ไม่นานเราก็มาถึงที่จัดงาน ไรเนอร์สั่งให้ทีมรักษาความปลอดภัยของเราประจำที่แทน แซคชำเลืองมองที่ไรเนอร์ ขณะที่เขาลงจากรถจากนั้นฉันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแข็งๆ ดันเข้าไปในกลีบดอกไม้ของฉันอย่างเร็วตามด้วยนิ้วของแซค เมื่อกี้คืออะไร?“แซค…อะไรอ่ะ…?” ฉันถามด้วยความสับสนและตื่นเต้น“ของขวัญพิเศษ พยายามเก็บไว้ในตัวคุณจนกว่างานจะจบลง” แซคกระซิบข้างหูของฉัน ขณะที่เขาแสดงรีโมทไร้สายขนาดเล็กจากกระเป๋ากางเกงให้ฉันดู“ไวเบรเตอร์?คุณ…” ฉันถาม แซคพยักหน้าทันทีด้วยรอยยิ้มขี้เล่น“ถ้าเธอเอามันออก ฉันจะบอกไรเนอร์เรื่องของเราสองคน เธอไม่ต้องการอย่างนั้นใช่มั้ย” แซคแกล้งแหย่ เขาน่าจะรู้ดีว่าไม่ใช่แค่ไรเนอร์ คนอื่นก็เหมือนกัน!ฉันจ้องไปที่แซคด้วยความไม่เชื่อสายตา ถึงเครื่องสั่นจะมีขนาดเล็กแต่ฉันจะทนได้มั้ยเมื่อมันทำงานก่อนที่ฉันจะท้วงหรือถอดไวเบรเตอร์ออก ประตูรถลีมูซีนก็ถูกเปิดออก ฉันเห็นตากล้องกลุ่มใหญ่รออยู่ด้านนอก...ไรเนอร์เปิดประตูรถลีมูซีนให้ฉันกับแซค ตะกูลโรเซนฮอลส์ส่งบอดี้การ์ดมาดูแลความปลอดภัยคนในกระกูลอย่างเต็มที่ ตอนนี้แซครายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดไม่ต่ำกว่าสิบกว่าคน ฉันถึงได้นึกออกว่าแซคเป็นทายาทอั
แทนที่จะพาฉันไปห้องรับรอง ไรเนอร์กลับพาฉันไปโรงแรมที่อยู่ติดกับสถานที่จัดงาน เขาจับมือและพยุงหลังฉันไว้ ขาฉันเริ่มหมดแรงจนรับน้ำหนักตัวเองไม่ไหว เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ไรเนอร์อุ้มฉันขึ้นด้วยแขนแข็งแรงของเขาเพราะเห็นได้ชัดว่าฉันยืนหรือเดินต่อไปไม่ไหวแล้วฉันหอบและดิ้นในอ้อมแขนของเขาขณะที่ไวเบรเตอร์เต้นเป็นจังหวะในช่องรัก ฉันซุกใบหน้าที่ร้อนผ่าวเข้ากับหน้าอกของไรเนอร์ เริ่มครางเสียงดังเมื่อเราเข้าไปถึงในห้องของโรงแรม ฉันทนมันมานานเกินไปแล้ว ร่างกายฉันคงถึงขีดสุดแล้วไรเนอร์วางฉันลงบนเตียง แผ่นหลังรับรู้ถึงความนุ่มของเตียง ร่างกายกระตุก ฉันครางเสียงดังและยกสะโพกขึ้นเมื่อถึงจุดสุดยอด อ่า…ฉันหลั่งต่อหน้าไรเนอร์ เขามองฉันเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร“กางขา…ออก” ไรเนอร์สั่งด้วยเสียงที่มีอำนาจ ใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่ฉันคิดว่าเขากำลังโกรธ“อาร์…ฉัน…” ฉันท้วงเพราะไม่ต้องการให้เขาเห็นหรือค้นอะไรพบ“คุณทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่ลงจากรถลิมูซีน แซคทำอะไรกับคุณ?ไม่ต้องตอบก็ได้ แค่อ้าขาออก” ไรเนอร์พูด ขณะที่มือของเขาจับขาฉันแยกออกมันน่าอายมาก ฉันหันศีรษะไปด้านข้างและรีบเอามือทั้งสองข้างปิดหน้าไว้ รู้สึกได
