“นี่แก้วของคุณ”
“ขอบคุณค่า” เธอขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงยานครางพร้อมกับยิ้มตาหยี ร่างสูงหย่อนกายนั่งลงบนเตียงแล้วเอ่ยถามหญิงสาว
“นี่คุณ ผมถามหน่อยแค่อกหักต้องดื่มหนักขนาดนี้เลยเหรอ”
มองหน้าคนที่กำลังดื่มไวน์รวดเดียวหมดแก้ว“มันก็มีบ้าง ฉันไม่ใช่คุณนี่ที่จะจีบทิ้งจีบขว้างเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น”
“คุณพูดอะไรระวังปากหน่อย เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” หมอหนุ่มขู่อย่างไม่จริงจังนักกับวาจาของคนเมา
“ทำไมอะคุณ ทำไมถึงไม่มีใครรักฉันเลย ทำไมทุกคนต้องทิ้งฉันไปหมด ไม่อยู่กับฉันสักคน” บุญญาวีร์ตอบเสียงเศร้า
“ทำไมคุณคิดแบบนั้น”
“ถ้าพวกเขารักฉันจริง คงไม่ปล่อยทิ้งฉันให้อยู่เดียวแบบนี้หรอก ไม่ว่าจะพ่อแม่หรือใคร ๆ ก็ทิ้งฉันไปหมด ขนาดคนที่ฉันแอบรักยังทำให้ฉันอกหักแล้วไปแต่งงานเลย” สิงหะฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจมือหนาคว้าแก้วของหญิงสาวมาวางเอาไว้ที่ตู้ข้างหัวเตียง และลูบศีรษะทุยของเธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน
“คุณเมามากแล้วคุณนอนเถอะ ผมก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”
“ไหนบอกว่าจะอยู่กับฉันไง” มือเล็กคว้ามือใหญ่ดึงเขาให้นั่งลงก่อนที่เธอนั้นจะจู่โจมจูบเขาอย่างดูดดื่
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องกระทบเสี้ยวหน้าสวยของบุญญาวีร์ทำให้ต้องหยีตาแล้วพลิกกายที่เมื่อยล้าระบมจัดหลบแสงที่น่ารำคาญเสีย เมื่อหันมาก็พบกับร่างของใครบางคนที่จำได้เลือนลางคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นหมอหนุ่ม นี่เธอมานอนห้องเขาอีกแล้วหรือ แต่ทำไมทุกอย่างมันเหมือนห้องของเธอเลยล่ะ ใบหน้าสวยหหันหน้ามองซ้ายขวาก็ตกใจที่เห็นใบหน้าของสิงหะห่างเพียงแค่คืบเดียวร่างกายท่อนบนของเขาไม่สวมเสื้อ แล้วก้มมองดูตัวเองภายใต้ผ้าห่มผืนหนาสีฟ้าอ่อนก็พบว่าตนนั้นไม่มีเสื้อผ้าติดกายแม้แต่ชิ้นเดียวกรี๊ดดดดดดด“ตื่นแล้วเหรอเมียจ๋า” เสียงกรีดร้องของเธอทำให้คนหลับอยู่ข้างกายลืมตาตื่นขึ้นมา คว้าตัวเธอเข้าไปกอด“ไอ้หมอบ้า ลุกขึ้นมาเลยนะ” มือเล็ก ๆ ตีเข้าไปที่ไหลของเขา“ตื่นแล้ว เลิกตีได้แล้วมันเจ็บนะเมียจ๋า” ยิ่งเขาพูดคำว่า เมีย เธอยิ่งตีเขาหนักขึ้น“ไอ้หมอบ้า คุณข่มขืนฉัน”“ข่มขืนที่ไหน เธอสมยอมต่างหาก” เขาตอบกลับด้วยท่าทีสบาย “ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้”สิงหะไม่ได้พูดอะไรขยับตัวคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเปิดคลิปเสียงที่ได้บันทึกไว้ให้หญิงสาวได้ฟัง
ภายในห้องทำงานกว้างใหญ่ของท่านประธานคนใหม่ของแพรไหมกรุ๊ปอย่างพิธานที่กำลังยืนมองท้องฟ้าและบรรยากาศโดยรอบผ่านกระจกใสบ้านใหญ่ที่อยู่ในห้องทำงานของเขาด้วยท่าทีนี่นิ่งสงบระหว่างรอเข้าประชุมในอีกไม่กี่นาทีนี้ แต่แล้วโทรศัพท์มือถือที่ใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้นสั่นสะเทือนเตือนว่ากำลังมีคนโทรเข้ามาครื่น ครื่น ครื่น“ครับพ่อ” ชายหนุ่มมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอแล้วกดรับสายอย่างไม่รีรอ“พีท พีทเจอน้องหรือยังลูก” บิดาของชายหนุ่มมักจะโทรมาถามข่าวคราวเรื่องของลูกสาวที่หายไป“เจอแล้วครับพ่อ”“เจอแล้ว... พาน้องกลับมาหาพ่อ พ่อออยากจะขอโทษน้อง” คนปลายสายพูดออกมาด้วยความดีใจ“แต่ยังไม่ได้แสดงตัวว่าผมคือพี่ชายของเขา คุณพ่อรอผมก่อนนะครับ แล้วผมจะพาน้องกลับไปหา” เสียงปลายตอบกลับ ก่อนที่เขาจะเอ่ยประโยคถัดมา “ผมเจอน้องแล้วคุณพ่อต้องดูแลตัวเอง รักษาอาการป่วยให้หายนะครับ” ชายหนุ่มบอกบิดาด้วยความเป็นห่วง“แค่นี้ก่อนนะครับพ่อ” หลังจากนั้นเขาก็วางสายเนื่องจากดูเวลาแล้วใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องเข้าประชุมกับเหล่าผู้บริหารและพนักงานท่านอื่นจนสรุปงานเรียบร้อย จากน
“ยายจ๋า” เสียงหวานของหลานสาวทำให้คนที่กำลังโมโห รีบวางกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปจับมือเหี่ยวย่นทันที “ยายเป็นอะไรไปจ๊ะ โกรธอะไร” ถามอย่างสงสัย“เปล่าลูก ไม่มีอะไร”“จริง ๆ นะยาย ยายอย่าหายใจแรงแบบนี้อีกนะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาภัคจะอยู่กับใคร”“ภัคเอ้ยคนเราเกิดมาแล้วก็ตาย” นางเอ่ยว่าเพราะมันคือวงจรชีวิตของคนเราคือ เกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตายตามกาลเวลา“ยายไม่เอาสิ อย่าพูดแบบนี้ภัคใจไม่ดีนะ” มือเหี่ยวย่นวางมือลงบนศีรษะของหลานสาวคนสวยสายตาพร่าเลือนตามกาลเวลามองเห็นชายร่างสูงจึงเอ่ยถามเพราะคนนี้นางไม่คุ้นและไม่ใช่สามีของหลานสาวแน่นอน“แล้วนั่นพาใครมาด้วยล่ะ”“นี่คุณพิธานจ้ะยาย เขาเป็นเจ้านายของภัคเอง”“สวัสดีครับคุณยาย ผมแวะมาเยี่ยมกะทันหันเลยไม่มีของบำรุงมาฝากเลยครับ” ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงนุ่มอบอุ่น“ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม แค่มาเยี่ยม ยากก็ดีใจแล้ว” นางส่งยิ้มให้ชายรุ่นหลานเสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้นสองสามครั้งแล้วก็เปิดเข้ามา“สวัสดีค่ะคุณยาย” ปิยดาไหว้ยายแววที่นั่งอยู่บนเตียง นางสางยิ้มให้ก่อนจากนั้นก็เรียกชื่อหญิงสาว “คุณปายมา
“ไปไหนมาถึงกลับเอาป่านนี้” ถามเสียงเข้ม“ภัคไปโรงพยาบาลกับน้องปายไง ภัคไลน์บอกแล้ว”“ไปกับยัยปายหรือไปกับไปพิธาน” ว่าพร้อมกับกระชากแขนแขนเรียวของหญิงสาวเข้ามาปะทะกับอกแกร่ง“พี่ปัทภัคเจ็บ”“เจ็บสิดี ตอบมาว่าไปกับมันมาหรือเปล่า”“ค่ะ” เธอตอบไปตามความจริงว่าเธอไปกับพิธานแต่ไม่ได้ไปกันสองต่อสอง “ภัคไปโรงพยาบาลกับคุณพิธานแต่มีน้องปายอยู่ด้วย” เธออธิบายแต่คำพูดจากปากของเธอเขาว่ามันฟังไม่ขึ้น“ไม่ต้องเอาน้องสาวฉันมาอ้าง ไปนอนกับมันมาใช่มั้ย” คำประณามที่ออกมาจากปากของสามีทำให้หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้างทันที่ที่ปิดประตูบานใหญ่ลงนี่มันเรื่องอะไร“พี่ปัทพูดอะไร ภัคไม่เข้าใจ” เธอส่ายหน้าแล้วถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ ใช่! เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าสิ่งที่เขาพูดมันหมายถึงอะไร“ไม่เข้าใจ อย่ามาทำเป็นใสซื่อไร้เดียงสายไปหน่อยเลย อยากมากหรือไงถึงออกไปกับมัน” ว่าแล้วก็เปิดรูปภาพในมือถือทำให้หญิงสาวกระจ่างแจ้ง มันคือภาพของเธอกับเจ้านายที่ยืนอยู่หน้าห้องพักเธอจำไม่ผิด และที่จำไม่ผิดอีกอย่างมันเป็นรูปวันนี้“พี่ปัท ฟังภัคอธิบายก่อนนะคะ ม
