พ่อไปต่างจังหวัดไปเยี่ยมเพื่อนที่กำลังเจ็บป่วย บอกจะไปหนึ่งอาทิตย์ ส่วนคุณย่ากับป้าพรคู่หูก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดหนึ่งอาทิตย์ และที่บ้านก็เงียบเหงาเหลือเกิน ปกติเขาก็ไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว บ้านหลังใหญ่เหลือเพียงเขาและวรนิษฐ์อยู่ด้วยกัน
มโนภฤศมองคนที่นอนหลับสนิทบนเตียง เขาอาบน้ำเสร็จออกมาก็เห็นวรนิษฐ์หลับสนิท เป็นแบบนี้ทุกวัน เพราะสองวันแล้วที่หล่อนไปทำงานที่โรงหมักปุ๋ยและช่วยคนงานใส่ปุ๋ย พรวนดินในไร่ด้วย เขาเดินมานั่งบนเตียงแล้วมองไปยังมือเล็กของเธอที่ตอนนี้หมองคล้ำ เขาจึงฉวยโอกาสจับมือเธอแล้วดึงมาดู มือนุ่มนิ่มเต็มไปด้วยแผลพุพองจากการกำด้ามพลั่วและจอบเสียม บางตุ่มพองและแตกไปแล้ว คงเจ็บและแสบมากสินะตอนตุ่มที่มือแตก
“อยากอวดดีเอง ช่วยไม่ได้”
แล้วเขาก็ปล่อยมือเล็กนั้นกลับไปเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่อยากจะทำแผลให้เธอและถามว่าเจ็บมากไหม แต่เมื่อนึกถึงความรั้นของวรนิษฐ์ก็ทำให้เขาไม่สนใจ
“ให้มันรู้ไปว่าเธอจะทนได้นานแค่ไหนกันไวน์ จะอวดดีอวดเก่งทำง
“ก็ให้คนที่บ้านตำให้กินได้ค่ะ อีกอย่างคนท้องชอบกินอะไรเปรี้ยวๆ แบบนี้ปกติค่ะ” ป้าคนงานเอ่ย“จริงค่ะ เนี่ยเปรี้ยวปากน้ำลายแตกตั้งแต่ได้กลิ่นปลาร้าเลยค่ะ ของไทยเราดีจริงๆ นะคะ ไวน์อยู่สวีเดนไม่ได้กินอาหารแบบนี้เลย พอมาอยู่นี่ได้กินแบบนี้แล้วชอบมากเลยค่ะ” เธอบอกป้าคนงานและตักตำมะยมใส่มะขามคำโตเข้าปาก โดยไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าของไร่ได้เดินมายืนอยู่ด้านหลังของเธอแล้ว“พวกป้าไปทำงานก่อนนะจ๊ะ หนูไวน์กินเถอะ” หนึ่งในป้าคนงานเอ่ย“เหลือเต็มจานเลย กินด้วยกันก่อนสิคะ ไวน์กินไม่หมดหรอกป้า” เธอเรียกให้ทุกคนอยู่กินต่อเป็นเพื่อนตน“พี่เขียดด้วย จะไปไหน มากินด้วยกันก่อนค่ะ” และเขียดเองก็ลุกลงจากแคร่ไปยืนข้างๆ แคร่เช่นกัน“อร่อยไหม?” คนตัวโตโน้มตัวลงไปเอ่ยถามข้างหูเธอจนมือที่ถือช้อนอยู่อ่อนแรงปล่อยช้อนหลุดมือลงจานตำมะยมใส่มะขาม“พะ...พี่มาร์ค ไวน์ไม่ได้อู้งานนะคะ ไวน์แค่พักเที่ยงเอง” เธอหันมาบอกเขาและปลายจมูกก็ชนเข้ากับปลายจมูกโด่งอย่างจังอุ๊ย!“พักเที่ยงแล้วก็ไปทำงานได้แล้ว แล้วเนี่ยกินข้าวกับอะไรตอนเที่ยง” เขาถามเธอเมื่อเห็นว่