“อ๊า!อ๊า!...อ๊า!” ฉันครางเสียงดังขณะที่ไรเนอร์ยังทำให้ร่างกายฉันเคลิบเคลิ้มต่อไป ไม่คิดว่าเขาจะรู้จักร่างกายฉันดีขนาดนี้เขาฉีกชุดด้านหน้าออก หน้าอกฉันเด้งออกมาต้อนรับมือของเขา เขานวดหน้าอกที่เปลือยเปล่า บีบและแหย่หัวนมที่ตั้งขึ้นด้วยนิ้วก่อนจะครอบด้วยปากร้อน ฉันเอามือลูบผมสีแดงพร้อมครวญครางเรียกชื่อเขา มันรู้สึกดีมากเมื่อเขาคลึงหัวนมด้วยลิ้นในปาก เขาดูดหัวนมข้างหนึ่งอย่างแรง ส่วนอีกข้างก็ใช้มือคลึงแรงขึ้น สาบานได้ว่าฉันสามารถถึงจุดสุดยอดได้จากการที่ไรเนอร์แค่เล่นกับหัวนมของฉัน“ดูเหมือนคุณสนุกกับการลงโทษ ผมใจดีเกินไปรึเปล่า” ไรเนอร์กระซิบด้วยน้ำเสียงเย้ายวน ก่อนจะสอดลิ้นร้อนกลับเข้ามาในโพรงปาก ฉันละลายกับจูบนี้ เขาครางชื่อฉันเมื่อเราจูบกันอย่างเร่าร้อน มือของเขาค่อยๆ เลื่อนจากหน้าอกลงไปที่หน้าท้องและเอว จูบของไรเนอร์นั้นยอดเยี่ยมมาก ฉันโอบแขนรอบแผ่นหลังกว้างขณะที่เขาลูบไล้ไปตามร่างกายฉันส่งเสียงประท้วงเมื่อเขาหยุดจูบอย่างกะทันหัน วินาทีถัดมาไรเนอร์นั่งอยู่ตรงหว่างขา เขาโอบขาฉันรอบเอวเขาและยกสะโพกขึ้นจากเตียงเล็กน้อย นิ้วกลางที่หนายาวสอดเข้าไปในช่องร้อน ขณะที่มืออีกข้างลูบคลึงที่ปุ่ม
**ก๊อก ก๊อก ก๊อก**"ฉันเอง"ไรเนอร์หรี่ตามองไปที่ประตูเมื่อเขาได้ยินเสียงเคาะ ตอนนี้เขาแต่งตัวเสร็จแล้วแต่นาตาลียังคงหลับสนิทและนอนเปลือยอยู่ใต้ผ้าห่ม ไรเนอร์เดินไปที่ประตูฟังจากเสียงอีกฝั่งต้องเป็นแซคแน่ๆ ทำไมเขาถึงมาที่นี่?เขาต้องการอะไร?ถ้าผมเป็นเขา ผมคงกลับบ้านไปแล้ว ดีกว่าต้องเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดของนาตาลีในสถานการณ์แบบนี้ไรเนอร์เปิดประตู แซคยืนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย แซคหล่อมากจนทำให้ดาราหนังหรือนายแบบหลายคนดูจืดไปเลยเมื่อเทียบกับเขา“คุณแซค คุณนาตาลีกำลังหลับอยู่ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” ไรเนอร์ถามแซคอย่างสุภาพพร้อมกับคำนับ“ฉันมาเอาของเล่นฉันคืน” แซคพูดแสยะยิ้มที่มุมปาก"ขอโทษครับ?ผมไม่แน่ใจว่าคุณหมายถึงอะไร” ไรเนอร์ตอบเรียบๆ“คุณอาจจะงงว่าผมหมายถึงอะไร นาตาลีไม่ใช่ของเล่น เธอเป็นรักแท้ ผมมาที่นี่เพื่อเอาไวเบรเตอร์ มันจะไม่สั่นถ้าไม่มีรีโมตอันนี้” แซคพูดอย่างสบายๆ เขาหยิบรีโมทออกมาให้ไรเนอร์ดู“คุณแซค คุณเข้าใจสิ่งที่คุณเพิ่งพูดออกมารึเปล่า” ไรเนอร์ตอบด้วยน้ำเสียงเครียด นาตาลีคือรักแท้ในชีวิตของแซค?เกิดอะไรขึ้น?“คุณหมายถึงไวเบอเรเตอร์หรือเรื่องที่ผมบอกว่านาตาลีเป็นรักแท้” แซค
ครั้งแรกที่ฉันได้พบกับแซค คือตอนที่ลูเซียนแนะนำเราให้รู้จักกันไม่กี่วันหลังจากที่แม่และฉันย้ายเข้ามาอยู่กับลูเซียนในคฤหาสน์ของเขา ฉันรู้สึกอายมากตอนเจอแซคตัวต่อตัวแซคดูหล่อมากในตอนนั้น ฉันเคยสงสัยว่าเด็กผู้ชายที่เป็นลูกเศรษฐีทุกคนจะดูหล่อขั้นเทพเหมือนกับแซครึเปล่า ฉันพยายามส่งยิ้มที่น่ารักและเป็นมิตรที่สุดให้เขาแต่เขากลับไม่ยิ้มตอบเลย ดูจากสายตาบอกได้เลยว่าเขาไม่ชอบฉัน แต่พูดตามตรงฉันก็ไม่ชอบตัวเองเหมือนกัน“สวัสดี ฉันชื่อนาตาลี