“เฮ้ย ไอ้กานต์พรุ่งนี้วันเกิดมึงพวกเราไปฉลองกันหน่อยไหมวะ” เด็กหนุ่มหัวเกรียนสวมกางเกงขาสั้นสีกากีถามเพื่อนที่แต่งกายคล้ายๆ กัน“ปีนี้บ้านกูจะจัดงานวันเกิดให้พวกมึงไปกันไหม” ธีรกานต์หรือกานต์ตอบเพื่อน“กูอยากไป แต่ขอผ่าน” ภัทรดนัยหรือมิกซ์ตอบเป็นคนแรก“กูก็เหมือนกัน” กอล์ฟหรือชวพลตอบตามมาอีกคน“ทำไมวะ หรือพวกมึงกลัวพ่อกู พ่อกูก็แค่หน้าดุแต่ใจดี”“กูไม่ได้กลัวพ่อมึงแต่กูกลัวอดแดกเหล้า”“ไม่อดหรอกพ่อกูไม่ว่าเรากินกันได้เลย” ธีรกานต์รีบบอกเพราะอยากให้เพื่อนมาฉลองวันเกิดด้วยกันที่บ้านของตนเอง“พ่อมึงอาจจะไม่ว่าแต่กูกลัวแม่มึงจะบอกแม่พวกกูน่ะสิ ยิ่งช่วงหลังมานี่สนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม”“เออกูเห็นด้วยกับไอ้โก้นะ แม่พวกเรามีอะไรก็คุยกันในกลุ่มไลน์ตลอด” ชวพลก็เห็นด้วยกับเพื่อน“มึงไม่น้อยใจใช่ไหมที่พวกกูไม่ไป” โกสินทร์ถาม“ไม่หรอกกูก็แค่อยากฉลองกับพวกมึงเพราะไม่รู้ไม่รู้ว่าปีหน้าจะได้เจอกันครบไหม”“มึงไปฉลองกับครอบครัวก่อนพวกกูรอได้” ภัทรดนัยเข้าใจดีเพราะตอนวันเกิดของตนเองก็อยู่ฉลองกับบิดามารดา“พวกมึงรอวันศุกร์ได้ไหมเดี๋ยวกูพาพวกมึงไปฉลอง จะไปร้านไหนว่ามาเลย”“ใครเขาจะให้เด็กอย่างพวกเราเข้า ก
ธีรกานต์มาถึงโรงเรียนก็พบว่าบนโต๊ะของตนเองนั้นมีของขวัญอยู่เต็มไปหมดมีทั้งตุ๊กตา ดอกไม้ หนังสือการ์ตูนการ์ดอวยพรและเค้กวันเกิดก้อนเล็กๆ อีกหลายก้อนซึ่งเขาก็แบ่งให้เพื่อนและอาจารย์ทานจนไม่เหลือกลับบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติแต่ที่แปลกไปจนเพื่อนต้องมองหน้ากันด้วยความสงสัยก็คือปีนี้เขาบอกว่าจะเอาตุ๊กตาเหล่านั้นกลับไปที่บ้านด้วย“มึงไม่สบายหรือเปล่าวะกานต์” โกสินทร์ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“สบายดี ถามทำไมวะ”“ก็ปกติมึงไม่ชอบตุ๊กตา”“กูเอาไปให้เด็กข้างบ้าน”“หลังที่มึงบอกว่าเพิ่งย้ายมาอยู่เหรอ”“อือ หลังนั้นแหละน้องเขาเกิดวันเดียวกับกูพอดี”“เด็กผู้หญิงเหรอ”“อือ”“สงสัยจะเป็นเนื้อคู่มึงแน่เลยวะเกิดวันเดียวกัน” ภัทรดนัยพูดแล้วก็หัวเราะ“มึงก็พูดเรื่อยน้องตัวกะเปี๊ยกเดียวเอง”“เด็กผู้หญิงโตวัยนะเว้ย เผลอแป๊บเดียวเป็นสาวแล้วนะ ถ้าสวยมึงก็จองไว้ก่อนเลย”“มึงก็ช่างจะคิดนะไอ้โก้” ธีรกานต์ส่ายหัวกับความคิดของเพื่อน จากนั้นเพื่อนของเขาก็ช่วยกันถือตุ๊กตามาส่งที่รถซึ่งมาจอดรออยู่ก่อนแล้ว“พวกมึงไม่ไปแน่นะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง“ไม่ล่ะ เจอกันเสาร์นะ”“อือ” เขาบอกเพื่อนก่อนจะปิดประตูรถงานวันเกิดถูกจัด