เข้าของวันถัดมาปริภัทร์ตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยล้า แขนแกร่งวาดออกไปหมายจะคว้าร่างเล็กของเมียเข้ามาสวมกอดให้ชื่นใจในยามเข้า แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อข้างกายพบแต่ความว่างเปล่าไร้คนที่นอนกอดกกเมื่อคืน ผงกศีรษะขึ้นมามองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดผิดว่าภัคพิญาลุกออกไปแล้ว ที่นอนข้าง ๆ เขายังมีความอุ่นหลงเหลืออยู่ เธอคงจะลุกออกไปเมื่อไม่นานนี้ แต่หากเวลาในตอนนี้มันยังเช้าอยู่เธอจะรีบตื่นไปทำไมกัน ร่างสูงตวัดผ้าห่มออกจากกายแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายหมายจะลงไปหาเมียตัวน้อยไม่นานนักชายหนุ่มออกจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวสอบเอาไว้เดินตรงไปยังห้องแต่งตัวที่อยู่ข้าง ๆ พบกับชุดทำงานที่หญิงสาวยังคงจัดเตรียมไว้ให้ทุกครั้งเช่นเดียวกับน้ำอุ่นที่เพิ่งอาบมาเธอก็เป็นคนเตรียมเอาไว้ให้ คนตัวสูงรีบจัดการแต่งตัวแล้วลงไปหาภัคพิญาคิดว่าเธอนั้นน่าจะอยู่ข้างล่าง เมื่อคืนเขาทำรุนแรงกับเธอไปอยากจะลงไปขอโทษถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ลงมาแล้วก็พบกับความผิดหวังที่คิดว่าเมียตัวเล็กคงจะวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารเหมือนทุกวันกลับไม่พบ มีเพียงอาหารเช้าที่วางครอบไว้รอเท่านั้น ชายหนุ่มเดิน
คืนวันเดียวกันสี่สาวเดินเข้าสถานบันเทิงตามที่ได้นัดกันเอาไว้ สาว ๆ ต่างพากันเลือกชุดที่เหมาะกับสถานที่โดยทั้งวันภัคพิญาไม่ได้กลับเข้าบ้านเลย กลัวว่าปริภัทร์นั้นจะดักรอเธอที่นั่น หญิงสาวจึงยืมเสื้อผ้าของบุญญาวีร์มาใส่แทนเพราะขนาดตัวของเธอกับเพื่อนนั้นใกล้เคียงกันภัคพิญาสวมเสื้อบราเกาะอกสีดำทับด้วยเสื้อแขนยาวซีทรูสีดำแสนโปร่ง ตัดกันด้วยกางเกงยีนตัวเดิมของเธอที่ใส่มาเมื่อเช้าให้เข้ากับสถานที่การเที่ยวกลางคืนคืนนี้เธอจะสนุกให้เต็มที่“นี่ยายภัคมาเที่ยวนะยะ ไม่ได้มานั่งวิปัสสนา นิ่งอะไรขนาดนั้น” เมนี่หันมาเห็นเพื่อนนั่งนิ่งจึงเอ่ยแซวเสียงดังตามเสียงเพลงที่เปิดอยู่“สนุกสนานหน่อย” ภัคพิญาหันมองหน้าเพื่อนสลับกับแก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่ตรงหน้า“โอเค คืนนี้ฉันจะสนุกให้เต็มที่” บอกกับเพื่อนแล้วทำท่าร่าเริงสนุกตามจังหวะดนตรีที่เปิด ทั้งนั่งดื่มและนั่งพูดคุย ในบางเวลาก็ถ่ายรูปอัปสตอรี่อินสตาแกรมเช็คอินในวันนี้ โดยทุกอย่างเป็นฝีมือเพื่อนของภัคพิญาทั้งสิ้น ส่วนตัวเธอนั้นมีหน้าที่แค่รีอัปสตอรี่จากเพื่อนมาไว้ที่อินสตาแกรมของเธอเท่านั้น
