกือบล้ม“คุณไม่เป็นอะไรนะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาคมคายแต่กลับขาวละเอียดของคนตรงหน้าเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“ดิฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” เมื่อตั้งตัวได้หญิงสาวขยับกายออกห่างคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงข้ามทันที“ดิฉันขอโทษจริง ๆ นะคะ เดินคิดอะไรเพลิน ๆ จนไม่มองทางค่ะ” ภัคพิญาขอโทษพร้อมทั้
อีกด้านหนึ่งของภัคพิญาที่คิดว่าสามีนั้นไม่กลับมาค้างที่บ้านพักหลังนั้นเธอจึ้งถือโอกาสลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำพลางจิบไว้ที่ยกลงจากโต๊ะลงมาวางข้างสระว่ายน้ำ พลางเปิดเพลงผ่านโทรศัพท์มือถือสร้างบรรยากาศผ่อนคลายอยู่คนเดียว“เฮ้อ สบายจัง” เสียงหวานเอ่ยออกมาพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิทกลับมีมวลหมู่ดาวแวววาวระยับนับล้าน ๆ ดวงอยู่เคียงข้างพระจันทร์ที่สีเหลืองนวลสว่างเด่นชัด ก่อนที่เพลงจากโทรศัพท์ที่ปิดไว้ถูกแทรกด้วยเสียงเรียกเข้า ภัคพิญาขึ้นหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นสายเรียกวีดีโอคอลจากฝ้าย กรรณิการ์ เพื่อนสาวคนสนิทอีกคนของเธอ“ฮัลโหลว่ายังไงฝ้าย” ภัคพิญากดรับสายจากกรรณิการ์แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเสียงที่ทักมานั้นไม่ใช่แค่ฝ้ายคนเดียว กลับมีบุญญาวีร์ และ อธิกรอยู่ด้วย“ฮัลโหลยายภัค” สามเสียงสอดประสานกัน “ว่ายน้ำกับผัวเหรอเพื่อนสาว” เมนี่เอ่ยถามเมื่อเห็นมวลน้ำกระเพื่อมไปมา“อืม... ใช่แต่ฉันว่ายน้ำคนเดียว” หญิงสาวตอบกลับเพื่อนทันทีตามความจริง“แล้วใส่ชุดว่ายน้ำไหมยัยภัค” ฝ้ายเอ่ยถาม ด้วยความที่หญิงสาวกำลังกรึ่ม ๆ จากการดื่มไวน์จึงยกโทรศัพท์ให้ห่างออกไปพอที่จะเห็นชุดว่าย
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวที่จะนอนกับใครไม่เลือกหน้า”“งั้นก็นอนกับฉันแล้วทำหน้าที่เมียแก้ขัดให้ฉันได้แล้ว”สิ้นเสียงเข้มของปริภัทร์มือหนากระชากร่างเล็กเข้าหาด้วยความรวดเร็ว แต่ก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวเมื่อเขาฝังปลายจมูกโด่งลงบนซอกคอขาวอย่างป่าเถื่อนก่อนที่มือหนาอีกข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นมาปิดปากหญิงสาวเอาไว้เพื่อไม่ให้สียงของเธอเล็ดลอดออกมาไม่นานร่างสูงของปริภัทร์ก็นำพาร่างเล็กของภัคพิญาที่อยู่ในชุดว่ายน้ำสีขาวทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม“ปล่อยฉันนะ อย่าทำอะไรฉันเลย” ทันทีที่แผ่นหลังบางสัมผัสเข้ากับเตียงจึงรีบยันกายขึ้นขยับให้ถ่อยห่างทันที ร่างสูงใหญ่ของปริภัทร์ไม่รอช้ารีบก้าวขึ้นเตียงทันทีแล้วกระชากข้อเท้าของหญิงสาวให้กลับมาอยู่ใต้ร่างของเขาดังเดิม“กลัวรึไง” ชายหนุ่มมองการการตื่นกลัวของหญิงสาวพร้อมกับมือที่พยายามปกปิดเนินอกที่อยู่ในชุดว่ายน้ำสีขาวอย่างไม่วางตา“คุณปล่อยฉันไปเถอะนะ”“เสียใจด้วยภัคพิญา หมดเวลาของเธอแล้ว”ปริภัทร์ซุกไซ้ซอกซอกคอขาวของหญิงสาวอย่างถือสิทธิ์ เมื่อพอใจเขาเปลี่ยนบนเป้าหมายมาที่ริมฝีปากอวบอิ
