เที่ยงคืนยี่สิบนาทีหมอหนุ่มสุดฮอตขวัญใจสาว ๆ ถึงเวลาออกเวรในวันนี้กำลังขับรถออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ถึงสิบนาทีพลันสายตาคมเข้มมองไปเห็นร่างบางที่คุ้นเคย เขาจำชุดที่เธอใส่ได้นั่นคือบุญญาวีร์กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่บริเวณหน้ากระโปรงรถท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายไม่มีท่าทีจะหยุด
“ทำอะไรของเขาวะ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองก่อนจะตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางจอดเลยจากรถของหญิงสาวเล็กน้อยก่อนจะลงจากรถไปถามคนตัวน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณเป็นอะไรทำไมยังไม่กลับบ้านอีก” ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันไปตามต้นเสียง
“คุณ!”
“ว่าไงรถเป็นอะไร” เขาถามพลางยกมือป้องใบหน้ากันฝนให้หญิงสาว
“ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ขับออกมาแป๊ปเดียวมันก็ดับแล้วก็มีกลิ่นไหม้ด้วย” เธอบอกกับเขาไป
“แล้วโทรหาช่างรึยัง”
“เวลานี้จะมีอู่ไหนเปิดอยู่อีกล่ะคุณเที่ยงคืนนะคุณ” เธอตอบกลับ
“งั้นเอางี้ผมจะโทรให้ลูกน้องลากรถคุณไปที่อู่ที่ผมรู้จักโอเคมั้ย” หมอหนุ่มว่า ร่างเล็กที่เปียกฝนพยักหน้ารับไม่รู้ว่าจะหาทางออกทางไหนที่ดีเท่ากับทางที่เขาเสนอแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับไปยังรถยนต์คันหรูของตนแล้วจัดการโทรศัพท์หาล
บุญญาวีร์ตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ที่มีแสงแดดส่องเสี้ยวใบหน้าสวยของเธอ เข้านี้เธอรู้สีกว่าจะนอนหลับสบายเอามาก ๆ พลอยทำให้เธอตื่นสายกว่าปกติ ทว่ามันดีหน่อยที่วันนี้เธอมีออกไปพบลูกค้าในตอนบ่าย ดังนั้นจึงไม่ต้องเร่งรีบอะไร แต่นอนคิดไปคิดมาเธอมากลับมาที่ห้องได้อย่างไร ร่างเล็กขยับยันกายนั่งลงบนเตียง กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ไม่คุ้นตาราวกับไม่ใช่ห้องของตน นี่เธอทำงานหนักเกินไปหรือที่มองเห็นสิ่งตรงหน้าแปลกไปเป็นโทนสีเทาไปเสียหมดในระหว่างที่บุญญาวีร์กำลังครุ่นคิดว่าอะไรเป็นอย่างไร มือน้อย ๆ คลึงขมับอย่างสงสัย ทำให้คนที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จอย่างสิงหะเดินออกมามาแล้วถามหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงของเขา“ตื่นแล้วเหรอคุณ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทำให้คนที่กำลังมึน ๆ ตอบกลับโดยไม่ได้คิด“อืม ตื่นแล้ว” หลังจากตอบกลับก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าเธอนั้นตอบกลับใครไปจึงหันไปตามเสียงก็พบกับหมอโซ่ สิงหะกำลังยืนเช็ดผมด้วยผ้าผืนเล็กสีขาวอยู่ไม่ห่างนัก รอบเอวสอบพันด้วยผ้าขนหนูสีขาวหมิ่นเหม่ หยดน้ำเกาะพราวทั่วแผงอกแกร่งทำให้บุญญาวีร์นั้นหวีดร้องขึ้นมา“อร๊าย ไอ้หมอบ้าเข้ามาอยู่ในห้องฉันได้ยังไ
เมื่อขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อยแล้วหญิงสาวจัดการบอกทางและสถานที่ที่นัดกับลูกค้าเอาไว้ หมอหนุ่มที่อาสาขับรถพาบุญญาวีร์ไปตามที่ต่าง ๆ อย่างเต็มใจเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเขา เขาจึงไม่มีอะไรที่จะต้องรีบร้อนมากนัก อีกอย่างรถของเธอนั้นเสียจึงต้องใช้บริการของแท็กซี่ไม่อยากให้เธอต้องนั่งรถไปไหนเอง เหตุมาจากสังคมสมัยนี้มันอันตรายไม่ปลอยภัยเสียเท่าไรนักหลังจากที่พาบุญญาวีร์มาพบลูกค้าเรียบร้อยทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เวลานี้ก็ราว ๆ จะห้าโมงเย็นซึ่งขับรถกลับตอนนี้รถคงติดอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะเป็นเวลาเลิกงานของมนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คน คุณหมอหนุ่มจึงตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปยังห้างสรรพสินค้า หาอะไรทานในร้านอาหารฆ่าเวลา ซึ่งบุญญาวีร์นั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรจึงแนะนำร้านอาหารร้านหนึ่งให้เขาและ ชายหนุ่มก็เห็นด้วยที่จะเลือกร้านนี้ ร้านอาหารนั้นคือร้านอาหารอีสาน ระหว่างทางที่เดินไปยังร้านนั้นก็ได้ยินเสียงแหลมของใครบางคนดังมาแต่ไกลแล้วเข้ามาควงแขนสิงหะ“หมอโซ่… หมอจริง ๆ ด้วยแอนนี่คิดถึงหมอที่สุดเลยค่ะ” ทำให้บุญญาวีร์ที่โดนผลักออกไปหันมองแม่สาวปากแดงนั้นอย่างไม่พอใจ“แอนนี่” เข
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ในห้องนี้” ภัคพิญาตกใจสุดขีดเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาพบร่างสูงของปริภัทร์นอนกระดิกเท้าอย่างสบายใจอยู่บนเตียงในชุดนอนที่พร้อมนอนเรียบร้อยจ้องมองมาทางเธอด้วยแววตาที่ยากจะไว้ใจ“นี่ห้องนอนฉันทำไมฉันจะเข้ามานอนไม่ได้” คำตอบเดิม ๆ ของเขาที่ใช้ตอบเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ใบหน้าสวยถึงกับสงสัยกับคำพูดของเขาที่บอกราวกับว่าคืนนี้เขาจะมานอนที่นี่ในห้องนี้อย่างไรอย่างนั้น“ว่ายังไงนะคะ คุณจะนอนที่นี่” หญิงสาวถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เผื่อตัวเองจะตีความหมายผิดไปชายหนุ่มไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น“แล้วทำไมคุณไม่ไปนอนห้องตัวเองเหมือนเมื่อก่อนล่ะคะ”“นี่ก็ห้องฉัน ทำไมฉันจะนอนที่นี่ไม่ได้ ฮะ! ภัคพิญา”เมื่อได้ฟังแล้วหญิงสาวยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ว่าทำไมคนที่บอกว่าเกลียดเธอนักหนาถึงอยากจะเข้ามานอนที่ห้องนี้นัก ถ้าเขาอยากจะนอนที่นี่ เธอจะออกไปนอนห้องนอนเล็กแทนภัคพิญาไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพียงแต่เดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนพร้อมกับผ้าขนหนูรวมทั้งของใช้ส่วนตัวเอามาไว้ในมือจากนั้นก็ดินออกจากห้องไป“จะออกไปไหน ทำไ
แสงแห่งอรุ่งอรุณรับวันใหม่เสียงนกร้องเรียกหากัน ปลุกให้ภัคพิญาตื่นเช้าเป็นปกติเหมือนทุกวัน ทุกอย่างเหมือนเดิม ยกเว้นคนที่นอนอยู่ข้างกายกอดก่ายอยู่ไม่ห่าง ท่อนแขนแกร่งของปริภัทร์พาดทับเข้ากับเอวบางของตน คนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยว่าเธอมานอนอยู่บนเตียงได้อย่างไร หรือว่าเขาจะอุ้มเธอมานอนภัคพิญาได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้มือเรียวค่อย ๆ ยกแขนที่พาดอยู่กับเอวนั้นออกอย่างเบามือเพราะไม่อยากรบกวนการนอนของเขา