“งั้นก็ดีจัดการเมียใครเมียมัน ส่วนกูจะพาเมียกูกลับบ้าน” ปริภัทร์ว่า“เออ อย่าอารมณ์ร้อนล่ะมึง” หมอหนุ่มบอกแล้วเดินตามหลัง ปริภัทร์เข้าไปในนร้านโดยมีการ์ดของร้านอำนวยความสะดวกให้ตลอดทาง สี่สาวที่กำลังสนุกกับการเต้นและดื่มกันอย่างผ่อนคลายโดยไม่คิดอะไร เมนี่ที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มก็ต้องตกใจตาโตเมื่อเห็นสามีของเพื่อนสนิทเดินเข้ามาพร้อมกันกับสิงหะและพีระ“ซวยแล้ว” อุทานออกมา“แกซวยอะไร” กรรณิการ์ที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินจึงถามขึ้น“ฉันน่ะไม่ได้ซวย แต่ยายภัคน่ะสิซวยแน่” ว่าออกมาอย่างกำกวม ภัคพิญาที่ยันหันหลังให้ก็ไม่ได้สนใจกับคำพูดของเพื่อน“ยายภัคแกซวยแล้ว”ภัคพิญาไม่ได้ถามอะไรเพียงแต่ทำหน้างงและสงสัยเท่านั้น“ผัวแกมา อยู่ข้างหลัง” สิ้นเสียงของเมนี่ สามสาวหันไปตามการส่งสัญญาณของเพื่อนทันที ปริภัทร์เดินเข้ามาหาภรรยาของตนด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไรนักไม่เพียงแค่ภัคพิญาที่ตกใจกับการมาของสามี สองสาวก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นสิงหะกับพีระที่เดินตามหลังมา“ภัคกลับบ้าน”ว่าแล้วคว้าข้อมือของหญิงสาวทันที“ไม่!” เธอตอบเส
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรืออย่างไรต้องมาเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสอะไรเช่นนี้ ภัคพิญาสภาพร่างกายอิดโรยเป็นอย่างมาก หญิงสาวมาถึงบ้านของแม่สามีขอค้างที่นี่ด้วยสักคืน คุณนายปภาไม่ได้ว่าอะไรนางยินดีเสียด้วยซ้ำ แต่นางไม่ชอบใจเท่าไรที่ลูกสะใภ้ร้องไห้มาขอนอนด้วยกลางดึกกลางดื่นท่ามกลางเนื้อตัวที่เปียกปอนราวกับลูกนกตกน้ำถึงแม้จะดึกดื่นขนาดไหนใจภัคพิญานั้นหลับไม่ลงไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับความรู้สึกที่ไม่ดีเหมือนว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินขึ้นชั้นสองโดยมีแม่สามีและปิยดาคอยประคองเธอนั้น อยู่ ๆ สร้อยคอที่เธออสวมประจำหลุดออกจากคอราวกับเป็นลางไม่ดีมือเล็กหยิบสร้อยคอที่เป็นล็อกเก็ตรูปหัวใจที่ยายแววสวมให้เธอตั้งแต่เด็ก“หนูภัคเป็นอะไรไปลูก” คุณนายปภาถามด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิคะพี่ภัคเป็นอะไรทำไมหน้าซีด ๆ หรือว่าจะไม่สบาย” น้องของสาวมีเสริมพลางเอาหลังมือขึ้นอังหน้าผากพี่สะใภ้“ภัคแค่รู้สึกเหมือนกำลังจะเกิดเรื่องอะไรไม่รู้ค่ะ อยู่ ๆ สร้อยที่มีรูปของยายก็หลุดออกมาจากคอของภัค” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั
ร่างสูงค่อยขยับเปือกตาขึ้นอย่างอยากลำบากมองดูสิ่งรอบข้างและสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นอนหมอบข้างเตียงของเขาในมือมีหนังสือเล่มเล็ก ๆ หน้าปกมีเด็กทารกหน้าตาหน้ารักส่งยิ้มอยู่แค่พียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าหล่อนเป็นใครหัวใจที่แห้งเหี้ยวกลับเหมือนมีน้ำมาล่อเลี้ยงจนรู้สึกชุ่มชื่น มือของเขาถูกกุมด้วยมือบางของเธอไว้แน่นจนต้องเผลอยิ้มออกมา“ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลตัวเองอีกแล้ว” ว่าออกมาเบา ๆ แล้วยกมือที่เหลืออีกข้างลูบศีรษะเมียรักเบา ๆ อย่างรักใคร่ การที่เขาขับรถเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความประมาทจนเกิดอุบัติเหตุเฉียดตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เจอคนตัวเล็ก มาคอยอยู่ข้าง ๆ คิดแบบนี้เขาก็แทบไม่อยากหายกลัวว่าเธอจะไปจากเขาอีกครั้งร่างคนตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยทำให้ร่างสูงของคนป่วยต้องหลับตานิ่งเหมือนเดิมทำเป็นยังไม่ได้สติอีกครั้ง“หนูภัคลงมาทานข้าวเช้าได้แล้วลูก” คุณนายปภาเปิดประตูมาเรียกให้ภัคพิญาลงไปทานอาหารเช้า“เดี่ยวภัคลงไปค่ะตอนนี้ยังไม่หิวเท่าไรค่ะ”“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอลูก” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ แม่สามีก็พยักหน้ารับแหม... เจ
“เชื่ออะไรคะ”“พี่ว่าคุณปัทเขารักภัคมากนะ รู้ไหมเขาออกตามหาภัคทุกวัน จนวันหนึ่งเขารู้ว่าพี่คือพี่ชายของเรา เขามาหาพี่อ้อนวอนทำทุกอย่างให้พี่ยอมบอกที่อยู่ แววตาของคุณปัทตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักและความหวังที่จะเจอภัค พอพี่บอกว่าพี่บอกไม่ได้ ไม่รู้แววตาจากที่มีความหวังเหมือนโลกที่พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารักและอยากเจอภัคมาก ทำทุกอย่างเพื่อภัค ช่วงแรก ๆ ที่ยังตามหาไม่เจอปายบอกว่าเขากินเหล้าทุกวันเพ้อถึงภัคตลอดเลยนะ ” ภัคพิญานิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชายบอกด้วยหัวใจที่สับสน“ลองให้อภัยเขาแล้วมาเริ่มต้นครอบครัวที่ภัคอยากได้อีกครั้งดีไหม” พิธานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน “ลองคิดดูนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่งข้อความเสียงนั่นให้กับปริภัทร์ เขาเพิ่งทราบจากคุณนายปภาว่าปริภัทร์พื้นแล้ว แต่เขายังคงดึงดันที่จะกลับบ้านไม่ยอมนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ทางคุณชรัชเลยตัดสินใจให้บุตรชายไปพักรักษาตัวที่บ้านแทนเขาช่วยน้องเขยได้เท่านี้แหละหญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร“พี่ว่าเราเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าอีกอย่างน
ภัคพิญานั่งรับลมที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่พี่ชายเธอสั่งให้ที่ร้านเอามาลงไว้ให้ข้างแปลงดอกมะลิยามเย็นที่แดดร่มลมตกอากาศกำลังสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งซื้อมากับเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะสองถึงสามเล่มมาเปิดอ่านเพราะวันนี้ภัคพิญาได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายมาเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาชีพเดิม ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปริภัทร์ยังคงแวะเวียนมาหามาคอยดูแล มิหนำซ้ำยังทำอาหารให้เธอได้ทานอีกแต่เธอนั้นไม่ยอมทานมันแม้แต่คำเดียวแถมยังไล่เขาทุกวัน ปริภัทร์ก็ยังไม่ยอมแพ้ทำทุกอย่างให้เธอทั้งที่รู้ว่าไม่ต้องการสายตาหวานละจากหนังสือคู่มือมองไปยังประตูรั้วอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างแต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ ท่ามกลางความเงียบสงบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาทางที่ตนนั่งอยู่แต่ในใจกลับคิดว่าเป็นเขาปริภัทร์! จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับความผิดหวังคนที่มานั้นคือพิธานพี่ชายของเธอกับปิยดาน้องสาวของสามี เห็นแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมากับปิยดาวางของลงบนโต๊ะแล้วถามขึ้น“อะไรเนี่ยเห็
“ระวังหน่อยสิ” เขาเอ็ดหญิงสาวเบา ๆ ทั้งที่ทั้งหมดคือความผิดของเขาที่ยื้อแย่งเสื้อจากเธอ“อยากซักใช่ไหมก็ซักไป” พูดกับเขาเสียงแข็งแล้วถอนหายใจจากนั้นลุกจากที่ซักผ้าก่อนจะดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่สนใจเขาอีกเลย ปริภัทร์มองตามร่างเล็กของเมียด้วยสายตาละห้อยด้วยความน่าสงสารชายหนุ่มซักเสื้อยืดให้เมียพร้อมทำการตากเป็นที่เรียบร้อยก้อนจะเดินเข้าในบ้านหลังน้อยอย่างถือสิทธิ์แล้วลงมือกวาดบ้านหลังเล็กพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดให้ เพราะไม่อยากให้เมียต้องเหนื่อยในการทำงานบ้าน แต่คนที่ไม่เคยจับไม้กวาดหรือลงมือทำงานบ้านเลยก็จะเก้ ๆ กัง ๆ อย่างมาก ชนข้าวของตรงนั้นตรงนี้ล้มจนภัคพิญาสงสัยคิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านเธอหรือเปล่าเลยออกมาดูก็เจอกับเขายืนถือไม้กวาดกับลังเก็บกวาดเศษแก้วอยู่“หยุดวุ่นวายกับบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”“แต่ผมอยากช่วย ไม่อยากให้คุณเหนื่อย” เขาบอกเสียงอ่อน อยากช่วยแบ่งเบาภาระเธอบ้าง“ไม่ต้องค่ะ ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อฉัน เพราะฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ชาวบ้านแถวนี้เขาจะเข้าใจผิดกันได้” เธอนั้นไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านที่เอาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปพู
"ไม่! ผมทำไม่ได้ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ได้โปรดเถอะภัค ขอโอกาสให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อและสามีที่ดีสักครั้งนะ""สามี!" เธอทวนคำของเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“ใช่ภัค ผมขอทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะ” พูดอ้อนวอนคนตัวเล็กตรงหน้า“ไม่ค่ะ เชิญคุณออกไปจากพื้นที่ส่วนตัวของฉันได้แล้ว”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนะ จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณกับลูกจะยอมกลับกรุงเทพฯ กับผม” ปริภัทร์บอกอย่างแน่วแน่“ลูกอะไรของคุณ” หญิงสาวถามอย่างไขสือไม่ยอมรับ“คุณท้องลูกของผม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าทุกครั้งไม่มีคำพูดที่ร้ายกาจใด ๆ แต่พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่กลั่นจากหัวใจของเขา“เขาไม่ใช่ลูกของคุณอาจจะเป็นลูกของคนอื่นหรือไม่ก็คุณพิธานก็ได้”“ไม่จริง