แต่ใบฟางไม่ได้ตอบโต้นอกจากลดแววตาลง แต่ก็ไม่ได้บ่งว่าหล่อนเกรงเขา ทรุดนั่งลงด้วยกันทั้งสองคนอย่างเงียบ พักหนึ่งปางภูหยิบเมนูอาหารขึ้นมากางพิจารณาดูที่ตนเองอยากทาน ทั้งที่เขาไม่รู้สึกหิวสักเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะโอกาสที่หล่อนเป็นฝ่ายชวนมาต่างหาก เขาจึงต้องเลือกอาหารอย่างเสียมิได้ อาหารที่เขาเลือกคือ ข้าวผัดปู กับผัดผักถั่วลันเตาใส่ข้าวโพดอ่อนส่วนใบฟาง หญิงสาวเหลือบสายตาขึ้นพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าก่อน ที่แววตาของเขาเหมือนชาชืด แต่หล่อนไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรเขามากมาย เมื่อเห็นเขาผลักเมนูก่อนจะยื่นส่งไปให้หล่อน ใบฟางรับเอามาพิจารณา หล่อนก็เลือกแค่ ผักผักกะเฉดไฟแดงกับข้าวเปล่า แค่นั้นเอง เป็นอาหารจานเดียวปรุงแบบง่ายๆ ส่วนเครื่องดื่มหล่อนขอน้ำส้มคั้น ส่วนปางภูนั้นเขาขอน้ำเปล่าสะอาดายๆ ส่วนคึเลือกแค่ ผักผักกะเฉดไฟแดงกับข้าวเปล่า แค่นั้นเอง เป็นอาหารจานเดียวปรุงแบบง่ายๆ ส่วนคึปให้หล่ บรรยากาศต่อมาระหว่างคนสองคนคือความตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ในใบหน้าของหญิงสาวที่ค้างครุ่นกังวล คล้ายหล่อนอยากจะเอ่ย แต่ก็ไม่กล้า ขณะที่สีหน้าของชายหนุ่มเหมือนคนคิ้วขมวด เป็นความรู้สึกที่
นอกจากเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ทำให้อาหารบนจานพร่องไปไม่มากนัก เพราะหล่อนไม่นึกอยากจะทานมันเสียแล้ว จึงรวบช้อนส้อมวางลงพร้อมกับยกแก้วน้ำส้มคั้นจิบเพื่อให้รสเปรี้ยวอมหวานแผ่ซ่านเข้าไปในลำคอจนรู้สึกซู่ซ่ากระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้างแปลกดีแท้.. ทำไมหล่อนเผยความรู้สึกอ่อนแออย่างนี้ ไม่ควรที่จะให้เขาเห็นด้วยซ้ำเพราะเขาไม่มีท่าทีสงสารหล่อนสักนิด ผู้ที่มักได้เขาย่อมไม่สนใจดอกหญ้าที่ย่ำผ่านฝ่าเท้าไป อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ไหววูบ และขวัญอ่อน นี่เขาจะมองหล่อนด้วยสายตาหยามเยาะและคิดว่าหล่อนดัดจริตหรือแต่งเล่ห์เสแสร้ง จึงเบือนหน้าไปทางอื่นกะพริบดวงตาไล่หยดน้ำหนึ่งหยดซึ่งหล่นลงพื้น จากนั้นรอสักครู่ก็เหือดหายจนแห้งสนิทไปเองปางภูเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยกิริยาที่แปลกเขาเบ้หน้า รู้สึกขวางขัดหูตาชอบกล เขาไม่ชอบน้ำตาผู้หญิงที่มาบีบออเซาะ เขาสงสารไม่ลง ถึงแม้เขาไม่ใช่คนที่ดีนั แต่เขาก็ไม่ใจอ่อนอย่างแน่นอน ไม่อยากตกเป็นเหยื่อความสงสารผู้หญิงตรงหน้า หล่อนช่างมีเล่ห์เพทุบายนัก และสิ่งที่ตะขิดตะขวงใจเขามากกว่านั้นคือหล่อนมีส่วนร่วมรู้เห็นกับธีรคามอย่างแน่นอน ถึงแม้เขาไ
