ทิชากรหันมายิ้มให้กับเพื่อน“นับว่าไม่เสียทีที่นายเป็นเพื่อนกับฉัน”ปางภูเอ่ยอีกหลังจากคิ้วเรียวเข้มขมวด“ใช่ ฉันไม่ควรให้ท้ายเพิร์ลมาก ไม่ควรทำให้รู้ว่าเธอยังมีความสำคัญกับฉัน”“แต่ดูแล้วเธอเหมือนมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับนาย”“คิดว่าสำคัญแค่ไหน ขอบอกให้ก็ได้นะ ยังไงก็ไม่สำคัญเท่าแซนดี้เพื่อนของฉันหรอก”ทิชากรหัวเราะร่วนให้กับเพื่อนอีกครั้ง“เหรอ ที่นายคิดอย่างนี้ ฉันจะได้สำคัญถูกว่าตัวเองเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับนายจริง”บทที่ 15“มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ สำหรับเราทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรขวางกั้นคำว่ามิตรภาพได้เลยนะแซนดี้”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แซนดี้มองหน้านักเขียนหนุ่มเพื่อนรักอย่างจริงจังอีกครั้ง“นายเข้มแข็งขึ้น ฉันดีใจด้วย เอาล่ะวะ เมื่อนายเข้าข้างฉัน ชัยชนะก็จงตกเป็นของนาย ขอบใจที่นายเชื่อถือเพื่อนอย่างฉันจนสนิทใจ เรามาคุยเรื่องงานต่อเถอะ”จากนั้นเพื่อนที่สนิทกันทั้งคู่ก็คุยกันอย่างออกรสออกชาติในงานเขียน และรวมทั้งคิดพร๊อตเรื่องใหม่ล่วงหน้า เอ่ยคุยเกี่ยวกับแวดวงนักเขียนด้วยกันด้วยถ้อยคำสนิทสนม ถึงแม้จะเป็นการนินทาก็ตาม แต่สำหรับทิชากรนั้นถือว่าเหมือนได้เล่าให้เพื่อนสนิทคนห
เขาเข้ามาพบตามเวลานัด เพียงแค่พยักหน้าในการรับรู้กับภารณี เพราะรู้จักมาก่อนเช่นกัน วางตัวเองเงียบสงบ และเห็นว่าภายในแววตาของเจ้าของร้านอย่างภารณีก็อึดอัดเช่นกัน จากสายตาที่ทราบว่าเมื่อก่อนชายหนุ่มหล่อผู้นี้เคยได้ขึ้นชื่อว่ากำลังใกล้จะเป็นน้องเขยของหล่อน แต่ทว่าการตัดรอนตัดสินใจลงเอยแต่งงานกะทันหันกับหนุ่มต่างชาติที่พ่อแม่ค่อนข้างจะเห็นดีด้วยนั้น ภารณีรู้ว่าผิด การที่น้องสาวอย่างภามิญากระทำเช่นนี้ต่อชายหนุ่มนักเขียนแล้ว ก็ไม่ควรแสดงกิริยาเหมือนตอกย้ำ หลังจากที่เลิกรา มันเหมือนกับการตามย้ำบาดแผลที่เจ็บปวด สะกิดแผลใจให้เขาได้ร้าวรวดอีกครั้งข้อนี้ภารณีกริ่งเกรงเหมือนกัน คิดว่าน้องสาวทำไม่ถูกแต่ทว่าภามิญาก็ได้ตัดสินใจทำลงไปแล้วหล่อนก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวผ่านประตูกระจกร้านหรูห้องเสื้อของหล่อน และดัดแปลงเป็นสตูดิโอด้วยนั้นเป็นอดีตคนรักของน้องสาว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเพิร์ลต้องทำอย่างนี้ หรือคิดจะมารื้อฟื้นความรักความหลังครั้งเก่า หล่อนก็ไม่คาดและคาดเดาได้ มันจะหวนกลับคืนมาอีกหรือเปล่า เพราะเท่าที่ดูท่าทางแล้ว ชายหนุ่มตรงหน้ายังเจ็บและจำอยู่ แต่ก็เอาเ