ร่างกายที่เมื่อยล้าจากบทรักเร่าร้อนที่แสนหนักหน่วงของปริภัทร์เริ่มขยับกายเมื่อแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ในยามเช้าผ่านกระทบเปลือกตา ชายหนุ่มกระพริบตาเล็กน้อย ชายหนุ่มพลิกตัวหนีแสงสว่างที่เข้ามารบกวน แขนแกร่งกวาดไปมาทั่วเตียงกว้างหมายจะคว้าร่างเล็กที่มีกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวเข้ามากอดเอาไว้ แต่แล้วก็พบกับความว่างเปล่า ไร้คนที่นอนเคียงข้างเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา ร่างสูงเปลือยเปล่าอดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่พบเธอหลังจากผงกยกศีรษะขึ้นดูเพื่อความแน่ใจว่าเมียเขาไม่อยู่บนเตียงแน่ ๆ“ลุกไปไหนแต่เช้า” มือหน้าคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้าง ๆ หัวเตียงขึ้นมาดูเวลาพบว่าตอนนี้เป็นเวลาราว ๆ เก้านาฬิกาเท่านั้นภัคพิญาหายไปไหนร่างสูงสะบัดผ้าห่มสีขาวคลุมกายออกแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวผืนหนาสีขาวเข้ามาพันหมิ่น ๆ รอบเอวสอบอย่างลวก ๆ แล้วเดินหาคนที่เขาเพิ่งจะพรากความสาวไปเมื่อคืนทั่วบ้านพักก็ไม่พบ ก่อนจะตัดสินใจต่อสายหานพกรเลขาคนสนิททันที“สวัสดีครับคุณปัท” ปรายสายตอบกลับทันทีที่รับสาย“นายอยู่ที่ไหน”“ผมเดินอยู่แถวชายหาดครับ นายมี่เรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” คนปลายสายเอ่ยถามหลังจากที่ตนน
“คนรักของคุณมาแล้ว เชิญตามสบายนะคะ” ร่างเล็กตรงหน้าเอ่ยขึ้นราวกับเธอไม่รู้สึกอะไร แต่ใจใจสึก ๆ ของตัวเองนั้นเจ็บเหลือเกิน เธอข่มความเสียใจเอาไว้ข้างในแล้วเดินออกจากตรงนั้นเสีย“นี่เธอ! ฉันไม่ได้สั่งให้ไปไหน เธอก็ห้ามไป” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็งขบกรามแน่น“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” หญิงสาวว่าจบประโยคแล้วรีบเดินออกจากร้านอาหารโดยเร็วอยากได้สิทธิ์อีกใช่ไหม... ได้เดี๋ยวเขาจะจัดให้!“ปัทคะ... ทำไมเมื่อคืนไม่มาหาแพนที่ห้องล่ะคะ” เจ้าหล่อนถามทันทีที่มาถึง“เอ่อ... ผมมีเมลที่ต้องจัดการหลายฉบับเลยครับกว่าจะเรียบร้อยก็ดึก” ชายหนุ่มโกหกนางแบบสาวออกไป เจ้าหล่อนก็ยิ้มรับโดยไม่คิดอะไร“เมื่อคืนคุณไม่ได้มาหาแพน งั้นวันนี้พาแพนไปเที่ยวอีกได้ไหมคะ เดี๋ยวบ่ายวันนี้แพนก็ต้องบินกลับแล้ว” นางแบบสาวเสนอเพราะอยากอยู่กับชายหนุ่มอีก“ทำไมรีบกลับล่ะครับ” เขาถามออกไปแต่ภายในใจเขากลับดีใจไม่น้อย“พี่แองจี้นะสิคะ รับงานเดินแบบไว้แล้วเพิ่งมาบอกแพน”“งั้นเอาแบบนี้ไหมครับวันนี้เราไม่ต้องไปเที่ยวไหน แพนไปเตรียมตัวพักผ่อนเดี่ยวก็ต้องเดินทางกลับอ
ร่างสูงค่อยขยับเปือกตาขึ้นอย่างอยากลำบากมองดูสิ่งรอบข้างและสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นอนหมอบข้างเตียงของเขาในมือมีหนังสือเล่มเล็ก ๆ หน้าปกมีเด็กทารกหน้าตาหน้ารักส่งยิ้มอยู่แค่พียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าหล่อนเป็นใครหัวใจที่แห้งเหี้ยวกลับเหมือนมีน้ำมาล่อเลี้ยงจนรู้สึกชุ่มชื่น มือของเขาถูกกุมด้วยมือบางของเธอไว้แน่นจนต้องเผลอยิ้มออกมา“ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลตัวเองอีกแล้ว” ว่าออกมาเบา ๆ แล้วยกมือที่เหลืออีกข้างลูบศีรษะเมียรักเบา ๆ อย่างรักใคร่ การที่เขาขับรถเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความประมาทจนเกิดอุบัติเหตุเฉียดตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เจอคนตัวเล็ก มาคอยอยู่ข้าง ๆ คิดแบบนี้เขาก็แทบไม่อยากหายกลัวว่าเธอจะไปจากเขาอีกครั้งร่างคนตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยทำให้ร่างสูงของคนป่วยต้องหลับตานิ่งเหมือนเดิมทำเป็นยังไม่ได้สติอีกครั้ง“หนูภัคลงมาทานข้าวเช้าได้แล้วลูก” คุณนายปภาเปิดประตูมาเรียกให้ภัคพิญาลงไปทานอาหารเช้า“เดี่ยวภัคลงไปค่ะตอนนี้ยังไม่หิวเท่าไรค่ะ”“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอลูก” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ แม่สามีก็พยักหน้ารับแหม... เจ
“เชื่ออะไรคะ”“พี่ว่าคุณปัทเขารักภัคมากนะ รู้ไหมเขาออกตามหาภัคทุกวัน จนวันหนึ่งเขารู้ว่าพี่คือพี่ชายของเรา เขามาหาพี่อ้อนวอนทำทุกอย่างให้พี่ยอมบอกที่อยู่ แววตาของคุณปัทตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักและความหวังที่จะเจอภัค พอพี่บอกว่าพี่บอกไม่ได้ ไม่รู้แววตาจากที่มีความหวังเหมือนโลกที่พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารักและอยากเจอภัคมาก ทำทุกอย่างเพื่อภัค ช่วงแรก ๆ ที่ยังตามหาไม่เจอปายบอกว่าเขากินเหล้าทุกวันเพ้อถึงภัคตลอดเลยนะ ” ภัคพิญานิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชายบอกด้วยหัวใจที่สับสน“ลองให้อภัยเขาแล้วมาเริ่มต้นครอบครัวที่ภัคอยากได้อีกครั้งดีไหม” พิธานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน “ลองคิดดูนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่งข้อความเสียงนั่นให้กับปริภัทร์ เขาเพิ่งทราบจากคุณนายปภาว่าปริภัทร์พื้นแล้ว แต่เขายังคงดึงดันที่จะกลับบ้านไม่ยอมนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ทางคุณชรัชเลยตัดสินใจให้บุตรชายไปพักรักษาตัวที่บ้านแทนเขาช่วยน้องเขยได้เท่านี้แหละหญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร“พี่ว่าเราเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าอีกอย่างน
ภัคพิญานั่งรับลมที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่พี่ชายเธอสั่งให้ที่ร้านเอามาลงไว้ให้ข้างแปลงดอกมะลิยามเย็นที่แดดร่มลมตกอากาศกำลังสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งซื้อมากับเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะสองถึงสามเล่มมาเปิดอ่านเพราะวันนี้ภัคพิญาได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายมาเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาชีพเดิม ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปริภัทร์ยังคงแวะเวียนมาหามาคอยดูแล มิหนำซ้ำยังทำอาหารให้เธอได้ทานอีกแต่เธอนั้นไม่ยอมทานมันแม้แต่คำเดียวแถมยังไล่เขาทุกวัน