" ทิวไม่มีอะไรเป็นความลับกับม่อน "คนที่เดินเข้ามาทักทาย อึ้งไปทันที คนที่ฟุบนอนบนโต๊ะยิ้มใจพอง ไอ้หมอบ้า มาพูดอะไรแบบนี้ เขินนะโว้ย " มีอะไรหรอ " ม่อนเงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนร่วมคลาส ชายหนุ่มหน้าตาดีทั้งคู่ นั่งอยู่ด้วยกัน " คือว่า เพื่อนเราอยากจะรู้จัก "กลุ่มสาวๆ ที่ยังไม่ออกไป ยิ้มเขินออกมา อยากรู้จักทั้งคู่นั่นแหละ ตอนแรกก็อยากรู้จักทิวเขา แต่ตอนนี้ ม่อนก็น่ารักมาก " ก็รู้จักกันนี่ไง คนนี้ชื่อม่อนเรียนวิศวฯ คนนี้ชื่อทิวเรียนแพทย์ โอเค จบนะ "คนขี้หวงบอกออกมา แล้วเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเป้ของคนข้างๆ" ไปนะ มีธุระ " ชายหนุ่มสองคนเดินออกจากห้องไปแล้วสาวๆ พากันมองตาละห้อยด้วยความเสียดาย " ทิวเขาอะ เนิร์ดตัวพ่อ ไม่คบใครเลย ไม่จีบใครด้วย ตั้งใจเรียนอย่างเดียว ส่วนอีตาม่อนก็ขาฟันไหมละ สาวเยอะมาก ต่างขั้วกันขนาดนั้นมาสนิทกันได้ไง "คนที่พอจะได้ยินชื่อเสียงเม้าท์กับเพื่อน ทิวเขาน่ารักน่าเอ็นดู ม่อนก็ดูแบดๆ ไม่น่าสนิทกัน" หวงหรอ" ประตูลิฟต์ปิดแล้ว ทิวเขาก็ถามคนข้างๆ ทันที มือที่ว่างอยู่โอบเองเข้ามาใกล้ " มาก " คนยอมรับความจริงบอกเพียงเท่านี้ ก่อนที่แยกออกจากกัน เมื่อมีคนเปิดลิฟต์
หากคำบอกรัก เป็นสิ่งที่พิสูจน์ใจ การกระทำก็สำคัญยิ่งกว่า ทิวเขาเป็นว่าที่คุณหมอหนุ่ม อนาคตไกล พื้นฐานครอบครัวก็ดูดีเหลือเกิน แต่กลับมาสนใจในตัวผู้ชายธรรมดาอย่างเค้า ผู้ชายที่เกเรไปวันๆ มีดีแค่เพียงหน้าตา " ทิว ม่อนหวงนะ " ทิวเขายิ้มกว้าง ชอบเหลือเกินกับท่าทีออดอ้อนแบบนี้ มันคือความจริงใจที่เค้าได้พบเห็นเพียงคนเดียว " หวงอะไร ทิวก็มีแค่ม่อนคนเดียว " เค้าบอกเสียงนุ่มดึงตัวมานั่งที่โซฟามองคนตรงหน้าที่ทำให้ใจสั่นตั้งแต่แรก " ถามได้ไหม ว่าชอบตรงไหน " " หน้าตา กับริมฝีปากที่น่าจูบ " ทิวเขาบอกตามตรง ที่สะดุดตาตั้งแต่แรกพบ คงจะเป็นหน้าตากับริมฝีปากนั่นแหละ " แล้วไงต่อ " คนเหมือนจะถูกจีบ ถามเสียงหวาน ริมฝีปากของทิวเขา สัมผัสที่ลำคอขาว ใช้ลิ้นสัมผัสเบาๆ" อยากได้ " คำตอบตรงไปตรงมา ทำเอาใจสั่นไหว ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย " บ้ากามหรอไง คุณหมอ " คนอ้อนถาม เพราะตอนนี้รู้สึกมากๆ ว่า หัวใจสั่นรัวเต็มที่ มันดีเหลือเกิน ที่เค้าต้องการ เค้ามาก " ก็ไม่เคยอยากได้ใครเลย นอกจากม่อนคนเดียว" เค้าบอกออกมา ทำเอาคนฟังใจพอง มันดีเหลือเกินที่ได้เป็นที่รัก จูบที่เร่าร้อนอ่อนโยน ริมฝีปาก ใบหน้าแ