ที่หล่อนหายตกใจสั่น ก็เป็นเพราะว่าเวลานี้หล่อนอยู่ในเมืองไทยแล้ว หล่อนกลับมาที่นี่รู้สึกว่ามีความปลอดภัยอย่างที่สุด แต่ก็ยังหวั่นหวาดกลัวว่าเมลจะตามมาทีหลังเพราะเขารู้บ้านพักของหล่อน จากบิดากับมารดาของหล่อนนั่นแหละ เรื่องร้ายแรงอย่างนี้หล่อนไม่กล้าเอ่ยปากร้องและสารภาพให้กับบิดาและมารดาทราบท่านไม่เคยรู้เรื่องนี้ เพราะหล่อนคิดว่า ถ้าทราบ คนที่จะเกิดอันตรายคือตัวบิดาและมารดาเมลเคยขมขู่จับมือของเขากดบีบที่คางและคอของหล่อนประกาศิตด้วยคำว่าถึงตายทีเดียว ถ้าหากหล่อนบอกทุกคนให้รู้ ด้วยเหตุนี้หล่อนจึงรีบหาทางกลับเมืองไทยเพราะข้ออ้าง แม้ว่าบิดามารดาจะรู้สึกแปลก ท่านสงสัย แต่หล่อนไม่บอกให้ท่านได้รู้ ว่าลูกเขยที่ท่านรักนักหนา ที่แท้มันเป็นซาตานนี่เอง วิปริตในความรัก ตะกละตะกลามได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเหมือนสัตว์เดรัจฉานและนี่หล่อนกำลังหาทางเพื่อรอมชอมเพื่อทำให้ปางภูเข้าใจ พอถึงช่วงระยะหนึ่งหล่อนจะเอ่ยถามเขา ว่าเขายังรักหล่อนอยู่ใช่ไหม? หล่อนพร้อมที่จะยอมเป็นของเขาอีก ถ้าหากเขาไม่ผลักไสหล่อน และหล่อนไม่อยากจะคิดอย่างนั้นเพื่อให้เป็นผลลบแก่ตัวเอง เพราะคิดว่าปางภูยังคงรักหล่อนอ
จากนั้นจึงเบี่ยงสายตาไปทางด้านอื่น มองโน่นนี่ผ่านทะลุกระจกเรียกว่าอย่างไร้จุดหมายปลายทาง ทั้งที่หล่อนเหมือนติดปีกบินหนีอสูรเถื่อนนั่นได้ หากแต่ว่าเงาของเมลยังตามมาหลอกหลอนอีกครั้งบุคลิกลักษณะนิสัยของเขา แม้จะหล่อเหลาเพอร์เฟกต์สมบูรณ์ไปหมดแต่ก็ช่างแผกแตกต่างไปจากคนไทยตรงที่ความอ่อนโยนนุ่มนวลในธาตุแท้ ที่มองแล้วอบอุ่นสบายใจ หล่อนคิดว่าเมลเป็นมนุษย์ประหลาด บางทีอาจจะคิดไปอีกว่า อาจจะเป็นเพราะการที่คุณมาร์ติน กับคุณซานตาน่าเลี้ยงลูกชายมาแบบนี้ลึกๆนั้นเขาเหมือนคนที่ซ่อนปมด้อยของตนเองไว้ อย่างที่หล่อนบอกว่าเขาเป็นคนที่มีปัญหาทางจิต โรคนี้คนไทยไม่ค่อยเป็น เพราะไม่ใช่เป็นคนที่มีอะไรซับซ้อนและข้างในมันเปราะบางเหมือนชาวต่างชาติ เพราะอาการรักตัวกลัวตายเกิดขึ้น ภามิญาจึงต้องหาทางช่วยเหลือตัวเอง บอกตรงๆว่าหล่อนไม่ต้องการเผชิญหน้ากับสามีการหนีกลับมาที่เมืองไทยหล่อนไม่ได้บอกใคร ถ้าจะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับสามีที่เป็นโรคจิตห่อหุ้มพรางอุปนิสัยที่เลวร้ายในคราบเทพบุตรและรสชาติความรักที่สำส่อนตะกละตะกลามรุนแรง หล่อนคิดว่าหล่อนเพียงพอแล้ว หล่อนไม่ทานทนและอดทนต่อการเหวี่ยงกระแทกพื้นทำร้ายร่างกา