นี่เขาคงจะเป็นผู้ชายประเภทที่ชอบดูถูกผู้หญิงไม่เลือกหน้า ปากของเขาจึงได้แค่คายเอาความสกปรกหยาบหยามมาจากข้างใน หล่อนสะบัดตัวเองลุกก้าวทันทีคว้าสะพายกระเป๋าก้าวเดินออกจากร้านอาหารไทยหรูทันที และไม่ได้สนใจเหลียวมองภาพตามหลังว่าปางภูจะตามหล่อนมาหรือไม่แต่หล่อนคาดคิดผิด ปางภูสืบเท้าเข้ามาในเวลาต่อมา หล่อนยังถือพวงกุญแจอยู่กำลังจะเสียบเพื่อไขกุญแจรถ“จะรีบกลับไปไหน ยังไม่ดึกดื่นสักหน่อย”แววของน้ำเสียงรวนขึ้นชัด สองตาเต็มชัดด้วยหยามเยาะและห้วนกระชาก ใบฟางคิดว่าหล่อนไม่จ้ำเป็นต้องฟังเขาสักนิด จึงเชิดใบหน้าขึ้น แต่ก็อดตอบโต้ไม่ได้ที่เขาดักหล่อนทางคำพูด“ฉันจะกลับบ้าน”ใบฟางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงห้วน ขาดความอ่อนหวาน แต่หล่อนก็บอกตัวเองว่า หล่อนไม่เลือกที่จะเสวนาคำหวานเพราะกับเขาเอง เพราะในยามนี้หล่อนรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อนควรรังเกียจเดียดฉันท์นัก“อยู่ต่อไม่ดีหรือไง ผมเป็นคนชวนเที่ยว แล้วเปย์เองน่า แบบนี้ก็หมดสนุกสิ”เขายิ้มล้อหล่อนขบขันด้วยนัยน์ตาแพรวพราวกะพริบใส่“เชิญคุณสนุกสนานกับชีวิตละลายทรัพย์ของคุณเถอะ”ใบฟางกระแทกเสียงเข้มก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวพาตัวเองนั่งข้างใน ก่
หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกเจ็บ และยังขมุบขมิบบ่นพึมพำอย่างไม่หาย กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอมา ผู้ชายโสโครก เขาไม่ใช่คนดีสักนิด พวกฉวยโอกาสที่จะซ้ำเติมคนที่ล้มและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ฮึ โลกนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับหล่อนสักนิด ฝ่ายคุกคามหล่อนแท้ คนทรามใจโฉด ยังลอยหน้าลอยตาชูคอ อยู่บนสังคมนี้ได้ นึกแล้วทั้งแค้นหมองหมางในใจ ที่หล่อนไม่อาจทำอะไรตอบแทนเขาได้มากกว่านั้น ไม่เคยเลยที่จะมีใครดูถูกหล่อนด้วยถ้อยคำที่หยามหมื่นเชิงจงเกลียดจงชังแบบนี้ระงับอารมณ์ไม่อยู่ถึงกับกำมือแน่น ซึ่งน้องสาวเดินเข้ามาเห็นพอดีถึงกับอ้าปากค้าง“พี่ฟางเป็นอะไรล่ะ ถึงกับทำท่าเหมือนจะเข่นเขี้ยวโกรธใครเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น ดูซิหน้าเกร็งไปหมดแล้ว”หล่อนค่อยๆเหลียวใบหน้าไปหาน้องสาวซึ่งใบเงินมองเห็นสีหน้าที่เจ็บช้ำของพี่สาวแล้วตกใจ จนอุทานร้องออกมา“พี่ฟาง พี่ใบฟางคะ ได้ยินเสียงเรียกของเงินหรือเปล่า”หล่อนจึงค่อยๆได้สติ เมื่อหันชำเลืองมองมายังน้องสาว ที่ยังมีท่าทีตกใจยังไม่หายกับกิริยาแปลกๆของพี่สาว“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ฟางหรือเปล่าคะ แล้วนี่พี่ฟางไปไหนมา ทะเลาะกับพี่ธี มาอีกแล้วใช่ไหมคะ เงินเห็นหน้าของพี่ฟางหม
เพราะนี่คือความรู้สึกที่เขาชินอยู่กับมัน เพราะฉะนั้นถ้าจะนั่งจมจ่อมอยู่กับงานเป็นหกหรือสิบชั่วโมง เขาก็รู้สึกว่าเป็นปกติหรือธรรมดาสำหรับตัวเองไปแล้ว เพราะงานในบางครั้ง เขาเคยเขียนระห่ำชนิดที่ว่าแบบมาราธอน คือเช้าเย็นค่ำแบบไม่ได้พักผ่อน แต่ครั้นพอจบงานเหล่านั้นจำต้องนอนแผ่หลาอย่างเดียว เรียกว่าแทบคลานเข้าไปหาที่นอน และใครเรียกปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น ซึ่งนี่เขาถึงรู้ว่าเป็นธรรมชาติของนักเขียนที่ทำงานอย่างจริงจังนั่งนึกไปใบหน้านั้นกลับลอยวูบให้เห็นเด่นชัดอีก รูปหน้าที่เนียนกระจ่างสลักเสลาเรียวยาวได้รูปเหมาะเจาะรับกับโครงใบหน้า ไม่ว่าปากจมูกคางโดยเฉพาะเยิ้มคมของดวงตาหากริมฝีปากเต็มไปด้วยประกายหยามเยาะและเชิดหยิ่ง เธอมีแววตาที่คุโชนเหมือนแสงเพลิงยามประกายตานั้นชิงชังด้วยแววเดียดฉันท์ที่รุนแรง เหตุใดก็ไม่ทราบเขาต้องใช้อารมณ์ความรุนแรงและคุกคามข่มขวัญหล่อน คิดไม่ออกแล้วสิ เผลอไผลไปนอกเรื่อง มือจึงชะงักค้างที่คีย์บอร์ดหันเปลี่ยนอิริยาบถผละจากที่นั่งเปลี่ยนเป็นลุกยืนแล้วถอนใจ สลับกับพ่นลมหายใจ แล้วค่อยๆก้าววนเดินไปมารอบห้องส่วนตัวเป็นการผ่อนคลายสมองที่ทำงานหนักเพราะระดมใช้หมดกับค
“ตายล่ะ ไม่ทันอย่างเธอว่าจริง พี่มัวแต่หลับเพลิน เลยนอนตื่นสาย ขอบใจมากที่เธอบอกว่าจะโทร.บอกเพื่อนพี่ให้ ขอเป็นพี่เองดีกว่ามั้ง จะคุยได้เข้าใจกว่าเธอเสียอีก”ใบเงินพยักหน้า เริ่มเห็นพี่สาวมีสติ คงตื่นเต็มสภาพของร่างกายที่รับรู้ผ่านสมอง ไม่ใช่คนซึมดวงตาทำท่าจะปิดเพราะอาการง่วงยังไม่หายขาดใบเงินอยากจะเอ่ยถามว่าพี่สาวไปทำอะไรมา ก็กลัวซ้ำคำถามเดิม ยิ่งทำให้ถูกเอ็ดอีก ยิ่งพี่สาวคนสวยเหมือนไม่อยากจะตอบคำถามนัก ใบเงินจึงเก็บกลืนความคิดเหล่านั้นลงในใจ ได้แต่เอ่ยด้วยสายตาเป็นห่วง ก่อนจะขอตัวไปโรงเรียนเสียที“พี่ฟางรักษาสุขภาพให้ดีด้วยนะคะยิ่งหมู่นี้ผอมลง แล้วก็เครียดหนัก เงินไปก่อนล่ะ เดี๋ยวจะสายไม่ทันโรงเรียน”เธอยกมือโบกให้น้องสาวส่งรอยยิ้มให้นิดหนึ่ง ก่อนจะเหลือบหันมามองตัวเอง จากนั้นกลับเข้าห้องตามเดิม ยืนอยู่หน้ากระจกเครื่องแป้งชิดริมหน้าต่าง มันฉายให้เห็นผิวแก้มที่ตอบลงใบหน้าเรียวยาวที่ไม่ค่อยแจ่มใสนัก ผมเผ้ายุ่งเหยิงคล้ายดั่งยายบ้าคนหนึ่ง ใบฟางเหยียดใบหน้าใส่กระจกด้วยอารมณ์เซ็งก่อนที่จะตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อกดเบอร์ของเพื่อนสาวที่สนิทสนมและพบกันในที่ทำงานเช่นทุกวัน
หญิงสาวจึงโผกายลุกมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ซีดขาว และรำจวนเด็กสาวที่กำลังนั่งฟังละครวิทยุและเพลงขณะซักผ้าขี้ริ้วไปด้วย เหลือบสายตาเข้ามาเห็นเข้า เลยหรี่เสียงจากวิทยุลดลงสักนิดพอจะเงี่ยหูฟังคำของเจ้านายสาวที่เดินสะโหลสะเหลลงมาเพื่อไม่ให้ดูขัดใจ “ จวน เดี๋ยวฉันจะเอารถออกไปข้างนอก ที่คลินิกแถวนี้ เดี๋ยวถ้าเกิดมีใครถามหาฉันหรือมีธุระปะปัง บอกว่าฉันมีธุระที่ข้างนอก