งานวันเกิดถูกจัดขึ้นขึ้นพร้อมกันทุกๆ ปี ถึงแม้ธีรกานต์จะไปอยู่ที่หอพักระหว่างเรียนแพทย์เขาก็ถูกบังคับให้กลับมาฉลองวันเกิดที่บ้านและก็เป็นเช่นเคยที่เขาจะมีของขวัญมาให้กับเด็กน้อยตลอด แม้ช่วงหลังจะเรียนและทำงานอย่างหนักเขาก็โอนเงินให้เธอไปเลือกซื้อของขวัญเอง ตอนนี้เอวาริณโตขึ้นกว่าเดิมมากและไม่ใช่เด็กน้อยที่เขาอุ้มได้อีกต่อไปแล้วธีรกานต์เรียนจบแพทย์และกำลังใช้ทุนอยู่ที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดขณะที่เอวาริณก็เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว“พี่กานต์จะอยู่กรุงเทพกี่วันคะ”“อยู่ถึงวันอาทิตย์”“เช้าวันเสาร์พี่กานต์พาเอวาไปกินไอติมได้ไหมคะ เอวาชวนพี่กันต์แล้วพี่กันต์ไม่ว่าง”“แล้วทำไมพี่ต้องไปกับเธอด้วยล่ะ”“ก็พี่กานต์เป็นคนใจดีที่สุด เอวาจะให้พี่กานต์ไปเลือกของขวัญวันเกิดด้วยค่ะ เอวาเก็บตังไว้แล้ว”“พี่ไม่อยากได้อะไรหรอก เอวาเก็บเงินไว้เถอะ”“แต่เอวาตั้งใจแล้วนี่คะ”“เรายังเรียนอยู่เลยนะ”“ไม่ซื้อของขวัญให้ก็ได้ค่ะ แล้วเรื่องไปกินไอติมล่ะคะ พาเอวาไปหน่อยนะ เอวาอยากกินจริงๆ” ตั้งแต่เขาไปเรียนเด็กสาวก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับเขาเหมือนแต่ก่อนพอมีโอกาสก็เลยอยากจะอ้อนพี่ชาย“ก็ได้ แต่ต้องรีบไปรี
เพื่อนของธีรกานต์มีด้วยกันทั้งหมดห้าคนแต่ละคนกำลังเป็นแพทย์ใช้ทุนในแต่ละจังหวัดจึงมีเรื่องมาเล่าให้กันฟังอย่างสนุกสนาน เอวาริณฟังไม่รู้เรื่องเลยสักอย่างจึงได้แต่นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ จนกระทั่งพวกเขาเลิกคุยเรื่องงานและเริ่มพูดเรื่องส่วนตัวกันเธอจึงแอบฟังอย่างตั้งใจ“กานต์คิดหรือยังว่าจะเรียนเฉพาะทางอะไรต่อ” เพื่อนผู้หญิงถามขึ้น“ก็อย่างที่เคยบอกไป ผมจะเรียนอายุรกรรมแล้วต่อด้วยตับและทางเดินอาหาร นิวล่ะ”“นิวว่าจะเรียนเฉพาะทางเด็ก จริงๆ ก็อยากเรียนเหมือนกานต์นะมีอะไรจะได้ปรึกษากันแต่นิวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”“ดีแล้วเลือกที่ตัวเองชอบ” ชายหนุ่มออกความเห็น“เรียนคนละอย่างแบบนี้โอกาสกลับมาคบกันก็ยากสิ”ในอดีตนั้นธีรกานต์กับณิชาภัทรเคยคบกันอยู่หลายเดือนก่อนที่จะเลิกกันตอนเรียนแพทย์ปีสุดท้าย“นิวกับกานต์เหมาะสมกันมากนะ ถึงจะเรียนคนละแผนกแต่ถ้าได้เข้ามาเรียนที่กรุงเทพโอกาสได้เจอกันก็บ่อยขึ้น พวกเราเชียร์อยู่นะ” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดขึ้น“แล้วกานต์คิดยังไงล่ะ” เพื่อนอีกคนก็ถามย้ำธีรกานต์ไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าอะไรเขาไม่เคยคิดเรื่องกลับมาคบกันเพราะตอนนี้ตนรู้สึกกับณิชาภัทรแค่เพื
เมื่อเดินจนเหนื่อยแต่เอวาริณยังไม่ยอมเลือกของขวัญวันเกิดธีรกานต์เลยจูงมือเธอมายังร้านจำหน่ายนาฬิกาและเป็นคนเลือกให้เธอสองเรือน เรือนหนึ่งเป็นนาฬิกาแบบวัยรุ่นสีฟ้าสดใส อีกเรือนเป็นนาฬิกาสีโรสโกลด์ดูเป็นผู้ใหญ่“ทำไมต้องซื้อถึงสองเรือนคะ” เอวาริณถามขณะที่ตักไอศกรีมรสชาติโปรดเข้าปาก“เรือนหนึ่งของปีนี้อีกเรือนของปีหน้า”“แล้วปีถัดไปล่ะคะ”“ไม่โลภเลยนะเรา ปีถัดไปก็ค่อยว่ากันอีกที”“พี่กานต์จะไม่ลืมวันเกิดเอวาใช่ไหม”“ถามทำไม กลัวพี่ลืมเหรอ”“ค่ะ ถ้าพี่เรียนเฉพาะทางก็คงไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหมคะ”“คนเรามีเวลาเท่ากันนะ อยู่ที่จะบริหารเวลายังไงให้ชีวิตบาลานซ์ เอวาก็เหมือนกันไปเรียนที่นั่นเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ก็ต้องพยายามปรับตัวและแบ่งเวลาให้ได้” ธีรกานต์สอนเด็กสาวเพราะตนเองเคยมีปัญหาเรื่องแบ่งเวลามาก่อน“เอวาคงคิดถึงพี่กานต์กับพี่กันต์มากๆ แน่เลยค่ะ”“คิดถึงก็โทรมาหรือจะเมลมาก็ได้”“เมลมาดีกว่าพี่ว่างตอนไหนก็ค่อยตอบ”“ได้สิแต่ถ้าตอบช้าอย่าว่ากันนะ”“ไม่หรอกค่ะ”เอวาริณไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสได้กลับมาเจอกับพี่ชายใจดีอีกเมื่อไหร่ เด็กสาวไม่อยากไปกับครอบครัวเลยแต่ถ้าเลือกอยู่เมืองไทยก็ต้องกลับไปอยู่ที่
เอวาริณในวัย 20 ปีกำลังช่วยมารดาเลือกซื้อของในซุเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งเพราะวันนี้มารดาของเธอตั้งใจจะอาหารไทยเพื่อฉลองวันเกิดให้กับหญิงสาว“แม่คะกินข้าวเย็นแล้วเอวาขอไปฉลองกับเพื่อนได้ไหมคะ”“เพื่อนที่ว่ามีใครบ้างล่ะ”“ก็กลุ่มเดิมค่ะแม่มีแต่เพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น”“ปีนี้หนูอายุ 20 แล้วมีหนุ่มๆ ในมหาลัยมาจีบบ้างไหม”“ลูกสาวแม่สวยขนาดนี้จะไม่มีได้ยังไงล่ะคะ”“แล้วมีคนไหนเข้าตาบ้างหรือยังล่ะ”“ก็ดูๆ อยู่ค่ะแม่” เธอตอบไปเรื่อยแต่จริงๆ ไม่เคยคิดจะมองใครเลย“อย่าลืมพามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างนะ”“แม่ไม่ว่าเหรอคะถ้าเอวาจะมีแฟน”“ลูกสาวแม่โตแล้วจะมีแฟนก็ไม่ผิดอะไร แต่แม่ขอแค่อย่าให้เสียการเรียนก็พอ”“เอวาไม่ให้เสียการเรียนหรอกค่ะแม่” เอวาริณให้สัญญากับมารดาแต่จริงๆ แล้วเธอไม่คิดจะคบกับใครเลยเพราะยังไม่สามารถลืมธีรกานต์ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปีก็ตาม“สุขสันต์วันเกิดนะครับเอวา” หนุ่มอังกฤษหอบดอกไม้ช่อโตมาให้หญิงสาวเมื่อเธอเดินเข้ามาในผับที่นัดกับเพื่อนๆ ไว้“ขอบคุณนะเลโอ” หญิงสาวรับช่อดอกไม้แล้วกล่าวขอบคุณด้วยภาษาอังกฤษชัดแจ๋วงานฉลองไม่ได้มีอะไรพิเศษเพราะเจ้าของวันเกิดบอกทุกคนว่าเธอไม่อ
หลังจากใช้ทุนที่โรงพยาบาลรัฐบาลในต่างจังหวัดครบ 3 ปีแล้วธีรกานต์ก็ตัดสินใจเรียนต่อทางด้านอายุรกรรมโดยใช้ทุนส่วนตัวเพราะครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่เขาจึงต้องมาช่วยงานของครอบครัว แต่ชายหนุ่มก็รับผิดชอบในส่วนของการตรวจรักษาผู้ป่วยและการบริหารทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนการบริหารงานด้านอื่นๆ ธีรกานต์ยกให้เป็นหน้าที่ของน้องชาย“พี่กานต์ว่าหมอออกตรวจน้อยไปหน่อยไหม” พีรกันต์เข้ามาปรึกษาพี่ชายระหว่างพักกลางวันเพราะวันจันทร์ที่ผ่านมาฝ่ายบริการแจ้งว่ามีการร้องเรียนถึงเรื่องที่ปล่อยให้ผู้ป่วยรอนาน“พี่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะหาหมอมาเด็กและหมอสูติฯ มาเพิ่มแผนกละคน”“หมอนิวก็เป็นหมอเด็กนะ พี่ลองชวนเธอมาสิได้คนกันเองมาทำงานก็น่าจะดี” พีรกันต์หมายถึงหมอณิชาภัทรซึ่งเรียนจบเฉพาะทางกุมารแพทย์และยังเป็นเพื่อนของพี่ชายตนเองอีกด้วย“พี่อยากได้หมอปิญชาน์กับหมอไอรดามากกว่านะ จ้างทั้งคู่มาทำพาร์ทไทม์เสาร์กับอาทิตย์”“พี่กานต์ไม่อยากเจอหมอนิวเหรอ” พีรกันต์รู้ว่าพี่ชายกับคุณหมอณิชาภัทรนั้นเคยคบกันมาก่อนจึงถามเพราะคิดว่าพี่ชายลำบากใจที่จะต้องกลับมาเจอหน้ากัน“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกพี่ก็แค่อยากได้หมอสูติ
“หนูจะกลับไปทำงานที่เมืองไทยจริงเหรอเอวา” วาสิการ์ถามลูกสาว“ค่ะแม่ เอวาคุยกับพี่กันต์แล้ว พี่กันต์บอกว่ามีตำแหน่งที่เหมาะสมกับเอวาอยู่พอดีเอวาก็เลยว่าจะลองไปทำดูค่ะ ได้ไหมคะแม่” แม้จะตัดสินใจไปแล้วแต่อยากฟังความคิดเห็นของมารดา“แม่แล้วหนูนะลูกแล้วจะะเดินทางเมื่อไหร่”“ก็คงจะเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ แม่จะไปด้วยไหมคะ”“แม่ยังต้องอยู่ดูร้านอาหารที่นี่แต่เดี๋ยวแม่จะโทรบอกป้านาให้นะเขาจะได้ช่วยหาคนมาทำความสะอาดบ้านให้นะ”“ขอบคุณนะคะแม่”“แล้วหนูจะไปเยี่ยมคุณยายไหม”“ไปสิคะเอวาว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านสักสองสามวันพักให้หายเหนื่อยแล้วว่าจะไปอยู่กับคุณยายสักอาทิตย์หนึ่งค่ะ เพราะว่ากว่าจะเริ่มงานก็อีกตั้งสองอาทิตย์”“ดีเลยเดี๋ยวไม่มีของฝากจะเอาไปให้ยายกับญาติคนอื่นด้วย”“ได้ค่ะ เอวาเอาของไปไม่เยอะเท่าไหร่แม่ฝากได้เต็มที่เลยค่ะ”“ว่าแต่หนูจะอยู่ที่บ้านคนเดียวได้แน่นะลูก”“แน่สิคะแม่ บ้านเราอยู่ใกล้กับบ้านคุณป้าถ้ามีอะไรเอวาก็ให้คุณป้ากับพี่กันต์ช่วยได้”“แล้วหนูอยากได้คนมาช่วยดูแลงานบ้านไหม แม่จะได้ให้ป้าช่วยหาคนที่ไว้ใจได้หน่อย”“ไม่จำเป็นหรอกมั้งคะแม่”“ถ้าหนูไปทำงานก็คงไม่มีเวลาดูแลบ้านนะ”“เอวาคิดว
เอวาริณหน้างอเป็นม้าหมากรุกเมื่อมาถึงชายหาดหัวหินแล้วไม่เจอม้าตัวโปรดเพราะเจ้าของพากลับไปพักแล้วเนื่องจากตลอดทั้งวันนักท่องเที่ยวพากันมาใช่บริการจนมันเหนื่อย“เรามาพรุ่งนี้ก็ได้เอวา จองคิวไว้ก่อนดีไหม”“แต่พรุ่งนี้เราต้องกลับแล้วนะคะพี่กานต์”“กลับค่ำหน่อยก็ได้”“แต่กว่าจะถึงก็ต้องดึกแน่ๆ พี่กานต์ต้องไปทำงานเช้าวันจันทร์นะคะ”“ขับรถแค่นี้ไม่เหนื่อยหรอกนะ” เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อให้เธอกลับมายิ้มได้“ไม่ดีกว่าค่ะ ตอนนี้เอวาโตขึ้นแล้วบางทีม้ามันอาจจะหนักเดินไม่ไหวก็ได้ค่ะ”“ไม่เสียใจเหรอ เราตั้งใจแล้วนะ”“ก็นิดหน่อยค่ะเรากลับกันเถอะค่ะ”“ไปเดินตลาดโต้รุ่งกันไหม หาของกินอร่อย” เขาถามอย่างรู้ใจ“ดีเหมือนกันค่ะ เอวาอยากกินตั้งหลายอย่าง”เมื่อตกลงกันได้เขาก็พาเอวาริณมายังตลาดโต้รุ่งตั้งแต่ตลาดเริ่มเปิดคนจึงยังไม่ค่อยพลุกพล่านทำให้เขาและเธอเดินเลือกซื้ออาหารและทานไปด้วยกันสนุกสนาน“เอวาต้องน้ำหนักขึ้นแน่เลยค่ะ” หญิงสาวบ่นแต่พอเจออาหารที่ถูกใจก็แวะซื้อตลอดทาง“กินแค่วันเดียวคงไม่ขึ้นมากเท่าไหร่หรอกนะ เอวาหนักแค่ 46 เองนะแล้วตอนป่วยก็น้ำหนักลดมาตั้งสองกิโล”“จำได้ด้วยเหรอคะว่าหนักเท่าไหร่”“มีค