ซึ่งตอนนั้นหล่อนเหมือนคนที่ตาบอด ลุ่มหลงในความรัก คิดมาถึงตรงนี้แล้วเมื่อเทียบกับปัจจุบันที่หล่อนนั่งอยู่ ช่างแตกต่างไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ในโลกของความจริง ที่หล่อนได้เห็นหน้ากากแท้ของเขา อนิจจา หล่อนรู้สึกสงสารชีวิตที่ระทมทุกข์ของหล่อนเหลือเกิน นอกจากพฤติกรรมทางเพศแล้วยังเป็นโรคจิตและเสพรักไม่เลือกที่ทั้งชายและหญิง หล่อนเพิ่งมาเข้าใจและศึกษาชีวิตของผู้ชายเหล่านี้ในระยะหลัง หลังจากที่อ่านจากอินเทอร์เน็ตรวมทั้งแมกกาซีนบทความที่ลงเกี่ยวกับวิถีชีวิตส่วนใหญ่ของชาวต่างประเทศและกลุ่มตะวันตกพบว่าส่วนใหญ่มักจะเป็นเกย์มากกว่าผู้ชายแท้มากยิ่งขึ้นมีพฤติกรรมที่อำพรางสายตาจากคนภายนอก เพื่อซ่อนปมของตนเอง ไม่อยากให้สังคมรับรู้ แม้ว่าการกระทำและพฤติกรรมเบี่ยงเบนจะเป็นที่ยอมรับในกลุ่มชนชั้นทางสังคมของเมืองได้ ทีแรกหล่อนก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่า สามีที่หล่อนได้มาครอบครอง เขาจะไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ ที่หล่อนนั้นปรารถนาอย่างมากที่สุดส่วนใบฟางนั้นหญิงสาวยังสลัดภาพนั้นออกจากใจไม่ได้ ทั้งที่บอกกับตนเองแล้วว่าพยายามลืม แต่ทว่าความรู้สึกที่แวบขึ้นมันก็ฉายเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมกับตอกย้ำ ซึ่ง
เขาเอ่ยถามเฉพาะเรื่องทั่วไป ไม่ได้เอ่ยถามเรื่องความรู้สึกส่วนตัว เพราะมีความรู้สึกว่า เขากับภามิญาไม่น่าจะเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ไม่รู้ล่ะใจเขาคิดอย่างนี้ บางครั้งเขาอยากหลบหลีกหล่อน แต่บางครั้งมีบ้างที่แวบอนาทร แต่มันไม่ได้มีความรู้สึกว่าลึกซึ้งเหมือนเดิม แต่ลักษณะความเป็นเพื่อนมากกว่า เขายังจดจำคำของหล่อนที่ฝากเอาไว้ถึงอย่างไรเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน ใช่ คำนี้ถูกแทรกเข้ามาในความคิดอีก เขาไม่ลืมแน่สาวสวยอีกคน ที่พาเธอเข้ามาในชีวิตนี่สิ เขาจำเป็นต้องคิดอีกครั้ง ด้วยสมองที่หนักอึ้ง ว่าแต่เขาเถอะจะจัดการกับผู้หญิงคนนี้อย่างไรดี เพราะเขาได้อุปโลกน์ไปเรียบร้อยแล้วว่า หล่อนกับเขามีความสัมพันธ์เกินเลยมากกว่านอนกอดกันอยู่ในโรงแรมม่านรูดธรรมดา พูดแค่นี้เด็กประถมก็ยังเดาออก บางทีความคิดเหล่านี้เขาผิดเหมือนกัน ตัวเองเป็นถึงนักเขียน กล้าทำเรื่องบัดซบแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร หรือจะให้เขาหวนกลับไปรับผิดชอบและเขาก็ไม่รู้ว่าสาวสวยผ่านอะไรมาบ้างหรือเปล่า ความสัมพันธ์ที่เกินเลยไปจากการกอดจูบ เพราะเขาตะขิดตะขวงใจ ไอ้ธีรคามมันพูดปาวๆว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของมัน.. นั่นเองเขานึกขยะแขยงไม่อยากจะ
ยังไม่มืดค่ำหรอก หล่อนคิดว่า เขาก็เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเช่นเดิม ปรากฏว่าว่างเปล่ามีสัญญาณดังขึ้น แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาปิดเครื่องทิ้ง ให้ฝากแต่ข้อความไว้ ตายล่ะสิใบฟางคนหนึ่งที่เป็นคนไม่ชอบเลยเรื่องฝากข้อความทิ้ง เรียกว่าหล่อนใจร้อนพอสมควร ตรงไหนที่สงสัยกังขาสำหรับตนเองแทบอยากจะรุดไปถึงบ้านให้รู้ความกันแต่เดี๋ยวนั้นเลย