สักพักถึงจะกลับมา”หญิงสาวเอ่ยออกมาผ่านริมฝีปากที่เซียวซีด ร่างที่เหมือนจะเอนโงนเงน ประคองกายไม่อยู่ด้วยซ้ำ แต่ใบฟางก็ยังแข็งใจ อยากรู้เหมือนกันว่า เมื่อไปหาหมอแล้ว จะลงความเห็นว่าหล่อนล้มป่วยเป็นอะไรนี่ถ้าหากหล่อนยังฝืนไปทำงานอยู่ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? อดครุ่นคิดแกมหวาดวิตกในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวหล่อนอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจู่ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวสมองแผ่ซ่านไปทั่วประสาท ไม่รู้ว่าหล่อนเป็นอะไรกันแน่ เมื่อเด็กสาวพยักหน้าตอบรับแล้วร่างระหงที่ร่างกายไม่สู้แข็งแรงนักในยามนี้ก็หมุนกาย เดินจากไป หล่อนขึ้นไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอีกครั้งในห้อง หยิบกระเป๋าสะพาย สวมรองเท้าจากนั้น เดินไปที่โรงจอดรถซึ่งพบว่ามีรถคันเก่าของมาร
การกระทำที่ทำให้ผู้ใหญ่ของบ้านต้องตำหนิติเตียนเขาอย่างรุนแรงแน่ถ้าชื่อเสียงที่เขาทำความเสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูลแผ่ขยายออกไปยังคนข้างนอก และเขาพยายามเก็บความลับชิ้นนี้ให้มิดชิดอย่างมากที่สุด ระหว่างที่ร้อนเงินร้อนทอง”อย่างนี้ ธีรคามคิดอะไรไม่ออก เขาคิดจะใช้คำหวานป้อนป้อยอกับใบฟางด้วยซ้ำคงต้องเลือกไปหาหล่อนถึงในบ้าน เพราะธีรคามคิดว่าเขาไม่มีทางไปแล้ว เงินเหลือติดตัวไม่ถึงร้อยบาทจะพอยาไส้อะไร สวรรค์สีช่วงนี้ก็ดวงซวยหล่อนไม่มีแขกขาประจำหรือขาจรมาหาถึงสี่ห้าวันแล้ว ถึงได้นอนทอดตัวอย่างคนไม่เรี่ยวแรงอยู่ในห้องพักโดยไม่ลุกไปไหน อาการเซ็งจัดถึงกับเบื่อเอือมระอาเช่นนี้เองทำให้ธีรคามออกไปจากบ้านเวลานี้การเดินทางของเขากลับเป็นรถเมล์ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่จนกรอบมากที่สุด เพราะอย่างดีเขาก็นั่งแท็กซี่ ธีรคามหัวเสียขณะนั่งรถเมล์ประจำทางเป็นรถฟรีด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่ต้องควักเงินจ่าย แต่บ้านพักของใบฟางแฟนสาวนั้นเขารู้ดีว่าจะต้องควักเงินจ่ายค่าวินมอเตอร์ไซค์ ยี่สิบบาท ก็ช่างมันเถอะ ขอแค่เพียงว่าหล่อนอยู่บ้านก็เพียงพอ นั่นสิดี ปลอดภัย ทั้งพ่อทั้งแม่ของหล่อนก็ออกไปทำงานด้วย เต็มไปด้วย
ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบฟาง”หล่อนเข้าใจเขาพูดถูก หล่อนก็ตอบแทนความรักของเขาด้วย“ต่อไปไม่มีแล้วล่ะ เมียขายฝาก สมญาที่ใช้เป็นคำพูดเล่นๆขำๆเพื่อล้อเลียนคุณ มีแต่ตำแหน่งเดียวคือเมียแต่งนายปางภู คุณจะสนใจตำแหน่งนี้ชั่วชีวิตหรือเปล่าล่ะ”คารมของพ่อหนุ่มนักเขียนทำเอาหล่อนต้องยอมรับล่ะ มิน่าถึงร้อยเรียงเขียนหนังสือได้หลากหลายยาวนาน “สนใจสิคะ”หล่อนพยักหน้า “ไม่งั้นฉันคงไม่ตัดสินใจยอมคุณหรอก” เขากลั้วยิ้มดวงตาพราวอีกครั้งกับคำตอบนี้ พึงพอใจเช่นเดิม เพราะขุมสมองมีแต่ความเพริดแพร้วทางปัญญา ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบ
คารมของนักเขียนหนุ่มผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้น หญิงสาวยิ้มพราวระยับที่ดวงตาของหล่อนขึ้นบ้าง หวงนี่อาจจะแปลกว่าหึง หล่อนยิ้ม“นั่นยิ้มอะไร ขำหรือว่าไม่พอใจ”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ฟางรู้สึกว่า พอได้สามีมาหนึ่งคน เขาก็บ่นเสียเก่ง” เขาหันมาทางสาวสวยผู้เป็นภรรยา ขยับใบหน้ามาใกล้ “นี่มาหาว่าเราบ่น ประเดี๋ยวเหอะ จะจูบให้ตายตาอ้อมกอดเลย”ชายหนุ่มบ่นเสียงไม่จริงจังนัก หมั่นไส้ผู้เป็นภรรยามากกว่า “แนะ ไม่กลัว ใช่ไหม? เดี๋ยวเอาจริงนะ”เขาขู่หล่อน พลอยทำให้ใบฟางต้องหลับตาปี๋ลง ก่อนที่ใบหน้าขาวๆของดวงหน้าคมคายจะโน้นแตะชิดใกล้ริมฝีปากประกบบดขยี้ลงไปแทรกความหวานเจือปนละลายอยู่ในช่องปาก จนสาวสวยรับรู้ถึงสัมผัสที่หวานซ่านลิ้น “นี่เริ่มบทลงโทษแล้ว โทษฐานที่มีเมียขี้บ่น แถมปากเก่งอีกต่างหาก เอ้อ เป็นเมียขายฝากเสียด้วย”หญิงสาวยังข้องใจในคำนี้ ความหมายแบบเขานี่คืออะไร จึงส่งสายตาอึดอัด หงุดหงิดทวงถามเมื่อเขาละถอนจากริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นจ้องหล่อน เพราะรู้ว่าหล่อนจะถาม หล่อนไม่ชอบใจสักนิดกับคำทีเขาใช่เรียกหล่อน“อีกแล้ว เมียขายฝาก ฉันไม่รู้ว่าความหมายมันคืออะไรกันแน่ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่พี่ธีรคา
“ยังไม่แน่ใจค่ะ เมล ตอนนี้ฉันอยากอยู่เมืองไทยไปก่อน คงทำงานไปสักพัก ถ้าลืมเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างได้ ฉันก็อาจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับใครก็ได้ ที่เขารักจริง และรักความเป็นตัวฉัน รวมทั้งเขาไม่แคร์อดีตต่างๆของฉันด้วย”“ขอให้คุณโชคดีนะฮันนี่”“ขอบคุณคะ เมล คุณก็เช่นกัน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”หล่อนโบกมือให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาและคณะจะเดินจากไปในช่องผู้โดยสารขาออก แล้วหล่อนหันมายิ้มให้กับตัวเอง นี่คืออิสรเสรีที่หล่อนต้องการ จึงถอนใจออกมายาวนานด้วยมีความสุข หล่อนต้องการตัด และเยื่อใยอาวรณ์จากเขา หล่อนจะต้องทำให้ได้ เมลมีดีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างเช่นกัน แต่สิ่งที่หล่อนยอมรับไม่ได้คือ เขาจะเอาทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อย่างที่เรียกว่า เสือไบ โฮโมเซกช่วล แบบนี้หล่อนไม่ต้องการ ไม่ต้องการเสียน้ำตาทนอยู่กับผู้ชายประเภทนี้ เพราะนั่นหมายความว่า เขาทำให้ชีวิตของหล่อน เหมือนตกนรกทั้งเป็นนึกว่าจะยืดเยื้อ หรือคาราคาซังเสียอีก ขอบคุณที่เขาเลือกให้ของขวัญนี้ให้แก่หล่อน ตามที่หล่อนร้องขอปรารถนามานานต่อไป ชั่วชีวิตนี้ หล่อนจะไม่สนใจ ผู้ชายที่ชื่อเมล นี้อย่างเด็ดขาด ว่าเขาจะเป็นตายร้าย