พอเจอลำธารใสสะอาดน่าเล่น วรนิษฐ์ก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น“ว้าว! น่าเล่นจังเลยค่ะ น้ำใสจัง” เธอเห็นน้ำใสน่าเล่นก็ถอดรองเท้าผ้าใบและถุงเท้ากองไว้ข้างลำธารแล้วลงไปเล่นน้ำทันที ไม่สนใจคนที่ก้มหน้าวิดน้ำใส่หน้าตัวเองข้างลำธาร“ระวังด้วยล่ะ อย่าไปตรงนั้นมันลึก” เขาชี้มือไปทางอีกฝั่งด้วยกลัวเธอจะเล่นไปถึงตรงนั้นด้วยความเป็นห่วง“ไวน์ว่ายน้ำเป็นค่ะ เป็นนักกีฬามหา’ลัยด้วย”“อวดเก่ง” เขาบอกแค่นั้นแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำเงินดำตัวเองออกมาซักกับน้ำในลำธารที่ไหลตลอดเวลา“พี่มาร์คมาเล่นน้ำด้วยกันค่ะ” เธอกวักมือเรียกเขา และมโนภฤศก็มองคนที่กวักมือเรียกตัวเองแล้วก็กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอเวลามันเปียกน้ำมันบางจนเห็นข้างในและมันก็แนบไปกับเนื้อและหน้าอกอวบอูมของหล่อน“ถ้าฉันไม่อยากแค่เล่นน้ำล่ะ” เขาบอกเธอ“ก็เรื่องของพี่สิคะ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ไวน์จะเล่นน้ำ” คนไม่เข้าใจในความหมายเอ่ยตอบแล้วดำลงไปใต้น้ำแหวกว่ายเล่นอย่างสบายใจหึหึมโนภฤศถอดกางเกงยีนส์สีดำขาดเข่าตัวเองวางไว้ที่ข้างล
หล่อนบิดเร่าครางซ่านสวาทพร้อมกับเอวเล็กที่ถูกยกอุ้มขึ้นลงเป็นจังหวะก็ถูกเอวสอบกระแทกหนักหน่วงขึ้นหาจนกระเด็นกระดอนตามแรงไปเลยทีเดียว เธอชอบให้เขาสอดแทรกในกายแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกว่าเขารักตนเองบ้าง ทำให้รู้สึกว่าเขาเริ่มมีใจให้ตนเองไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องการแบบนี้ “อ่า...พร้อมกันไวน์ พร้อมกัน อ่า...พี่จะพาเราไปให้ถึงฝั่ง อ่า...อืม” แล้วมือใหญ่ก็ยกอุ้มดันเธอขึ้นลงจนสองเต้าอวบหยุ่นเบียดสีไปกับหน้าของเขาและเอวสอบก็เคลื่อนไหวยกเร่าตอบสนองหมุนควงร้อนอยู่ใต้น้ำ ตอนนี้สองร่างเปียกปอนและสายน้ำก็กระเด็นกระเซ็นตลอดการเคลื่อนไหวสวาทของทั้งคู่ “โอว์...ไวน์ อ่า...” เสียงครางกระเส่าเสียวยังคงดังออกมาเป็นระยะพร้อมกับทั้งสองเคลื่อนไหวบดเร่ากันในน้ำ หัวใจของมโนภฤศยากจะฉุดกลับ ตอนนี้มันโดนสาวเจ้าที่แอ่นเด้งเร่าขึ้นหาตอนนี้ตกไปเรียบร้อยแล้ว โดนตกไปแบบไม่รู้ตัว และสำหรับวรนิษฐ์แล้วยิ่งรักและหวงชายหนุ่ม ยิ่งไม่อยากเสียเขาไปให้ผู้หญิงคนไหน&nbs
ความเจ็บจุกกระแทกอกเมื่อตอนเช้าตั้งใจจะมาทำมื้อเช้าให้ตนและสามีอย่างมโนภฤศ แต่เดินมายังไม่ถึงห้องครัวก็ได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกดังลอดออกมาจากห้องครัวข้างหน้าตน เธอเลิกคิ้วสงสัยว่ามันเป็นเสียงใครกัน แต่อีกเสียงพูดที่ได้ยินคือเสียงของมโนภฤศแน่นอน เธอจำได้ เท้าเล็กจึงเร่งสาวเท้าไปยังห้องครัวเพื่อจะไปดูให้เห็นกับตา และพอเดินมาถึงหน้าประตูห้องครัวที่เปิดกว้างอยู่ก็ถึงกับหน้าชา ขาชาก้าวเดินไม่ออก เป็นใบ้ขึ้นมาทันทีเมื่อภาพที่เห็นมันตำตาตำใจของหล่อนเหลือเกิน วรนิษฐ์เม้มปากแน่นแล้วสูดลมหายใจแรงๆ ตั้งสติแล้วเอ่ยถามทั้งสองที่กำลังโอบกอดกันอยู่ในครัวทันที “ทำอะไรกันคะ?” น้ำเสียงเล็กแต่กระแสเสียงของเธอบอกได้ชัดว่าไม่พอใจกับทั้งสองคนที่โอบกอดกันอยู่ มโนภฤศผละออกห่างแพรไหมทันทีเมื่อได้ยินเสียงเล็ก เมื่อกี้แพรไหมเธอจะล้ม เขาเลยรับไว้ก็เท่านั้นเอง นี่คือความจริงที่เขาอธิบายในใจไม่ได้บอกหล่อน “ทำกับข้าว” เขาตอบสั้นๆ “เหรอคะ ปกติตอนเช้าพี่มาร์คจะไปวิ่
“จะกลับสวีเดนค่ะ สนุกพอแล้วและเบื่อแล้วตอนนี้ ส่วนใบหย่าและงานแต่งงานก็ไม่ต้องห่วงนะคะ ใบหย่าไวน์จะเซ็นให้ค่ะ ส่วนงานแต่งงาน พี่ก็แต่งกับคุณแพรที่รักนักรักหนาเลยค่ะ รักกันมากนักนี่ถึงได้พากันมาอยู่ที่บ้านตอนที่พ่อวินกับคุณย่าไม่อยู่”“อย่ามาทำนิสัยเด็กๆ กับพี่นะไวน์” เขาคว้าข้อมือเล็กพร้อมกระชากร่างเล็กของหล่อนเข้ามาหาตนอุ๊ย!เธอดันมือตัวเองกับหน้าอกของเขาไว้เพื่อไม่ให้ร่างตัวเองบดเบียดไปกับร่างใหญ่ของเขา“ถึงจะหย่าให้ไงคะ และจะกลับสวีเดนด้วย”คำพูดของวรนิษฐ์ทำให้เขารู้สึกใจหายวาบและเจ็บปวดแปลบๆ ขึ้นมาในอก“แล้วลูกล่ะ? เธอจะบอกพ่อกับแม่เธอยังไงถ้าท้องเธอโต แถมเธอก็แพ้ท้องด้วย”“ลูกไม่เห็นมีอะไรนี่คะ เพราะลูกก็อยู่ในท้องไวน์ อีกอย่างเรื่องพ่อกับแม่ของไวน์ พี่มาร์คไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวไวน์จะอธิบายเอง พี่มาร์คไม่ได้อยากรับผิดชอบเราสองคนอยู่แล้ว เพราะคนที่รักและห่วงใยคือคนที่อยู่ในครัว และก็ปล่อยได้แล้วค่ะ” เธอขืนตัวเองในอ้อมกอดเขา แต่เขากลับรัดแน่นกว่าเดิม“ไม่ปล่อย ตัวก็ยังรุมๆ อยู่ ไปพักเถอะ และห้ามไปไหนทั
เสียงช้อนที่ตักข้าววางกระแทกกับจานทันที“งั้นก็เชิญ กินให้หมดล่ะ”“ค่ะ” แล้วเธอก็หยิบถาดที่หน้าตักเขามาวางไว้ที่หน้าตักตัวเองแล้วตักทานเงียบๆ ไม่พูดอะไรต่ออีก และทานไปหลายคำก็นึกสงสัยรสชาติ มันไม่เหมือนกับคนในบ้านเขาทำให้กินจึงถามขึ้น“ไม่ใช่ฝีมือพี่น้อยและคนอื่น ใครทำคะ หรือว่าพี่มาร์ค”“พี่ทำเอง ไม่อร่อยเหรอ?”“พอกินได้ค่ะ” เธอตอบแล้วก็ตักกินต่อแล้วก็เงยหน้ามองเขาที่จ้องเธอตลอดการกิน“มองอะไรคะ เอาข้าวมาให้แล้วจะไปไหนก็ไปสิคะ”“พี่จะรอเรากินหมดจานและกินยานอนถึงจะไป”ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!วรนิษฐ์ยังไม่ทันได้ตอบกลับก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นจนเขาลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องและออกไปจากห้อง ไม่เดินกลับมาหาเธอ และเธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันหน้าห้องไม่ชัด แต่เสียงนั่นคือเสียงของแฟนเขาที่มาตาม“คนใจร้าย!”เธอยกถาดข้าวผัดไข่ไปวางไว้โต๊ะข้างหัวเตียงและดื่มน้ำกับเดินลงไปหยิบยาบำรุงครรภ์ตัวเองมาทานและยาลดไข้ที่วางใกล้ๆ กันมากินด้วย และเมื่อกินยาเสร็จก็เดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ในลิ