นี่อาจเป็นข้อเสียของหล่อนกระมัง แน่แล้วล่ะ คว้าน้ำเหลว สาวสวยลองพยายามกดรับอีกครั้ง แล้วทิ้งช่วงสิบนาทีต่อมา ปรากฏว่าเป็นเช่นเดิมธีรคามไปไหนกันแน่ ตั้งแต่เหตุเกิดเรื่องในวันนั้น เขาหายต๋อมไป สาวสวยอดคิดไม่ได้เหมือนกัน หรือว่าจะเกิดเหตุร้ายกับเขา ชายหนุ่มผู้นั้นไง หล่อนพุ่งเป้าไปที่หน้าหล่อเหลาแต่มาดเข้มเหมือนโจร เขาต้องเป็นผู้มีอิทธิพลอะไรสักอย่าง ที่หล่อนให้คำตอบไม่ได้ นึกถึงเขาแล้วในใจของสาวสวยประดังแต่ความคั่งแค้น ถึงแม้เขาจะช่วยเหลือหล่อน อย่านึกนะว่าหล่อนจะนึกถึงบุญคุณข้อนี้แล้วข้อหาที่มารซาตานสารเลวอย่างเขาปูยี่ปูยำกับหล่อนล่ะ มันมีสิ่งไหนที่สามารถทดแทนความเจ็บปวดเหล่านี้ได้ ยิ่งคิดในใจยิ่งระอุในเคียดแค้น เจอหน้าจะตบสักสิบร้อยหรือพันทียัง
“ไหน พี่ขอดูก่อน พี่ถามเธอตั้งหลายครั้งแล้วนะ ว่าหนังสือเกี่ยวกับอะไร อ่านแล้วเคลิ้มทำหน้าลอยตาเหมือนกับนิยายพาฝันที่มีพระเอกนางเอกเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงอย่างนั้นล่ะ”“ก็นิยายจริงนี่คะ แต่ไม่ใช่เรื่องเจ้าชายเจ้าหญิงหรอกค่ะ วัยรุ่นนี่ล่ะ หนุ่มสาวอ่านแล้วรู้สึกอินเลิฟจังค่ะ”แหม ฟังยัยน้องสาวจอมแก่แดดของเธอพูดเข้า ทำเอาใบฟางอึ้งไปเหมือนกัน ที่อิทธิพลของหนังสือเล่มนี้ก่อให้น้องสาวรู้สึกเช่นนี้ มันคงจะมีอะไรดีอย่างแน่นอน“เธออ่านแล้วติด ชอบอะไรล่ะ”“ก็บอกว่านิยายไงค่ะ”“แหม อ่านนิยายน้ำเน่าตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเชียว ยัยเงินหัวฟู”ใบฟางกระเซ้าแหย่น้องสาว“ค่ะยอมรับ น้ำเน่าก็น้ำเน่า แต่ก็ทำให้คนติด เงินว่าคนเป็นนักเขียนนี่เก่งจังนะคะ”แล้วหันไปทางพี่สาวแบมือขออีกครั้ง ขณะที่พี่สาวยังเปิดพลิกอ่านไปมา แล้วหล่อนหยุดนิ่งครุ่นคิด ดูเหมือนมีสาระเกร็ดต่างๆใกล้ตัวอย่างมาก อ่านแล้วเพลินดี ด้วยรูปเล่มสะดวกกะทัดรัด ไม่ใหญ่จนดูเทอะทะ อ่านแล้วรู้สึกชื่นชอบก่อนบอกน้องสาว“งั้นพี่ขอต่อนะ”“ฮั่นแน่ ชอบเหมือนเค้าใช่ไหมล่ะตัว”รับหนังสือเล่มมาจากพี่สาวพลางยิ้มให้สาวสวยผู้เป็นพี่เอ่ยอีกว่า“พี่แปลกใจจัง ว่าใ
ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบฟาง”หล่อนเข้าใจเขาพูดถูก หล่อนก็ตอบแทนความรักของเขาด้วย“ต่อไปไม่มีแล้วล่ะ เมียขายฝาก สมญาที่ใช้เป็นคำพูดเล่นๆขำๆเพื่อล้อเลียนคุณ มีแต่ตำแหน่งเดียวคือเมียแต่งนายปางภู คุณจะสนใจตำแหน่งนี้ชั่วชีวิตหรือเปล่าล่ะ”คารมของพ่อหนุ่มนักเขียนทำเอาหล่อนต้องยอมรับล่ะ มิน่าถึงร้อยเรียงเขียนหนังสือได้หลากหลายยาวนาน “สนใจสิคะ”หล่อนพยักหน้า “ไม่งั้นฉันคงไม่ตัดสินใจยอมคุณหรอก” เขากลั้วยิ้มดวงตาพราวอีกครั้งกับคำตอบนี้ พึงพอใจเช่นเดิม เพราะขุมสมองมีแต่ความเพริดแพร้วทางปัญญา ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบ
คารมของนักเขียนหนุ่มผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้น หญิงสาวยิ้มพราวระยับที่ดวงตาของหล่อนขึ้นบ้าง หวงนี่อาจจะแปลกว่าหึง หล่อนยิ้ม“นั่นยิ้มอะไร ขำหรือว่าไม่พอใจ”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ฟางรู้สึกว่า พอได้สามีมาหนึ่งคน เขาก็บ่นเสียเก่ง” เขาหันมาทางสาวสวยผู้เป็นภรรยา ขยับใบหน้ามาใกล้ “นี่มาหาว่าเราบ่น ประเดี๋ยวเหอะ จะจูบให้ตายตาอ้อมกอดเลย”ชายหนุ่มบ่นเสียงไม่จริงจังนัก หมั่นไส้ผู้เป็นภรรยามากกว่า “แนะ ไม่กลัว ใช่ไหม? เดี๋ยวเอาจริงนะ”เขาขู่หล่อน พลอยทำให้ใบฟางต้องหลับตาปี๋ลง ก่อนที่ใบหน้าขาวๆของดวงหน้าคมคายจะโน้นแตะชิดใกล้ริมฝีปากประกบบดขยี้ลงไปแทรกความหวานเจือปนละลายอยู่ในช่องปาก จนสาวสวยรับรู้ถึงสัมผัสที่หวานซ่านลิ้น “นี่เริ่มบทลงโทษแล้ว โทษฐานที่มีเมียขี้บ่น แถมปากเก่งอีกต่างหาก เอ้อ เป็นเมียขายฝากเสียด้วย”หญิงสาวยังข้องใจในคำนี้ ความหมายแบบเขานี่คืออะไร จึงส่งสายตาอึดอัด หงุดหงิดทวงถามเมื่อเขาละถอนจากริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นจ้องหล่อน เพราะรู้ว่าหล่อนจะถาม หล่อนไม่ชอบใจสักนิดกับคำทีเขาใช่เรียกหล่อน“อีกแล้ว เมียขายฝาก ฉันไม่รู้ว่าความหมายมันคืออะไรกันแน่ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่พี่ธีรคา
“ยังไม่แน่ใจค่ะ เมล ตอนนี้ฉันอยากอยู่เมืองไทยไปก่อน คงทำงานไปสักพัก ถ้าลืมเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างได้ ฉันก็อาจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับใครก็ได้ ที่เขารักจริง และรักความเป็นตัวฉัน รวมทั้งเขาไม่แคร์อดีตต่างๆของฉันด้วย”“ขอให้คุณโชคดีนะฮันนี่”“ขอบคุณคะ เมล คุณก็เช่นกัน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”หล่อนโบกมือให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาและคณะจะเดินจากไปในช่องผู้โดยสารขาออก แล้วหล่อนหันมายิ้มให้กับตัวเอง นี่คืออิสรเสรีที่หล่อนต้องการ จึงถอนใจออกมายาวนานด้วยมีความสุข หล่อนต้องการตัด และเยื่อใยอาวรณ์จากเขา หล่อนจะต้องทำให้ได้ เมลมีดีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างเช่นกัน แต่สิ่งที่หล่อนยอมรับไม่ได้คือ เขาจะเอาทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อย่างที่เรียกว่า เสือไบ โฮโมเซกช่วล แบบนี้หล่อนไม่ต้องการ ไม่ต้องการเสียน้ำตาทนอยู่กับผู้ชายประเภทนี้ เพราะนั่นหมายความว่า เขาทำให้ชีวิตของหล่อน เหมือนตกนรกทั้งเป็นนึกว่าจะยืดเยื้อ หรือคาราคาซังเสียอีก ขอบคุณที่เขาเลือกให้ของขวัญนี้ให้แก่หล่อน ตามที่หล่อนร้องขอปรารถนามานานต่อไป ชั่วชีวิตนี้ หล่อนจะไม่สนใจ ผู้ชายที่ชื่อเมล นี้อย่างเด็ดขาด ว่าเขาจะเป็นตายร้าย
