เข้าของวันถัดมาปริภัทร์ตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยล้า แขนแกร่งวาดออกไปหมายจะคว้าร่างเล็กของเมียเข้ามาสวมกอดให้ชื่นใจในยามเข้า แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อข้างกายพบแต่ความว่างเปล่าไร้คนที่นอนกอดกกเมื่อคืน ผงกศีรษะขึ้นมามองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดผิดว่าภัคพิญาลุกออกไปแล้ว ที่นอนข้าง ๆ เขายังมีความอุ่นหลงเหลืออยู่ เธอคงจะลุกออกไปเมื่อไม่นานนี้ แต่หากเวลาในตอนนี้มันยังเช้าอยู่เธอจะรีบตื่นไปทำไมกัน ร่างสูงตวัดผ้าห่มออกจากกายแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายหมายจะลงไปหาเมียตัวน้อย
ไม่นานนักชายหนุ่มออกจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวสอบเอาไว้เดินตรงไปยังห้องแต่งตัวที่อยู่ข้าง ๆ พบกับชุดทำงานที่หญิงสาวยังคงจัดเตรียมไว้ให้ทุกครั้ง
เช่นเดียวกับน้ำอุ่นที่เพิ่งอาบมาเธอก็เป็นคนเตรียมเอาไว้ให้ คนตัวสูงรีบจัดการแต่งตัวแล้วลงไปหาภัคพิญาคิดว่าเธอนั้นน่าจะอยู่ข้างล่าง เมื่อคืนเขาทำรุนแรงกับเธอไปอยากจะลงไปขอโทษถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ลงมาแล้วก็พบกับความผิดหวังที่คิดว่าเมียตัวเล็กคงจะวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารเหมือนทุกวันกลับไม่พบ มีเพียงอาหารเช้าที่วางครอบไว้รอเท่านั้น ชายหนุ่มเดิน
คืนวันเดียวกันสี่สาวเดินเข้าสถานบันเทิงตามที่ได้นัดกันเอาไว้ สาว ๆ ต่างพากันเลือกชุดที่เหมาะกับสถานที่โดยทั้งวันภัคพิญาไม่ได้กลับเข้าบ้านเลย กลัวว่าปริภัทร์นั้นจะดักรอเธอที่นั่น หญิงสาวจึงยืมเสื้อผ้าของบุญญาวีร์มาใส่แทนเพราะขนาดตัวของเธอกับเพื่อนนั้นใกล้เคียงกันภัคพิญาสวมเสื้อบราเกาะอกสีดำทับด้วยเสื้อแขนยาวซีทรูสีดำแสนโปร่ง ตัดกันด้วยกางเกงยีนตัวเดิมของเธอที่ใส่มาเมื่อเช้าให้เข้ากับสถานที่การเที่ยวกลางคืนคืนนี้เธอจะสนุกให้เต็มที่“นี่ยายภัคมาเที่ยวนะยะ ไม่ได้มานั่งวิปัสสนา นิ่งอะไรขนาดนั้น” เมนี่หันมาเห็นเพื่อนนั่งนิ่งจึงเอ่ยแซวเสียงดังตามเสียงเพลงที่เปิดอยู่“สนุกสนานหน่อย” ภัคพิญาหันมองหน้าเพื่อนสลับกับแก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่ตรงหน้า“โอเค คืนนี้ฉันจะสนุกให้เต็มที่” บอกกับเพื่อนแล้วทำท่าร่าเริงสนุกตามจังหวะดนตรีที่เปิด ทั้งนั่งดื่มและนั่งพูดคุย ในบางเวลาก็ถ่ายรูปอัปสตอรี่อินสตาแกรมเช็คอินในวันนี้ โดยทุกอย่างเป็นฝีมือเพื่อนของภัคพิญาทั้งสิ้น ส่วนตัวเธอนั้นมีหน้าที่แค่รีอัปสตอรี่จากเพื่อนมาไว้ที่อินสตาแกรมของเธอเท่านั้น
“งั้นก็ดีจัดการเมียใครเมียมัน ส่วนกูจะพาเมียกูกลับบ้าน” ปริภัทร์ว่า“เออ อย่าอารมณ์ร้อนล่ะมึง” หมอหนุ่มบอกแล้วเดินตามหลัง ปริภัทร์เข้าไปในนร้านโดยมีการ์ดของร้านอำนวยความสะดวกให้ตลอดทาง สี่สาวที่กำลังสนุกกับการเต้นและดื่มกันอย่างผ่อนคลายโดยไม่คิดอะไร เมนี่ที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มก็ต้องตกใจตาโตเมื่อเห็นสามีของเพื่อนสนิทเดินเข้ามาพร้อมกันกับสิงหะและพีระ“ซวยแล้ว” อุทานออกมา“แกซวยอะไร” กรรณิการ์ที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินจึงถามขึ้น“ฉันน่ะไม่ได้ซวย