จะไม่ช๊อคใจไปใหญ่หรือ ที่ตลอดมานั้น อ่านหนังสือของคนกันเองทั้งนั้น คนกันเองที่ขยับเข้ามาเป็นคนในบ้านและเป็นคนในเรือนใจของหล่อนเข้าทุกขณะ“นี่สิของแท้ของชัวร์ นิยายที่ผ่านการรวมเล่มแล้วของผม มีประมาณ เกือบสิบเรื่องด้วยกัน ซ่อนอยู่อีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะ และถ้าอยากจะไปร่วมงานวันสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมษาที่จะถึงเร็วๆนี้ ไปกับผมสิ คุณจะได้รู้ว่าแฟนคลับผมตรึมแค่ไหน ที่เรียกร้องอยากจะให้ผมมา..แล้วก็ต้องแจกลายเซ็นต์ด้วย”เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ไม่น่าเชื่อ ด้วยบุคลิกที่อ่อนโยนและสุภาพปนกับอารมณ์ร้ายเกรี้ยวกราด ไม่นึกว่าเขาจะมีอีกภาคหนึ่ง ของผู้ชายที่เขียนหนังสือขาย เป็นนักเขียนที่ถือว่า ได้รับความนิยมมากคนหนึ่งในปัจจุบัน ในยุคที่นักเขียนไทย ผุดตัวเองขึ้นมาราวกับดอกเห็นกลางฤดูฝน“ไม่เชื่อ คงต้องเชื่อแล้วละคะ นี่ถ้ายัยเงิน น้องสาวของฟางรู้เรื่อง ตายเลยล่ะคงทั้งอึ้งทั้งทึ่ง ไม่งั้นก็เกือบช๊อคไปหลายสิบตลบแน่นอน”“ถึงขนาดนั้นเลยหรือ”“ใช่ค่ะ ถึงขนาดนั้นแน่นอน เพราะน้องสาวของฉัน ติดงานของคุณมาก”เขาเพิ่งทราบ“นี่คุณทำอย่างนี้ทุกวัน หลังขดหลังแข็งมากไหมคะ”เขายิ้มอีกครั้ง“งา
เขาเอ่ยคำนี้ จนหล่อนหน้าแดงไปเลย สีระเรื่ออ่อนที่พวงแก้ม แต่ก็เข้าใจความหมายเมื่อเขาพร้อมที่จะให้สัญญาปากแบบสุภาพบุรุษอีกครั้ง “งั้น ฟางจะยอมไว้เนื้อเชื่อใจอีกสักครั้ง ทั้งที่ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่”“อ้าวทำไมล่ะ กลัวผมจะเปลี่ยนใจ ทำมิดีมิร้ายกับคุณหรือไง นี่ฟังนะจ้ะคนเดียว เรื่องทำมิดีมิร้าย ผมก็คิดเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เวลานี้ แต่ต่อไปล่ะ ผมคงมีเวลาทำมิดีมิร้ายกับคุณอย่างสุดสวาทอย่างว่า ได้นานครั้งล่ะ ตอนที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว นั่นล่ะ มีเวลาทั้งชีวิตของผมเลย”ฟังคำพูดที่เขาเอ่ย หล่อนก็รู้สึกเบาใจ ปางภูหัวเราะเสียงใส“แล้วฉายาเจ้าพ่อบ่อนหรือเสี่ยที่พี่ธีรคามเรียกใช้ ให้สมญาชื่อคุณล่ะคะ”“นั่นผมลืมแล้ว ผมจะไม่เข้าแล้ว ตัดขาดจากมันตลอดชีวิต ในเมื่อผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนี่ ผมมีคุณ ผมมีครอบครัว มีคนที่เอาใจใส่น่ารักอย่างนี้ ผมจะเตลิดหนีหายไปไหนได้อีกล่ะฟางจ๋า”ในเมื่อเขาจะมีครอบครัวแล้ว นั่นมันคือภาพอดีต เมื่อครั้งที่ยังใช้ชีวิตโสดอิสระได้เต็มที่ และเมื่อพ้นจากวัยนั้นพ้นผ่านแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็คิดว่ามันเป็นเกมชั่วครั้งชั่วคราวที่ผ่านทางชีวิตของเขาเขาไม่ได้ติดหนึบติดหน