สองหนุ่มนั่งบนรถตู้ของที่บ้านปลายทางที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง จุดหมายแรกคือร้านหนังสือที่เป็นแหล่งรวมหนังสือทุกอย่าง ทิวเขาตรงดิ่งไปทางตำราวิชาการ ทางการแพทย์ที่ตัวเองสนใจ ส่วนอีกคนก็ดิ่งไปที่หนังสือการ์ตูน ที่ตัวเองสนใจเช่นกัน พนักงานแคชเชียร์สาว มองกองหนังสือตรงหน้าแล้วอมยิ้ม หนังสือที่เลือก ไม่ต่างจากรูปลักษณ์ที่ได้เห็น คนที่สวมแว่น หน้าตาหล่อเหลาอ่อนโยน เลือกตำราวิชาการภาษาอังกฤษสามเล่ม ราคาหลายพันบาท กับอีกคน ที่เลือกหนังสือการ์ตูนมังงะ สามเล่มที่เพิ่งออกใหม่ล่าสุด " แยกถุงกันครบ " หนุ่มน้อยน่ารักบอกเสียงอ่อนโยน ทำตาวิบวับส่งบัตรเครดิตให้พี่พนักงาน " คุณปู่เห็นบิลค่าหนังสือ คงดีใจมาก ที่เงินหลายพันทำประโยชน์ให้หมอทิว " ตัวแสบบอกยิ้มๆ ถือถุงหนังสือหนักอึ้งให้พี่ชาย " มี๊บอกว่า ให้ซื้อเสื้อผ้าดีๆ คนละสองสามชุดครับพี่ทิวจะรับปริญญาพี่ทรายแล้ว ต้องหล่อไปนะครับ "พี่สาวคนโตใกล้จะรับปริญญาแล้ว และข่าวที่น้องชายบอกก็คือ พี่ทรายจะไปอังกฤษเลย " อย่าบอกพี่ดินนะ เมฆคันปากยิบๆ ยังไม่กล้าพูด " น้องชายคนเล็กของบ้านบอกพี่ชายคนกลาง ทิวเขารู้เหตุผลของทุกคน " รู้แล้ว " คุณหมอบอกยิ้ม
หลานชายน้ำตาร่วงหล่นเป็นทาง ใบหน้าของหลานชายที่เป็นดังดวงใจของตัวเอง เปียกปอนไปด้วยน้ำตา ทิวเขาเก็บความทุกข์เอาไว้ในใจมานานเท่าไหร่แล้ว ทำไมถึงไม่มาหาปู่ ไม่มาบอกปู่ ปู่แก่ๆ คนนี้จะเคียงข้างหลานชาย ปัดเป่าความทุกข์ยากในใจ ให้เบาบางลงไป " ปู่จะคุยกับย่าเอง อย่ากังวลไปเลยลูก ส่วนปู่เจกับย่าวุ้น เค้าก็รักทิวไม่น้อย ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงสักนิด หากพ่อแม่ของทิว ไม่เข้าใจ ปู่ก็จะช่วยอีกแรงนะลูก เอาไว้วันไหนที่พร้อมแล้ว ก็ค่อยบอก แต่ตอนนี้ สบายใจได้เลย ปู่รับรู้แล้ว ว่าปู่มีหลานเขย หรือ หลานสะใภ้ "คนที่พยายามตามโลกให้ทัน ถามหลานชาย " สะใภ้ครับเรียนวิศวะด้วย " ปู่อิฐยิ้มกว้างออกมา กอดหลานชายลูบหัวลูบหลังเบาๆ " คราวหน้า นัดมานะ มากินข้าวบ้านเรา หรือจะไปเจอกันที่ร้านข้างนอกก็ได้ ทิวเลือกมา ปู่เป็นเจ้ามือเอง "ทิวเขายิ้มกว้างออกมา ชีวิตของตัวเองเติบโตมาด้วยความรัก ความอบอุ่น ทุกคนพร้อมจะซัพพอร์ตเสมอแต่เพราะพ่อสาย กับแม่ชม ไม่ใช่แบบปู่ ผู้ใช้ชีวิตโลดโผนมาก่อน ดังนั้น การคุยกับพ่อ ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ที่ยังไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ รถตู้ขับออกจากบ้านไปแล้ว ปู่อิฐกอดเอวย่ารุ้งที่ยืน