แต่ยายภัคน่ะสิซวยแน่” ว่าออกมาอย่างกำกวม ภัคพิญาที่ยันหันหลังให้ก็ไม่ได้สนใจกับคำพูดของเพื่อน“ยายภัคแกซวยแล้ว”ภัคพิญาไม่ได้ถามอะไรเพียงแต่ทำหน้างงและสงสัยเท่านั้น“ผัวแกมา อยู่ข้างหลัง” สิ้นเสียงของเมนี่ สามสาวหันไปตามการส่งสัญญาณของเพื่อนทันที ปริภัทร์เดินเข้ามาหาภรรยาของตนด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไรนักไม่เพียงแค่ภัคพิญาที่ตกใจกับการมาของสามี สองสาวก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นสิงหะกับพีระที่เดินตามหลังมา“ภัคกลับบ้าน”ว่าแล้วคว้าข้อมือของหญิงสาวทันที“ไม่!” เธอตอบเส
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรืออย่างไรต้องมาเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสอะไรเช่นนี้ ภัคพิญาสภาพร่างกายอิดโรยเป็นอย่างมาก หญิงสาวมาถึงบ้านของแม่สามีขอค้างที่นี่ด้วยสักคืน คุณนายปภาไม่ได้ว่าอะไรนางยินดีเสียด้วยซ้ำ แต่นางไม่ชอบใจเท่าไรที่ลูกสะใภ้ร้องไห้มาขอนอนด้วยกลางดึกกลางดื่นท่ามกลางเนื้อตัวที่เปียกปอนราวกับลูกนกตกน้ำถึงแม้จะดึกดื่นขนาดไหนใจภัคพิญานั้นหลับไม่ลงไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับความรู้สึกที่ไม่ดีเหมือนว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินขึ้นชั้นสองโดยมีแม่สามีและปิยดาคอยประคองเธอนั้น อยู่ ๆ สร้อยคอที่เธออสวมประจำหลุดออกจากคอราวกับเป็นลางไม่ดีมือเล็กหยิบสร้อยคอที่เป็นล็อกเก็ตรูปหัวใจที่ยายแววสวมให้เธอตั้งแต่เด็ก“หนูภัคเป็นอะไรไปลูก” คุณนายปภาถามด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิคะพี่ภัคเป็นอะไรทำไมหน้าซีด ๆ หรือว่าจะไม่สบาย” น้องของสาวมีเสริมพลางเอาหลังมือขึ้นอังหน้าผากพี่สะใภ้“ภัคแค่รู้สึกเหมือนกำลังจะเกิดเรื่องอะไรไม่รู้ค่ะ อยู่ ๆ สร้อยที่มีรูปของยายก็หลุดออกมาจากคอของภัค” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ปริภัทร์ขับวนรถกลับมายังจุดเดิมที่ส่งภัคพิญาด้วยความร้อนรนพะว้าพะวงกลัวหญิงสาวจะเป็นอันตรายท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด สายตาคมกวาดไปรอบ ๆ มองหาภัคพิญามองเท่าไรก็ไม่พบจึงตัดสินใจลงจากรถตะโกนเรียกชื่อเธอ แต่ทว่าเรียกเท่าไรก็ไร้เสียงตอบรับ“ภัคเธออยู่ที่ไหนตอบฉันหน่อย” ร้องตะโกนเรียกด้วยความร้อนรนอย่างเป็นห่วง ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวอยู่นานสองนานจึงตัดสินใจขึ้นรถเพื่อที่จะโทรหาหญิงสาวแต่เธอไม่ยอมรับสาย จึงตัดสินใจขับรถตะลอนหาหญิงสาวตลอดทางเพียงคิดว่าหญิงสาวตัวเล็ก ๆ นั้นคงเดินไปไหนไม่ได้ไกลจวบจนมารดาเขาโทรมาหาแล้วพูดถึงภัคพิญา เขาจึงรีบขับรถไปยังโรงพยาบาลโดยด่วนอย่างรู้สึกผิดกลัวเมียตัวเล็กจะเป็นอะไรไป ทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาไม่นานปริภัทร์มาถึงโรงพยาบาลรีบสาวเท้าเข้าไปหากลุ่มคนที่กำลังยืนกระวนกระวายใจอยู่หน้าห้องฉุกเฉินจะมีบิดา มารดา น้องสาว และอีกหนึ่งคนคือภัคพิญาเมียที่เขาที่ทิ้งไว้กลางทางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรมิหนำซ้ำทุกคนสวมชุดนอน ยกเว้นภัคพิญายังคงสวมชุดเ
