หลังจากร่างใหญ่ของลูเซียนหย่อนลงมานั่งกับฉันในอ่าง ทั้งน้ำและโฟมก็เอ่อล้นออกมาและทำให้อ่างอาบน้ำดูเล็กลงไปทันที“ลูเซียน…ทำอะไรของคุณน่ะ!” ฉันถามด้วยความตกใจแล้วรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอก อะไรดลใจให้เขาทำอย่างนี้?เราไม่เคยอาบน้ำด้วยกันเลยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่อยู่ด้วยกัน ฉันโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ตั้งแต่เราพบกันครั้งแรก“นาตาลีถูหลังให้อาหน่อย” เขาอ้อนวอนพลางหันหลังเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อให้ฉัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ฉันจะปฏิเสธเขาได้อย่างไรในเมื่อเขาขอร้องมาแบบนี้?ความร้อนจากร่างกายของเขาปะทะกับฝ่ามือของฉันลูเซียนทำเสียงพอใจ…เป็นสถานการณ์ที่ดูแปลกมาก แต่เขากลับทำตัวเป็นปกติและดูผ่อนคลายมาก การเปลือยกายในอ่างอาบน้ำพร้อมกับลูเซียน ทำให้ร่างกายของฉันรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อยๆสักพักลูเซียนก็หันกลับมาพร้อมกับเอื้อมมือมาจับข้อมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ ตัวฉันแข็งเกร็ง ตาของเขาเลื่อนลงมามองที่หน้าอกจนหัวนมของฉันลุกชัน เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันอย่างช้าๆ ฉันรู้สึกถึงลมหายใจอันร้อนระอุที่ข้างหูตอนเขากระซิบว่า “ให้ฉันถูหลังให้เธอนะ”เขายิ้มก่อนที่จะใช้ฟองน้ำถูหลังให้ฉัน มันรู้สึกดีมาก มือของเขา
“อา…อา…เพราะ…เรา…อา…คุณคือ…พ่อเลี้ยงของฉัน” ฉันพูดจบประโยคท่ามกลางเสียงครางที่เร้าร้อน ลูเซียนเป็นพ่อเลี้ยงของฉันถึงแม้ฉันไม่อยากให้เขาเป็นก็เถอะ“ถ้าอาไม่เป็นพ่อเลี้ยงของเธอ แปลว่าอาทำแบบนี้ได้ใช่มั้ย?” ลูเซียนถาม ฉันพูดไม่ออก ถ้าเขาไม่ได้เป็นพ่อเลี้ยงฉัน มันหมายความว่ายังไง?เราจะยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมไหม?ฉันจะได้เจอเขาอีกหรือเปล่า“ไม่…ได้โปรด…ฉันไม่อยากเสียคุณอาไป” ฉันหันไปมองเขาขณะที่น้ำตาคลอเบ้า“เธอจะไม่เสียอาไปอย่างแน่นอน อาไม่ไปไหนหรอก และอาก็จะไม่ให้เธอไปไหนด้วย” ลูเซียนกระซิบตอบอย่างเร่าร้อนริมฝีปากที่ร้อนเหมือนเปลวไฟเริ่มจูบฉัน มือหนาประคองใบหน้าของฉันไว้ไม่ให้หนีไปไหน ลิ้นร้อนตวัดกวัดแกว่งอยู่ในช่องปากที่เปียกชื้น ฉันกับเขาออกเสียงครางร่วมกันด้วยความยินดี ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าการจูบกับลูเซียนจะเร้าใจได้ถึงขนาดนี้ ฉันดึงศีรษะของเขาเข้ามาใกล้ขึ้นอีก อยากให้เราจูบกันแบบนี้ตลอดไปฉันแน่ใจว่าหน้าของฉันคงแดงไปหมดเมื่อริมฝีปากของเราแยกจากกัน ฉันยังต้องการมากกว่านี้ ตัวของฉันสั่นด้วยความอยาก อยากได้ร่างกายของเขา อยากได้ความรักของเขา หว่างขาของฉันแฉะชื้นขึ้นเรื่อย ๆ“นาตาลี อาขอ
ลูเซียนจูบลงที่ต้นคอพร้อมขยำหน้าอกของฉันผ่านชุดนอน ฉันเสียวซ่านไปทั้งตัว อยากให้เขาสอดมือเข้าสัมผัสร่างฉันโดยตรงมากกว่าในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นฉันรู้สึกเหมือนร่างกายยังคงถูกลูบไล้ไปทั่ว เซ็กซ์แบบไม่สอดใส่ในอ่างอาบน้ำทำให้ร่างกายของฉันโหยหาเขามากขึ้นฝ่ามือหนากอบกุม บีบเค้นหน้าอกหนักขึ้น ทำไมเขารุนแรงกับฉันจัง ฉันคิดในใจแล้วครางออกมาเบา ๆ เมื่อเขาเลื่อนมือลงมาที่หน้าท้องและหยุดตรงหว่างขา เคล้นคลึงปุ่มกระสัน“ขนาดหลับ ก็ยังอยากอยู่อีกเหรอ?” เสียงหัวเราะเบา ๆดังขึ้นข้างหูฉันฉันลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ“แซค!” ฉันอ้าปากค้างเมื่อเห็นแซคนอนอยู่ข้างๆรอบห้องมืดสนิทเพราะดึกมากแล้ว แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างสะท้อนกับโครงหน้าอันหล่อเหลาและผมสีบลอนด์อ่อนเป็นลอนของแซค“ว่าไงซินเดอเรลล่า เที่ยงคืนแล้ว เจ้าชายมาแล้วนะ” แซคกระซิบเบาๆ ที่หูของฉันก่อนจะกัดเบาๆ บนต้นคอ“เนื้อเรื่องในเทพนิยายไม่ได้เป็นแบบนี้สักหน่อย” ฉันตอบแบบประชดประชัน“พอเป็นเรื่องของเราก็ต้องมีหักมุมนิดหน่อยสิ ก็ดีไม่ใช่เหรอ” แซคยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบผ้าปิดตาที่เตรียมไว้ออกมา"พร้อมยัง?" เขาถามยกยิ้มอย่างคนขี้เล่นเขาไม่รอคำตอบแต
ในที่สุดทริปล่องเรือวันหยุดก็สิ้นสุดลงซะที ฉันกลับมาพักผ่อนที่บ้านอย่างเงียบสงบโดยไม่ต้องเห็นหน้าแองเจลาอีก ผ่านไปสองสามวันแล้ว ชีวิตฉันกับลูเซียนกลับไปเป็นเหมือนเดิมอย่างน่าประหลาดใจ เขาไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอ่างอาบน้ำและไม่แตะต้องตัวฉันแบบนั้นอีกเลย ส่วนหนึ่งก็รู้สึกโล่งใจ แต่อีกส่วนก็กังวลและสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราตอนนี้“คุณผู้ชายต้องการพบคุณหนูที่ห้องหนังสือค่ะ” แม่บ้านเก่าแก่ยืนพูดอยู่ที่ประตู"ขอบคุณค่ะ” สงสัยจังว่าเขาต้องการคุยเรื่องอะไร ฉันกังวลนิดหน่อยระหว่างเดินไปหาเขา“ลูเซียน แม่บ้านบอกว่าคุณต้องการพบฉัน?” ฉันทักทายด้วยรอยยิ้มแล้วเขาก็ผายมือให้ฉันไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม"ใช่. ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ” ลูเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เอ็ดเวิร์ดบอกว่ามีคนสะกดรอยตามเธอ ....ไม่ว่าจะมีหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะมีบอดี้การ์ดเป็นของตัวเองซักที” ลูเซียนอธิบาย เขาดูจริงจังกับเรื่องนี้มากบอดี้การ์ด?ฉันจำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดด้วยเหรอ?ความจริงฉันไม่เคยถูกดักทำร้ายหรอก” การมีบอดี้การ์ดเป็นของตัวเองดูจะเกินไปหน่อย ฉันรู้ว่าลูเซียน เอ็ดเวิร์ดแล
**สัปดาห์ก่อน**ชายร่างสูงใหญ่ ผมสีแดงสด และดวงตาสีฟ้าใส ยืนอยู่กลางห้องทำงานของเอ็ดเวิร์ด“ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้ง ไรเนอร์” เอ็ดเวิร์ดทักทาย“ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้าง” ไรเนอร์ทักทายกลับอย่างล้อเลียน…“ผู้หญิงคนนั้นน่าจะหมายถึงคุณหนูนาตาลี หรือคุณนาตาลีสำหรับคุณ” เอ็ดเวิร์ดตอบอย่างติดตลก“ยัยแห้งคนนั้นโตแล้วเหรอ? ผมไม่ได้เจอเธอมาเป็นสิบปีแล้ว” ไรเนอร์นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับนาตาลี ก่อนที่เธอจะถูกรับมาเลี้ยงในครอบครัวโรเซนฮอลในฐานะลูกสาวของลูเชียน“คุณมีอะไรจะบอกผมมั้ย?เรื่องที่จะให้ผมไปเป็นบอดี้การ์ดของเธอ” ไรเนอร์ถามตรงประเด็น“นาตาลีมีคู่รักอย่างน้อยหนึ่งคน ผมต้องการให้คุณจับตาดูเธอและสืบว่าเขาเป็นใคร” เอ็ดเวิร์ดอธิบาย“รวมตัวคุณด้วยหรือป่าว” ไรเนอร์ถามอย่างมีวาทศิลป์สัญชาตญาณไรเนอร์สัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเอ็ดเวิร์ดเปลี่ยนไปทันทีจนน่ากลัว“แทงใจดำล่ะสิ คุณดูหมกมุ่นกับเธอหลังจากเหตุการณ์นั้น” ไรเนอร์พูดขณะยิ้มให้เอ็ดเวิร์ด“ผมต้องการให้คุณดูแลเธอให้ปลอดภัย นาตาลีโตแล้วและผมไม่รู้จริงๆ ว่าพวกผู้อาวุโสมีแผนอะไรกับเธอ หรือมีอันตรายอะไรรอเธออยู่รึป่าว” เอ็ดเวิร์ดอธิบาย“คุณคิดจะทำอะไรก
“คู่เดตของอาสวยสง่ามาก!” เอ็ดเวิร์ดอุทาน ขณะที่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าพวกเราต้องไปร่วมงานกาล่าดินเนอร์กับหุ้นส่วนทางธุรกิจคืนนี้ ฉันจึงต้องแต่งชุดราตรีแบบเป็นทางการ เอ็ดเวิร์ดเจ้ากี้เจ้าการเลือกชุด หาช่างแต่งหน้า ช่างทำผม สั่งให้ทุกอย่างออกมาสวยงามหรูหราที่สุด ส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกว่ามันมากไปหน่อยแต่งตัวไปงานแค่งานกินเลี้ยงกาล่าดินเนอร์ ครั้งสุดท้ายที่ฉันแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้คือตอนที่ฉันไปงานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์เรื่องที่แซคเป็นสปอนเซอร์ชุดที่ฉันใส่เป็นเดรสยาวสีชมพูกุหลาบผ่าสูงตั้งแต่ต้นขาซ้ายจนเกือบไปถึงสะโพก รองเท้าส้นสูงหัวหมุดสีทองและกระเป๋าคลัตช์คาเวียร์สีดำใบโปรดของฉัน ผมถูกมัดเป็นมวยอย่างมีสไตล์พร้อมกับการแต่งหน้าในโทนสีโรสโกลด์ ตอนเห็นตัวเองในกระจกฉันยังคิดว่ามันดูดีมากทั้งเอ็ดเวิร์ดและอาร์อยู่ในชุดทักซิโด้ งานนี้คงยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าที่คิดไว้ ฉันกับเอ็ดเวิร์ดนั่งอยู่ด้านหลัง ขณะที่อาร์ขับรถเบนท์ลีย์พาเราไปที่งาน ฉันกังวลกับการสะดุดรองเท้าส้นสูงหกล้มมากกว่าการจะได้พบปะกับลูกค้าในงานซะอีก เอ็ดเวิร์ดต้องเป็นคนเลือกให้แน่ ๆ เลย“ลูกค้าในงานวันนี้เป็น CEO หุ้นส่วนรายใหญ่ของ
มื้อค่ำจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ อาหารอร่อยและเอ็ดเวิร์ดก็เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะที่ดี ไรเนอร์ยืนห่างจากเราพอสมควร ฉันเหลือบมองเขาสองสามครั้งระหว่างนั้น แต่เขากลับไม่วอกแวกเลยแม้แต่น้อยสมเป็นมืออาชีพมาก และตอนนี้เห็นทีฉันต้องกลับบ้านได้แล้ว“เอ็ดเวิร์ด ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับแล้ว” ฉันเอ่ยปากขอตัว“จะรีบไปทำไม อายังมีเรื่องจะคุยกับเธออีก” เอ็ดเวิร์ดตีหน้าเศร้า“ขอโทษทีครับคุณเอ็ดเวิร์ด อย่างที่คุณนาตาลีบอก นี่มันก็ดึกมากแล้ว” ไรเนอร์พูดขณะที่มายืนข้างฉัน“ไปรอข้างนอก 20 นาที ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาตาลีตามลำพัง” เอ็ดเวิร์ดกึ่งพูดกึ่งสั่ง ไรเนอร์หันมามองหน้าฉันเพื่อขออนุญาตความจริงฉันเองก็มีเรื่องจะถามเขาเป็นการส่วนตัวเหมือนกัน ฉันพยักหน้าให้ไรเนอร์เล็กน้อยเป็นสัญญาณให้เขาปล่อยเราไว้ตามลำพัง ไรเนอร์ยอมเดินออกจากห้องโดยไม่พูดอะไร“อาอยากคุยเรื่องอะไร” ฉันเอ่ยปากถามแบบไม่อ้อมค้อม ฉันก็มีเรื่องสองสามอย่างที่อยากจะถามเขาเหมือนกัน“ไม่ได้มีเรื่องอะไรสำคัญหรอก อาแค่คิดถึงเธอ...” เอ็ดเวิร์ดตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะพาฉันไปนั่งที่โซฟา“ไม่ต้องมาปากหวาน ความจริงอาคงไม่มีเรื่องอะไรจะคุยก
พระอาทิตย์กำลังตกดิน ทำให้ความมืดปกคลุมแผ่นฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย?คนอื่นไปไหนกันหมด? ฉันหลงทางอยู่เหรอ?รอบตัวมีแต่ต้นไม้ใหญ่ลักษณะเหมือนกันเต็มไปหมด ฉันควรเดินไปทางไหนดี?แล้วฉันกำลังจะไปไหนล่ะความมืดครอบคลุมจนมองไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงแสงจันทร์ที่ช่วยนำทางน้ำหยดลงบนผมฉัน ฝนตก?ฉันต้องรีบออกจากป่าแห่งนี้ฉันวิ่งเร็วที่สุดท่ามกลางความมืด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังมุ่งหน้าไปถูกทางหรือเปล่า กิ่งไม้และใบไม้ขีดข่วนตามตัว ขณะที่วิ่งผ่านมันไป ฉันรู้สึกกลัวมาก…ฝนตกหนักมากจนตัวฉันเปียกโชกไปหมด พื้นดินลื่นมากขึ้น"ใครก็ได้…ช่วยฉันด้วย!” ฉันกรีดร้องจนสุดเสียง เสียงสะอื้นของตัวเองทำให้รู้ว่ากำลังร้องไห้อยู่เสียงฝนและฟ้าร้องจากเบื้องบนกลบเสียงร้องขอความช่วยเหลือจนหมดสิ้นใครก็ได้ช่วยฉันที ช่วยฉันด้วย ฉันได้แต่อธิษฐาน.ตอนนี้ฉันไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะวิ่งหรือเดินอีกต่อไป สายฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไร้ความปรานี ฉันล้มลงกับพื้น ความมืดรอบตัวทำให้ฉันกลัวไปหมด แถวนี้ต้องมีสัตว์ป่าแน่ๆ นี่ฉันจะ…ตายที่นี่เหรอ?หลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย“นาตาลี!” เสียงชายคนหนึ่ง กับมืออุ่นๆ เขย่าเบาๆ บนแขนฉัน
“ฉัน…ฉันขอโทษที่ไม่ได้พูดแบบนี้มาก่อน…” ฉันเริ่มเสียงอ่อน สงสัยว่าทำไมต้องเสียงสั่นด้วย?เอ็ดเวิร์ดมองอย่างเงียบๆ เขารอให้ฉันพูดต่อ ฉันอยากทำให้มันถูกต้อง“อาเอ็ดเวิร์ด! ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้!” ฉันพูดอย่างหนักแน่น พร้อมกับจ้องตาเขา ดวงตาเขาเป็นประกายจากแสงอันอบอุ่นของน้ำพุ มันดูมีเสน่ห์มาก"…อะไรนะ?" เอ็ดเวิร์ดชะงักก่อนจะถามด้วยเสียงกระซิบ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คาดหวังคำขอบคุณจากฉันหลังจากผ่านมาแล้วสิบปีและหลายชั่วโมงหลังจากที่เขาบอกความจริงกับฉัน“ขอบคุณ…ที่ช่วยฉันในป่าวันนั้น ฉันตั้งใจจะบอกคุณก่อนหน้านี้ แต่... ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ฉันเลย... ลืม ขอโทษจริงๆ ค่ะ!” ฉันอธิบายอย่างรวดเร็ว เวลาตื่นเต้นฉันจะพูดตะกุกตะกักเอ็ดเวิร์ดเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา ตอนนี้กลายเป็นฉันที่สับสน อะไรที่ทำให้เขาหัวเราะได้ขนาดนี้?หัวเราะเหมือนเด็กน้อยที่ร่าเริง เอ็ดเวิร์ดน่าทึ่งจริงๆ แม้ว่าเขาจะผ่านอะไรมามากมาย ยังสามารถก้าวไปข้างหน้า สร้างสถานที่ในโลกสำหรับตัวเขาเอง หัวเราะอย่างไร้กังวลและมีความสุขแบบนี้ การมองดูอาการเขาทำให้ฉันอมยิ้มตามไป“อาขำอะไรขนาดนั้น” ฉันถามอย่างสงสัย“ขอโทษ…ที่อาขำเพราะ…ม