ธีรกานต์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าด้วยความเคยชินแต่เขายังไม่ลุกไปจากเตียงเพราะตอนนี้เอวาริณยังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนแผงอกของตนเขามองใบหน้าสวยแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ภาพความทรงจำเมื่อคืนทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นไปอีกเมื่อคิดว่าตอนนี้ตนเองกับหญิงสาวไปเปลี่ยนสถานะไปแล้ว กลับจากหัวหินครั้งนี้เขาจะต้องพูดกับมารดาเพราะอยากจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ธีรกานต์ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วเขาอยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอในฐานะสามีภรรยาและอยากให้คนอื่นรับรู้ว่าเขานั้นรักเธอมากแค่ไหนสิ่งที่ทำลงไปนั้นชายหนุ่มไม่เสียใจเลยเพราะเขาทำทุกอย่างด้วยความรักและคิดว่าเอวาริณเองก็คงคิดไม่ต่างจากเขา บทรักเร่าร้อนที่มอบให้แก่กันเมื่อคืนยืนยันได้อย่างดีว่าเขาและเธอเข้ากันได้มากแค่ไหนธีรกานต์ไม่เคยหลงใหลในตัวผู้หญิงคนไหนมากมายอย่างเอวาริณมาก่อนเลย เขาไม่เคยมีความต้องการมากมายเท่าเมื่อคืน แม้ว่าจะสุขสมไปหลายรอบแต่ความรู้สึกกระหายก็ยังคงติดอยู่ในใจและอยากได้เธอมากขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่หญิงสาวทั้งหอมและหวานชวนหลงใหลจนเขาแทบคลั่งและไม่อยากจะหยุดพักเลยสักนิด เพียงคิดถึงความเป็นชายก็ตื่นตัวอย่างประหลาดแล้วคนที่นอนอยู่จะรู้ไหมว่าตอนนี้เขากำลังต้องกา
เอวาริณจมลงไปเพลิงตัณหาอีกครั้ง เธอครางสะท้านสั่นเทาไปทั้งตัวเมื่อปากร้อนครอบครองและดูดดึงลงบนปทุมถันที่ชูชันเป็นไต“พี่กานต์...”สัมผัสทั้งบนและล่างให้เธอร้องครางระงมเพราะมันเสียวมากขึ้นอีกเท่าทวีคูณ ร่างกายของชายหนุ่มก็ร้อนรุ่มจนแทบปริแตกเขาต้องพยายามอดกลั้นตนเองและระบายลงบนอกอวบอิ่มอย่างไม่ออมแรงแต่เธอก็แอ่นอกให้เขาได้บีบเคล้นไปตามใจปรารถนาหญิงสาวปล่อยกายปล่อยใจไปตามแรงอารมณ์และพยายามไม่เกร็งอย่างที่เขาบอกแต่ปลายนิ้วที่สอดเข้ามายังกลางกายก็ทำให้เธอนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ“เจ็บคะ เอวาเจ็บ”“หายใจเข้าลึกๆ นะคะคนเก่งนิดเดียวนะเดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ”เขาบอกด้วยเสียงแหบพร่าเพราะรู้สึกถึงแรงตอดรัดที่ปลายนิ้วแล้วคิดไปถึงคราวที่ท่อนเอ็นของตนจะเข้าไปแทนที่นิ้วมันคงรู้สึกดีมากกว่าอะไรทั้งหมดหญิงสาวทำตามที่เขาบอกเธอหายใจเข้าลึกและพยายามผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ความร้อนจากการเสียดสีก็ยากเกินกว่าจะอดกลั้น เธอครางสะท้านกับทุกการเคลื่อนไหวของปลายนิ้วร้ายที่ขยับอยู่ในช่องทางสวาท หญิงสาวจิกเล็บลงบนไหล่หนาและแอ่นสะโพกเบียดเมื่อเขากดย้ำที่จุดอ่อนไหวทางด้านในซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันจะสร้างความเสียวซ่านให้แล่น