งานสวดอภิธรรมศพของยายแววในคืนแรกเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของภัคพิญาที่นั่งอยู่หน้าโลงศพอย่างหงอยเหงา งานศพที่จัดอย่างเงียบ ๆ มีเพียงคนรู้จักเท่านั้นที่มาร่วมไว้อาลัย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในสมัยเรียน เพื่อนร่วมงานหรือแม้กระทั่งเหล่าพยาบาลที่คอยดูแลยายแววมาตลอดสองปีจนคุ้นเคย“ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณภัค” พิธานการบหน้าศพแล้วหันมาพูดกับหญิงสาว ส่วนคนที่อยู่ในความเศร้านั้นไม่ได้ตอบอะไรนอกเสียจากส่งยิ้มให้เท่านั้น“ภัค... ฉันว่าแกไปพักผ่อนหน่อยเถอะ” บุญญาวีร์เดินมานั่งลงข้าง ๆ หญิงสาวตามด้วยกรรณิการ์และอธิกร ในตอนแรกสามคนมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วงจึงตัดสินใจเดินมาหา“นั่นสิ ตั้งแต่เช้าแกก็วิ่งวุ่นจนไม่ได้พักเลยนะ เดี๋ยวเป็นอะไรไปมันจะแย่เอานะ”“ฉันไม่หิว... ฉันกินไม่ลงหรอก ฉันคิดถึงยาย” หญิงสาวในชุดสีดำบอกเพื่อนเสียงเศร้าก้มมองล็อกเก็ตที่อยู่ในมือ“ภัคเชื่อพวกฉันเถอะนะ ไปหาอะไรกินหน่อยนะ” อธิกรอ้อนวอนเพื่อนที่นั่งนิ่งตั้งแต่ค่ำมา“ยายฉันไม่อยู่แล้ว ฉันจะอยู่กับใคร ชีวิตนี้ฉันมีแค่ยายคนเดียว แม่ผันก็เสียไปหลายปีแล้ว ฉันมีแค่ยายคนเดียวจริง ๆ นะ ฮึก
เธอจะไม่ขวาง จะปล่อยเขาไปงานสวดอภิธรรมในคืนแรก คืนที่สอง และคืนที่สามได้ผ่านพ้นไป ถึงกำหนดการประชุมเพลิงศพภัคพิญานั้นมาส่งยายแววเป็นครั้งสุดท้าย และบอกกับท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วงเธอจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด“ยายจ๋า ไม่ต้องเป็นห่วงภัคนะคะ ภัคดูแลตัวเองได้ ยายไปพักผ่อนอยู่กับแม่ผันบนสวรรค์นะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงภัค” หญิงสาวพูดแล้วกอดรูปภาพของยายเอาไว้แน่นน้ำตาไหลเป็นสายมือเรียวลูบเข้ากับลงศพเบา ๆ ราวกับอยู่กับยายครั้งสุดท้าย เหมือนจะเป็นลมจากการที่ไม้ได้พักผ่อนเอาแต่คิดถึงเรื่องต่าง ๆ มากมายจนนอนไม่หลับ ปริภัทร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงประคองภรรยาลงจากเมรุให้คนอื่น ๆ ขึ้นไปวางดอกไม้จันอย่างอาลัย เช่นเดียวกันกับผู้หญิงแปลกหน้าที่มาฟังพระสวดอภิธรรมตลอดสามคืนที่ผ่านมา“แม่หนูขอโทษ อโหสิกรรมให้หนูนะ”งานศพได้ผ่านพ้นไป แขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความเสียใจเริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน เหลือเพียงกลุ่มของเจ้าภาพและเพื่อนคนสนิทเท่านั้น“ไหวไหมยายภัคนั่งลงก่อนนะ หน้าแกซีดมากเลย”“ฉันโอเค ขอบใจพวกแกมากนะ” เพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงจึงให้มานั่งพักก่อน “เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำ
คนตัวเล็กที่เป็นลมล้มพับอยู่ในภายในวัดถูกนำตัวกลับมาพักผ่อนที่บ้าน ปริภัทร์ค่อย ๆ วางหญิงสาวลงบนเตียงนอนแสนนุ่มอย่างเบามือราวกับว่ากลัวรบกวนการนอนของเมียตัวน้อย นิ้วเรียวของผู้เป็นสามีเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าออกอย่างเบา ๆ มองใบหน้าที่อิดโรยด้วยแววตาอ่อนโยน ไม่รู้ว่าความีรู้สึกเช่นนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา ชายหนุ่มขยับผ้าห่มคลุ่มกายคนหลับและออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ ภายในห้องนั้นอยู่ในความสงบกับลมหายใจเข้าออดอย่างสม่ำเสมอของภัคพิญาปริภัทร์เข้ามาภายในห้องนอนใหญ่อีกครั้งหลังจากที่ลงไปหาแอลกอฮอล์ดื่มเพื่อที่จะดับความคิดบางอย่างที่ติดอยู่ในใจ เขาต้องการมันนานนักที่เขาจะใช้วิธีนี้ในการหนีปัญหา ไหนจะเรื่องของภัคพิญา และเรื่องของกวิตาที่มาทวงสัญญาที่เคยให้เอาไว้ ตัวเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าคิดอย่างไร และยังรู้สึกเช่นเดิมกับกวิตานางแบบสาวอีกหรือไม่ ร่างสูงค่อย ๆ ก้าวเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองอย่างเชื่องช้าไร้ความมั่นคงก่อนจะเปิดประตูห้องเข้ามาพบกับร่างของคนตัวเล็กที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างแสนสบายจึงไม่รบกวน เพียงแต่เดินเลี่ยงเข้าไปอาบน้ำชะระร่างกายที่ใช้เวลานานไม่น้อยกว่าจะออกมาจ
“ในเมื่อตัดสินใจหย่าแล้วก็ไปจากบ้านฉันซะ” ชายหนุ่มพุดขึ้นในขนะที่กำลังแต่งตัวมองร่างของภัคพิญาที่หันหลังสะอื้นไห้ไม่หยุด จากนั้นเขาก็ออกจากบ้านไปร่างเล็กที่ผ่านการร้องไห้มาตลอดทั้งคืน เจอเรื่องอะไรต่าง ๆ มากมายจนแทบรับไม่ไหว ไม่ว่าจะเรื่องการสูญเสียยาย เรื่องที่มีคนมาอ้างว่าเป็นแม่แท้ ๆ ของเธอ และเรื่องสุดท้ายมันคงหนักหนาที่สุดก็คือเรื่องของปริภัทร์ หญิงสาวพยายามฝืนร่างกายที่อ่อนล้าลุกไปชำระล้างร่างกายและออกมาในชุดใหม่ ในเมื่อตัดสินใจที่จะหย่าและเขายังไล่เธอซ้ำอีก เธอควรไปจากที่นี่ ไปไห้ไกล ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก แต่หากคนไม่เหลือใครอย่างเธอนั้นไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนคนที่เธอนึกถึงในตอนนี้คือบุญญาวีร์“ฮัลโหลว่าไงยายภัคเป็นยังไงบ้าง” เสียงปรายสายตอบกลับก่อนที่ภัคพิญาจะกรอกเสียงเข้าไปเสียอีก ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกความต้องการที่มากับเพื่อนสนิท“มาหาฉันหน่อย” บอกด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านมิหนำซ้ำยังกำชับว่าอย่าบอกใคร “ได้เดี๋ยวฉันไปหา แกรอฉันก่อน” ปลายสายบอกอย่างร้อนรนหลังจากวางสายภัคพิญาเดินไปยังตู้เสื้
ร่างสูงค่อยขยับเปือกตาขึ้นอย่างอยากลำบากมองดูสิ่งรอบข้างและสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นอนหมอบข้างเตียงของเขาในมือมีหนังสือเล่มเล็ก ๆ หน้าปกมีเด็กทารกหน้าตาหน้ารักส่งยิ้มอยู่แค่พียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าหล่อนเป็นใครหัวใจที่แห้งเหี้ยวกลับเหมือนมีน้ำมาล่อเลี้ยงจนรู้สึกชุ่มชื่น มือของเขาถูกกุมด้วยมือบางของเธอไว้แน่นจนต้องเผลอยิ้มออกมา“ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลตัวเองอีกแล้ว” ว่าออกมาเบา