ขยับลุกออกจากเตียงให้เบาที่สุดแล้วเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวลงไปเตรียมอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวันถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทานอาหารรสมือของเธอก็ตามหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ลงชั้นล่างทำอาหารตามที่ตนได้คิดเอาไว้โดยไม่ลืมที่จะจัดชุดทำงานเอาใว้ให้ชายหนุ่มด้วย ก่อนออกจากห้องมองดูคนที่กำลังหลับสบายเล็กน้อยแล้วค่อยออกไป ลับหลังคนตัวเล็กคนที่แกล้งหลับลืมตาขึ้นมองไปยังบานประตูอันที่จริงเขาตื่นตั้งแต่หญิงสาวขยับตัวแล้ว แต่ก็ยังคงแกล้งหลับต่อ ไม่นานเขาก็ลุกไปจัดการชำระล้างร่างกาย แต่เมื่อเดินเข้าไปถึงในห้องน้ำก็อดแปลใจไม่ได้ภายในอ่างอาบน้ำมีน้ำอุ่นจัดเตรี
“เก่งดีนี่ ทำงานบริษัทใหญ่โตขนาดนี้ได้”“ขอบคุณค่ะ อันที่จริงบริษัทที่ฉันทำยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไร เปิดมาได้ไม่กี่ปีเองค่ะ” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ กำลังจะเปิดประตูรถออกจึงชะงักมือเล็กน้อยแล้วหันมาทางปริภัทร์อีกครั้ง“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” กล่าวขอบคุณและส่งรอยยิ้มหวานให้เขาเมื่อกล่าวจบหญิงสาวเปิดประตูแต่ทว่าเท้าเรียวยังไม่ได้แตะพื้นต้องหยุดเพราะมือหนาของเขาคว้าเข้ากับแขนของเธอเสียก่อน“เดี๋ยวก่อน”“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณปัท” เธอนั้นแปลกใจที่เขารั้งเธอไว้“ไม่คิดจะขอบคุณหน่อยเหรอ” นี่เขาไม่ได้ฟังหรือ เมื่อครู่นี้เธอขอบคุณไปแล้วนี่“ฉันบอกขอบคุณไปแล้วนี่คะ”“อันนั้นฉันได้ยิน ปิดประตูเข้ามาก่อน” เธอทำตามที่เขาว่า “ฉันขอบคุณคุณไปแล้วนะคะ คุณจะเอาอะไรอีกคะ”ภัคพิญาเอ่ยถามเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาต้องการอะไร นอกจากนี้ยังเอียงแก้มคอยรางวัลจากหญิงสาว นี่จะให้เธอหอมแก้มหรือ“เร็ว ๆ ไม่รีบทำฉันไม่ปล่อยนะ” ร่างเล็กถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนจรดจมูกโด่งรับรูปหน้าลงบนแก้มสากของเขาด้วยความเขินอายแล้วรีบลงจากรถทันที หากช้ากว
เย็นวันเดียวกัน ในเวลาที่ผู้คนพลุกพล่านเดินขวักไขว่แสวงหารถที่จะเดินทางกลับบ้าน บางคนขับรถมา บ้างก็อาศัยรถสาธารณะเป็นพาหนะในการเดินทางกลับเช่นเดียวกับภัคพิญาที่นั่งรถแท็กซี่เพื่อไปลงที่โรงพยาบาลโดยไม่ลืมที่จะหาของกินติดไม้ติดมือไปฝากคุณหมอและพยาบาลที่คอยดูแลยายของเธอเป็นอย่างดีเป็นการขอบคุณพวกเขาภัคพิญาตกใจไม่น้อยที่เปิดประตูห้องพักฟื้นของยายแล้วพบกับปริภัทร์กำลังนั่งพูดคุยกับยายของเธออย่างออกรสจนอดแปลกใจไม่ได้“ผมต้องขอโทษคุณยายด้วยนะครับ หลายเดือนที่ผ่านมาผมไม่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมคุณยายเลย” ชายหนุ่มเกล่าวขอโทษคนสูงวัยที่อยู่ในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล“ไม่เป็นอะไรเลย ยายภัคบอกตลอดทุกครั้งว่าคุณติดงาน ไม่ว่างมาเยี่ยม”อันที่จริงภัคพิญานั้นรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่คิดที่จะมาเยี่ยมคนแก่เลยด้วยซ้ำ แต่เหตุใดวันนี้เขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ร่างเล็กยืนแอบฟังอย่างเสียมารยาทอยู่ครู่หนึ่งก่อนได้ยินเสียงของยายแววดังขึ้น เรียกสติของตนให้กลับมา“ยายภัคมาตั้งแต่เมื่อไร” เสียงของยายแววเอ่ยทักหลานสาว ทำให้ปริภัทร์หันไปตังประตูที่คนตัวเล็กยืนอยู่พร้อมกับถุงของกินที่อยู่ในมื
หญิงสาวเปิดประตูเข้ามาภายในห้องมองซ้ายแลขวาก็เจอปริภัทร์ที่นั่งดูทีวีอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเธออย่างสบายใจ เขาอยู่ในชุดนอนที่พร้อมนอนเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก จัดการวางการเป๋าและอุปกรณ์ทำงานลงบนโต๊ะที่เธอใช้ประจำแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างเงียบ ๆปริภัทร์ที่นั่งดูข่าวภาคค่ำหันมองคนตัวเล็กที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วยิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนหันกลับมาจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์กับข่าวที่กำลังนำเสนออยู่ดังเดิม เสียงหยดน้ำที่ดังกระทบพื้นประมาณครึ่งชั่วโมงก็เงียบลง พร้อมกับร่างของภัคพิญาที่ออกมากับผ้าขนหนูสีขาวพันรอบกายมีหยดน้ำเม็ดเล็กเม็ดน้อยเกาะพราว บนหัวก็มีผ้าผืนเล็กพันเอาไว้หลังจากการสระผม ร่างเล็กเดินเลี่ยงหลบสายตาคนที่กำลังมองการกระทำที่แสนจะประหม่าของเธอจึงรีบเดินเข้าไปอีกห้องทันทีเขาจ้องเธอแบบนั้นทำไมกันสายตาของเขาบ่งบอกว่ามันไว้ใจไม่ได้ปริภัทร์ที่เห็นภัคพิญาที่ยู่ในการแต่งกายน้อยชิ้นเดินเข้ามายังห้องแต่งตัวชายหนุ่มก็เดินเข้ามาโดยที่ยังเปิดข่าวสารทิ้งเอาไว้แล้วไปยืนพิงประตูดูคนตัวเล็กที่เข้าไปเมื่อครู่“ชุดนอนหายไปไหน”มือเล็กแหวกเสื้อผ
สัปดาห์ต่อมา“ลูกค้าคนนี้เขาเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย ไหนบอกว่าจะเข้ามาดูสถานที่อีกสองอาทิตย์ แต่นี่อะไรจะเข้ามาดูอะไรเร็วขนาดนี้” ปิยดาบ่นอุบเมื่อลูกค้ารายใหญ่ที่จะเช่าห้องจัดเลี้ยงของบริษัท“บ่นอะไรน่ะลูก” ชรัชผู้เป็นพ่อเดินมาได้ยินบุตรสาวพอดิบพอดีจึงเอ่ยถาม“ไม่มีอะไรค่ะคุณพ่อ ปายขอเตรียมตัวไปรับลูกค้ารายใหญ่ที่จะเช่าสถานที่ก่อนนะคะ” ผู้เป็นลูกบอกแล้วค้อมหลังลงเล็กน้อยเดินผ่านออกไป ชรัชมองดูบุตรสาวที่เดินออกไปปิยดาเข้ามาช่วยงานบริหารของที่บ้านได้ราว ๆ เดือนกว่าตั้งแต่กลับมาถึง ค่อยช่วยเขาและพี่ชายบริหารงานแบ่งเบาภาระได้ดี“คุยปายคะ ทางบริษัทแพรไหมกรุ๊ปกำลังเดินทางมาถึงค่ะ” ปิยดากำลังเดินไปยังห้องจัดเลี้ยงเพื่อรอลูกค้า“แล้วพี่ปัทล่ะตาล พี่ปัทรู้หรือยัง” เธอถามตาลซึ้งผู้ช่วยของเธอ“คุณปัททราบแล้วค่ะ แต่คุณปัทลงมาต้อนรับเองไม่ได้เพราะติดประชุมกับผู้บริหารค่ะ เลยให้คุณปายรับรองแทนค่ะ หากประชุมเสร็จคุณปัทจะตามมาค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า“ว่าแต่ทางนั้นจะมากันกี่คน”“สามสี่คนค่ะ แต่ว่าเจ้าของคนใหม่ของแพรไหมกรุ๊ปจะมาก่อน ส
ร่างสูงค่อยขยับเปือกตาขึ้นอย่างอยากลำบากมองดูสิ่งรอบข้างและสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นอนหมอบข้างเตียงของเขาในมือมีหนังสือเล่มเล็ก ๆ หน้าปกมีเด็กทารกหน้าตาหน้ารักส่งยิ้มอยู่แค่พียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าหล่อนเป็นใครหัวใจที่แห้งเหี้ยวกลับเหมือนมีน้ำมาล่อเลี้ยงจนรู้สึกชุ่มชื่น มือของเขาถูกกุมด้วยมือบางของเธอไว้แน่นจนต้องเผลอยิ้มออกมา“ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลตัวเองอีกแล้ว” ว่าออกมาเบา ๆ แล้วยกมือที่เหลืออีกข้างลูบศีรษะเมียรักเบา ๆ อย่างรักใคร่ การที่เขาขับรถเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความประมาทจนเกิดอุบัติเหตุเฉียดตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เจอคนตัวเล็ก มาคอยอยู่ข้าง ๆ คิดแบบนี้เขาก็แทบไม่อยากหายกลัวว่าเธอจะไปจากเขาอีกครั้งร่างคนตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยทำให้ร่างสูงของคนป่วยต้องหลับตานิ่งเหมือนเดิมทำเป็นยังไม่ได้สติอีกครั้ง“หนูภัคลงมาทานข้าวเช้าได้แล้วลูก” คุณนายปภาเปิดประตูมาเรียกให้ภัคพิญาลงไปทานอาหารเช้า“เดี่ยวภัคลงไปค่ะตอนนี้ยังไม่หิวเท่าไรค่ะ”“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอลูก” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ แม่สามีก็พยักหน้ารับแหม... เจ
“เชื่ออะไรคะ”“พี่ว่าคุณปัทเขารักภัคมากนะ รู้ไหมเขาออกตามหาภัคทุกวัน จนวันหนึ่งเขารู้ว่าพี่คือพี่ชายของเรา เขามาหาพี่อ้อนวอนทำทุกอย่างให้พี่ยอมบอกที่อยู่ แววตาของคุณปัทตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักและความหวังที่จะเจอภัค พอพี่บอกว่าพี่บอกไม่ได้ ไม่รู้แววตาจากที่มีความหวังเหมือนโลกที่พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารักและอยากเจอภัคมาก ทำทุกอย่างเพื่อภัค ช่วงแรก ๆ ที่ยังตามหาไม่เจอปายบอกว่าเขากินเหล้าทุกวันเพ้อถึงภัคตลอดเลยนะ ” ภัคพิญานิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชายบอกด้วยหัวใจที่สับสน“ลองให้อภัยเขาแล้วมาเริ่มต้นครอบครัวที่ภัคอยากได้อีกครั้งดีไหม” พิธานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน “ลองคิดดูนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่งข้อความเสียงนั่นให้กับปริภัทร์ เขาเพิ่งทราบจากคุณนายปภาว่าปริภัทร์พื้นแล้ว แต่เขายังคงดึงดันที่จะกลับบ้านไม่ยอมนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ทางคุณชรัชเลยตัดสินใจให้บุตรชายไปพักรักษาตัวที่บ้านแทนเขาช่วยน้องเขยได้เท่านี้แหละหญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร“พี่ว่าเราเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าอีกอย่างน
ภัคพิญานั่งรับลมที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่พี่ชายเธอสั่งให้ที่ร้านเอามาลงไว้ให้ข้างแปลงดอกมะลิยามเย็นที่แดดร่มลมตกอากาศกำลังสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งซื้อมากับเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะสองถึงสามเล่มมาเปิดอ่านเพราะวันนี้ภัคพิญาได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายมาเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาชีพเดิม ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปริภัทร์ยังคงแวะเวียนมาหามาคอยดูแล มิหนำซ้ำยังทำอาหารให้เธอได้ทานอีกแต่เธอนั้นไม่ยอมทานมันแม้แต่คำเดียวแถมยังไล่เขาทุกวัน ปริภัทร์ก็ยังไม่ยอมแพ้ทำทุกอย่างให้เธอทั้งที่รู้ว่าไม่ต้องการสายตาหวานละจากหนังสือคู่มือมองไปยังประตูรั้วอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างแต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ ท่ามกลางความเงียบสงบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาทางที่ตนนั่งอยู่แต่ในใจกลับคิดว่าเป็นเขาปริภัทร์! จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับความผิดหวังคนที่มานั้นคือพิธานพี่ชายของเธอกับปิยดาน้องสาวของสามี เห็นแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมากับปิยดาวางของลงบนโต๊ะแล้วถามขึ้น“อะไรเนี่ยเห็
“ระวังหน่อยสิ” เขาเอ็ดหญิงสาวเบา ๆ ทั้งที่ทั้งหมดคือความผิดของเขาที่ยื้อแย่งเสื้อจากเธอ“อยากซักใช่ไหมก็ซักไป” พูดกับเขาเสียงแข็งแล้วถอนหายใจจากนั้นลุกจากที่ซักผ้าก่อนจะดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่สนใจเขาอีกเลย ปริภัทร์มองตามร่างเล็กของเมียด้วยสายตาละห้อยด้วยความน่าสงสารชายหนุ่มซักเสื้อยืดให้เมียพร้อมทำการตากเป็นที่เรียบร้อยก้อนจะเดินเข้าในบ้านหลังน้อยอย่างถือสิทธิ์แล้วลงมือกวาดบ้านหลังเล็กพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดให้ เพราะไม่อยากให้เมียต้องเหนื่อยในการทำงานบ้าน แต่คนที่ไม่เคยจับไม้กวาดหรือลงมือทำงานบ้านเลยก็จะเก้ ๆ กัง ๆ อย่างมาก ชนข้าวของตรงนั้นตรงนี้ล้มจนภัคพิญาสงสัยคิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านเธอหรือเปล่าเลยออกมาดูก็เจอกับเขายืนถือไม้กวาดกับลังเก็บกวาดเศษแก้วอยู่“หยุดวุ่นวายกับบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”“แต่ผมอยากช่วย ไม่อยากให้คุณเหนื่อย” เขาบอกเสียงอ่อน อยากช่วยแบ่งเบาภาระเธอบ้าง“ไม่ต้องค่ะ ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อฉัน เพราะฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ชาวบ้านแถวนี้เขาจะเข้าใจผิดกันได้” เธอนั้นไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านที่เอาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปพู
"ไม่! ผมทำไม่ได้ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ได้โปรดเถอะภัค ขอโอกาสให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อและสามีที่ดีสักครั้งนะ""สามี!" เธอทวนคำของเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“ใช่ภัค ผมขอทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะ” พูดอ้อนวอนคนตัวเล็กตรงหน้า“ไม่ค่ะ เชิญคุณออกไปจากพื้นที่ส่วนตัวของฉันได้แล้ว”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนะ จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณกับลูกจะยอมกลับกรุงเทพฯ กับผม” ปริภัทร์บอกอย่างแน่วแน่“ลูกอะไรของคุณ” หญิงสาวถามอย่างไขสือไม่ยอมรับ“คุณท้องลูกของผม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าทุกครั้งไม่มีคำพูดที่ร้ายกาจใด