ริมฝีปากของธีรกานต์สัมผัสลงอย่างแผ่วเบาจูบที่อ่อนหวานทำให้คนอ่อนประสบการณ์ใจเต้นแรงและทำตัวไม่ถูก หญิงสาวพยายามจะครางประท้วงแต่นั่นกลับกลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้เขาสอดปลายลิ้นเข้ากวาดต้อนเอาหวานจากโพรงปากเล็ก จากจูบที่อ่อนหวานก็เริ่มจะเร่าร้อนขึ้นไปตามอารมณ์ปลายลิ้นเล็กพยายามหลบหลีกแต่ก็หนีไม่พ้น หญิงสาวรู้สึกสับสนและมึนงงมือของเธอจิกลงบนแผ่นหลังของเขาอย่างลืมตัว จูบนั้นเนิ่นนานจนเธอแทบขาดใจ“พี่กานต์”เสียงเรียกแผ่วเบาเมื่อเขาถอนจูบออกเพื่อให้เธอได้หายใจ“จูบเอวาหวานมาก พี่อยากรู้ว่าจะหวานไปทั้งตัวหรือเปล่า”“อื้อ...พี่กานต์”เสียงหวานเรียกชื่อเขาอีกครั้งเมื่อถูกมือใหญ่เลื่อนไปสัมผัสกับทรวงอกอิ่มผ่านชุดนอนบางๆ เขาเพิ่มแรงบีบมากขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะจัดการชุดนอนและชั้นในออกจากร่างเนียน ใบหน้าของเอวาริณแดงก่ำเมื่อสบตาคมที่จ้องเธอราวกับเป็นขนมหวานเหมือนทุกอย่างเป็นใจเพราะตอนนี้ไฟที่หัวเตียงสว่างขึ้นแล้วทำให้ธีรกานต์มองเธอได้อย่างชัดเจน“เอวาของพี่สวยไปทั้งตัว”“พี่กานต์...”“ให้พี่นะคะคนดี”หญิงสาวเงียบเพราะไม่รู้จะตอบเขาว่ายังไงเธอรู้ว่าหลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นความสัมพันธ์ของเธอก
เอวาริณออกจากโรงพยาบาลมาได้หลายวันแล้วตอนนี้หญิงสาวหายเป็นปกติและกำลังเตรียมจัดกระเป๋าเพื่อไปเที่ยวทะเลกับธีรกานต์ซึ่งเรื่องนี้เธอบอกกับบิดามารดาว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน“ไม่ดีใจเหรอที่ได้มาเที่ยว” ธีรกานต์ถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้เอวาริณทำหน้าเครียด“เมื่อวานแม่โทรมาค่ะ”“แล้วท่านว่ายังไงบ้างล่ะ เอวาถึงได้หน้าเครียดแบบนี้”“แม่พูดถึงเรื่องเอวากับพี่กันต์แต่เอวาปฏิเสธไปแล้วนะคะ แต่แม่ก็ยังอยากให้เอวากับพี่กันต์ลองเปิดใจคบกันดูก่อน”“อย่าเครียดไปเลยนะ กลับจากเที่ยวครั้งนี้พี่จะพูดกับพ่อแม่เอง เพราะถ้าเราไม่พูดท่านก็คงคิดจะจับคู่แบบนี้”“พี่ไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอคะ”“เรารู้จักกันมานานมากแล้วนะ”“แต่เราเพิ่งจะเริ่มคุยกับเรื่องนี้”“แล้วเราคุยกันรู้เรื่องไหมล่ะ”“ก็รู้เรื่อง”“ไม่มั่นใจในตัวพี่เหรอ” เขาถามเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของเอวาริณที่กำลังมองเหม่อไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า“ค่ะ พี่กานต์ทั้งหล่อทั้งรวย เอวารู้ว่าที่ผ่านมามีสาวๆ เข้าหาอยู่ตลอด”“แต่พี่ก็ไม่เคยจริงจังกับใครเลยนะ เชื่อใจพี่เถอะว่าพี่จะไม่ทำให้เอวาผิดหวังแน่นอนพี่สัญญาเลยว่าจากนี้จะมีแค่เอวาคนเดียว พี่รักเอวานะ”คำสารภาพที่หลุดออกม