ปริภัทร์ก็ยังไม่ยอมแพ้ทำทุกอย่างให้เธอทั้งที่รู้ว่าไม่ต้องการสายตาหวานละจากหนังสือคู่มือมองไปยังประตูรั้วอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างแต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ ท่ามกลางความเงียบสงบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาทางที่ตนนั่งอยู่แต่ในใจกลับคิดว่าเป็นเขาปริภัทร์! จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับความผิดหวังคนที่มานั้นคือพิธานพี่ชายของเธอกับปิยดาน้องสาวของสามี เห็นแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมากับปิยดาวางของลงบนโต๊ะแล้วถามขึ้น“อะไรเนี่ยเห็
“ระวังหน่อยสิ” เขาเอ็ดหญิงสาวเบา ๆ ทั้งที่ทั้งหมดคือความผิดของเขาที่ยื้อแย่งเสื้อจากเธอ“อยากซักใช่ไหมก็ซักไป” พูดกับเขาเสียงแข็งแล้วถอนหายใจจากนั้นลุกจากที่ซักผ้าก่อนจะดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่สนใจเขาอีกเลย ปริภัทร์มองตามร่างเล็กของเมียด้วยสายตาละห้อยด้วยความน่าสงสารชายหนุ่มซักเสื้อยืดให้เมียพร้อมทำการตากเป็นที่เรียบร้อยก้อนจะเดินเข้าในบ้านหลังน้อยอย่างถือสิทธิ์แล้วลงมือกวาดบ้านหลังเล็กพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดให้ เพราะไม่อยากให้เมียต้องเหนื่อยในการทำงานบ้าน แต่คนที่ไม่เคยจับไม้กวาดหรือลงมือทำงานบ้านเลยก็จะเก้ ๆ กัง ๆ อย่างมาก ชนข้าวของตรงนั้นตรงนี้ล้มจนภัคพิญาสงสัยคิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านเธอหรือเปล่าเลยออกมาดูก็เจอกับเขายืนถือไม้กวาดกับลังเก็บกวาดเศษแก้วอยู่“หยุดวุ่นวายกับบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”“แต่ผมอยากช่วย ไม่อยากให้คุณเหนื่อย” เขาบอกเสียงอ่อน อยากช่วยแบ่งเบาภาระเธอบ้าง“ไม่ต้องค่ะ ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อฉัน เพราะฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ชาวบ้านแถวนี้เขาจะเข้าใจผิดกันได้” เธอนั้นไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านที่เอาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปพู
"ไม่! ผมทำไม่ได้ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ได้โปรดเถอะภัค ขอโอกาสให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อและสามีที่ดีสักครั้งนะ""สามี!" เธอทวนคำของเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“ใช่ภัค ผมขอทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะ” พูดอ้อนวอนคนตัวเล็กตรงหน้า“ไม่ค่ะ เชิญคุณออกไปจากพื้นที่ส่วนตัวของฉันได้แล้ว”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนะ จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณกับลูกจะยอมกลับกรุงเทพฯ กับผม” ปริภัทร์บอกอย่างแน่วแน่“ลูกอะไรของคุณ” หญิงสาวถามอย่างไขสือไม่ยอมรับ“คุณท้องลูกของผม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าทุกครั้งไม่มีคำพูดที่ร้ายกาจใด ๆ แต่พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่กลั่นจากหัวใจของเขา“เขาไม่ใช่ลูกของคุณอาจจะเป็นลูกของคนอื่นหรือไม่ก็คุณพิธานก็ได้”“ไม่จริง