คุณก็รู้ว่าผมเป็นพ่อของลูกในท้องคุณ แล้วอย่าเอาคนอื่นมาเป็นพ่อของลูกผม” เธอมองใบหน้าคมที่จริงจังด้วยท่าทางนิ่งสงบ“เพราะมันคงเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น”เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง “คุณรู้ได้ยังไง”“รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ ตอนนี้ขอแค่คุณกลับไปกับผมเถอะนะ ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่อง” หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ รวบรวมพลังทั
ปริภัทร์ยืนมองร่างเล็กของเมียตัวน้อยที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้หลังบ้านหลังเก่า ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นปล่อยผมที่เหลือด้านหลังเหมือนหางม้า เพื่อไม่ให้ปรกใบหน้ายามที่เธอทำสวน ความสวยของเธอนั้นยังคงอยู่เช่นเคย รอยยิ้มที่มองดอกไม้ด้วยความสุข ใบหน้างามก้มลงดอมดมกลิ่นของดอกมะลิมันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่ทำให้ไม่แพ้ท้อง แต่พอลองดมดอกอื่นที่ไม่ใช่เท่านั้นแหละรีบวิ่งออกไปอาเจียนทุกครั้งวันนี้ก็เช่นกันที่ภัคพิญาได้กลิ่นดอกไม้อื่นจึงทำให้อาเจียน คนที่แอบดูอยู่หน้าประตูรั้วที่สูงเท่าเอวของเขาเท่านั้นตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นอยากเสนอหน้าเข้าไปหาแต่ก็ไม่กล้าพอชายหนุ่มแอบมองดูหญิงสาวแบบนี้มานานเกือบหนึ่งสัปดาห์พลอยทำให้เขารู้ว่าครอบครัวของเขาและเหล่าเพื่อนของเธอรวมทั้งสิงหะและพีระที่รวมหัวจงใจปิดบังที่อยู่ของภัคพิญาตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมาคิดแล้วมั่นน่าโมโหนักภัคพิญาออกจากบ้านหลังน้อยพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและถุงผ้าเวลานี้ก็ได้เวลาจ่ายตลาดของเธอแล้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้านหญิงสาวเด็ดดอกมะลิขึ้นมาสองดอกเอาไว้ดมระหว่างทางที่เดินไปตลาด วันนี้เธอเกิดอยากกินชานมมะลิไข่มุกขึ้นมาจ
“อื้อ นึกว่าเป็นอะไรก็แค่ท้อง” เมนี่ว่า“แค่ท้อง” กรรณิการ์ย้ำแต่การย้ำซ้ำสองทำให้ทั้งสองคนเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างเสียงดัง“ฮะ... ยายภัคท้อง”“เห้ย... เบา ๆ สิ คนแตกตื่นหมดแล้ว” บุญญาวีร์ร้องห้ามแทบไม่ทัน แล้วหันไปขอโทษคนในร้าน“ก็มันตกใจนี่หว่า แล้วนี่คุณปัทรู้มั้ย นอกจากแกแล้วมีใครรู้บ้าง แฟนแกรู้มั้ย”“คุณปัทไม่น่าจะรู้ แฟนฉันก็ไม่รู้ คนที่รู้จะมีแค่ฉันกับพี่ชายของยายภัค อีกอย่างนางเพิ่งไปตรวจเมื่อเดือนที่แล้วเอง พักหลัง ๆ ที่ไปหานี่สินางแพ้ท้องหนักจนแทบไม่เป็นอันทำงานเลย”“พี่ชาย” สองสาวทำหน้างงกันอย่างหนักภัคพิญามีชายด้วยหรือ “ใครคือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธาน คือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธานเนี่ยนะคือพี่ชายของยายภัค” กรรณิการ์ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ บุญญาวีร์พยักหน้ารับแต่แล้วบทสนทนาก็เงียบลงพร้อมกับปรากฏร่างของปริภัทร์ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของสามสาว“เมื่อกี้คุณบุญบอกว่าภัคท้องเหรอครับ” หญิงสาวอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ไม่คิดเสียด้วยซ้ำว่าจะพบกับปริภัทร์ที่นี่“ว่ายังไงครับ ภัคท้องใช่ไหมครับ”“ก