ธีรกานต์นั่งมองหน้าคนที่หลับสนิทแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว เขาไม่คิดเลยว่าเอวาริณจะกลับมาทวงคำตอบ ซึ่งเขาเองก็รอที่จะตอบคำถามของเธออยู่เหมือนกันตลอดเวลาที่ผ่านธีรกานต์ไม่เคยลืมเอวาริณเลยยิ่งพอเธอกลับมาแบบนี้เขาก็ดีใจมากกว่าใครทั้งหมด ชายหนุ่มมั่นใจว่าหญิงสาวคือคนที่เขารอและคนที่ใช่สำหรับตนเองมากที่สุด แต่ที่ยังเป็นกังวลอยู่ก็เพราะคนที่บิดามารดาอยากให้ลงเอยกับเอวาริณนั้นคือพีรกันต์น้องชายของตนเองธีรกานต์คิดว่าเรื่องน้องชายนั้นคงพูดไม่ยากเท่าไหร่เพราะตอนนี้พีรกันต์ก็กำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่“พี่กานต์คิดอะไรอยู่คะ”“ตื่นนานแล้วเหรอ”“ค่ะ เห็นพี่กานต์นั่งเหม่ออยู่นานคิดอะไรอยู่เหรอคะ”“พี่กำลังคิดถึงเรื่องของเราอยู่เจ็ดปีพี่ว่ามันนานไปนะ”“นานที่ไหนกันเอวายังรอได้เลย”“ที่รอได้เพราะตอนนั้นเอวายังเด็กและไม่ถึงเวลามีครอบครัว แต่ตอนนี้เอวาโตแล้วนะ”“พี่พูดเรื่องอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“แม่พี่บอกว่าเขาอยากได้เอวาเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าพี่กานต์ไม่เห็นด้วยก็บอกคุณป้าไปสิคะ” เอวาริณพูดแล้วก็สะบัดหน้าหนีเพราะคิดว่าธีรกานต์รังเกียจตัวเอง“หันหน้ามาคุยกับพี่ดีๆ ก่อนนะเอวา”“ไม่อยากคุยค่ะเอวาง่วงนอน”“เพ
เอวาริณใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกเมื่อวิ่งขึ้นมาถึงห้องนอน เธอไม่คิดมาก่อนว่าธีรกานต์จะขอเป็นแฟนเพราะเขากับเธอไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว อันที่จริงแล้วหญิงสาวก็อยากจะรีบตอบตกลง เธอเองก็ต้องการแบบนั้นแต่ที่บอกให้เขารอเจ็ดปีก็เพราะอยากให้มั่นใจกว่านี้อีกนิดว่าเขาไม่ได้พูดออกมาเพราะรู้สึกผิดเธอรีบอาบน้ำแต่งตัวและคิดว่าจะโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องนี้ให้ชัญญานุชฟังแต่ยังไม่ทันได้ทำก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาเสียก่อนเธอจึงรีบปิดไฟนอนพักและหวังว่าอาการของตนเองจะดีขึ้นเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการปวดก็ไม่ทุเลาลงเลยแต่กลับปวดหนักขึ้นไปอีก เธออยากจะโทรไปธีรกานต์เพื่อขอยาแก้ปวดแต่ในโทรศัพท์ก็ไม่มีเบอร์ของเขา หญิงสาวจึงโทรศัพท์ไปหาพีรกันต์เพราะอย่างน้อยเขาก็น่าจะไปตามธีรกานต์ได้“พี่กันต์นอนหรือยังคะ”“ยังเลยโทรมาดึกเชียวนอนไม่หลับเหรอเอวา”“พี่กันต์ เอวาปวดท้องพี่ช่วยถามพี่กานต์ให้หน่อยได้ไหมว่ามียาแก้ปวดท้องหรือเปล่า”“เดี๋ยวพี่ไปถามให้นะ”เอวาริณได้ยินเสียงเคาะประตูจากนั้นพีรกันต์ก็ส่งโทรศัพท์ให้กับพี่ชาย“ปวดท้องเหรอ”“ค่ะ”“ปวดแบบไหนแล้วท้องเสียหรือเปล่าอาเจียนไหม”“ปวดบิดค่ะ ปวดทั่วท้องเลยแล้วก็อา