ยินดีที่ได้รู้จัก” ฉันพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขาต่อจากนี้ไปเขาจะเป็นลูกพี่ลูกน้องและเป็นเพื่อนบ้านของฉัน มันคงจะดีถ้าเราได้เป็นเพื่อนกันแต่ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไร ในสายตาเขากับสมาชิกคนอื่นของครอบครัวลูเซียน ฉันเป็นแค่เด็กหญิงธรรมดาผู้น่าสงสารที่ครอบครัวเขาต้องรับเลี้ยงไว้เพราะแม่ “ผีดูดเลือด” สามารถหลอกลูเชียนให้แต่งงานด้วยได้ตั้งแต่วันที่ย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของลูเซียน ฉันก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะคุณหนูแห่งตระกูลโรเซนฮอล ใช่ ตอนนี้ฉันชื่อ นาตาลี โรเซนฮอลฉันไม่มีอะไรจะบ่นเกี่ยวกับความสะดวกสบายของการเป็นคุณหนูของคฤหาสน์หลังใหญ่ มันอาจจะเหงาบ้างที่ต้องอยู
ฝนตกหนักมากวันนี้ ดันมาตกตอนฉันอยู่เวรหลังเลิกเรียน พนันได้เลยว่าทุกคนกลับบ้านกันหมด อย่างที่เดาไว้คนพวกนั้นขโมยร่มในล็อกเกอร์ฉันไปอีกแล้ว จะเดินไปที่รถ… หรือฉันควรจะวิ่งไปดี?ไม่มีทางเลือกอื่นเลย…ฉันคว้ากระเป๋าและเดินไปที่ทางออก โรงเรียนดูร้าง คงเหลือแค่ยามที่ประตูทางเข้า ฉันมองออกไปที่สายฝนที่โปรยปราย ดูเหมือนว่ามันอาจจะตกทั้งคืน คงต้องวิ่งอย่างเดียวร่ม?ร่มสีดำคันหนึ่งพิงอยู่ที่เสา โลกนี้มีปาฏิหาริย์จริงๆ ฉันใช้มันได้ใช่มั้ย สัญญาว่าฉันจะเอามันมาคืนในวันพรุ่งนี้ ไม่รู้แหละ ยืมไปใช้ก่อนแล้วกัน…“คุณแซค! ทำไมคุณถึงเปียกแบบนี้?ฉันใส่ร่มไว้ในกระเป๋าให้แล้วนี่คะ…” แม่บ้านชราบ่นด้วยความตกใจ“ฉันทำหาย” ฉันตอบห้วนๆ ขณะที่เดินผ่านเธอไป เอามือลูบผมเปียกโชก หนาวจัง ต้องรีบอาบน้ำอุ่น มันแย่…แต่เป็นฉันดีกว่าเป็นเธอ……“ไบรอัน นายก็เกรดดีเหมือนกันใช่มั้ย” แซคถามเพื่อนสนิทของเขาคนหนึ่ง“ใช่…นายก็รู้ว่าฉันเป็นรองแค่นาย ถามทำไม?ไบรอันตอบอย่างระมัดระวัง แซคไม่เคยถามคำถามประเภทนี้ยกเว้นเวลาเขาต้องการอะไร“เตรียมคู่มือการเรียนทุกวิชาสำหรับเกรด 9 ทำให้มันง่าย เอาแบบแม้แต่คนโง่แค่ไหนก็สามารถเข้าใจได้”
“เราอยู่ที่ไหนกัน?” ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก ถามคำถามมากมายกับเขา“นี่คือฐานลับของฉัน เธอมาที่นี่เพราะฉันอนุญาต เปิดไฟ สวิตช์อยู่ตรงนั้น” แซคตอบก่อนจะชี้ไปที่บนผนังฉันไม่รู้ว่าฐานลับของแซคมีหน้าตาเป็นยังไง ทำไมเขาถึงมีมัน แต่จากรูปร่างหน้าตาและลักษณะของเจ้าชายแซค ฉันจินตนาการถึงห้องหรูหราสมกับตำแหน่งเจ้าชาย สิ่งที่เห็นเมื่อเปิดไฟทำให้ฉันตกใจแทบสลบ นี่น่ะเหรอฐานลับของเจ้าชาย!?!ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายภาพนี้อย่างไง ถ้าคุณเคยเห็นในหนัง ฉากที่ผู้ชายถูกภรรยาทิ้งและต้องเริ่มต้นชีวิตอยู่คนเดียวในห้อง อพาร์ทเมนต์เล็กๆ หลายเดือนโดยไม่ได้ทำความสะอาดหรือทิ้งขยะ เพื่อรักษาหัวใจที่แตกสลายของเขา ใช่แล้ว ฐานลับของแซคเป็นแบบนั้นจริงๆ โดยเฉพาะกลิ่น…ทันทีที่เปิดไฟ ห้องรกอย่างไม่น่าเชื่อ มีซองบุหรี่และก้นบุหรี่เต็มไปหมด กระป๋องเบียร์ ขวดเหล้า นิตยสาร หนังสือ เกมคอนโซล เต็มไปหมด เตียงสองชั้นที่ไม่เคยเก็บกวาดอยู่ติดกับกำแพง มีทีวี โซฟา โต๊ะเก้าอี้สองตัว บนพื้นมีขยะเกลื่อนกลาด มันน่าทึ่งมากที่เขาสามารถเดินในนี้ได้โดยไม่เปิดไฟ …นี่คือเจ้าชายแซคโอเค…เดี๋ยวก่อน!!! เจ้าชายผู้สมบูรณ์แบบที่เรารู้จัก…สูบบุหรี่ ดื่มเหล