ๆ แต่พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่กลั่นจากหัวใจของเขา“เขาไม่ใช่ลูกของคุณอาจจะเป็นลูกของคนอื่นหรือไม่ก็คุณพิธานก็ได้”“ไม่จริง คุณก็รู้ว่าผมเป็นพ่อของลูกในท้องคุณ แล้วอย่าเอาคนอื่นมาเป็นพ่อของลูกผม” เธอมองใบหน้าคมที่จริงจังด้วยท่าทางนิ่งสงบ“เพราะมันคงเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น”เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง “คุณรู้ได้ยังไง”“รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ ตอนนี้ขอแค่คุณกลับไปกับผมเถอะนะ ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่อง” หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ รวบรวมพลังทั
ปริภัทร์ยืนมองร่างเล็กของเมียตัวน้อยที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้หลังบ้านหลังเก่า ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นปล่อยผมที่เหลือด้านหลังเหมือนหางม้า เพื่อไม่ให้ปรกใบหน้ายามที่เธอทำสวน ความสวยของเธอนั้นยังคงอยู่เช่นเคย รอยยิ้มที่มองดอกไม้ด้วยความสุข ใบหน้างามก้มลงดอมดมกลิ่นของดอกมะลิมันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่ทำให้ไม่แพ้ท้อง แต่พอลองดมดอกอื่นที่ไม่ใช่เท่านั้นแหละรีบวิ่งออกไปอาเจียนทุกครั้งวันนี้ก็เช่นกันที่ภัคพิญาได้กลิ่นดอกไม้อื่นจึงทำให้อาเจียน คนที่แอบดูอยู่หน้าประตูรั้วที่สูงเท่าเอวของเขาเท่านั้นตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นอยากเสนอหน้าเข้าไปหาแต่ก็ไม่กล้าพอชายหนุ่มแอบมองดูหญิงสาวแบบนี้มานานเกือบหนึ่งสัปดาห์พลอยทำให้เขารู้ว่าครอบครัวของเขาและเหล่าเพื่อนของเธอรวมทั้งสิงหะและพีระที่รวมหัวจงใจปิดบังที่อยู่ของภัคพิญาตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมาคิดแล้วมั่นน่าโมโหนักภัคพิญาออกจากบ้านหลังน้อยพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและถุงผ้าเวลานี้ก็ได้เวลาจ่ายตลาดของเธอแล้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้านหญิงสาวเด็ดดอกมะลิขึ้นมาสองดอกเอาไว้ดมระหว่างทางที่เดินไปตลาด วันนี้เธอเกิดอยากกินชานมมะลิไข่มุกขึ้นมาจ
“อื้อ นึกว่าเป็นอะไรก็แค่ท้อง” เมนี่ว่า“แค่ท้อง” กรรณิการ์ย้ำแต่การย้ำซ้ำสองทำให้ทั้งสองคนเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างเสียงดัง“ฮะ... ยายภัคท้อง”“เห้ย... เบา ๆ สิ คนแตกตื่นหมดแล้ว” บุญญาวีร์ร้องห้ามแทบไม่ทัน แล้วหันไปขอโทษคนในร้าน“ก็มันตกใจนี่หว่า แล้วนี่คุณปัทรู้มั้ย นอกจากแกแล้วมีใครรู้บ้าง แฟนแกรู้มั้ย”“คุณปัทไม่น่าจะรู้ แฟนฉันก็ไม่รู้ คนที่รู้จะมีแค่ฉันกับพี่ชายของยายภัค อีกอย่างนางเพิ่งไปตรวจเมื่อเดือนที่แล้วเอง พักหลัง ๆ ที่ไปหานี่สินางแพ้ท้องหนักจนแทบไม่เป็นอันทำงานเลย”“พี่ชาย” สองสาวทำหน้างงกันอย่างหนักภัคพิญามีชายด้วยหรือ “ใครคือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธาน คือพี่ชายของยายภัค”“คุณพิธานเนี่ยนะคือพี่ชายของยายภัค” กรรณิการ์ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ บุญญาวีร์พยักหน้ารับแต่แล้วบทสนทนาก็เงียบลงพร้อมกับปรากฏร่างของปริภัทร์ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของสามสาว“เมื่อกี้คุณบุญบอกว่าภัคท้องเหรอครับ” หญิงสาวอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ไม่คิดเสียด้วยซ้ำว่าจะพบกับปริภัทร์ที่นี่“ว่ายังไงครับ ภัคท้องใช่ไหมครับ”“ก