หลังจากไปซื้อของกับพีรกันต์มาเมื่อวานแล้ววันนี้เอวาริณก็มีนัดออกไปดูรถกับเขาอีกครั้ง แต่พอถึงเวลานัดคนที่มารับกลับเป็นพี่ชายของเขา“ถ้าพี่กันต์ไม่ว่างเอวารอไปวันหลังก็ได้ค่ะ”“นายกันต์ไม่ว่างแต่พี่ว่างไปกับใครก็เหมือนกันนั่นแหละ”“แต่เอวาไม่อยากกวนพี่หรอกนะคะ”“แค่ไปดูรถไม่ได้รบกวนอะไรเลยพี่ก็อยากเปลี่ยนรถอยู่เหมือนกัน”“ก็ได้ค่ะ พี่รอห้านาทีนะคะขอไปเอากระเป๋าก่อน”ธีรกานต์มองตามร่างระหงที่สวมชุดกางเกงผ้าขายาวกับเสื้อแขนกุดแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก ไม่ว่าเอวาริณจะสวมเสื้อผ้าแบบไหนเธอก็ดูดีมากจนเขาไม่อยากจะให้หญิงสาวออกไปเจอคนอื่นเลย“คิดไว้หรือยังว่าจะซื้อรถแบบไหน” เขาถามขณะที่ขับรถออกมาถึงถนนเส้นหลัก“ยังเลยค่ะ แม่บอกว่าอยากได้รถยุโรปแต่เอวาอยากได้แค่รถญี่ปุ่น”“ทำไมล่ะ” ธีรกานต์รู้ว่าทางบ้านของเธอมีฐานะมาแค่จะซื้อรถให้ลูกสาวสักคันก็คงไม่เดือดร้อนอะไร“มันแพงไปค่ะ เอวาอยากได้รถที่ราคาไม่แพงมาก ถ้าทำงานเก็เงินเองได้ค่อยเปลี่ยนค่ะ พี่กานต์ว่าดีไหม”“ก็ลองไปดูก่อนว่าถูกใจไหม แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”ชายหนุ่มพาเธอเข้าออกโชว์รูมรถจนบ่ายแต่เอวาริณยังตัดสินใจไม่ได้“หาอะไรกินก่อนดีไหมแล้วค่อยไปดูที
ธีรกานต์เก็บเอาเรื่องที่คุยกับน้องชายมาคิดแล้วก็ทำให้ตนเองนั้นเครียดมากกว่าเดิมไปอีกเพราะดูเหมือนว่าพีรกันต์กำลังสนใจเอวาริณอยู่ไม่น้อยทั้งที่เพิ่งจะบอกกับเขาไปว่ากำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เขารู้สึกเป็นห่วงเอวาริณเพราะกลัวจะตามความเจ้าชู้ของน้องชายไม่ทันและในฐานะพี่ชายที่แสนดีธีรกานต์จึงคิดจะปกป้องเอวาริณจากพีรกันต์เช้าวันใหม่ในห้องอาหารของบ้านหลังใหญ่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งซึ่งตอนนี้กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ธีรกานต์ได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใสตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง“มอร์นิ่งค่ะพี่กานต์” เอวาริณกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใสทำให้คนมองยืมตามโดยไม่รู้ตัว“วันนี้นายกันต์ตื่นมากินข้าวกับเขาด้วยเหรอเนี่ย” เขาแก้เขินด้วยการหันไปคุยกับน้องชาย“ก็ผมนัดเอวาไว้”“วันนี้จะพาน้องไปเที่ยวไหนล่ะกันต์” เอกวิทย์ผู้เป็นบิดาถามลูกชาย“ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับพ่อแค่จะพาเอวาไปเดินซื้อของใช้แล้วก็พวกเสื้อผ้า”“ถ้าพี่กันต์งานยุ่งเอวาไปคนเดียวก็ได้นะคะ” เอวาริณบอกด้วยความเกรงใจ ถึงจะไม่ได้กลับมาเมืองไทยหลายปีแต่ก็พอรู้ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหน“งานยุ่งยังไงพี่ก็แบ่งเวลาได้ เอวาเพิ่งกลับมาอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับ