พ่อไปต่างจังหวัดไปเยี่ยมเพื่อนที่กำลังเจ็บป่วย บอกจะไปหนึ่งอาทิตย์ ส่วนคุณย่ากับป้าพรคู่หูก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดหนึ่งอาทิตย์ และที่บ้านก็เงียบเหงาเหลือเกิน ปกติเขาก็ไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว บ้านหลังใหญ่เหลือเพียงเขาและวรนิษฐ์อยู่ด้วยกัน
มโนภฤศมองคนที่นอนหลับสนิทบนเตียง เขาอาบน้ำเสร็จออกมาก็เห็นวรนิษฐ์หลับสนิท เป็นแบบนี้ทุกวัน เพราะสองวันแล้วที่หล่อนไปทำงานที่โรงหมักปุ๋ยและช่วยคนงานใส่ปุ๋ย พรวนดินในไร่ด้วย เขาเดินมานั่งบนเตียงแล้วมองไปยังมือเล็กของเธอที่ตอนนี้หมองคล้ำ เขาจึงฉวยโอกาสจับมือเธอแล้วดึงมาดู มือนุ่มนิ่มเต็มไปด้วยแผลพุพองจากการกำด้ามพลั่วและจอบเสียม บางตุ่มพองและแตกไปแล้ว คงเจ็บและแสบมากสินะตอนตุ่มที่มือแตก
“อยากอวดดีเอง ช่วยไม่ได้”
แล้วเขาก็ปล่อยมือเล็กนั้นกลับไปเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่อยากจะทำแผลให้เธอและถามว่าเจ็บมากไหม แต่เมื่อนึกถึงความรั้นของวรนิษฐ์ก็ทำให้เขาไม่สนใจ
“ให้มันรู้ไปว่าเธอจะทนได้นานแค่ไหนกันไวน์ จะอวดดีอวดเก่งทำง
“ก็ให้คนที่บ้านตำให้กินได้ค่ะ อีกอย่างคนท้องชอบกินอะไรเปรี้ยวๆ แบบนี้ปกติค่ะ” ป้าคนงานเอ่ย“จริงค่ะ เนี่ยเปรี้ยวปากน้ำลายแตกตั้งแต่ได้กลิ่นปลาร้าเลยค่ะ ของไทยเราดีจริงๆ นะคะ ไวน์อยู่สวีเดนไม่ได้กินอาหารแบบนี้เลย พอมาอยู่นี่ได้กินแบบนี้แล้วชอบมากเลยค่ะ” เธอบอกป้าคนงานและตักตำมะยมใส่มะขามคำโตเข้าปาก โดยไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าของไร่ได้เดินมายืนอยู่ด้านหลังของเธอแล้ว“พวกป้าไปทำงานก่อนนะจ๊ะ หนูไวน์กินเถอะ” หนึ่งในป้าคนงานเอ่ย“เหลือเต็มจานเลย กินด้วยกันก่อนสิคะ ไวน์กินไม่หมดหรอกป้า” เธอเรียกให้ทุกคนอยู่กินต่อเป็นเพื่อนตน“พี่เขียดด้วย จะไปไหน มากินด้วยกันก่อนค่ะ” และเขียดเองก็ลุกลงจากแคร่ไปยืนข้างๆ แคร่เช่นกัน“อร่อยไหม?” คนตัวโตโน้มตัวลงไปเอ่ยถามข้างหูเธอจนมือที่ถือช้อนอยู่อ่อนแรงปล่อยช้อนหลุดมือลงจานตำมะยมใส่มะขาม“พะ...พี่มาร์ค ไวน์ไม่ได้อู้งานนะคะ ไวน์แค่พักเที่ยงเอง” เธอหันมาบอกเขาและปลายจมูกก็ชนเข้ากับปลายจมูกโด่งอย่างจังอุ๊ย!“พักเที่ยงแล้วก็ไปทำงานได้แล้ว แล้วเนี่ยกินข้าวกับอะไรตอนเที่ยง” เขาถามเธอเมื่อเห็นว่