ๆ แล้วยกมือที่เหลืออีกข้างลูบศีรษะเมียรักเบา ๆ อย่างรักใคร่ การที่เขาขับรถเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความประมาทจนเกิดอุบัติเหตุเฉียดตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เจอคนตัวเล็ก มาคอยอยู่ข้าง ๆ คิดแบบนี้เขาก็แทบไม่อยากหายกลัวว่าเธอจะไปจากเขาอีกครั้งร่างคนตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยทำให้ร่างสูงของคนป่วยต้องหลับตานิ่งเหมือนเดิมทำเป็นยังไม่ได้สติอีกครั้ง“หนูภัคลงมาทานข้าวเช้าได้แล้วลูก” คุณนายปภาเปิดประตูมาเรียกให้ภัคพิญาลงไปทานอาหารเช้า“เดี่ยวภัคลงไปค่ะตอนนี้ยังไม่หิวเท่าไรค่ะ”“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอลูก” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ แม่สามีก็พยักหน้ารับแหม... เจ
“เชื่ออะไรคะ”“พี่ว่าคุณปัทเขารักภัคมากนะ รู้ไหมเขาออกตามหาภัคทุกวัน จนวันหนึ่งเขารู้ว่าพี่คือพี่ชายของเรา เขามาหาพี่อ้อนวอนทำทุกอย่างให้พี่ยอมบอกที่อยู่ แววตาของคุณปัทตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักและความหวังที่จะเจอภัค พอพี่บอกว่าพี่บอกไม่ได้ ไม่รู้แววตาจากที่มีความหวังเหมือนโลกที่พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารักและอยากเจอภัคมาก ทำทุกอย่างเพื่อภัค ช่วงแรก ๆ ที่ยังตามหาไม่เจอปายบอกว่าเขากินเหล้าทุกวันเพ้อถึงภัคตลอดเลยนะ ” ภัคพิญานิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชายบอกด้วยหัวใจที่สับสน“ลองให้อภัยเขาแล้วมาเริ่มต้นครอบครัวที่ภัคอยากได้อีกครั้งดีไหม” พิธานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน “ลองคิดดูนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่งข้อความเสียงนั่นให้กับปริภัทร์ เขาเพิ่งทราบจากคุณนายปภาว่าปริภัทร์พื้นแล้ว แต่เขายังคงดึงดันที่จะกลับบ้านไม่ยอมนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ทางคุณชรัชเลยตัดสินใจให้บุตรชายไปพักรักษาตัวที่บ้านแทนเขาช่วยน้องเขยได้เท่านี้แหละหญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร“พี่ว่าเราเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าอีกอย่างน
ภัคพิญานั่งรับลมที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่พี่ชายเธอสั่งให้ที่ร้านเอามาลงไว้ให้ข้างแปลงดอกมะลิยามเย็นที่แดดร่มลมตกอากาศกำลังสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งซื้อมากับเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะสองถึงสามเล่มมาเปิดอ่านเพราะวันนี้ภัคพิญาได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายมาเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาชีพเดิม ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปริภัทร์ยังคงแวะเวียนมาหามาคอยดูแล มิหนำซ้ำยังทำอาหารให้เธอได้ทานอีกแต่เธอนั้นไม่ยอมทานมันแม้แต่คำเดียวแถมยังไล่เขาทุกวัน