จากวันกลายเป็นสัปดาห์ สัปดาห์กลายเป็นเดือน จากแซคคนแปลกหน้า กลายมาเป็นแซคเพื่อนของฉัน โดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัวเขากลายเป็นโลกของฉัน ฉันเริ่มได้ที่หนึ่งในการสอบเกือบทุกวิชาในครั้งต่อมา จากนั้นจึงได้ที่หนึ่งในการสอบทั้งหมดในรอบถัดไปไปตามคำพูดของเขา ถึงแม้เขาจะทั้งโดดเรียน ดื่มเหล้า เล่นเกมกับเพื่อน ใช้เวลาว่างมาสอนฉัน แซคยังคงได้อันดับหนึ่งในการสอบทั้งหมดของเขาด้วย“…แล้วถ้าเธอแทนค่านี้ด้วยค่า x เธอจะได้…” แซคอธิบาย ขณะชี้ที่หนังสือเรียนวันนี้คำพูดเขาลอยผ่านทะลุหัวฉัน ไม่มีสมาธิกับสิ่งใดและไม่เข้าใจอะไรเลยเป็นแบบนี้มาสักพักแล้วที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันรู้สึกฟุ้งซ่านมาก แต่วันนี้แย่มาก กลิ่นของเขา น้ำเสียงของเขา ท่าทางของเขา เสื้อผ้าของเราที่เสียดสีกัน หัวใจเต้นแรงเมื่อเขาเข้ามาใกล้“นาตาลี…นาตาลี” แซคเรียกชื่อฉัน"คะ?ขอโทษ ฉัน...ไม่ค่อยมีสมาธิ นายพูดว่าอะไรนะ?" ฉันขอโทษขณะหันหน้าหนีเขา มองหน้าเขาไม่ได้ ทำไมเขานั่งใกล้จัง เขาอยู่ใกล้มากขนาดนี้ตลอดเวลาเลยเหรอ?ทำไมหัวใจฉันถึงเต้นเร็วจัง“นาตาลี…นาตาลี…” แซคเรียก ฉันรู้ว่าเขาต้องการให้ฉันหันกลับมา แต่ฉันไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ จากนั้นก็รู้สึกถ
“ฉัน…ฉันขอโทษที่ไม่ได้พูดแบบนี้มาก่อน…” ฉันเริ่มเสียงอ่อน สงสัยว่าทำไมต้องเสียงสั่นด้วย?เอ็ดเวิร์ดมองอย่างเงียบๆ เขารอให้ฉันพูดต่อ ฉันอยากทำให้มันถูกต้อง“อาเอ็ดเวิร์ด! ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้!” ฉันพูดอย่างหนักแน่น พร้อมกับจ้องตาเขา ดวงตาเขาเป็นประกายจากแสงอันอบอุ่นของน้ำพุ มันดูมีเสน่ห์มาก"…อะไรนะ?" เอ็ดเวิร์ดชะงักก่อนจะถามด้วยเสียงกระซิบ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คาดหวังคำขอบคุณจากฉันหลังจากผ่านมาแล้วสิบปีและหลายชั่วโมงหลังจากที่เขาบอกความจริงกับฉัน“ขอบคุณ…ที่ช่วยฉันในป่าวันนั้น ฉันตั้งใจจะบอกคุณก่อนหน้านี้ แต่... ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ฉันเลย... ลืม ขอโทษจริงๆ ค่ะ!” ฉันอธิบายอย่างรวดเร็ว เวลาตื่นเต้นฉันจะพูดตะกุกตะกักเอ็ดเวิร์ดเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา ตอนนี้กลายเป็นฉันที่สับสน อะไรที่ทำให้เขาหัวเราะได้ขนาดนี้?หัวเราะเหมือนเด็กน้อยที่ร่าเริง เอ็ดเวิร์ดน่าทึ่งจริงๆ แม้ว่าเขาจะผ่านอะไรมามากมาย ยังสามารถก้าวไปข้างหน้า สร้างสถานที่ในโลกสำหรับตัวเขาเอง หัวเราะอย่างไร้กังวลและมีความสุขแบบนี้ การมองดูอาการเขาทำให้ฉันอมยิ้มตามไป“อาขำอะไรขนาดนั้น” ฉันถามอย่างสงสัย“ขอโทษ…ที่อาขำเพราะ…ม