“คุณฉันรู้สึกว่าฉันชอบเด็กคนนั้น ฉันอยากได้ลูกสะใภ้ที่หน้าตาน่ารักนิสัยดีแบบนั้น”“จริงคุณ ขนาดเจอกันแค่เดี๋ยวเดียวนะยังรับรู้ได้ถึงความจิตใจดีเป็นห่วงคนอื่นเลย”“หลังจากวันนั้นแม่ก็ให้คนตามสืบประวัติของหนูภัค แม่ใช้เวลาปีกว่าถึงจะเข้าหาและทำความรู้จักได้ มีวันหนึ่งที่แกมาบอกฉันว่าอยากจะแต่งงานกับแม่แพนอะไรนั้น ฉันเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากให้หนูภัคแต่งงานกับแกแทนแม่ผู้หญิงมักมากหน้าเงินนั่น”“แพนเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น” ชายหนุ่มแก้ต่าง“จำช่วงที่แม่นางแบบนั่นหายไปจากชีวิตแกแล้วมีหนูภัคเข้ามาแทนได้ไหม กวิตาได้เงินจากแม่ไปสิบล้านแลกกับอิสระของแก”“จริงค่ะพี่ปัทปายยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงใจกับใคร วันนั้นปายไปเที่ยวเห็นแม่นางแบบนั้นออกไปกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าพอพี่แต่งงานเขาก็กลับมาถูกไหมคะ”“แม่เสนอข้อตกลงให้หนูภัคแต่งงานกับแกแลกกับค่ารักษาพยาบาลผ่าตัดหัวใจของยายเขาที่ราคาสูงมาก แม่พูดจนกว่าหนูภัคเขาจะยอมจนนาทีสุดท้ายที่ยายแววต้องเข้าผ่าตัดถึงยอมตกลงแต่งงานกับแก เขาไม่ได้หวังทรัพย์สมบัติของแกเลย ฉันดูแววตาหนูภัคที่เจอแกคร
สามวันที่เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านชายหนุ่มหัวเสียไม่น้อยที่เข้ามาร้องเรียกหาภัคพิญาเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงเดินขึ้นไปดูบนชั้นสองเผื่อหญิงสาวจะอยู่ข้างบนแต่เปล่าเลย ห้องนอนที่เงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ผิดแปลกที่โต๊ะทำงานของเธอนั้นโล่งสนิทไม่มีอะไรวางอยู่แม้แต่อย่างเดียวมีเพียงโต๊ะเปล่า ๆ เท่านั้น ในใจเขารู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ วันนี้วันหยุดภัคพิญาไม่น่าจะออกไปไหน ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปยังห้องเสื้อผ้าเลื่อนเปิดประตูออกพบเพียงเสื้อผ้าของเขาเท่านั้นแต่ยังคงมีเสื้อผ้าของหญิงสาวอยู่ประปราย มองไปยังเบื้องล่างของตู้เสื้อผ้ากระเป๋าเดินทางของหญิงสาวนั้นหายไป ปริภัทร์จึงเดินลงมายังชั้นล่างทันทีเธอไปจริง ๆ น่ะ หรือยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าเยียบบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบิดามารดารวมทั้งน้องสาวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่บอกบุญไม่รับเสียเท่าไร ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาหาบิดาที่เดินนำหน้ามาพร้อมทั้งซองเอกสารอยู่ในมือ“สวัสดีครับ มาหาผมถึงบ้านมีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามทั้งที่ในใจว้าวุ้นเรื่องของภัคพิญาเหลือเกิน เจ้าของ