คุณก็รู้ว่าผมเป็นพ่อของลูกในท้องคุณ แล้วอย่าเอาคนอื่นมาเป็นพ่อของลูกผม” เธอมองใบหน้าคมที่จริงจังด้วยท่าทางนิ่งสงบ“เพราะมันคงเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น”เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง “คุณรู้ได้ยังไง”“รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ ตอนนี้ขอแค่คุณกลับไปกับผมเถอะนะ ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่อง” หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ รวบรวมพลังทั
ปริภัทร์ยืนมองร่างเล็กของเมียตัวน้อยที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้หลังบ้านหลังเก่า ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นปล่อยผมที่เหลือด้านหลังเหมือนหางม้า เพื่อไม่ให้ปรกใบหน้ายามที่เธอทำสวน ความสวยของเธอนั้นยังคงอยู่เช่นเคย รอยยิ้มที่มองดอกไม้ด้วยความสุข ใบหน้างามก้มลงดอมดมกลิ่นของดอกมะลิมันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่ทำให้ไม่แพ้ท้อง แต่พอลองดมดอกอื่นที่ไม่ใช่เท่านั้นแหละรีบวิ่งออกไปอาเจียนทุกครั้งวันนี้ก็เช่นกันที่ภัคพิญาได้กลิ่นดอกไม้อื่นจึงทำให้อาเจียน คนที่แอบดูอยู่หน้าประตูรั้วที่สูงเท่าเอวของเขาเท่านั้นตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นอยากเสนอหน้าเข้าไปหาแต่ก็ไม่กล้าพอชายหนุ่มแอบมองดูหญิงสาวแบบนี้มานานเกือบหนึ่งสัปดาห์พลอยทำให้เขารู้ว่าครอบครัวของเขาและเหล่าเพื่อนของเธอรวมทั้งสิงหะและพีระที่รวมหัวจงใจปิดบังที่อยู่ของภัคพิญาตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมาคิดแล้วมั่นน่าโมโหนักภัคพิญาออกจากบ้านหลังน้อยพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและถุงผ้าเวลานี้ก็ได้เวลาจ่ายตลาดของเธอแล้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้านหญิงสาวเด็ดดอกมะลิขึ้นมาสองดอกเอาไว้ดมระหว่างทางที่เดินไปตลาด วันนี้เธอเกิดอยากกินชานมมะลิไข่มุกขึ้นมาจ
“อื้อ นึกว่าเป็นอะไรก็แค่ท้อง” เมนี่ว่า“แค่ท้อง” กรรณิการ์ย้ำแต่การย้ำซ้ำสองทำให้ทั้งสองคนเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างเสียงดัง“ฮะ... ยายภัคท้อง”“เห้ย... เบา ๆ สิ คนแตกตื่นหมดแล้ว” บุญญาวีร์ร้องห้ามแทบไม่ทัน แล้วหันไปขอโทษคนในร้าน“ก็มันตกใจนี่หว่า แล้วนี่คุณปัทรู้มั้ย นอกจากแกแล้วมีใครรู้บ้าง แฟนแกรู้มั้ย”“คุณปัทไม่น่าจะรู้ แฟนฉันก็ไม่รู้ คนที่รู้จะมีแค่ฉันกับพี่ชายของยายภัค อีกอย่างนางเพิ่งไปตรวจเมื่อเดือนที่แล้วเอง พักหลัง ๆ ที่ไปหานี่สินางแพ้ท้องหนักจนแทบไม่เป็นอันทำงานเลย”“พี่ชาย” สองสาวทำหน้างงกันอย่างหนักภัคพิญามีชายด้วยหรือ “ใครคือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธาน คือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธานเนี่ยนะคือพี่ชายของยายภัค” กรรณิการ์ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ บุญญาวีร์พยักหน้ารับแต่แล้วบทสนทนาก็เงียบลงพร้อมกับปรากฏร่างของปริภัทร์ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของสามสาว“เมื่อกี้คุณบุญบอกว่าภัคท้องเหรอครับ” หญิงสาวอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ไม่คิดเสียด้วยซ้ำว่าจะพบกับปริภัทร์ที่นี่“ว่ายังไงครับ ภัคท้องใช่ไหมครับ”“ก