จะไม่ช๊อคใจไปใหญ่หรือ ที่ตลอดมานั้น อ่านหนังสือของคนกันเองทั้งนั้น คนกันเองที่ขยับเข้ามาเป็นคนในบ้านและเป็นคนในเรือนใจของหล่อนเข้าทุกขณะ“นี่สิของแท้ของชัวร์ นิยายที่ผ่านการรวมเล่มแล้วของผม มีประมาณ เกือบสิบเรื่องด้วยกัน ซ่อนอยู่อีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะ และถ้าอยากจะไปร่วมงานวันสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมษาที่จะถึงเร็วๆนี้ ไปกับผมสิ คุณจะได้รู้ว่าแฟนคลับผมตรึมแค่ไหน ที่เรียกร้องอยากจะให้ผมมา..แล้วก็ต้องแจกลายเซ็นต์ด้วย”เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ไม่น่าเชื่อ ด้วยบุคลิกที่อ่อนโยนและสุภาพปนกับอารมณ์ร้ายเกรี้ยวกราด ไม่นึกว่าเขาจะมีอีกภาคหนึ่ง ของผู้ชายที่เขียนหนังสือขาย เป็นนักเขียนที่ถือว่า ได้รับความนิยมมากคนหนึ่งในปัจจุบัน ในยุคที่นักเขียนไทย ผุดตัวเองขึ้นมาราวกับดอกเห็นกลางฤดูฝน“ไม่เชื่อ คงต้องเชื่อแล้วละคะ นี่ถ้ายัยเงิน น้องสาวของฟางรู้เรื่อง ตายเลยล่ะคงทั้งอึ้งทั้งทึ่ง ไม่งั้นก็เกือบช๊อคไปหลายสิบตลบแน่นอน”“ถึงขนาดนั้นเลยหรือ”“ใช่ค่ะ ถึงขนาดนั้นแน่นอน เพราะน้องสาวของฉัน ติดงานของคุณมาก”เขาเพิ่งทราบ“นี่คุณทำอย่างนี้ทุกวัน หลังขดหลังแข็งมากไหมคะ”เขายิ้มอีกครั้ง“งา
เขาเอ่ยคำนี้ จนหล่อนหน้าแดงไปเลย สีระเรื่ออ่อนที่พวงแก้ม แต่ก็เข้าใจความหมายเมื่อเขาพร้อมที่จะให้สัญญาปากแบบสุภาพบุรุษอีกครั้ง “งั้น ฟางจะยอมไว้เนื้อเชื่อใจอีกสักครั้ง ทั้งที่ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่”“อ้าวทำไมล่ะ กลัวผมจะเปลี่ยนใจ ทำมิดีมิร้ายกับคุณหรือไง นี่ฟังนะจ้ะคนเดียว เรื่องทำมิดีมิร้าย ผมก็คิดเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เวลานี้ แต่ต่อไปล่ะ ผมคงมีเวลาทำมิดีมิร้ายกับคุณอย่างสุดสวาทอย่างว่า ได้นานครั้งล่ะ ตอนที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว นั่นล่ะ มีเวลาทั้งชีวิตของผมเลย”ฟังคำพูดที่เขาเอ่ย หล่อนก็รู้สึกเบาใจ ปางภูหัวเราะเสียงใส“แล้วฉายาเจ้าพ่อบ่อนหรือเสี่ยที่พี่ธีรคามเรียกใช้ ให้สมญาชื่อคุณล่ะคะ”“นั่นผมลืมแล้ว ผมจะไม่เข้าแล้ว ตัดขาดจากมันตลอดชีวิต ในเมื่อผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนี่ ผมมีคุณ ผมมีครอบครัว มีคนที่เอาใจใส่น่ารักอย่างนี้ ผมจะเตลิดหนีหายไปไหนได้อีกล่ะฟางจ๋า”ในเมื่อเขาจะมีครอบครัวแล้ว นั่นมันคือภาพอดีต เมื่อครั้งที่ยังใช้ชีวิตโสดอิสระได้เต็มที่ และเมื่อพ้นจากวัยนั้นพ้นผ่านแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็คิดว่ามันเป็นเกมชั่วครั้งชั่วคราวที่ผ่านทางชีวิตของเขาเขาไม่ได้ติดหนึบติดหน