“ขอโทษด้วยนะมาร์ค แม่ของแพรท่านก็เป็นแบบนี้แหละ”“ไม่เป็นไรครับ ผมก็หวังว่าท่านจะเห็นใจแพร สงสารแพร ผมกลับแล้วนะแพร ตอนนี้ท่านก็กลับมาแล้ว”“อือ...ขอบใจนะที่ช่วยตลอดมาและช่วยทุกอย่าง”“มาร์คเต็มใจ และเงินถ้าไม่มีก็ไม่ต้องคืนก็ได้ มาร์คช่วยเหลือด้วยใจ”“แต่เงินมันไม่ใช่น้อยๆ นะมาร์ค และมันก็หลายครั้งแล้ว”“งั้นแพรก็ทยอยใช้คืนไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันจนกว่าจะหมด มาร์คไม่เร่งรัดหรอก เพราะมาร์คไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินอยู่แล้ว” เขาบอกเธอก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหยิบแก้วน้ำที่เหลือครึ่งแก้วบนโต๊ะขึ้นมาดื่มหมดแก้วแล้วเดินออกจากคาเฟ่ไปทันที และทันทีที่เขาจากไป แม่ของแพรไหมก็เดินออกมาจากหลังร้าน“ไหนบอกเลิกกันแล้ว ทำไมคุณมาร์คยังมาใช้หนี้ให้แกอีกนังแพร” นางถามทันที“เลิกกันค่ะ แต่เขาใจดีสงสารแพรเลยมาช่วยค่ะ”“นังโง่! ทำไมไม่ปล่อยให้ท้องจับเขาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปฮึ”“แพรทำไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างตอนนี้มาร์คก็มีเมียและลูกแล้ว”“นังลูกโง่! เพราะแกดีแบบนี้ไงถึงได้โดนคนอื่นฉกไปแบบนี้ นังลูกโง่!” พูดจบก็เดินไปยังประตูร้านทันที
กว่าจะมาถึงกรุงเทพฯ ก็ดึก ดีที่มาถึงป้าพริ้งมารอรับที่ บขส. เธอกับป้าใช้เวลาเดินหากันนานเกือบชั่วโมง ด้วยที่เธอวิงเวียนศีรษะและอาเจียนด้วยตลอดทาง แต่ดีที่ไม่เป็นลมเป็นแล้ง เหนื่อยเหลือเกินกับการนั่งรถทัวร์ครั้งแรก และไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะต้องมาลำบากแบบนี้ “หนูไวน์อาบน้ำพักผ่อนนะลูก ว่าแต่หิวไหม เดี๋ยวป้าให้เด็กทำกับข้าวให้” เพราะนี่มันดึกแล้ว “ไม่เป็นไรป้าพริ้ง วันนี้ไวน์ไม่หิวแล้วค่ะ ไวน์ขอแค่นมร้อนสักแก้วได้ไหมคะ”เธอบอกป้าที่รัก แม้จะเจอกันปีละครั้งที่ป้าเดินทางไปเยี่ยมที่สวีเดน ป้าพริ้งเป็นสาวแก่ ไม่มีสามีและลูก และเป็นพี่สาวคนเดียวของแม่ เป็นครอบครัวคนเดียวของแม่ที่เหลืออยู่ แม้อายุจะใกล้หกสิบปีแล้ว แต่ยังเปรี้ยว เฟี้ยว ซ่าและแข็งแรง มองเผินๆ ท่านเหมือนคนอายุสี่สิบต้นๆ เอง“ขอบคุณนะคะป้าพริ้ง”“อือ...รีบอาบน้ำพักเถอะจะได้สบายตัว เห็นบอกว่าอ้วกมาตลอดทางเลย คงเพลียน่าดู แล้วนี่มาเมืองไทยไม่บอกป้า ป้างอนอยู่นะเรื่องนี้”“งื้อ...ขอโทษนะคะป
สะอางมองลูกชายที่เพิ่งวางสายจากหลานตัวดีก็อดยิ้มให้กับความชอบแกล้งของมนัสวินไม่ได้ แต่ก็เห็นด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้หลานตัวดีจะทำยังไงถ้ามาถึง และเหมือนว่าวรนิษฐ์จะไม่อยากเจอด้วย เพราะตั้งแต่มาถึงหลานสะใภ้ก็บอกว่าอยากหย่ากับหลานชายอย่างเดียว “หนูไวน์ไม่รักพี่เขาเหรอลูก ทำไมถึงอยากหย่า” นางถาม เพราะนางกับลูกชายและพรเพิ่งเดินทางมาถึง ออกจากเพชรบูรณ์ตั้งแต่สิบเอ็ดโมง “บางทีความรักก็ไม่จำเป็นต้องสมหวังก็ได้ค่ะคุณย่า เขาไม่ได้รักไวน์ เขาไม่ได้สนใจไวน์ ออกจะเกลียดหนูเสียด้วยซ้ำ และเขาพาแฟนของเขามาอยู่บ้าน พามาเหยียบหัวใจไวน์ ไวน์อยู่ไม่ได้หรอกนะคะ หัวใจเขาไม่แม้แต่จะมองไวน์ ไม่เคยคิดจะสนใจไวน์ด้วย” เธอบอกเสียงสั่นเครือพร้อมหยิบทิชชูขึ้นซับน้ำตาตัวเองไปด้วย ส่วนพริ้งก็นั่งลูบหลังหลานสาวที่ไหวสะอื้นไห้ นางเองเพิ่งได้รู้ความจริงว่าตอนนี้หลานสาวกำลังตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งน้องเขยกับน้องสาวยังไม่รู้ด้วย “มันทำขนาดนั้นเลยเหรอลูก ย่ากับพ่อวินไม่อยู่ ม
มนัสวินรู้แล้วว่าลูกสะใภ้ตนเองอยู่ไหนเลยสบายใจไม่เป็นห่วง เพราะเธอยังอยู่เมืองไทย และอยู่กับป้าของเธอ ส่วนลูกชายของเขานั้นเหรอ ไม่รู้หายหัวไปไหนตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ยังไม่กลับมาบ้านเลย และเช้านี้แม่ของเขาก็กลับมาจากวัดพร้อมกับพรคนสนิท“ยิ้มอะไรพ่อวิน”“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับแม่สะอาง ก็แค่เมียหลานชายคุณแม่หนีไปน่ะ”“ตายจริง! แล้วมานั่งยิ้มทำไมฮึ! แล้วทำไมไม่ไปตามหาล่ะพ่อวิน”“ตามทำไมครับ หนูไวน์ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก และหนูไวน์จะหย่ากับไอ้ลูกหมาของเราด้วยนะครับ ผมโทรหาหนูไวน์เมื่อเช้านี้ หนูไวน์บอกแบบนั้น” เขาบอกคนเป็นแม่ พอได้รู้ว่าเธออยู่ไหนก็โทรหาเธอทันทีเพื่อถามว่าเป็นอย่างไรบ้างอยู่กับคุณป้า“แล้วตามาร์ครู้รึยังว่าเมียอยากจะหย่า” นางพูดพร้อมหยิบชาร้อนตรงหน้าขึ้นมาจิบดื่ม“รู้ครับ รู้ตั้งแต่วันที่หนูไวน์จะหนีแล้ว”“แล้วมันไปไหน ไอ้ลูกหมาของเรา”“ไม่รู้สิครับ ไปตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ยังไม่กลับ ไม่รู้ไปอกหักที่ไหน ผมว่ามันต้องรักหนูไวน์แล้วแน่ๆ แม่สะอาง”“มันรักนานแล้วนะ แต่มันน่ะไม่รู้ใจตัวเอง ตามาร์คมันพว
กว่าจะมาถึงกรุงเทพฯ ก็ดึก ดีที่มาถึงป้าพริ้งมารอรับที่ บขส. เธอกับป้าใช้เวลาเดินหากันนานเกือบชั่วโมง ด้วยที่เธอวิงเวียนศีรษะและอาเจียนด้วยตลอดทาง แต่ดีที่ไม่เป็นลมเป็นแล้ง เหนื่อยเหลือเกินกับการนั่งรถทัวร์ครั้งแรก และไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะต้องมาลำบากแบบนี้ “หนูไวน์อาบน้ำพักผ่อนนะลูก ว่าแต่หิวไหม เดี๋ยวป้าให้เด็กทำกับข้าวให้” เพราะนี่มันดึกแล้ว “ไม่เป็นไรป้าพริ้ง วันนี้ไวน์ไม่หิวแล้วค่ะ ไวน์ขอแค่นมร้อนสักแก้วได้ไหมคะ”เธอบอกป้าที่รัก แม้จะเจอกันปีละครั้งที่ป้าเดินทางไปเยี่ยมที่สวีเดน ป้าพริ้งเป็นสาวแก่ ไม่มีสามีและลูก และเป็นพี่สาวคนเดียวของแม่ เป็นครอบครัวคนเดียวของแม่ที่เหลืออยู่ แม้อายุจะใกล้หกสิบปีแล้ว แต่ยังเปรี้ยว เฟี้ยว ซ่าและแข็งแรง มองเผินๆ ท่านเหมือนคนอายุสี่สิบต้นๆ เอง“ขอบคุณนะคะป้าพริ้ง”“อือ...รีบอาบน้ำพักเถอะจะได้สบายตัว เห็นบอกว่าอ้วกมาตลอดทางเลย คงเพลียน่าดู แล้วนี่มาเมืองไทยไม่บอกป้า ป้างอนอยู่นะเรื่องนี้”“งื้อ...ขอโทษนะคะป
“ขอโทษด้วยนะมาร์ค แม่ของแพรท่านก็เป็นแบบนี้แหละ”“ไม่เป็นไรครับ ผมก็หวังว่าท่านจะเห็นใจแพร สงสารแพร ผมกลับแล้วนะแพร ตอนนี้ท่านก็กลับมาแล้ว”“อือ...ขอบใจนะที่ช่วยตลอดมาและช่วยทุกอย่าง”“มาร์คเต็มใจ และเงินถ้าไม่มีก็ไม่ต้องคืนก็ได้ มาร์คช่วยเหลือด้วยใจ”“แต่เงินมันไม่ใช่น้อยๆ นะมาร์ค และมันก็หลายครั้งแล้ว”“งั้นแพรก็ทยอยใช้คืนไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันจนกว่าจะหมด มาร์คไม่เร่งรัดหรอก เพราะมาร์คไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินอยู่แล้ว” เขาบอกเธอก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหยิบแก้วน้ำที่เหลือครึ่งแก้วบนโต๊ะขึ้นมาดื่มหมดแก้วแล้วเดินออกจากคาเฟ่ไปทันที และทันทีที่เขาจากไป แม่ของแพรไหมก็เดินออกมาจากหลังร้าน“ไหนบอกเลิกกันแล้ว ทำไมคุณมาร์คยังมาใช้หนี้ให้แกอีกนังแพร” นางถามทันที“เลิกกันค่ะ แต่เขาใจดีสงสารแพรเลยมาช่วยค่ะ”“นังโง่! ทำไมไม่ปล่อยให้ท้องจับเขาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปฮึ”“แพรทำไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างตอนนี้มาร์คก็มีเมียและลูกแล้ว”“นังลูกโง่! เพราะแกดีแบบนี้ไงถึงได้โดนคนอื่นฉกไปแบบนี้ นังลูกโง่!” พูดจบก็เดินไปยังประตูร้านทันที
เสียงช้อนที่ตักข้าววางกระแทกกับจานทันที“งั้นก็เชิญ กินให้หมดล่ะ”“ค่ะ” แล้วเธอก็หยิบถาดที่หน้าตักเขามาวางไว้ที่หน้าตักตัวเองแล้วตักทานเงียบๆ ไม่พูดอะไรต่ออีก และทานไปหลายคำก็นึกสงสัยรสชาติ มันไม่เหมือนกับคนในบ้านเขาทำให้กินจึงถามขึ้น“ไม่ใช่ฝีมือพี่น้อยและคนอื่น ใครทำคะ หรือว่าพี่มาร์ค”“พี่ทำเอง ไม่อร่อยเหรอ?”“พอกินได้ค่ะ” เธอตอบแล้วก็ตักกินต่อแล้วก็เงยหน้ามองเขาที่จ้องเธอตลอดการกิน“มองอะไรคะ เอาข้าวมาให้แล้วจะไปไหนก็ไปสิคะ”“พี่จะรอเรากินหมดจานและกินยานอนถึงจะไป”ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!วรนิษฐ์ยังไม่ทันได้ตอบกลับก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นจนเขาลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องและออกไปจากห้อง ไม่เดินกลับมาหาเธอ และเธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันหน้าห้องไม่ชัด แต่เสียงนั่นคือเสียงของแฟนเขาที่มาตาม“คนใจร้าย!”เธอยกถาดข้าวผัดไข่ไปวางไว้โต๊ะข้างหัวเตียงและดื่มน้ำกับเดินลงไปหยิบยาบำรุงครรภ์ตัวเองมาทานและยาลดไข้ที่วางใกล้ๆ กันมากินด้วย และเมื่อกินยาเสร็จก็เดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ในลิ
“จะกลับสวีเดนค่ะ สนุกพอแล้วและเบื่อแล้วตอนนี้ ส่วนใบหย่าและงานแต่งงานก็ไม่ต้องห่วงนะคะ ใบหย่าไวน์จะเซ็นให้ค่ะ ส่วนงานแต่งงาน พี่ก็แต่งกับคุณแพรที่รักนักรักหนาเลยค่ะ รักกันมากนักนี่ถึงได้พากันมาอยู่ที่บ้านตอนที่พ่อวินกับคุณย่าไม่อยู่”“อย่ามาทำนิสัยเด็กๆ กับพี่นะไวน์” เขาคว้าข้อมือเล็กพร้อมกระชากร่างเล็กของหล่อนเข้ามาหาตนอุ๊ย!เธอดันมือตัวเองกับหน้าอกของเขาไว้เพื่อไม่ให้ร่างตัวเองบดเบียดไปกับร่างใหญ่ของเขา“ถึงจะหย่าให้ไงคะ และจะกลับสวีเดนด้วย”คำพูดของวรนิษฐ์ทำให้เขารู้สึกใจหายวาบและเจ็บปวดแปลบๆ ขึ้นมาในอก“แล้วลูกล่ะ? เธอจะบอกพ่อกับแม่เธอยังไงถ้าท้องเธอโต แถมเธอก็แพ้ท้องด้วย”“ลูกไม่เห็นมีอะไรนี่คะ เพราะลูกก็อยู่ในท้องไวน์ อีกอย่างเรื่องพ่อกับแม่ของไวน์ พี่มาร์คไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวไวน์จะอธิบายเอง พี่มาร์คไม่ได้อยากรับผิดชอบเราสองคนอยู่แล้ว เพราะคนที่รักและห่วงใยคือคนที่อยู่ในครัว และก็ปล่อยได้แล้วค่ะ” เธอขืนตัวเองในอ้อมกอดเขา แต่เขากลับรัดแน่นกว่าเดิม“ไม่ปล่อย ตัวก็ยังรุมๆ อยู่ ไปพักเถอะ และห้ามไปไหนทั
ความเจ็บจุกกระแทกอกเมื่อตอนเช้าตั้งใจจะมาทำมื้อเช้าให้ตนและสามีอย่างมโนภฤศ แต่เดินมายังไม่ถึงห้องครัวก็ได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกดังลอดออกมาจากห้องครัวข้างหน้าตน เธอเลิกคิ้วสงสัยว่ามันเป็นเสียงใครกัน แต่อีกเสียงพูดที่ได้ยินคือเสียงของมโนภฤศแน่นอน เธอจำได้ เท้าเล็กจึงเร่งสาวเท้าไปยังห้องครัวเพื่อจะไปดูให้เห็นกับตา และพอเดินมาถึงหน้าประตูห้องครัวที่เปิดกว้างอยู่ก็ถึงกับหน้าชา ขาชาก้าวเดินไม่ออก เป็นใบ้ขึ้นมาทันทีเมื่อภาพที่เห็นมันตำตาตำใจของหล่อนเหลือเกิน วรนิษฐ์เม้มปากแน่นแล้วสูดลมหายใจแรงๆ ตั้งสติแล้วเอ่ยถามทั้งสองที่กำลังโอบกอดกันอยู่ในครัวทันที “ทำอะไรกันคะ?” น้ำเสียงเล็กแต่กระแสเสียงของเธอบอกได้ชัดว่าไม่พอใจกับทั้งสองคนที่โอบกอดกันอยู่ มโนภฤศผละออกห่างแพรไหมทันทีเมื่อได้ยินเสียงเล็ก เมื่อกี้แพรไหมเธอจะล้ม เขาเลยรับไว้ก็เท่านั้นเอง นี่คือความจริงที่เขาอธิบายในใจไม่ได้บอกหล่อน “ทำกับข้าว” เขาตอบสั้นๆ “เหรอคะ ปกติตอนเช้าพี่มาร์คจะไปวิ่
หล่อนบิดเร่าครางซ่านสวาทพร้อมกับเอวเล็กที่ถูกยกอุ้มขึ้นลงเป็นจังหวะก็ถูกเอวสอบกระแทกหนักหน่วงขึ้นหาจนกระเด็นกระดอนตามแรงไปเลยทีเดียว เธอชอบให้เขาสอดแทรกในกายแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกว่าเขารักตนเองบ้าง ทำให้รู้สึกว่าเขาเริ่มมีใจให้ตนเองไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องการแบบนี้ “อ่า...พร้อมกันไวน์ พร้อมกัน อ่า...พี่จะพาเราไปให้ถึงฝั่ง อ่า...อืม” แล้วมือใหญ่ก็ยกอุ้มดันเธอขึ้นลงจนสองเต้าอวบหยุ่นเบียดสีไปกับหน้าของเขาและเอวสอบก็เคลื่อนไหวยกเร่าตอบสนองหมุนควงร้อนอยู่ใต้น้ำ ตอนนี้สองร่างเปียกปอนและสายน้ำก็กระเด็นกระเซ็นตลอดการเคลื่อนไหวสวาทของทั้งคู่ “โอว์...ไวน์ อ่า...” เสียงครางกระเส่าเสียวยังคงดังออกมาเป็นระยะพร้อมกับทั้งสองเคลื่อนไหวบดเร่ากันในน้ำ หัวใจของมโนภฤศยากจะฉุดกลับ ตอนนี้มันโดนสาวเจ้าที่แอ่นเด้งเร่าขึ้นหาตอนนี้ตกไปเรียบร้อยแล้ว โดนตกไปแบบไม่รู้ตัว และสำหรับวรนิษฐ์แล้วยิ่งรักและหวงชายหนุ่ม ยิ่งไม่อยากเสียเขาไปให้ผู้หญิงคนไหน&nbs
พอเจอลำธารใสสะอาดน่าเล่น วรนิษฐ์ก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น“ว้าว! น่าเล่นจังเลยค่ะ น้ำใสจัง” เธอเห็นน้ำใสน่าเล่นก็ถอดรองเท้าผ้าใบและถุงเท้ากองไว้ข้างลำธารแล้วลงไปเล่นน้ำทันที ไม่สนใจคนที่ก้มหน้าวิดน้ำใส่หน้าตัวเองข้างลำธาร“ระวังด้วยล่ะ อย่าไปตรงนั้นมันลึก” เขาชี้มือไปทางอีกฝั่งด้วยกลัวเธอจะเล่นไปถึงตรงนั้นด้วยความเป็นห่วง“ไวน์ว่ายน้ำเป็นค่ะ เป็นนักกีฬามหา’ลัยด้วย”“อวดเก่ง” เขาบอกแค่นั้นแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำเงินดำตัวเองออกมาซักกับน้ำในลำธารที่ไหลตลอดเวลา“พี่มาร์คมาเล่นน้ำด้วยกันค่ะ” เธอกวักมือเรียกเขา และมโนภฤศก็มองคนที่กวักมือเรียกตัวเองแล้วก็กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอเวลามันเปียกน้ำมันบางจนเห็นข้างในและมันก็แนบไปกับเนื้อและหน้าอกอวบอูมของหล่อน“ถ้าฉันไม่อยากแค่เล่นน้ำล่ะ” เขาบอกเธอ“ก็เรื่องของพี่สิคะ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ไวน์จะเล่นน้ำ” คนไม่เข้าใจในความหมายเอ่ยตอบแล้วดำลงไปใต้น้ำแหวกว่ายเล่นอย่างสบายใจหึหึมโนภฤศถอดกางเกงยีนส์สีดำขาดเข่าตัวเองวางไว้ที่ข้างล