เสื้อยืดที่สวมอยู่เป็นประจำ มีแต่โทนสีเข้ม กางเกงที่สวมใส่ก็เป็นแนวเซอร์จนน่ากลัวผู้ใหญ่จะตกใจ ทิวเขามองแฟนที่กำลังเลือกเสื้อผ้า แล้วถอนหายใจออกมา " ใส่ไปเถอะ ใส่ชุดไหนก็หล่อ " คนที่เป็นกังวล เดินวนไปวนมาหน้ากระจก นี่เป็นครั้งแรก ที่จะไปบ้านแฟน " ตอนไปเจอคุณปู่ ไม่เห็นตื่นเต้นแบบนี้ " ทิวเขาถามแล้วหยิบเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน กับกางเกงผ้าสีน้ำตาลส่งให้ " ชุดนี้ไหม " เค้าถามเสียงเข้ม " ครับ ชุดนี้ครับ " คนที่รับชุดมาถอดเสื้อผ้าตัวเก่าออก แล้วสวมชุดใหม่ ไ ก็คุณปู่ใจดีสุดๆ คุณย่าก็น่ารักมาก แบบวัยรุ่นมากๆ เลย แถมคุณปู่ยังเป็นอดีตนักแข่งรถ อีกด้วย เฟี้ยวสุดๆ "ม่อนบอกอย่างชื่นชม การพบเจอกับคุณปู่คุณย่าครั้งแรกที่บ้าน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตอีกวันหนึ่ง คุณปู่ใจดีมากเหลือเกิน ทุกคำพูดจริงใจ แบบผู้ใหญ่ใจดี ที่เข้าใจชีวิต และหลายๆ ครั้งต่อมา ก็สนิทใจขึ้นมาทันที " แต่พ่อแม่ทิว กับ ป๊า กับมี๊ละครับ " คนที่เป็นกังวล หน้าซีดเซียว " เอาน่า ถ้าอึดอัดใจ ก็บอกมาเลย " ทิวเขาบอกอย่างใจเย็นเพราะรู้ดีว่า ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยแน่นอน รถเก๋งสีขาวจอดที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น คนที่เป็นคนเลือกร้าน
ผู้คนจำนวนหลายพันคนเข้ามาแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ ทิวเขาที่กำลังเป็นนักเรียนแพทย์ปี5ที่ยุ่งสุดๆ เดินเข้ามาที่มหาวิทยาลัย พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ วันนี้เพื่อนที่ แลกเวลากันได้ ช่วยเหลือเต็มที่ เพื่อให้หมอทิวมางานวันนี้ " เค้ก จะไหวหรอ อยู่โรงพยาบาลมาสิบกว่าชั่วโมงแล้วนะ " คุณหมอสาวค้อนเพื่อนที่สนิทกันมากขึ้น “ไปเลยรีบไป เค้กจะอยู่ให้แค่สามชั่วโมง แล้วรีบกลับมา งานวันรับปริญญามันสำคัญมากนะ ทิวต้องไปเก็บความทรงจำนี้ไว้สิ” เพื่อนสาวบอกยิ้มๆ โบกมือให้คุณหมอที่สวมเสื้อคณะแพทยศาสตร์สีขาว เดินตรงดิ่งออกไป คนที่ยืนมองยิ้มกว้างออกมา พี่พยาบาลสาวยิ้มกับความรักเพื่อนของคุณหมอร่างเล็ก " หมอทิวไปรับปริญญาแฟน แล้วหมอเค้กละคะ เมื่อไหร่จะมีแฟน " " เนื้อคู่หมออยู่เกาหลีค่ะ คงนานมากกว่าจะเดินทางมา " คนที่เคยแอบรักเพื่อน ยอมรับความจริง ทิวเขาเป็นคนดีเกินกว่า จะเสียเค้าไป ถ้าเป็นแฟนไม่ได้ ก็ต้องเป็นเพื่อนให้ได้ ก็เท่านั้นเอง คนที่ยืนโดดเด่นท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่เป็นชายล้วนยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลา สวมแว่นตากันแดดสีดำ ยืนรายล้อมอยู่กับเพื่อน พ่อแม่ของม่อน อยู่ต่างประเทศ ดังนั้น เจ้าตัวจึงมีแต่เพ