หญิงสาวยิ้มให้พยักหน้าและเพิ่งเข้าใจ “คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่ตอนนั้นทำอะไรก็คิดจะปิดบังคุณ”เสียงนุ่มทุ้มดังอีก เป็นกังวาน แต่ก็รู้สึกชุ่มชโลมในหัวใจของหล่อนอย่างประหลาด“เคยคิดจะโกรธเหมือนกันคะ แต่ก็ดีที่คุณเพิ่งอธิบายออกมา ฉันเลยนึกโกรธคุณไม่ลงแล้ว”เขาหันมายิ้มอ่อนๆสบตาของหล่อน“ก็ต้องบอก เพราะเราก็เหมือนคนคนเดียวกันแล้ว จากนี้มีอะไรก็ต้องร่วมรับผิดชอบกัน”หล่อนนิ่งฟังคำพูด ชอบฟังคำพูดที่มีหลักการในการวางแผน และให้กำลังใจ สร้างความปลาบปลื้ม แก่ใจของหล่อนอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวยอมรับว่าหล่อนเริ่มจะหลงรักผู้ชายคนนี้เสียแล้ว ไม่รักก็คงไม่ได้หรอก ลึกแต่ไม่ลับในความรู้สึกของหล่อน ขอเก็บเอาไว้รู้เพียงคนเดียว จึงหันทางเขาอีกครั้งยิ้มและสบตาให้ หล่อนนึกถึงเรื่องอื่นได้ อย่างเพิร์ล หรือภามิญาที่ไม่รู้ว่า ทั้งคู่คืบหน้าไปมากแค่ไหน จวบกับมีเรื่องราวอื่นที่เป็นเรื่องสะเทือนใจ ประดังเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าไม่ขาด จากสึนามิ ฝนก็ท่วมถล่มทางภาคใต้ แผ่นดินไหวทางประเทศพม่าหรือเมียนมาร์กับทางภาคเหนือของไทย วิบากกรรมของประเทศและชาวโลกถูกซัดมาอย่างไม่หยุดหย่อน คงต้องพึ่งพาความดีงาม ศีลธรรม บุญกุศลท
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงระส่ำขวัญเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดจึงถูกพับแปลนงานอย่างน่าเสียดาย ไว้รอเหตุการณ์ทุกอย่างสงบอีกครั้ง เขาถึงจะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน คงต้องเป็นหลังจากที่งานแต่งของเพื่อนรักที่เมืองไทยเสร็จสิ้น“ขอบใจนายมากที่เป็นห่วง ฉันเป็นตัวแทนของประเทศที่รับความหวังดีนี้จากนาย”“ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนไทย เมืองที่ได้ชื่อว่าใจบุญ และสยามเมืองยิ้ม ที่ไหนเกิดความทุกข์เดือดร้อนสาหัส พวกเราทนดูดายไม่ได้หรอก ยิ่งญี่ปุ่นก็ให้ความพึ่งพิงพึ่งพาช่วยเหลือประเทศไทยเรามาก่อน ไม่ว่าทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่างๆ สายสัมพันธ์เรายาวนาน เราจึงเห็นใจกันและกัน ถือว่าประเทศไทยตอบแทนน้ำใจประเทศญี่ปุ่น มันเป็นการกตัญญูรู้คุณที่สองประเทศมีไว้ให้กัน”คนฟังรู้สึกตื่นตันใจ และนึกในใจเขาเองก็ถือว่าโชคดีที่มีเพื่อนสนิทเป็นคนไทยอย่างปางภู“ทำใจให้ดีเถอะนะ เข้มแข็งเอาไว้ คิดเสียว่า เบื้องหลังฝันร้าย จะกลายเป็นดี ในอนาคต”โทชินาดะพยักหน้ารับกับเพื่อน ใบฟางรับรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ เพราะหล่อนติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกิดอย่างรุนแรงของประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนึกถึงเพ
แต่ที่น่าแปลกใจคือ ศราณัฐกลับพูดเรื่องนี้ไม่ออก เหมือนปากของเขาถูกอุดเอาไว้นิ่งเช่นกัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรืออาจเพราะว่า เขากับหล่อนนั้น ห่างหายจากกันไปนาน แทบไม่ได้รับการติดต่อจนกระทั่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งแต่เขามีความรู้สึกว่า ใบฟางห่างเหินเมินเฉยต่อเขาเป็นอย่างมาก เอ หรือจะเป็นเช่นที่มารดาเอ่ยกล่าวว่าเปรยๆบอกเขาไว้ว่า ใบฟางมีแฟนแล้วที่มาเทียวรับเทียวส่งหล่อนบ่อย เรื่องนี้เป็นการยืนยันด้วยสายตาของมารดา ทีแรกเขาก็ไม่ได้เชื่อหรอก แต่มาเห็นสายตาและปฏิกิริยาของใบฟางที่มีต่อเขาแล้ว ชายหนุ่มต้องแอบบอกกับตัวเอง เขาคงมิแคล้วต้องซดน้ำใบบัวบกแทนข้าวมื้อนี้เสียแล้วและนี่คือความอึดอัด เมื่อถึงที่หมายใบฟางขอลง เขาเองก็จอดให้หล่อนลงอย่างง่ายดาย พร้อมกับยิ้มให้ และโบกมือเมื่อหล่อนเอ่ย “ฟางขอบใจพี่ศรามากนะคะ รบกวนเท่านี้ล่ะ ขอให้โชคดีค่ะ”ชายหนุ่มโทร.หาโทชินาดะแต่เช้าหลุดประโยคออกมา “โทชิ ฉันจะแต่งงานกับใบฟาง”ทำเอาเพื่อนอึ้งกับคำนี้ เงียบไปครู่จึงย้อนกลับไปถามทวน “นายว่าอะไรนะป้าง จะแต่งงานแล้วหรือ”“ใช่ ว่าที่เจ้าสาวของฉัน ใบฟางไงล่ะ คนที่เราได้พบเจอเป็นครั้งแรกพร้อมกับ
คุณสนมนาถเงยหน้าขึ้นสบตาสามีอย่างเข้าใจ ท่านเอ่ยอีกครั้งเบือนหน้าหันกลับมาเสียงเคร่ง“แล้วต่อไปจะเอาอย่างไร”“ผมจะจัดการสู่ขอน้องฟางให้ถูกต้องตามประเพณีครับ ส่วนฤกษ์ คุณแม่ของผมท่านกำลังหาอยู่ถึงเรื่องนี้.งมา แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้.ง เอ้อ ฟางจะแต่งงานกับ คุณปางภูค่ะ"ตอบล่ะเงมาอย่างไร เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น หล่อนอึ้งตลอด แต่อย่างทีบอกลึกนั้นในใจภูมิใจอย่างมาก ที่คำสารภาพของเขาแบบลุมอเลือกอย่างน้องชายแกเอก่อนนะครับ.. น่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ครับ”ปางภูชี้แจงเสียงนุ่มคมชัดฉะฉานและทุ้มเรียบ คุณสนมนาถยื่นผ้าเช็ดหน้าให้บุตรสาว ยิ้มชื่นมื่นนั้นบ่งบอกว่าลูกสาวรับรู้และเห็นดีเห็นงามด้วย“ในเมื่อจะมาเอ่ยขอลูกสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ประเพณีของไทยเราสุภาพบุรุษไม่ควรทำอะไรลับๆล่อๆ กินในที่ลับแล้วมาไขในที่แจ้งสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก้่ได้ว่าอะไร ก้เห็นดีเห็นงามด้วยน้าให้บุตรสาวมื่อเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มและลูกสาวสลับกัน ถ้าทำถูกต้องตามประเพณีทางนี้ก็ยอมรับ.. เพราะลูกสาวของฉัน เห็นว่าเขาคงจะเข้าข้างเธอ และเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างมาก เอาล่ะ เมื่อเข้าใจกันแล้ว ฉันก็ยอม