“อาพูดจริงนะ อาเชื่อว่าทางเลือกที่ดีที่สุดของเธอคือแต่งงานกับอา ยิ่งเร็วยิ่งดี” เอ็ดเวิร์ดดูจริงจังมาก“อาบอกได้มั้ยว่าทำไม” ฉันถาม"ดึกมากแล้ว. เธอคงเหนื่อย เราค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้ดีกว่า” เอ็ดเวิร์ดพูดตัดบทแล้วรีบลุกจากโซฟาเดินไปที่ประตู“อาเอ็ดเวิร์ด…” ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ“ห้องนอนอาอยู่ที่สุดทางเดิน… เผื่อเธอต้องการอะไร” เอ็ดเวิร์ดพูดโดยไม่หันหลังกลับเขาจากไปก่อนที่ฉันจะนึกอะไรออก ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดี?ทำตามคำแนะนำแล้วเข้านอนเลยอย่างนั้นเหรอ…ฉันรู้สึกแย่มากหลังจากนอนพลิกตัวอยู่บนเตียงไปมาหลายชั่วโมงแต่ทำยังไงก็หลับไม่ลง จิตใจกระสับกระส่ายกับข้อมูลที่เพิ่งรับรู้ คำพูดของเอ็ดเวิร์ดที่วนเวียนอยู่ในหัวทำให้ฉันแทบเป็นบ้า เหงื่อชุ่มตัว ทั้งเตียงและห้องทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของสถานที่ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวฉันเองที่ไม่สามารถควบคุมความเครียดได้ฉันคลำหาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในความมืด หน้าจอโทรศัพท์แสดงเวลา 03:45 น. รู้สึกเหนื่อยแต่ก็ยังตื่นอยู่ ชีวิตฉันว่างเปล่ามากในตอนนี้ ไม่มีอะไรต้องทำและไม่มีแผนการสำหรับอนาคต เกิดคำถามในใจว่าชีวิตฉันจะเป็นแบบนี้ไ
“นี่อาไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย” ฉันถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาเคยพูดกับฉันแบบนี้มาก่อน แต่มันจบลงไม่ค่อยดีนักแทนที่จะตอบคำถามฉัน เอ็ดเวิร์ดกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความแทน เขากำลังทำอะไร?'คืนนี้นาตาลีจะค้างที่นี่ ไม่ต้องห่วง ฉันเริ่มต้นใหม่อย่างความยุติธรรมแล้วนะ...พี่ชาย’เอ็ดเวิร์ดกดปุ่มส่งก่อนจะหันไปหานาตาลีอีกครั้ง พร้อมส่งยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้เธอ…**ก่อนหน้านั้น**"นี่คืออะไร!?" ลูเซียนตะโกนใส่หน้าน้องชาย พร้อมกับกระแทกสร้อยคอที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ“อรุณสวัสดิ์!” เอ็ดเวิร์ดทักทายพี่ชายอย่างร่าเริง“เอ็ดเวิร์ด…” ลูเซียนเอ่ยชื่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“พี่มาที่นี่เพื่อถามฉันแค่นี้เองเหรอ?พี่ดูก็รู้?มันคือสร้อยคอ…พร้อมจี้เพชรรูปดาวแบบสั่งทำพิเศษ” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้ม“เป็นของนายจริงๆ ด้วย” ลูเซียนพูดพร้อมกับหรี่ตาลง“ตอนนี้มันเป็นของนาตาลี ฉันให้เธอไปแล้ว พี่มาเพื่อถามเรื่องแค่นี้เองเหรอ?” เอ็ดเวิร์ดถามด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา“ทำไมนายถึงให้สร้อยคอเส้นนี้กับเธอ นายต้องการอะไร?" ลูเซียนถาม“ฉันมอบให้เธอเพื่อเตือนให้เธอซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ฉันไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ...มีปัญหาอะไร
ฉันนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะคิดหรือตอบยังไง ถ้าเอ็ดเวิร์ดคือคนที่ช่วยชีวิตและเป็นรักแรกของฉัน มันจะทำให้ความรู้สึกที่ฉันมีต่อลูเซียนเปลี่ยนไปมั้ย ฉันรู้สึกสับสนมากตอนนี้…“หลักฐานแค่นี้พอรึยัง” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยปากถาม เขาวางหัวลงบนตักฉันแววตาเขาที่มองฉันทำให้นึกถึงแมวขี้เล่น“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบอายังไง…” ฉันบอกตามความรู้สึกจริงๆ"ไม่เป็นไร มันค่อนข้างทำใจยาก เพราะสิ่งที่เธอเชื่อมาเป็นสิบปีไม่เป็นอย่างที่เธอเข้าใจ” เอ็ดเวิร์ดตอบอย่างเห็นอกเห็นใจ“อือ...” ฉันตอบแบบงง ๆรู้สึกสับสนเกินกว่าจะแยกแยะความรู้สึกของตัวเอง“เธอดูเหนื่อยๆ อยากถามคำถามอีกสองข้อตอนนี้เลยมั้ย?หรือเอาไว้วันหลัง…” เอ็ดเวิร์ดแนะนำ ศีรษะเขาที่หนุนอยู่บนตักให้ความรู้สึกอบอุ่นมากเรานั่งกันอยู่ในความเงียบ ฉันเงยหน้าขึ้นมองดาวที่ส่องแสงระยิบระยับและสงสัยว่าดาวพวกนั้นจะรู้สึกเจ็บปวดและหงุดหงิดเหมือนฉันมั้ย มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างเมื่อฉันรู้ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นรักแรก ไม่ใช่ลูเซียน?มันจะทำให้ฉันรักลูเซียนน้อยลงรึเปล่า?หรือว่าฉันต้องรักเอ็ดเวิร์ดแทนเพราะเขาเป็นรักแรกของฉัน?ความรู้สึกมันเปลี่ยนกันง่ายๆ ได้ขนาดนั้นเ
“เป็นไปไม่ได้… ที่ฉันจำได้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น” ฉันตอบด้วยความตกใจและสับสน“อาไม่โทษเธอ อย่างที่อาเคยบอกไปว่าเธอจะไม่เชื่ออาหรอก” เอ็ดเวิร์ดตอบพร้อมกับยักไหล่ราวกับว่าเขาไม่สนใจว่าฉันจะรับในสิ่งที่เขาพูดได้รึเปล่า“อารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?อามีหลักฐานว่าเรื่องของอาเป็นความจริงเหรอ” ฉันถามอย่างจริงจัง“ลูเซียนไม่ได้ช่วยเธอไว้ เขาไม่เคยช่วยเธอ…” เอ็ดเวิร์ดพูดขณะที่สบตากับฉัน"ไม่จริง! ลูเซียนเป็นคนช่วยฉัน” ฉันตะโกนอย่างมั่นใจเพราะลูเซียนคอยช่วยฉันเสมอ“เขาบอกเธออย่างนั้นเหรอ?ตอนเธอถามว่าเขาช่วยเธอรึเปล่า… เขาตอบว่าไง” เอ็ดเวิร์ดถามกลับเขา…“เธอต้องขอบคุณผู้ชายคนนั้นที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เธอรู้จักเขามั้ย เขามีหน้าตายังไง” เขาฟังดูเป็นคนที่วิเศษจริงๆ … ใช่มั้ย’คำพูดของลูเซียนกลับมาหาฉัน...“พี่ชายของอามีหลักการที่ชัดเจน เขาจะไม่พูดว่าเขาช่วยเธอทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำ ดังนั้นอาแน่ใจว่าเขาไม่เคยพูด เธอต่างหากที่คิดไปเองว่าเข้าไปคนช่วยเธฮ” เอ็ดเวิร์ดพูดช้าๆ เพื่อให้ฉันเข้าใจทุกอย่าง"อารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?!" ฉันตะโกนใส่เอ็ดเวิร์ด พอกันทีกับทฤษฎีของเขา ทำไมเขาถึงบอกฉันตรงๆ ไม่ได้“นาตาลี ลูเซียนไม
“ราล์ฟเล่าอะไรให้คุณฟังบ้าง เขาชอบพูดไปเรื่อย อย่าไปสนใจล่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูด ขณะพาฉันเดินไปตามทาง“เขาเป็นมิตรมาก ฉันชอบเขานะ เราจะไปที่ไหนกันคะ?" ฉันตอบขณะเดินไปกับเอ็ดเวิร์ด“มื้อเย็นกับดวงดาว” เอ็ดเวิร์ดตอบพร้อมชี้นิ้วไปด้วยในไม่ช้าเราก็ยืนอยู่ที่ด้านล่างบันไดที่ดูคดเคี้ยว มองขึ้นไปด้านบนบอกได้เลยว่าเราต้องเดินขึ้นไปสูงทีเดียว หรือว่าที่นี่คือหอดูดาวที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้?“นี่คือทางขึ้นไปหอดูดาว อาคิดว่าขึ้นบันไดดีกว่าใช้ลิฟต์” เอ็ดเวิร์ดตอบคำถามที่ยังไม่ได้ถามแล้วจับมือฉันเราเดินขึ้นบันไดเวียนไปด้วยกัน ไม่รู้ว่าเราต้องเดินขึ้นไปสูงแค่ไหน ขาที่ไม่แข็งแรงของฉันเริ่มล้า เอ็ดเวิร์ดชะลอความเร็วลงเพื่อรอฉัน เห็นได้ชัดว่าการเดินขึ้นครั้งนี้อยู่เหนือความสามารถของฉัน“อืม…อาไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น แต่…ถ้าเธอต้องการ อาอุ้มเธอขึ้นไปได้นะ” เอ็ดเวิร์ดเสนออย่างเกรงใจระหว่างที่จ้องหน้าฉัน ตอนนี้หน้าฉันต้องแดงมากแน่ๆ ฉันเริ่มหมดแรงตั้งแต่เมื่อไหร่?สงสัยว่าต้องเดินขึ้นไปอีกนานแค่ไหน ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งและตัดสินใจที่จะเดินต่อ"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินได้ ขอบคุณที่ถาม” ฉันกัดฟันยิ้มหลัง
“ขอแสดงความยินดีที่เธอชนะเกมนี้ ตามสัญญา อาจะคืนสิ่งนี้ให้กับเธอ” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้มเขาค่อยๆ ใส่สร้อยจี้รูปดาวที่คอให้ฉัน สังเกตเห็นว่าโซ่ที่ขาดได้รับการแก้ไขแล้ว“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี“มันเหมาะกับเธอ ตอนนี้ตาเธอเลือกเสื้อผ้าให้อา แล้วแต่งตัวให้อาด้วย” เอ็ดเวิร์ดเสนอ ขณะที่ชี้ไปที่เสื้อผ้าผู้ชายฉันเดินไปหาเสื้อผ้าให้เอ็ดเวิร์ด มีตัวเลือกเยอะจริงๆ เอาอะไรที่เรียบง่ายและผ่อนคลายเพราะเรากำลังจะไปทานอาหารเย็นกัน ฉันหยิบเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน คาร์ดิแกนสีขาว และกางเกงสีน้ำตาลอ่อน เอ็ดเวิร์ดสามารถเลือกรองเท้าเองได้“มา ฉันจะแต่งตัวให้อาบ้าง” ฉันบอกเอ็ดเวิร์ดด้วยรอยยิ้ม ขณะยกเสื้อผ้าไปที่โซฟาเมื่อฉันเริ่มแต่งตัวให้เอ็ดเวิร์ด เขายืนนิ่งแต่เฝ้าดูทุกอิริยาบถของฉัน เขาช่วยขยับแขนและขาไปมา เหมือนฉันกำลังเล่นกับตุ๊กตาขนาดเท่าคนจริง ฉันคิดพร้อมหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง เอ็ดเวิร์ดไม่พูดซักคำเหมือนเขาจะคิดอะไรอยู่ มันทำให้ฉันรู้สึกกังวลฉันใส่เสื้อให้เขาแล้วเริ่มติดกระดุม รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้ละสายตาจากฉันเลย ฉันยิ้มให้เมื่อติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ"เสร็จแล้วค่ะ ฉันทำถูกรึ