“คุณฉันรู้สึกว่าฉันชอบเด็กคนนั้น ฉันอยากได้ลูกสะใภ้ที่หน้าตาน่ารักนิสัยดีแบบนั้น”“จริงคุณ ขนาดเจอกันแค่เดี๋ยวเดียวนะยังรับรู้ได้ถึงความจิตใจดีเป็นห่วงคนอื่นเลย”“หลังจากวันนั้นแม่ก็ให้คนตามสืบประวัติของหนูภัค แม่ใช้เวลาปีกว่าถึงจะเข้าหาและทำความรู้จักได้ มีวันหนึ่งที่แกมาบอกฉันว่าอยากจะแต่งงานกับแม่แพนอะไรนั้น ฉันเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากให้หนูภัคแต่งงานกับแกแทนแม่ผู้หญิงมักมากหน้าเงินนั่น”“แพนเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น” ชายหนุ่มแก้ต่าง“จำช่วงที่แม่นางแบบนั่นหายไปจากชีวิตแกแล้วมีหนูภัคเข้ามาแทนได้ไหม กวิตาได้เงินจากแม่ไปสิบล้านแลกกับอิสระของแก”“จริงค่ะพี่ปัทปายยืนยันได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงใจกับใคร วันนั้นปายไปเที่ยวเห็นแม่นางแบบนั้นออกไปกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าพอพี่แต่งงานเขาก็กลับมาถูกไหมคะ”“แม่เสนอข้อตกลงให้หนูภัคแต่งงานกับแกแลกกับค่ารักษาพยาบาลผ่าตัดหัวใจของยายเขาที่ราคาสูงมาก แม่พูดจนกว่าหนูภัคเขาจะยอมจนนาทีสุดท้ายที่ยายแววต้องเข้าผ่าตัดถึงยอมตกลงแต่งงานกับแก เขาไม่ได้หวังทรัพย์สมบัติของแกเลย ฉันดูแววตาหนูภัคที่เจอแกคร
สามวันที่เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านชายหนุ่มหัวเสียไม่น้อยที่เข้ามาร้องเรียกหาภัคพิญาเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงเดินขึ้นไปดูบนชั้นสองเผื่อหญิงสาวจะอยู่ข้างบนแต่เปล่าเลย ห้องนอนที่เงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ผิดแปลกที่โต๊ะทำงานของเธอนั้นโล่งสนิทไม่มีอะไรวางอยู่แม้แต่อย่างเดียวมีเพียงโต๊ะเปล่า ๆ เท่านั้น ในใจเขารู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ วันนี้วันหยุดภัคพิญาไม่น่าจะออกไปไหน ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปยังห้องเสื้อผ้าเลื่อนเปิดประตูออกพบเพียงเสื้อผ้าของเขาเท่านั้นแต่ยังคงมีเสื้อผ้าของหญิงสาวอยู่ประปราย มองไปยังเบื้องล่างของตู้เสื้อผ้ากระเป๋าเดินทางของหญิงสาวนั้นหายไป ปริภัทร์จึงเดินลงมายังชั้นล่างทันทีเธอไปจริง ๆ น่ะ หรือยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าเยียบบันไดขั้นสุดท้ายก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบิดามารดารวมทั้งน้องสาวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่บอกบุญไม่รับเสียเท่าไร ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาหาบิดาที่เดินนำหน้ามาพร้อมทั้งซองเอกสารอยู่ในมือ“สวัสดีครับ มาหาผมถึงบ้านมีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามทั้งที่ในใจว้าวุ้นเรื่องของภัคพิญาเหลือเกิน เจ้าของ