ปริภัทร์ก็ยังไม่ยอมแพ้ทำทุกอย่างให้เธอทั้งที่รู้ว่าไม่ต้องการสายตาหวานละจากหนังสือคู่มือมองไปยังประตูรั้วอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างแต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ ท่ามกลางความเงียบสงบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาทางที่ตนนั่งอยู่แต่ในใจกลับคิดว่าเป็นเขาปริภัทร์! จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับความผิดหวังคนที่มานั้นคือพิธานพี่ชายของเธอกับปิยดาน้องสาวของสามี เห็นแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมากับปิยดาวางของลงบนโต๊ะแล้วถามขึ้น“อะไรเนี่ยเห็
“ระวังหน่อยสิ” เขาเอ็ดหญิงสาวเบา ๆ ทั้งที่ทั้งหมดคือความผิดของเขาที่ยื้อแย่งเสื้อจากเธอ“อยากซักใช่ไหมก็ซักไป” พูดกับเขาเสียงแข็งแล้วถอนหายใจจากนั้นลุกจากที่ซักผ้าก่อนจะดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่สนใจเขาอีกเลย ปริภัทร์มองตามร่างเล็กของเมียด้วยสายตาละห้อยด้วยความน่าสงสารชายหนุ่มซักเสื้อยืดให้เมียพร้อมทำการตากเป็นที่เรียบร้อยก้อนจะเดินเข้าในบ้านหลังน้อยอย่างถือสิทธิ์แล้วลงมือกวาดบ้านหลังเล็กพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดให้ เพราะไม่อยากให้เมียต้องเหนื่อยในการทำงานบ้าน แต่คนที่ไม่เคยจับไม้กวาดหรือลงมือทำงานบ้านเลยก็จะเก้ ๆ กัง ๆ อย่างมาก ชนข้าวของตรงนั้นตรงนี้ล้มจนภัคพิญาสงสัยคิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านเธอหรือเปล่าเลยออกมาดูก็เจอกับเขายืนถือไม้กวาดกับลังเก็บกวาดเศษแก้วอยู่“หยุดวุ่นวายกับบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”“แต่ผมอยากช่วย ไม่อยากให้คุณเหนื่อย” เขาบอกเสียงอ่อน อยากช่วยแบ่งเบาภาระเธอบ้าง“ไม่ต้องค่ะ ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อฉัน เพราะฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ชาวบ้านแถวนี้เขาจะเข้าใจผิดกันได้” เธอนั้นไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านที่เอาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปพู
"ไม่! ผมทำไม่ได้ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ได้โปรดเถอะภัค ขอโอกาสให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อและสามีที่ดีสักครั้งนะ""สามี!" เธอทวนคำของเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“ใช่ภัค ผมขอทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะ” พูดอ้อนวอนคนตัวเล็กตรงหน้า“ไม่ค่ะ เชิญคุณออกไปจากพื้นที่ส่วนตัวของฉันได้แล้ว”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนะ จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณกับลูกจะยอมกลับกรุงเทพฯ กับผม” ปริภัทร์บอกอย่างแน่วแน่“ลูกอะไรของคุณ” หญิงสาวถามอย่างไขสือไม่ยอมรับ“คุณท้องลูกของผม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าทุกครั้งไม่มีคำพูดที่ร้ายกาจใด ๆ แต่พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่กลั่นจากหัวใจของเขา“เขาไม่ใช่ลูกของคุณอาจจะเป็นลูกของคนอื่นหรือไม่ก็คุณพิธานก็ได้”“ไม่จริง