พอเจอลำธารใสสะอาดน่าเล่น วรนิษฐ์ก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น“ว้าว! น่าเล่นจังเลยค่ะ น้ำใสจัง” เธอเห็นน้ำใสน่าเล่นก็ถอดรองเท้าผ้าใบและถุงเท้ากองไว้ข้างลำธารแล้วลงไปเล่นน้ำทันที ไม่สนใจคนที่ก้มหน้าวิดน้ำใส่หน้าตัวเองข้างลำธาร“ระวังด้วยล่ะ อย่าไปตรงนั้นมันลึก” เขาชี้มือไปทางอีกฝั่งด้วยกลัวเธอจะเล่นไปถึงตรงนั้นด้วยความเป็นห่วง“ไวน์ว่ายน้ำเป็นค่ะ เป็นนักกีฬามหา’ลัยด้วย”“อวดเก่ง” เขาบอกแค่นั้นแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำเงินดำตัวเองออกมาซักกับน้ำในลำธารที่ไหลตลอดเวลา“พี่มาร์คมาเล่นน้ำด้วยกันค่ะ” เธอกวักมือเรียกเขา และมโนภฤศก็มองคนที่กวักมือเรียกตัวเองแล้วก็กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอเวลามันเปียกน้ำมันบางจนเห็นข้างในและมันก็แนบไปกับเนื้อและหน้าอกอวบอูมของหล่อน“ถ้าฉันไม่อยากแค่เล่นน้ำล่ะ” เขาบอกเธอ“ก็เรื่องของพี่สิคะ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ไวน์จะเล่นน้ำ” คนไม่เข้าใจในความหมายเอ่ยตอบแล้วดำลงไปใต้น้ำแหวกว่ายเล่นอย่างสบายใจหึหึมโนภฤศถอดกางเกงยีนส์สีดำขาดเข่าตัวเองวางไว้ที่ข้างล
หล่อนบิดเร่าครางซ่านสวาทพร้อมกับเอวเล็กที่ถูกยกอุ้มขึ้นลงเป็นจังหวะก็ถูกเอวสอบกระแทกหนักหน่วงขึ้นหาจนกระเด็นกระดอนตามแรงไปเลยทีเดียว เธอชอบให้เขาสอดแทรกในกายแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกว่าเขารักตนเองบ้าง ทำให้รู้สึกว่าเขาเริ่มมีใจให้ตนเองไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องการแบบนี้ “อ่า...พร้อมกันไวน์ พร้อมกัน อ่า...พี่จะพาเราไปให้ถึงฝั่ง อ่า...อืม” แล้วมือใหญ่ก็ยกอุ้มดันเธอขึ้นลงจนสองเต้าอวบหยุ่นเบียดสีไปกับหน้าของเขาและเอวสอบก็เคลื่อนไหวยกเร่าตอบสนองหมุนควงร้อนอยู่ใต้น้ำ ตอนนี้สองร่างเปียกปอนและสายน้ำก็กระเด็นกระเซ็นตลอดการเคลื่อนไหวสวาทของทั้งคู่ “โอว์...ไวน์ อ่า...” เสียงครางกระเส่าเสียวยังคงดังออกมาเป็นระยะพร้อมกับทั้งสองเคลื่อนไหวบดเร่ากันในน้ำ หัวใจของมโนภฤศยากจะฉุดกลับ ตอนนี้มันโดนสาวเจ้าที่แอ่นเด้งเร่าขึ้นหาตอนนี้ตกไปเรียบร้อยแล้ว โดนตกไปแบบไม่รู้ตัว และสำหรับวรนิษฐ์แล้วยิ่งรักและหวงชายหนุ่ม ยิ่งไม่อยากเสียเขาไปให้ผู้หญิงคนไหน&nbs
ความเจ็บจุกกระแทกอกเมื่อตอนเช้าตั้งใจจะมาทำมื้อเช้าให้ตนและสามีอย่างมโนภฤศ แต่เดินมายังไม่ถึงห้องครัวก็ได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกดังลอดออกมาจากห้องครัวข้างหน้าตน เธอเลิกคิ้วสงสัยว่ามันเป็นเสียงใครกัน แต่อีกเสียงพูดที่ได้ยินคือเสียงของมโนภฤศแน่นอน เธอจำได้ เท้าเล็กจึงเร่งสาวเท้าไปยังห้องครัวเพื่อจะไปดูให้เห็นกับตา และพอเดินมาถึงหน้าประตูห้องครัวที่เปิดกว้างอยู่ก็ถึงกับหน้าชา ขาชาก้าวเดินไม่ออก เป็นใบ้ขึ้นมาทันทีเมื่อภาพที่เห็นมันตำตาตำใจของหล่อนเหลือเกิน วรนิษฐ์เม้มปากแน่นแล้วสูดลมหายใจแรงๆ ตั้งสติแล้วเอ่ยถามทั้งสองที่กำลังโอบกอดกันอยู่ในครัวทันที “ทำอะไรกันคะ?” น้ำเสียงเล็กแต่กระแสเสียงของเธอบอกได้ชัดว่าไม่พอใจกับทั้งสองคนที่โอบกอดกันอยู่ มโนภฤศผละออกห่างแพรไหมทันทีเมื่อได้ยินเสียงเล็ก เมื่อกี้แพรไหมเธอจะล้ม เขาเลยรับไว้ก็เท่านั้นเอง นี่คือความจริงที่เขาอธิบายในใจไม่ได้บอกหล่อน “ทำกับข้าว” เขาตอบสั้นๆ “เหรอคะ ปกติตอนเช้าพี่มาร์คจะไปวิ่
“จะกลับสวีเดนค่ะ สนุกพอแล้วและเบื่อแล้วตอนนี้ ส่วนใบหย่าและงานแต่งงานก็ไม่ต้องห่วงนะคะ ใบหย่าไวน์จะเซ็นให้ค่ะ ส่วนงานแต่งงาน พี่ก็แต่งกับคุณแพรที่รักนักรักหนาเลยค่ะ รักกันมากนักนี่ถึงได้พากันมาอยู่ที่บ้านตอนที่พ่อวินกับคุณย่าไม่อยู่”“อย่ามาทำนิสัยเด็กๆ กับพี่นะไวน์” เขาคว้าข้อมือเล็กพร้อมกระชากร่างเล็กของหล่อนเข้ามาหาตนอุ๊ย!เธอดันมือตัวเองกับหน้าอกของเขาไว้เพื่อไม่ให้ร่างตัวเองบดเบียดไปกับร่างใหญ่ของเขา“ถึงจะหย่าให้ไงคะ และจะกลับสวีเดนด้วย”คำพูดของวรนิษฐ์ทำให้เขารู้สึกใจหายวาบและเจ็บปวดแปลบๆ ขึ้นมาในอก“แล้วลูกล่ะ? เธอจะบอกพ่อกับแม่เธอยังไงถ้าท้องเธอโต แถมเธอก็แพ้ท้องด้วย”“ลูกไม่เห็นมีอะไรนี่คะ เพราะลูกก็อยู่ในท้องไวน์ อีกอย่างเรื่องพ่อกับแม่ของไวน์ พี่มาร์คไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวไวน์จะอธิบายเอง พี่มาร์คไม่ได้อยากรับผิดชอบเราสองคนอยู่แล้ว เพราะคนที่รักและห่วงใยคือคนที่อยู่ในครัว และก็ปล่อยได้แล้วค่ะ” เธอขืนตัวเองในอ้อมกอดเขา แต่เขากลับรัดแน่นกว่าเดิม“ไม่ปล่อย ตัวก็ยังรุมๆ อยู่ ไปพักเถอะ และห้ามไปไหนทั
เสียงช้อนที่ตักข้าววางกระแทกกับจานทันที“งั้นก็เชิญ กินให้หมดล่ะ”“ค่ะ” แล้วเธอก็หยิบถาดที่หน้าตักเขามาวางไว้ที่หน้าตักตัวเองแล้วตักทานเงียบๆ ไม่พูดอะไรต่ออีก และทานไปหลายคำก็นึกสงสัยรสชาติ มันไม่เหมือนกับคนในบ้านเขาทำให้กินจึงถามขึ้น“ไม่ใช่ฝีมือพี่น้อยและคนอื่น ใครทำคะ หรือว่าพี่มาร์ค”“พี่ทำเอง ไม่อร่อยเหรอ?”“พอกินได้ค่ะ” เธอตอบแล้วก็ตักกินต่อแล้วก็เงยหน้ามองเขาที่จ้องเธอตลอดการกิน“มองอะไรคะ เอาข้าวมาให้แล้วจะไปไหนก็ไปสิคะ”“พี่จะรอเรากินหมดจานและกินยานอนถึงจะไป”ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!