น้ำอุ่นจากฝักบัวทำให้ผิวหนังและร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกดีขึ้นมาก ฉันอาบน้ำสระผมเพื่อผ่อนคลาย หยดน้ำที่กระทบกับผิวเปลือยเปล่า เสียงน้ำไหลทำให้รู้สึกสงบลง ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก อยากจะยืนพักอยู่ตรงนี้นานๆจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ฉันมั่นใจมากว่าฉันล็อกตอนเข้ามา แต่เดาได้ว่าไม่มีประตูในบ้านนี้ที่เจ้าของบ้านเปิดเข้าไม่ได้ ความจริงฉันไม่ควรแปลกใจเพราะคำว่า 'พื้นที่ส่วนตัวสำหรับนาตาลี' ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเอ็ดเวิร์ดแน่นนอน“นาตาลี…” เอ็ดเวิร์ดเรียกชื่อฉันอย่างร่าเริงเมื่อเขาโผล่หน้าเข้ามา ทั้งตัวเอ็ดเวิร์ดมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวเขาเท่านั้น"อาเข้ามาทำไม?!" ฉันกรีดร้องเสียงดัง ไม่คิดว่าในห้องน้ำเสียงจะก้องขนาดนี้ ฉันรีบเอามือปิดหน้าอก ขณะที่หันตัวเข้าหากำแพง“เธอทำเหมือนกับอาไม่เคยเห็นเธอเปลือยกายมาก่อน…” เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างอารมณ์ดี"ฉันถามว่าอาเข้ามาทำไม?" ฉันถามซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่อยากจะตะโกนไล่เขาออกไป!“ในเมื่อเธอเป็นคนเปลื้องผ้าอา อาเลยคิดว่าเธอควรรับผิดชอบด้วยการแต่งตัวให้อา” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เกมนี้เป็นความคิดของอา ทำไมฉันต้องรับผิดชอบด้วย?” ฉันสวนกลับ“เธอพู
ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ครางได้ นิ้วเขายังคงลูบไล้ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเปียกโชกอยู่ข้างล่าง นิ้วเขาเล่นกับปุ่มวิเศษอันบอบบาง ก่อนมืออีกข้างจะสอดนิ้วหนาสองนิ้วเข้าไปในช่องรักที่เปียกชื้น มันรู้สึกดีมาก ฉันร้องครวญครางและเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มสอดนิ้วเข้าไปลึกในร่างกายฉัน“เหลือเวลาอีกเท่าไหร่…” ฉันเริ่มถามแต่พูดต่อไม่ได้ คำถามฉันถูกแทนที่ด้วยเสียงครวญคราง ร่างกายฉันสั่นสะท้านเมื่อเอ็ดเวิร์ดเริ่มใช้นิ้วแตะที่จุดจีสปอต“จนกว่าเธอจะเสร็จ…” เอ็ดเวิร์ดตอบจนกว่าฉันจะเสร็จ…คงไม่นานเกินไป เอ็ดเวิร์ดใส่นิ้วเข้าไปในตัวฉันเร็วขึ้นและแรงขึ้น อีกมือเขาบีบปุ่มกระสันอย่างต่อเนื่อง ฉันเรียกชื่อเขาเมื่อความเร่าร้อนเข้าครอบงำ หยุดส่ายสะโพกสู้นิ้วเขาไม่ได้ นิ้วเขาเข้าไปลึกมาก รู้สึกมหัศจรรย์เมื่อนิ้วเขาถูผนังช่องรักที่ยืดออก คิดว่าฉันกำลังจะหลั่งเร็วๆ นี้“เอ็ดเวิร์ด…ฉัน…” ฉันพูดระหว่างครางอย่างรุนแรงเอ็ดเวิร์ดค่อยๆ ถอนนิ้วออกจากช่องรักที่เปียกชื้น ฉันรู้สึกร้อนขึ้นภายในโพรงรัก แทนที่จะใช้นิ้วเขา เอ็ดเวิร์ดเอาลิ้นเข้าไปแทน ใบหน้าเขาฝังอยู่ที่หว่างขาฉัน เขาดูดและเลียไปรอบๆ ความร้อนของลิ้นเข