คุณก็รู้ว่าผมเป็นพ่อของลูกในท้องคุณ แล้วอย่าเอาคนอื่นมาเป็นพ่อของลูกผม” เธอมองใบหน้าคมที่จริงจังด้วยท่าทางนิ่งสงบ“เพราะมันคงเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น”เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง “คุณรู้ได้ยังไง”“รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ ตอนนี้ขอแค่คุณกลับไปกับผมเถอะนะ ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่อง” หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ รวบรวมพลังทั
ปริภัทร์ยืนมองร่างเล็กของเมียตัวน้อยที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้หลังบ้านหลังเก่า ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นปล่อยผมที่เหลือด้านหลังเหมือนหางม้า เพื่อไม่ให้ปรกใบหน้ายามที่เธอทำสวน ความสวยของเธอนั้นยังคงอยู่เช่นเคย รอยยิ้มที่มองดอกไม้ด้วยความสุข ใบหน้างามก้มลงดอมดมกลิ่นของดอกมะลิมันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่ทำให้ไม่แพ้ท้อง แต่พอลองดมดอกอื่นที่ไม่ใช่เท่านั้นแหละรีบวิ่งออกไปอาเจียนทุกครั้งวันนี้ก็เช่นกันที่ภัคพิญาได้กลิ่นดอกไม้อื่นจึงทำให้อาเจียน คนที่แอบดูอยู่หน้าประตูรั้วที่สูงเท่าเอวของเขาเท่านั้นตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นอยากเสนอหน้าเข้าไปหาแต่ก็ไม่กล้าพอชายหนุ่มแอบมองดูหญิงสาวแบบนี้มานานเกือบหนึ่งสัปดาห์พลอยทำให้เขารู้ว่าครอบครัวของเขาและเหล่าเพื่อนของเธอรวมทั้งสิงหะและพีระที่รวมหัวจงใจปิดบังที่อยู่ของภัคพิญาตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมาคิดแล้วมั่นน่าโมโหนักภัคพิญาออกจากบ้านหลังน้อยพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและถุงผ้าเวลานี้ก็ได้เวลาจ่ายตลาดของเธอแล้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้านหญิงสาวเด็ดดอกมะลิขึ้นมาสองดอกเอาไว้ดมระหว่างทางที่เดินไปตลาด วันนี้เธอเกิดอยากกินชานมมะลิไข่มุกขึ้นมาจ
“อื้อ นึกว่าเป็นอะไรก็แค่ท้อง” เมนี่ว่า“แค่ท้อง” กรรณิการ์ย้ำแต่การย้ำซ้ำสองทำให้ทั้งสองคนเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างเสียงดัง“ฮะ... ยายภัคท้อง”“เห้ย... เบา ๆ สิ คนแตกตื่นหมดแล้ว” บุญญาวีร์ร้องห้ามแทบไม่ทัน แล้วหันไปขอโทษคนในร้าน“ก็มันตกใจนี่หว่า แล้วนี่คุณปัทรู้มั้ย นอกจากแกแล้วมีใครรู้บ้าง แฟนแกรู้มั้ย”“คุณปัทไม่น่าจะรู้ แฟนฉันก็ไม่รู้ คนที่รู้จะมีแค่ฉันกับพี่ชายของยายภัค อีกอย่างนางเพิ่งไปตรวจเมื่อเดือนที่แล้วเอง พักหลัง ๆ ที่ไปหานี่สินางแพ้ท้องหนักจนแทบไม่เป็นอันทำงานเลย”“พี่ชาย” สองสาวทำหน้างงกันอย่างหนักภัคพิญามีชายด้วยหรือ “ใครคือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธาน คือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธานเนี่ยนะคือพี่ชายของยายภัค” กรรณิการ์ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ บุญญาวีร์พยักหน้ารับแต่แล้วบทสนทนาก็เงียบลงพร้อมกับปรากฏร่างของปริภัทร์ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของสามสาว“เมื่อกี้คุณบุญบอกว่าภัคท้องเหรอครับ” หญิงสาวอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ไม่คิดเสียด้วยซ้ำว่าจะพบกับปริภัทร์ที่นี่“ว่ายังไงครับ ภัคท้องใช่ไหมครับ”“ก
“คุณฉันรู้สึกว่าฉันชอบเด็กคนนั้น ฉันอยากได้ลูกสะใภ้ที่หน้าตาน่ารักนิสัยดีแบบนั้น”“จริงคุณ ขนาดเจอกันแค่เดี๋ยวเดียวนะยังรับรู้ได้ถึงความจิตใจดีเป็นห่วงคนอื่นเลย”“หลังจากวันนั้นแม่ก็ให้คนตามสืบประวัติของหนูภัค แม่ใช้เวลาปีกว่าถึงจะเข้าหาและทำความรู้จักได้ มีวันหนึ่งที่แกมาบอกฉันว่าอยากจะแต่งงานกับแม่แพนอะไรนั้น ฉันเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากให้หนูภัคแต่งงานกับแกแทนแม่ผู้หญิงมักมากหน้าเงินนั่น”“แพนเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น” ชายหนุ่มแก้ต่าง“จำช่วงที่แม่นางแบบนั่นหายไปจากชีวิตแกแล้วมีหนูภัคเข้ามาแทนได้ไหม กวิตาได้เงินจากแม่ไปสิบล้านแลกกับอิสระของแก”“จริงค่ะพี่ปัทปายยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงใจกับใคร วันนั้นปายไปเที่ยวเห็นแม่นางแบบนั้นออกไปกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าพอพี่แต่งงานเขาก็กลับมาถูกไหมคะ”“แม่เสนอข้อตกลงให้หนูภัคแต่งงานกับแกแลกกับค่ารักษาพยาบาลผ่าตัดหัวใจของยายเขาที่ราคาสูงมาก แม่พูดจนกว่าหนูภัคเขาจะยอมจนนาทีสุดท้ายที่ยายแววต้องเข้าผ่าตัดถึงยอมตกลงแต่งงานกับแก เขาไม่ได้หวังทรัพย์สมบัติของแกเลย ฉันดูแววตาหนูภัคที่เจอแกคร
สามวันที่เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านชายหนุ่มหัวเสียไม่น้อยที่เข้ามาร้องเรียกหาภัคพิญาเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงเดินขึ้นไปดูบนชั้นสองเผื่อหญิงสาวจะอยู่ข้างบนแต่เปล่าเลย ห้องนอนที่เงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ผิดแปลกที่โต๊ะทำงานของเธอนั้นโล่งสนิทไม่มีอะไรวางอยู่แม้แต่อย่างเดียวมีเพียงโต๊ะเปล่า ๆ เท่านั้น ในใจเขารู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ วันนี้วันหยุดภัคพิญาไม่น่าจะออกไปไหน ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปยังห้องเสื้อผ้าเลื่อนเปิดประตูออกพบเพียงเสื้อผ้าของเขาเท่านั้นแต่ยังคงมีเสื้อผ้าของหญิงสาวอยู่ประปราย มองไปยังเบื้องล่างของตู้เสื้อผ้ากระเป๋าเดินทางของหญิงสาวนั้นหายไป ปริภัทร์จึงเดินลงมายังชั้นล่างทันทีเธอไปจริง ๆ น่ะ หรือยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าเยียบบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบิดามารดารวมทั้งน้องสาวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่บอกบุญไม่รับเสียเท่าไร ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาหาบิดาที่เดินนำหน้ามาพร้อมทั้งซองเอกสารอยู่ในมือ“สวัสดีครับ มาหาผมถึงบ้านมีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามทั้งที่ในใจว้าวุ้นเรื่องของภัคพิญาเหลือเกิน เจ้าของ