วรนิษฐ์ยังไม่ทันได้ตอบกลับก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นจนเขาลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องและออกไปจากห้อง ไม่เดินกลับมาหาเธอ และเธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันหน้าห้องไม่ชัด แต่เสียงนั่นคือเสียงของแฟนเขาที่มาตาม“คนใจร้าย!”เธอยกถาดข้าวผัดไข่ไปวางไว้โต๊ะข้างหัวเตียงและดื่มน้ำกับเดินลงไปหยิบยาบำรุงครรภ์ตัวเองมาทานและยาลดไข้ที่วางใกล้ๆ กันมากินด้วย และเมื่อกินยาเสร็จก็เดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ในลิ
“ขอโทษด้วยนะมาร์ค แม่ของแพรท่านก็เป็นแบบนี้แหละ”“ไม่เป็นไรครับ ผมก็หวังว่าท่านจะเห็นใจแพร สงสารแพร ผมกลับแล้วนะแพร ตอนนี้ท่านก็กลับมาแล้ว”“อือ...ขอบใจนะที่ช่วยตลอดมาและช่วยทุกอย่าง”“มาร์คเต็มใจ และเงินถ้าไม่มีก็ไม่ต้องคืนก็ได้ มาร์คช่วยเหลือด้วยใจ”“แต่เงินมันไม่ใช่น้อยๆ นะมาร์ค และมันก็หลายครั้งแล้ว”“งั้นแพรก็ทยอยใช้คืนไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันจนกว่าจะหมด มาร์คไม่เร่งรัดหรอก เพราะมาร์คไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินอยู่แล้ว” เขาบอกเธอก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหยิบแก้วน้ำที่เหลือครึ่งแก้วบนโต๊ะขึ้นมาดื่มหมดแก้วแล้วเดินออกจากคาเฟ่ไปทันที และทันทีที่เขาจากไป แม่ของแพรไหมก็เดินออกมาจากหลังร้าน“ไหนบอกเลิกกันแล้ว ทำไมคุณมาร์คยังมาใช้หนี้ให้แกอีกนังแพร” นางถามทันที“เลิกกันค่ะ แต่เขาใจดีสงสารแพรเลยมาช่วยค่ะ”“นังโง่! ทำไมไม่ปล่อยให้ท้องจับเขาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปฮึ”“แพรทำไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างตอนนี้มาร์คก็มีเมียและลูกแล้ว”“นังลูกโง่! เพราะแกดีแบบนี้ไงถึงได้โดนคนอื่นฉกไปแบบนี้ นังลูกโง่!” พูดจบก็เดินไปยังประตูร้านทันที
กว่าจะมาถึงกรุงเทพฯ ก็ดึก ดีที่มาถึงป้าพริ้งมารอรับที่ บขส. เธอกับป้าใช้เวลาเดินหากันนานเกือบชั่วโมง ด้วยที่เธอวิงเวียนศีรษะและอาเจียนด้วยตลอดทาง แต่ดีที่ไม่เป็นลมเป็นแล้ง เหนื่อยเหลือเกินกับการนั่งรถทัวร์ครั้งแรก และไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะต้องมาลำบากแบบนี้ “หนูไวน์อาบน้ำพักผ่อนนะลูก ว่าแต่หิวไหม เดี๋ยวป้าให้เด็กทำกับข้าวให้” เพราะนี่มันดึกแล้ว “ไม่เป็นไรป้าพริ้ง วันนี้ไวน์ไม่หิวแล้วค่ะ ไวน์ขอแค่นมร้อนสักแก้วได้ไหมคะ”เธอบอกป้าที่รัก แม้จะเจอกันปีละครั้งที่ป้าเดินทางไปเยี่ยมที่สวีเดน ป้าพริ้งเป็นสาวแก่ ไม่มีสามีและลูก และเป็นพี่สาวคนเดียวของแม่ เป็นครอบครัวคนเดียวของแม่ที่เหลืออยู่ แม้อายุจะใกล้หกสิบปีแล้ว แต่ยังเปรี้ยว เฟี้ยว ซ่าและแข็งแรง มองเผินๆ ท่านเหมือนคนอายุสี่สิบต้นๆ เอง“ขอบคุณนะคะป้าพริ้ง”“อือ...รีบอาบน้ำพักเถอะจะได้สบายตัว เห็นบอกว่าอ้วกมาตลอดทางเลย คงเพลียน่าดู แล้วนี่มาเมืองไทยไม่บอกป้า ป้างอนอยู่นะเรื่องนี้”“งื้อ...ขอโทษนะคะป
“อ่า...ไวน์ครับ ไวน์ของพี่ ครอบครองพี่ได้โปรด อืม...” เขายกเด้งเอวสอบกระแทกเสียดสีกายแข็งร้อนไปกับอุ้งมือน้อยที่รุดเร่าคลึงขยำจังหวะอยู่ในตอนนี้ “อ่า...ชอบไหมคะ ทรมานไหมคะ วันนี้ไวน์จะใช้ปากบนและปากล่างของไวน์ครอบครองพี่ ไวน์จะตอดรัดพี่ให้แตกในตัวไวน์ อ่ะ...อืม” แล้วปากน้อยที่พูดจบก็โน้มลงไปดูดเร่าคลอเคลียปลายลิ้นตวัดไล้เลียไปตามส่วนปลายร้อนรุ่มอวบใหญ่ในมือตน และมืออีกข้างก็นวดคลึงเร่าพวงสวรรค์ของมโนภฤศไปด้วยเช่นกันกับมือที่รูดไถท่อนลำกายของมัน “อ่า...ไม่ไหวแล้วไวน์ อ่า...เสียว ผัวเสียว อือ...” “ไวน์ก็เสียวค่ะ และอยากทำให้พี่มาร์คแตกในปากด้วยตอนนี้ อืม...” ไม่ใช่แค่เขาต้องการปรารถนาเธอ เธอเองก็ต้องการปรารถนาเขา แต่ก็อยากดัดนิสัยสามีที่เซ็กซ์จัดเกินงาม เธอเคืองมาก เขามีเซ็กซ์จนวันที่เธอเจ็บท้องคลอดด้วย เขามันหื่น หื่นแบบเธอไม่ได้พักสักคืน แต่นี่ก็สามเดือนแล้ว น่าจะพอแล้วสำหรับการดัดนิสัยเขา เพราะเธอเองก็ต้องการสามีมากเหมือนกันตลอดสามเดือน ก็คนนอนด้วยกัน
“พี่มาร์ค ฟังก่อนได้ไหมคะว่าไวน์จะพูดอะไร” เธอดันหน้าของเขาที่ตอนนี้ขึ้นมาคร่อมเธอบนเตียงทั้งๆ ที่เนื้อตัวเขามอมแมมสกปรกเต็มไปด้วยดิน “ไวน์จะบอกว่าเดือนหน้าเวลจะมาเที่ยวที่ไร่เราค่ะ และ...” ยังพูดไม่สุดประโยคความดี คนขี้หึงก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “มันจะมาทำไม ไวน์ก็คลอดลูกแล้ว เรารักกันดีขนาดนี้ มันยังจะมาอีกเหรอ มันยังคิดว่ามันมีหวังอีกเหรอไวน์” “พูดไม่เพราะอีกแล้วนะพี่มาร์ค เป็นพ่อคนแล้วนะคะพี่น่ะ ไม่ใช่เด็กแล้ว” “ก็คนมันหวงเมียนี่ อีกอย่างเมียสวยด้วย และนี่มดลูกเข้าอู่แล้วใช่ไหม พี่รู้นะ พี่ถามคุณย่ามาแล้ว ปกติมันแค่ห้าหกสัปดาห์และพี่ก็ถามหมอมาแล้วด้วย ไวน์ยอมรับมาเลยนะว่าตอนนี้พี่เข้าไปได้แล้วใช่ไหมฮึ น้องมาร์ชลูกเราสามเดือนแล้วด้วย ไม่ต้องบ่ายเบี่ยงเลยนะ พี่หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย จะลงแดงอยู่แล้วเนี่ย” “ไวน์ดีใจนะที่พี่มาร์คหวงไวน์ แต่ช่วยฟังให้จบก่อนได้ไหมคะ เวลจะพาแ