หญิงสาวยิ้มให้พยักหน้าและเพิ่งเข้าใจ “คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่ตอนนั้นทำอะไรก็คิดจะปิดบังคุณ”เสียงนุ่มทุ้มดังอีก เป็นกังวาน แต่ก็รู้สึกชุ่มชโลมในหัวใจของหล่อนอย่างประหลาด“เคยคิดจะโกรธเหมือนกันคะ แต่ก็ดีที่คุณเพิ่งอธิบายออกมา ฉันเลยนึกโกรธคุณไม่ลงแล้ว”เขาหันมายิ้มอ่อนๆสบตาของหล่อน“ก็ต้องบอก เพราะเราก็เหมือนคนคนเดียวกันแล้ว จากนี้มีอะไรก็ต้องร่วมรับผิดชอบกัน”หล่อนนิ่งฟังคำพูด ชอบฟังคำพูดที่มีหลักการในการวางแผน และให้กำลังใจ สร้างความปลาบปลื้ม แก่ใจของหล่อนอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวยอมรับว่าหล่อนเริ่มจะหลงรักผู้ชายคนนี้เสียแล้ว ไม่รักก็คงไม่ได้หรอก ลึกแต่ไม่ลับในความรู้สึกของหล่อน ขอเก็บเอาไว้รู้เพียงคนเดียว จึงหันทางเขาอีกครั้งยิ้มและสบตาให้ หล่อนนึกถึงเรื่องอื่นได้ อย่างเพิร์ล หรือภามิญาที่ไม่รู้ว่า ทั้งคู่คืบหน้าไปมากแค่ไหน จวบกับมีเรื่องราวอื่นที่เป็นเรื่องสะเทือนใจ ประดังเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าไม่ขาด จากสึนามิ ฝนก็ท่วมถล่มทางภาคใต้ แผ่นดินไหวทางประเทศพม่าหรือเมียนมาร์กับทางภาคเหนือของไทย วิบากกรรมของประเทศและชาวโลกถูกซัดมาอย่างไม่หยุดหย่อน คงต้องพึ่งพาความดีงาม ศีลธรรม บุญกุศลท
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงระส่ำขวัญเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดจึงถูกพับแปลนงานอย่างน่าเสียดาย ไว้รอเหตุการณ์ทุกอย่างสงบอีกครั้ง เขาถึงจะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน คงต้องเป็นหลังจากที่งานแต่งของเพื่อนรักที่เมืองไทยเสร็จสิ้น“ขอบใจนายมากที่เป็นห่วง ฉันเป็นตัวแทนของประเทศที่รับความหวังดีนี้จากนาย”“ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนไทย เมืองที่ได้ชื่อว่าใจบุญ และสยามเมืองยิ้ม ที่ไหนเกิดความทุกข์เดือดร้อนสาหัส พวกเราทนดูดายไม่ได้หรอก ยิ่งญี่ปุ่นก็ให้ความพึ่งพิงพึ่งพาช่วยเหลือประเทศไทยเรามาก่อน ไม่ว่าทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่างๆ สายสัมพันธ์เรายาวนาน เราจึงเห็นใจกันและกัน ถือว่าประเทศไทยตอบแทนน้ำใจประเทศญี่ปุ่น มันเป็นการกตัญญูรู้คุณที่สองประเทศมีไว้ให้กัน”คนฟังรู้สึกตื่นตันใจ และนึกในใจเขาเองก็ถือว่าโชคดีที่มีเพื่อนสนิทเป็นคนไทยอย่างปางภู“ทำใจให้ดีเถอะนะ เข้มแข็งเอาไว้ คิดเสียว่า เบื้องหลังฝันร้าย จะกลายเป็นดี ในอนาคต”โทชินาดะพยักหน้ารับกับเพื่อน ใบฟางรับรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ เพราะหล่อนติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกิดอย่างรุนแรงของประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนึกถึงเพ
แต่ที่น่าแปลกใจคือ ศราณัฐกลับพูดเรื่องนี้ไม่ออก เหมือนปากของเขาถูกอุดเอาไว้นิ่งเช่นกัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรืออาจเพราะว่า เขากับหล่อนนั้น ห่างหายจากกันไปนาน แทบไม่ได้รับการติดต่อจนกระทั่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งแต่เขามีความรู้สึกว่า ใบฟางห่างเหินเมินเฉยต่อเขาเป็นอย่างมาก เอ หรือจะเป็นเช่นที่มารดาเอ่ยกล่าวว่าเปรยๆบอกเขาไว้ว่า ใบฟางมีแฟนแล้วที่มาเทียวรับเทียวส่งหล่อนบ่อย เรื่องนี้เป็นการยืนยันด้วยสายตาของมารดา ทีแรกเขาก็ไม่ได้เชื่อหรอก แต่มาเห็นสายตาและปฏิกิริยาของใบฟางที่มีต่อเขาแล้ว ชายหนุ่มต้องแอบบอกกับตัวเอง เขาคงมิแคล้วต้องซดน้ำใบบัวบกแทนข้าวมื้อนี้เสียแล้วและนี่คือความอึดอัด เมื่อถึงที่หมายใบฟางขอลง เขาเองก็จอดให้หล่อนลงอย่างง่ายดาย พร้อมกับยิ้มให้ และโบกมือเมื่อหล่อนเอ่ย “ฟางขอบใจพี่ศรามากนะคะ รบกวนเท่านี้ล่ะ ขอให้โชคดีค่ะ”ชายหนุ่มโทร.หาโทชินาดะแต่เช้าหลุดประโยคออกมา “โทชิ ฉันจะแต่งงานกับใบฟาง”ทำเอาเพื่อนอึ้งกับคำนี้ เงียบไปครู่จึงย้อนกลับไปถามทวน “นายว่าอะไรนะป้าง จะแต่งงานแล้วหรือ”“ใช่ ว่าที่เจ้าสาวของฉัน ใบฟางไงล่ะ คนที่เราได้พบเจอเป็นครั้งแรกพร้อมกับ
คุณสนมนาถเงยหน้าขึ้นสบตาสามีอย่างเข้าใจ ท่านเอ่ยอีกครั้งเบือนหน้าหันกลับมาเสียงเคร่ง“แล้วต่อไปจะเอาอย่างไร”“ผมจะจัดการสู่ขอน้องฟางให้ถูกต้องตามประเพณีครับ ส่วนฤกษ์ คุณแม่ของผมท่านกำลังหาอยู่ถึงเรื่องนี้.งมา แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้.ง เอ้อ ฟางจะแต่งงานกับ คุณปางภูค่ะ"ตอบล่ะเงมาอย่างไร เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น หล่อนอึ้งตลอด แต่อย่างทีบอกลึกนั้นในใจภูมิใจอย่างมาก ที่คำสารภาพของเขาแบบลุมอเลือกอย่างน้องชายแกเอก่อนนะครับ.. น่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ครับ”ปางภูชี้แจงเสียงนุ่มคมชัดฉะฉานและทุ้มเรียบ คุณสนมนาถยื่นผ้าเช็ดหน้าให้บุตรสาว ยิ้มชื่นมื่นนั้นบ่งบอกว่าลูกสาวรับรู้และเห็นดีเห็นงามด้วย“ในเมื่อจะมาเอ่ยขอลูกสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ประเพณีของไทยเราสุภาพบุรุษไม่ควรทำอะไรลับๆล่อๆ กินในที่ลับแล้วมาไขในที่แจ้งสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก้่ได้ว่าอะไร ก้เห็นดีเห็นงามด้วยน้าให้บุตรสาวมื่อเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มและลูกสาวสลับกัน ถ้าทำถูกต้องตามประเพณีทางนี้ก็ยอมรับ.. เพราะลูกสาวของฉัน เห็นว่าเขาคงจะเข้าข้างเธอ และเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างมาก เอาล่ะ เมื่อเข้าใจกันแล้ว ฉันก็ยอม