“คุณฉันรู้สึกว่าฉันชอบเด็กคนนั้น ฉันอยากได้ลูกสะใภ้ที่หน้าตาน่ารักนิสัยดีแบบนั้น”“จริงคุณ ขนาดเจอกันแค่เดี๋ยวเดียวนะยังรับรู้ได้ถึงความจิตใจดีเป็นห่วงคนอื่นเลย”“หลังจากวันนั้นแม่ก็ให้คนตามสืบประวัติของหนูภัค แม่ใช้เวลาปีกว่าถึงจะเข้าหาและทำความรู้จักได้ มีวันหนึ่งที่แกมาบอกฉันว่าอยากจะแต่งงานกับแม่แพนอะไรนั้น ฉันเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากให้หนูภัคแต่งงานกับแกแทนแม่ผู้หญิงมักมากหน้าเงินนั่น”“แพนเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น” ชายหนุ่มแก้ต่าง“จำช่วงที่แม่นางแบบนั่นหายไปจากชีวิตแกแล้วมีหนูภัคเข้ามาแทนได้ไหม กวิตาได้เงินจากแม่ไปสิบล้านแลกกับอิสระของแก”“จริงค่ะพี่ปัทปายยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงใจกับใคร วันนั้นปายไปเที่ยวเห็นแม่นางแบบนั้นออกไปกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าพอพี่แต่งงานเขาก็กลับมาถูกไหมคะ”“แม่เสนอข้อตกลงให้หนูภัคแต่งงานกับแกแลกกับค่ารักษาพยาบาลผ่าตัดหัวใจของยายเขาที่ราคาสูงมาก แม่พูดจนกว่าหนูภัคเขาจะยอมจนนาทีสุดท้ายที่ยายแววต้องเข้าผ่าตัดถึงยอมตกลงแต่งงานกับแก เขาไม่ได้หวังทรัพย์สมบัติของแกเลย ฉันดูแววตาหนูภัคที่เจอแกคร
สามวันที่เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านชายหนุ่มหัวเสียไม่น้อยที่เข้ามาร้องเรียกหาภัคพิญาเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงเดินขึ้นไปดูบนชั้นสองเผื่อหญิงสาวจะอยู่ข้างบนแต่เปล่าเลย ห้องนอนที่เงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ผิดแปลกที่โต๊ะทำงานของเธอนั้นโล่งสนิทไม่มีอะไรวางอยู่แม้แต่อย่างเดียวมีเพียงโต๊ะเปล่า ๆ เท่านั้น ในใจเขารู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ วันนี้วันหยุดภัคพิญาไม่น่าจะออกไปไหน ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปยังห้องเสื้อผ้าเลื่อนเปิดประตูออกพบเพียงเสื้อผ้าของเขาเท่านั้นแต่ยังคงมีเสื้อผ้าของหญิงสาวอยู่ประปราย มองไปยังเบื้องล่างของตู้เสื้อผ้ากระเป๋าเดินทางของหญิงสาวนั้นหายไป ปริภัทร์จึงเดินลงมายังชั้นล่างทันทีเธอไปจริง ๆ น่ะ หรือยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าเยียบบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบิดามารดารวมทั้งน้องสาวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่บอกบุญไม่รับเสียเท่าไร ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาหาบิดาที่เดินนำหน้ามาพร้อมทั้งซองเอกสารอยู่ในมือ“สวัสดีครับ มาหาผมถึงบ้านมีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามทั้งที่ในใจว้าวุ้นเรื่องของภัคพิญาเหลือเกิน เจ้าของ