เผียะ! มือเล็กตีมือสามีทันทีเมื่อมโนภฤศกลับมาถึงก็จะอุ้มลูกน้อยที่นอนในเปล “ล้างมือยังคะถึงจะมาอุ้มลูก” นี่ผ่านมาจนคลอดเจ้าตัวเล็กได้สามเดือนแล้ว และงานแต่งงานที่ว่าจะจัดก็ยังคงไม่ได้จัด เพราะหลังจากเข้าใจกันดีแล้วทั้งสองก็พูดคุยกันเรื่องฤกษ์แต่งงานบอกคุณย่าและพ่อกับแม่ว่าขอจัดตอนลูกโต เพราะอยากมีเขาในวันสำคัญด้วย และก็คือรอให้เด็กชายมหัทธน พันแสงเดือน หรือน้องมาร์ช โตเสียก่อน “ยังครับ” เขาตอบคนตัวเล็ก แม้จะลูกหนึ่ง แต่ทรวดทรงองค์เอวของวรนิษฐ์ยังคงสวยยั่วยวน “ไปล้างมือเลยค่ะ ตัวเองไปทำไร่ทำสวนมาทั้งวันจะมาอุ้มลูกไม่ได้นะคะ บอกกี่ครั้งแล้วไม่รู้จักจำ หรือว่าแก่แล้วเลยความจำไม่ดีคะ” “นี่ไง ชอบว่าพี่แก่ ถ้าพี่แก่ พี่จะเอาเราทุกคืนได้เหรอไวน์ อย่าพูดอีกนะว่าพี่แก่ พี่ไม่ได้แก่ พี่ยังฟิตปึ๋งปั๋ง ไม่เชื่อก็จัดเลยไหม” เขาไม
“ลองทำกับคนอื่นดูสิคะ ไวน์ตัดขาดแน่” “ไม่ทำกับใครแล้ว เพราะเก็บไว้ทำกับแม่ของลูกคนเดียว รักนะ” “รักเหมือนกันค่ะ อ่ะ...อื้อ” แล้วเสียงหวานก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อปากหนาบดทาบทับลงมาพร้อมสอดเร่าลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำของวรนิษฐ์ สองมือเล็กโอบกอดคนเหนือร่างรัดรั้งลงมาบดเบียดร่างเปลือยตัวเอง เรียวขาเล็กก็ยกเร่ากอดเกี่ยวเอวหนาแอ่นเด้งเร่ายกบิดเอวกระแทกเบียดสีไปกับท่อนเนื้อบุรุษที่แนบถูไถอยู่บริเวณหน้าท้องตัวเอง “อ่า...หวานเหลือเกิน จูบกี่ครั้งก็ยังหวาน อืม...” เขาผละออกมาละเลียปลายลิ้นกับริมฝีปากสีระเรื่อพร้อมกับบดจูบอีกครั้งและอีกครั้ง “อ่ะ...อื้อ” เสียงครางเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสองที่คลอเคลียกัน สองแขนของมโนภฤศโอบรัดร่างเปลือยของคนตัวเล็กใต้ร่างขึ้นหาตัวเองพร้อมกดแนบเอวสอบแทรกกายใหญ่โตอวบร้อนของตัวเองสอดเร่าเสียดสีเข้าไปในความคับแคบของสาวเจ้า&n
แม้จะเป็นความจริง แต่มันความจริงที่เกิดฝัน ไม่เคยคิดว่าการแอบรักคนใจร้ายจะสมหวัง ไม่เคยคิดว่าเขาจะรักตัวเองตอบ ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่มีเขานอนตระกองกอดแบบนี้ มือเล็กลูบไล้แผงอกเปลือยของสามีไปมา หลังจากที่เขาพร่ำบอกรักตลอดการหลอมรวมประสานร่างกัน “บอกรักไวน์อีกได้ไหมคะ ไวน์อยากได้ยินอีก” เธอแหงนหน้าจากหน้าอกของเขามองจ้องดวงตาสีทมิฬที่จ้องมองตัวเองอยู่เหมือนกันตอนนี้ วรนิษฐ์ไม่ยอมให้เขาปิดไฟ เพราะอยากนอนมองเขาแบบนี้ อยากมั่นใจว่าไม่ใช่ความฝัน อยากมั่นใจว่าคือความจริง “ไม่เบื่อเหรอ?”น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยถามแม่คนดื้อรั้นนิสัยไม่ดีของตนเอง และก็ยกยิ้มกลั้วขำในลำคอเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ทำไมเขาต้องมาตกหลุมรักเด็กคนนี้ด้วย เมื่อก่อนไม่ว่าจะคบใครตอนที่ไปเรียนต่อปริญญาโทที่สวีเดน วรนิษฐ์ก็ตามไปสร้างความวุ่นวายอาละวาดตลอดจนผู้หญิงทุกคนที่คบด้วยขอเลิก เพราะทนน้องสาวตัวแสบของเขาไม่ได้ “ไม่เบื่อค่ะ เพราะเป็น
เธอเม้มปากแน่นไม่ตอบ แต่เดินหนีไปยังห้องน้ำแทน “ไวน์ทำไมไม่ตอบพี่ เดินหนีแบบนี้พี่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าไวน์ไม่เกลียดพี่และยังรักพี่นะ” “แล้วพูดไม่พูดมันมีประโยชน์อะไรคะ ในเมื่อพี่มาร์คไม่ได้รักไวน์ และสิ่งที่พี่มาร์คทำตอนนี้ก็แค่ทำเพื่อลูกในท้องไวน์เท่านั้น” เธอตอบกลับทันทีเมื่อเขาพูดสุดความ แม้จะบอกตัวเองไม่ให้อ่อนแอ แต่น้ำตามันก็เกเรไหลออกมาให้อับอายอีกแล้ว เธอแหงนเงยหน้ามองบนพร้อมยกมือปาดเช็ดน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นดวงตาออกทิ้ง อึก! ฮือๆๆ “ไม่เอา ไม่ร้องไห้ทูนหัว ฟังพี่นะ ฟังอีกรอบ” เขาเดินไปรั้งเธอเข้ามากอดพร้อมลูบหลังเล็กที่สั่นตามแรงสะอื้นปลอบประโลมไปด้วย “ชูว์...ฟังนะเด็กโง่ของพี่ ที่พี่บอกว่าไม่ได้เกลียดก็คือพี่รักไวน์ และที่บอกไม่ได้รำคาญนั่นหมายความว่าพี่ชอบให้ไวน์มาวุ่นวายในชีวิตพี่” คนที่เพิ่งรู้ใจตัวเองว่าหลงรักน้องน้อยที่ทำตัววุ่นวายในชีว
“พี่บอกแล้วไงว่าไม่หย่า ส่วนมึงไอ้หัวทอง ไปไหนก็ไปไป๊! ถ้าไม่ไปกูถีบแน่” เขาพูดพร้อมกับยกเท้ากระทืบพื้นแรงๆ ขู่อีกฝ่ายตึ้บ! เสียงกระทืบเท้าของคนที่สูงน้อยกว่าตนเองทำให้เวลยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น“เจอกันพรุ่งนี้นะไวน์”“ขอโทษด้วยนะเวล” เธอขอโทษเวลที่เดินขึ้นบันไดบ้านไปแล้วหันมาแหงนเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่โอบกอดตัวเองแน่นพร้อมกับสั่งเขา“ปล่อยได้แล้วค่ะ อย่ามาทำแบบนี้กับไวน์” เธอพูดพร้อมแกะมือใหญ่ออกจากเอวอวบของตัวเอง“ชอบมันเหรอถึงให้มันจูบหลังมือ” เขาไม่ยอมปล่อย แต่กลับถามกลับ“ค่ะ เวลน่ารักดี”“ไม่รักพี่แล้ว?”“ค่ะ พี่มาร์คจะมาถามอะไรคะ ดึกแล้วไวน์ง่วง แล้วปล่อยได้แล้วค่ะ อย่ามาทำเหมือนหึงไวน์หน่อยเลยค่ะ แล้วนี่มาได้ยังไงคะ เมียพี่ไม่ว่าเหรอ?”“ก็คุยกับเมียอยู่นี่ไงล่ะ แล้วคิดว่าว่าพี่ไหมล่ะ” เขาตอบกลับพร้อมกับปล่อยเธอเป็นอิสระ และทันทีที่น้องน้อยได้อิสระก็เดินขึ้นบันไดบ้านไปทันที เขาเองก็สาวเท้ายาวๆ ตามหลังเธอไปติดๆ“ไวน์...เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“พรุ่งนี้ค่อยคุยเรื่องหย่าข
“พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ติดใจเรื่องที่ผ่านมาหรอกนะ เพราะมันก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้มันก็แล้วแต่มาร์คกับหนูไวน์ว่าจะตกลงกันยังไง รอคุยกันเอาเองเถอะ พ่อกับแม่และทุกคนก็เป็นแค่คนนอก ครอบครัวของมาร์ค มาร์คก็จัดการเองเถอะ สำหรับพ่อกับแม่ก็เห็นมาร์คมาตั้งแต่เด็กรักเหมือนลูกแท้ๆ และดีใจด้วยซ้ำที่จะได้เรามาเป็นลูกเขย มาดูแลแก้วตาดวงใจของเราทั้งสอง” ทรงพลเอ่ยพร้อมกับตบไหล่หนาของลูกเขยที่นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าตน “ขอบคุณครับ เรื่องน้องไวน์ ผมจะจัดการเอง เด็กดื้อคนนั้นต้องผมเท่านั้นถึงจะเอาอยู่” เขาแหงนเงยหน้ายกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้พ่อตาและแม่ยาย “คงจะยากไอ้ลูกหมา ตอนนี้มึงมีคู่แข่งแล้วและหล่อด้วย บินตรงมาจากสวีเดน แถมตอนนี้ก็ไปดูหนังด้วยกัน จะกลับก็คงดึก” มนัสวินเอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้ลูกชาย “ว่าไงนะครับ? แล้วทำไมพ่อวินกับคุณย่าไม่กันท่าให้ผมครับ” “จะไปรู้กับมึงเรอะ! เรื่องของใครของมัน” ท่านตอบยียวนกลับ&nbs
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์กว่าที่มโนภฤศจากไปวันนั้น เขาก็ไม่ติดต่อกลับมาอีก ไม่แม้แต่จะมาหา เขาหายไปเลย แม้แต่กับคุณพ่อและคุณย่า เขาก็ไม่ติดต่อหาพวกท่าน แต่เธอบอกตัวเองแล้ว เธอจะไม่อ่อนแอ ไม่เสียน้ำตา ไม่รอเขาอีกแล้ว เธอปล่อยให้แต่ละวันตัวเองอยู่กับความทุกข์ไม่ได้ เรื่องระหว่างเธอกับมโนภฤศ พ่อกับแม่ของเธอก็ทราบเรื่องแล้ว และท่านทั้งสองก็เคารพการตัดสินใจของเธอหากต้องการจะหย่า และด้วยแม่เธอนั้นรู้ดีว่าในใจของลูกสาวมีมโนภฤศมาตลอด แต่เมื่อมโนภฤศไม่เลือกลูกนางและลูกนางก็ยอมรับความจริงข้อนี้ “เมื่อจะหย่าก็หย่า แล้วหมายศาลที่ส่งไปครั้งก่อนเป็นยังไงมั่งพ่อวิน” สะอางถามลูกชายของตนเอง “เดี๋ยวผมให้ทนายผมส่งไปอีกครับแม่สะอาง ถ้ามันไม่ยอมหย่าง่ายๆ คงต้องฟ้องร้องกันจริงๆ” มนัสวินผู้เข้าข้างลูกสะใภ้เอ่ย “อือ...อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลยวิน ยังไงมาร์คมันก็ลูกเอ็ง และมันก็หลานฉัน ฉันก็เห็นมาร์คมาตั้งแต่เด็ก เมื่อไม่รักกันอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ควรจะมาคุยกันดีๆ” ทรงพลเอ่