" ดิน ทำไมน่ารักขนาดนี้ " แผ่นดินมองคนตรงหน้าที่เปรียบได้กับทุกอย่างในชีวิตของตัวเอง ความรักที่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน ก้าวข้ามมาจนกลายเป็นคู่รัก และ คู่หมั้น บ่มเพาะทุกอย่างด้วยเวลาและความเข้าใจ" ก็รักทรายมากนั่นแหละ ไม่มีอะไรเลย " เค้าบอกเสียงเรียบ จับแก้มคนตรงหน้าเอาไว้ " ดินเตรียมไว้หมด ระหว่างนั่งบนเครื่อง ทรายก็แค่เลือกที่ทรายชอบ แค่นั้นเอง " เค้าบอกย้ำอีกที " แต่งงานกันแล้ว ทรายก็ทำงาน ดินก็จะหางานทำ เราอยู่ด้วยกันอีกสักปี แล้วมีลูกเลย ดีไหม " คนที่อยากมีตัวน้อยๆ ถามขึ้นมา เรื่องนี้จะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ " ถ้าเราต้องทำงาน แล้วลูกเราใครจะเลี้ยง " แผ่นดินมองแฟนสาวที่กำลังช่วยวางแผนครอบครัว " เราต้องย้ายไปอยู่บ้านใกล้ป๊ากับมี๊ ถ้าทรายไม่ติด ดินก็มีแบบบ้านเอาไว้ให้เลือกด้วย " แผ่นดินเตรียมการไว้หมดแล้ว ระหว่างที่เธอเรียนหนักตลอดวัน เค้าก็คิดแต่เรื่องของเราสองคนมาตลอด " ไม่ติดเลย กลับไปคราวนี้ จัดการให้เรียบร้อยทุกอย่างเลยนะ ทั้งเรื่องงานแต่งงาน และบ้านของเรา " แผ่นดินพยักหน้ารัวๆ พี่ทรายที่เป็นผู้นำมาตลอด ถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้ว เพื่อให้แผ่น
รถตู้ที่มาจอดหน้าบ้าน ทำเอาคนในบ้านมองด้วยความแปลกใจ ที่คุณตาคุณยายมาที่บ้านตั้งแต่เช้า แถมยังมีเอสยูวีของพ่อสายกับแม่ชม ตามมาอีกคัน " เมฆ คุณตาคุณยายมาลูก " หม่ามี๊ที่กำลังเตรียมอาหารเช้า เรียกลูกชายที่กำลังนอนหลับอยู่ เพราะกว่าจะนอนก็เกือบเช้าแล้ว คนที่งัวเงียเดินลงมาจากข้างบน เปิดประตูรถเพื่อจะรับคุณตาคุณยายก็ต้องยิ้มกว้าง ตะโกนเสียงดัง " มี๊ พี่ทรายมาแล้ว "พี่สาวคนโตของบ้าน โผล่หน้าออกมา แล้วถูกดึงไปกอดแน่นด้วยความดีใจ หลายเดือนที่ไม่ได้เจอกัน ทำเอาหัวใจพองโต " โอ๊ย หายใจไม่ออก " น้องชายที่ตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยแล้วกอดพี่สาวด้วยความคิดถึง มองพี่ดินที่ยิ้มกว้างอยู่ข้างหลัง แล้วพยักหน้าให้กัน " พี่ทราย " หม่ามี๊เรียกลูกสาวคนโตแล้วดึงมากอดด้วยความคิดถึงเซอร์ไพรส์ที่เจ้าตัวเก็บเงียบ เอาไว้ บอกแค่เพียงว่าช่วงวันสองวันนี้ ทรายกับดิน จะเดินทาง คนทางนี้ก็คิดไปว่า อาจจะเดินทางไปเที่ยวกันสองต่อสอง ไม่คิดเลยว่า จะกลับมาก่อนกำหนด " ทรายส่งงานครบก่อน เช็คทุกอย่างแล้ว ว่าเรียบร้อย ก็เลยรีบกลับมา " ลูกสาวมองป๊าแล้วถูกดึงตัวไปกอด เหลืออีกไม่กี่เดือน พี่ทรายของ
" ใคร ยืนอยู่ตรงนั้น ออกมา " เสียงดุๆ ทำเอาคนที่ยืนอยู่คนเดียว ตกใจ " นี่ค่ะ ชุดคุณ " เด็กสาวเดินมาหา พร้อมเดรสลายดอกไม้สีฟ้าอ่อน ที่หอมกรุ่น " เกรงใจคุณทรายมากเลยค่ะ ความจริงเข็ม " เธอยังพูดไม่จบ คนที่เดินเข้ามา ในบ้าน ก็เดินมาถึง " มีอะไร " เด็กสาวมองคุณเมฆ แล้วตอบเสียงเบา " คุณคนนี้ ชุดเปื้อนค่ะ คุณทรายเลย " เด็กอ้อมแอ้มตอบ ทำเอาคนที่ทำให้ลำบาก หันไปมองคนตรงหน้า ร่างสูงใหญ่กว่า 180เซนติเมตร ผิวขาวจัด หน้าตาคมเข้มยืนอยู่ในชุด เสื้อยืดราคาแพง กางเกงขาสั้น " คือว่า ดิฉัน เป็นทีมงานที่มาวันนี้ค่ะ แล้วบังเอิญว่า " " ครับ ไปเปลี่ยนชุดเถอะ " เค้าบอกเสียงเรียบ แล้วมองเด็กในบ้าน ที่ยืนอยู่ " คอยดูแลแขกด้วย หาถุงมาใส่เสื้อผ้าที่เปื้อนด้วยนะ พี่ทรายลงมาแล้วใช่ไหม " น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน ผิดกับคนละคนที่คุยเสียงดุในโทรศัพท์ " ค่ะ คุณทรายกับคุณดินลงมาแล้ว คุณผู้หญิงถามว่า คุณเมฆจะทานข้าวกลางวันเลยไหมคะ "คนที่ถูกถามถึงส่ายหน้า " คนเยอะ ไปบ้านคุณปู่ดีกว่า " เค้าตอบสุภาพเช่นเดิม แล้วเดินตรงออกไปทางด้านหน้า คนงานมองแขกที่กำลังตกใจแล้วยิ้มให้ " คุณเมฆ ค่ะ เป็นน้องชายคุณทราย เ
รถตู้ที่มาจอดหน้าบ้าน ทำเอาคนในบ้านมองด้วยความแปลกใจ ที่คุณตาคุณยายมาที่บ้านตั้งแต่เช้า แถมยังมีเอสยูวีของพ่อสายกับแม่ชม ตามมาอีกคัน " เมฆ คุณตาคุณยายมาลูก " หม่ามี๊ที่กำลังเตรียมอาหารเช้า เรียกลูกชายที่กำลังนอนหลับอยู่ เพราะกว่าจะนอนก็เกือบเช้าแล้ว คนที่งัวเงียเดินลงมาจากข้างบน เปิดประตูรถเพื่อจะรับคุณตาคุณยายก็ต้องยิ้มกว้าง ตะโกนเสียงดัง " มี๊ พี่ทรายมาแล้ว "พี่สาวคนโตของบ้าน โผล่หน้าออกมา แล้วถูกดึงไปกอดแน่นด้วยความดีใจ หลายเดือนที่ไม่ได้เจอกัน ทำเอาหัวใจพองโต " โอ๊ย หายใจไม่ออก " น้องชายที่ตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยแล้วกอดพี่สาวด้วยความคิดถึง มองพี่ดินที่ยิ้มกว้างอยู่ข้างหลัง แล้วพยักหน้าให้กัน " พี่ทราย " หม่ามี๊เรียกลูกสาวคนโตแล้วดึงมากอดด้วยความคิดถึงเซอร์ไพรส์ที่เจ้าตัวเก็บเงียบ เอาไว้ บอกแค่เพียงว่าช่วงวันสองวันนี้ ทรายกับดิน จะเดินทาง คนทางนี้ก็คิดไปว่า อาจจะเดินทางไปเที่ยวกันสองต่อสอง ไม่คิดเลยว่า จะกลับมาก่อนกำหนด " ทรายส่งงานครบก่อน เช็คทุกอย่างแล้ว ว่าเรียบร้อย ก็เลยรีบกลับมา " ลูกสาวมองป๊าแล้วถูกดึงตัวไปกอด เหลืออีกไม่กี่เดือน พี่ทรายของ
" ดิน ทำไมน่ารักขนาดนี้ " แผ่นดินมองคนตรงหน้าที่เปรียบได้กับทุกอย่างในชีวิตของตัวเอง ความรักที่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน ก้าวข้ามมาจนกลายเป็นคู่รัก และ คู่หมั้น บ่มเพาะทุกอย่างด้วยเวลาและความเข้าใจ" ก็รักทรายมากนั่นแหละ ไม่มีอะไรเลย " เค้าบอกเสียงเรียบ จับแก้มคนตรงหน้าเอาไว้ " ดินเตรียมไว้หมด ระหว่างนั่งบนเครื่อง ทรายก็แค่เลือกที่ทรายชอบ แค่นั้นเอง " เค้าบอกย้ำอีกที " แต่งงานกันแล้ว ทรายก็ทำงาน ดินก็จะหางานทำ เราอยู่ด้วยกันอีกสักปี แล้วมีลูกเลย ดีไหม " คนที่อยากมีตัวน้อยๆ ถามขึ้นมา เรื่องนี้จะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ " ถ้าเราต้องทำงาน แล้วลูกเราใครจะเลี้ยง " แผ่นดินมองแฟนสาวที่กำลังช่วยวางแผนครอบครัว " เราต้องย้ายไปอยู่บ้านใกล้ป๊ากับมี๊ ถ้าทรายไม่ติด ดินก็มีแบบบ้านเอาไว้ให้เลือกด้วย " แผ่นดินเตรียมการไว้หมดแล้ว ระหว่างที่เธอเรียนหนักตลอดวัน เค้าก็คิดแต่เรื่องของเราสองคนมาตลอด " ไม่ติดเลย กลับไปคราวนี้ จัดการให้เรียบร้อยทุกอย่างเลยนะ ทั้งเรื่องงานแต่งงาน และบ้านของเรา " แผ่นดินพยักหน้ารัวๆ พี่ทรายที่เป็นผู้นำมาตลอด ถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้ว เพื่อให้แผ่น
ผู้คนจำนวนหลายพันคนเข้ามาแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ ทิวเขาที่กำลังเป็นนักเรียนแพทย์ปี5ที่ยุ่งสุดๆ เดินเข้ามาที่มหาวิทยาลัย พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ วันนี้เพื่อนที่ แลกเวลากันได้ ช่วยเหลือเต็มที่ เพื่อให้หมอทิวมางานวันนี้ " เค้ก จะไหวหรอ อยู่โรงพยาบาลมาสิบกว่าชั่วโมงแล้วนะ " คุณหมอสาวค้อนเพื่อนที่สนิทกันมากขึ้น “ไปเลยรีบไป เค้กจะอยู่ให้แค่สามชั่วโมง แล้วรีบกลับมา งานวันรับปริญญามันสำคัญมากนะ ทิวต้องไปเก็บความทรงจำนี้ไว้สิ” เพื่อนสาวบอกยิ้มๆ โบกมือให้คุณหมอที่สวมเสื้อคณะแพทยศาสตร์สีขาว เดินตรงดิ่งออกไป คนที่ยืนมองยิ้มกว้างออกมา พี่พยาบาลสาวยิ้มกับความรักเพื่อนของคุณหมอร่างเล็ก " หมอทิวไปรับปริญญาแฟน แล้วหมอเค้กละคะ เมื่อไหร่จะมีแฟน " " เนื้อคู่หมออยู่เกาหลีค่ะ คงนานมากกว่าจะเดินทางมา " คนที่เคยแอบรักเพื่อน ยอมรับความจริง ทิวเขาเป็นคนดีเกินกว่า จะเสียเค้าไป ถ้าเป็นแฟนไม่ได้ ก็ต้องเป็นเพื่อนให้ได้ ก็เท่านั้นเอง คนที่ยืนโดดเด่นท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่เป็นชายล้วนยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลา สวมแว่นตากันแดดสีดำ ยืนรายล้อมอยู่กับเพื่อน พ่อแม่ของม่อน อยู่ต่างประเทศ ดังนั้น เจ้าตัวจึงมีแต่เพ
เสื้อยืดที่สวมอยู่เป็นประจำ มีแต่โทนสีเข้ม กางเกงที่สวมใส่ก็เป็นแนวเซอร์จนน่ากลัวผู้ใหญ่จะตกใจ ทิวเขามองแฟนที่กำลังเลือกเสื้อผ้า แล้วถอนหายใจออกมา " ใส่ไปเถอะ ใส่ชุดไหนก็หล่อ " คนที่เป็นกังวล เดินวนไปวนมาหน้ากระจก นี่เป็นครั้งแรก ที่จะไปบ้านแฟน " ตอนไปเจอคุณปู่ ไม่เห็นตื่นเต้นแบบนี้ " ทิวเขาถามแล้วหยิบเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน กับกางเกงผ้าสีน้ำตาลส่งให้ " ชุดนี้ไหม " เค้าถามเสียงเข้ม " ครับ ชุดนี้ครับ " คนที่รับชุดมาถอดเสื้อผ้าตัวเก่าออก แล้วสวมชุดใหม่ ไ ก็คุณปู่ใจดีสุดๆ คุณย่าก็น่ารักมาก แบบวัยรุ่นมากๆ เลย แถมคุณปู่ยังเป็นอดีตนักแข่งรถ อีกด้วย เฟี้ยวสุดๆ "ม่อนบอกอย่างชื่นชม การพบเจอกับคุณปู่คุณย่าครั้งแรกที่บ้าน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตอีกวันหนึ่ง คุณปู่ใจดีมากเหลือเกิน ทุกคำพูดจริงใจ แบบผู้ใหญ่ใจดี ที่เข้าใจชีวิต และหลายๆ ครั้งต่อมา ก็สนิทใจขึ้นมาทันที " แต่พ่อแม่ทิว กับ ป๊า กับมี๊ละครับ " คนที่เป็นกังวล หน้าซีดเซียว " เอาน่า ถ้าอึดอัดใจ ก็บอกมาเลย " ทิวเขาบอกอย่างใจเย็นเพราะรู้ดีว่า ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยแน่นอน รถเก๋งสีขาวจอดที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น คนที่เป็นคนเลือกร้าน
หลานชายน้ำตาร่วงหล่นเป็นทาง ใบหน้าของหลานชายที่เป็นดังดวงใจของตัวเอง เปียกปอนไปด้วยน้ำตา ทิวเขาเก็บความทุกข์เอาไว้ในใจมานานเท่าไหร่แล้ว ทำไมถึงไม่มาหาปู่ ไม่มาบอกปู่ ปู่แก่ๆ คนนี้จะเคียงข้างหลานชาย ปัดเป่าความทุกข์ยากในใจ ให้เบาบางลงไป " ปู่จะคุยกับย่าเอง อย่ากังวลไปเลยลูก ส่วนปู่เจกับย่าวุ้น เค้าก็รักทิวไม่น้อย ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงสักนิด หากพ่อแม่ของทิว ไม่เข้าใจ ปู่ก็จะช่วยอีกแรงนะลูก เอาไว้วันไหนที่พร้อมแล้ว ก็ค่อยบอก แต่ตอนนี้ สบายใจได้เลย ปู่รับรู้แล้ว ว่าปู่มีหลานเขย หรือ หลานสะใภ้ "คนที่พยายามตามโลกให้ทัน ถามหลานชาย " สะใภ้ครับเรียนวิศวะด้วย " ปู่อิฐยิ้มกว้างออกมา กอดหลานชายลูบหัวลูบหลังเบาๆ " คราวหน้า นัดมานะ มากินข้าวบ้านเรา หรือจะไปเจอกันที่ร้านข้างนอกก็ได้ ทิวเลือกมา ปู่เป็นเจ้ามือเอง "ทิวเขายิ้มกว้างออกมา ชีวิตของตัวเองเติบโตมาด้วยความรัก ความอบอุ่น ทุกคนพร้อมจะซัพพอร์ตเสมอแต่เพราะพ่อสาย กับแม่ชม ไม่ใช่แบบปู่ ผู้ใช้ชีวิตโลดโผนมาก่อน ดังนั้น การคุยกับพ่อ ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ที่ยังไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ รถตู้ขับออกจากบ้านไปแล้ว ปู่อิฐกอดเอวย่ารุ้งที่ยืน
สองหนุ่มนั่งบนรถตู้ของที่บ้านปลายทางที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง จุดหมายแรกคือร้านหนังสือที่เป็นแหล่งรวมหนังสือทุกอย่าง ทิวเขาตรงดิ่งไปทางตำราวิชาการ ทางการแพทย์ที่ตัวเองสนใจ ส่วนอีกคนก็ดิ่งไปที่หนังสือการ์ตูน ที่ตัวเองสนใจเช่นกัน พนักงานแคชเชียร์สาว มองกองหนังสือตรงหน้าแล้วอมยิ้ม หนังสือที่เลือก ไม่ต่างจากรูปลักษณ์ที่ได้เห็น คนที่สวมแว่น หน้าตาหล่อเหลาอ่อนโยน เลือกตำราวิชาการภาษาอังกฤษสามเล่ม ราคาหลายพันบาท กับอีกคน ที่เลือกหนังสือการ์ตูนมังงะ สามเล่มที่เพิ่งออกใหม่ล่าสุด " แยกถุงกันครบ " หนุ่มน้อยน่ารักบอกเสียงอ่อนโยน ทำตาวิบวับส่งบัตรเครดิตให้พี่พนักงาน " คุณปู่เห็นบิลค่าหนังสือ คงดีใจมาก ที่เงินหลายพันทำประโยชน์ให้หมอทิว " ตัวแสบบอกยิ้มๆ ถือถุงหนังสือหนักอึ้งให้พี่ชาย " มี๊บอกว่า ให้ซื้อเสื้อผ้าดีๆ คนละสองสามชุดครับพี่ทิวจะรับปริญญาพี่ทรายแล้ว ต้องหล่อไปนะครับ "พี่สาวคนโตใกล้จะรับปริญญาแล้ว และข่าวที่น้องชายบอกก็คือ พี่ทรายจะไปอังกฤษเลย " อย่าบอกพี่ดินนะ เมฆคันปากยิบๆ ยังไม่กล้าพูด " น้องชายคนเล็กของบ้านบอกพี่ชายคนกลาง ทิวเขารู้เหตุผลของทุกคน " รู้แล้ว " คุณหมอบอกยิ้ม
หากคำบอกรัก เป็นสิ่งที่พิสูจน์ใจ การกระทำก็สำคัญยิ่งกว่า ทิวเขาเป็นว่าที่คุณหมอหนุ่ม อนาคตไกล พื้นฐานครอบครัวก็ดูดีเหลือเกิน แต่กลับมาสนใจในตัวผู้ชายธรรมดาอย่างเค้า ผู้ชายที่เกเรไปวันๆ มีดีแค่เพียงหน้าตา " ทิว ม่อนหวงนะ " ทิวเขายิ้มกว้าง ชอบเหลือเกินกับท่าทีออดอ้อนแบบนี้ มันคือความจริงใจที่เค้าได้พบเห็นเพียงคนเดียว " หวงอะไร ทิวก็มีแค่ม่อนคนเดียว " เค้าบอกเสียงนุ่มดึงตัวมานั่งที่โซฟามองคนตรงหน้าที่ทำให้ใจสั่นตั้งแต่แรก " ถามได้ไหม ว่าชอบตรงไหน " " หน้าตา กับริมฝีปากที่น่าจูบ " ทิวเขาบอกตามตรง ที่สะดุดตาตั้งแต่แรกพบ คงจะเป็นหน้าตากับริมฝีปากนั่นแหละ " แล้วไงต่อ " คนเหมือนจะถูกจีบ ถามเสียงหวาน ริมฝีปากของทิวเขา สัมผัสที่ลำคอขาว ใช้ลิ้นสัมผัสเบาๆ" อยากได้ " คำตอบตรงไปตรงมา ทำเอาใจสั่นไหว ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย " บ้ากามหรอไง คุณหมอ " คนอ้อนถาม เพราะตอนนี้รู้สึกมากๆ ว่า หัวใจสั่นรัวเต็มที่ มันดีเหลือเกิน ที่เค้าต้องการ เค้ามาก " ก็ไม่เคยอยากได้ใครเลย นอกจากม่อนคนเดียว" เค้าบอกออกมา ทำเอาคนฟังใจพอง มันดีเหลือเกินที่ได้เป็นที่รัก จูบที่เร่าร้อนอ่อนโยน ริมฝีปาก ใบหน้าแ
" ทิวไม่มีอะไรเป็นความลับกับม่อน "คนที่เดินเข้ามาทักทาย อึ้งไปทันที คนที่ฟุบนอนบนโต๊ะยิ้มใจพอง ไอ้หมอบ้า มาพูดอะไรแบบนี้ เขินนะโว้ย " มีอะไรหรอ " ม่อนเงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนร่วมคลาส ชายหนุ่มหน้าตาดีทั้งคู่ นั่งอยู่ด้วยกัน " คือว่า เพื่อนเราอยากจะรู้จัก "กลุ่มสาวๆ ที่ยังไม่ออกไป ยิ้มเขินออกมา อยากรู้จักทั้งคู่นั่นแหละ ตอนแรกก็อยากรู้จักทิวเขา แต่ตอนนี้ ม่อนก็น่ารักมาก " ก็รู้จักกันนี่ไง คนนี้ชื่อม่อนเรียนวิศวฯ คนนี้ชื่อทิวเรียนแพทย์ โอเค จบนะ "คนขี้หวงบอกออกมา แล้วเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเป้ของคนข้างๆ" ไปนะ มีธุระ " ชายหนุ่มสองคนเดินออกจากห้องไปแล้วสาวๆ พากันมองตาละห้อยด้วยความเสียดาย " ทิวเขาอะ เนิร์ดตัวพ่อ ไม่คบใครเลย ไม่จีบใครด้วย ตั้งใจเรียนอย่างเดียว ส่วนอีตาม่อนก็ขาฟันไหมละ สาวเยอะมาก ต่างขั้วกันขนาดนั้นมาสนิทกันได้ไง "คนที่พอจะได้ยินชื่อเสียงเม้าท์กับเพื่อน ทิวเขาน่ารักน่าเอ็นดู ม่อนก็ดูแบดๆ ไม่น่าสนิทกัน" หวงหรอ" ประตูลิฟต์ปิดแล้ว ทิวเขาก็ถามคนข้างๆ ทันที มือที่ว่างอยู่โอบเองเข้ามาใกล้ " มาก " คนยอมรับความจริงบอกเพียงเท่านี้ ก่อนที่แยกออกจากกัน เมื่อมีคนเปิดลิฟต์