“อาพูดจริงนะ อาเชื่อว่าทางเลือกที่ดีที่สุดของเธอคือแต่งงานกับอา ยิ่งเร็วยิ่งดี” เอ็ดเวิร์ดดูจริงจังมาก“อาบอกได้มั้ยว่าทำไม” ฉันถาม"ดึกมากแล้ว. เธอคงเหนื่อย เราค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้ดีกว่า” เอ็ดเวิร์ดพูดตัดบทแล้วรีบลุกจากโซฟาเดินไปที่ประตู“อาเอ็ดเวิร์ด…” ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ“ห้องนอนอาอยู่ที่สุดทางเดิน… เผื่อเธอต้องการอะไร” เอ็ดเวิร์ดพูดโดยไม่หันหลังกลับเขาจากไปก่อนที่ฉันจะนึกอะไรออก ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดี?ทำตามคำแนะนำแล้วเข้านอนเลยอย่างนั้นเหรอ…ฉันรู้สึกแย่มากหลังจากนอนพลิกตัวอยู่บนเตียงไปมาหลายชั่วโมงแต่ทำยังไงก็หลับไม่ลง จิตใจกระสับกระส่ายกับข้อมูลที่เพิ่งรับรู้ คำพูดของเอ็ดเวิร์ดที่วนเวียนอยู่ในหัวทำให้ฉันแทบเป็นบ้า เหงื่อชุ่มตัว ทั้งเตียงและห้องทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของสถานที่ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวฉันเองที่ไม่สามารถควบคุมความเครียดได้ฉันคลำหาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในความมืด หน้าจอโทรศัพท์แสดงเวลา 03:45 น. รู้สึกเหนื่อยแต่ก็ยังตื่นอยู่ ชีวิตฉันว่างเปล่ามากในตอนนี้ ไม่มีอะไรต้องทำและไม่มีแผนการสำหรับอนาคต เกิดคำถามในใจว่าชีวิตฉันจะเป็นแบบนี้ไ
“นี่อาไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย” ฉันถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาเคยพูดกับฉันแบบนี้มาก่อน แต่มันจบลงไม่ค่อยดีนักแทนที่จะตอบคำถามฉัน เอ็ดเวิร์ดกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความแทน เขากำลังทำอะไร?'คืนนี้นาตาลีจะค้างที่นี่ ไม่ต้องห่วง ฉันเริ่มต้นใหม่อย่างความยุติธรรมแล้วนะ...พี่ชาย’เอ็ดเวิร์ดกดปุ่มส่งก่อนจะหันไปหานาตาลีอีกครั้ง พร้อมส่งยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้เธอ…**ก่อนหน้านั้น**"นี่คืออะไร!?" ลูเซียนตะโกนใส่หน้าน้องชาย พร้อมกับกระแทกสร้อยคอที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ“อรุณสวัสดิ์!” เอ็ดเวิร์ดทักทายพี่ชายอย่างร่าเริง“เอ็ดเวิร์ด…” ลูเซียนเอ่ยชื่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“พี่มาที่นี่เพื่อถามฉันแค่นี้เองเหรอ?พี่ดูก็รู้?มันคือสร้อยคอ…พร้อมจี้เพชรรูปดาวแบบสั่งทำพิเศษ” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้ม“เป็นของนายจริงๆ ด้วย” ลูเซียนพูดพร้อมกับหรี่ตาลง“ตอนนี้มันเป็นของนาตาลี ฉันให้เธอไปแล้ว พี่มาเพื่อถามเรื่องแค่นี้เองเหรอ?” เอ็ดเวิร์ดถามด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา“ทำไมนายถึงให้สร้อยคอเส้นนี้กับเธอ นายต้องการอะไร?" ลูเซียนถาม“ฉันมอบให้เธอเพื่อเตือนให้เธอซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ฉันไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ...มีปัญหาอะไร
ฉันนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะคิดหรือตอบยังไง ถ้าเอ็ดเวิร์ดคือคนที่ช่วยชีวิตและเป็นรักแรกของฉัน มันจะทำให้ความรู้สึกที่ฉันมีต่อลูเซียนเปลี่ยนไปมั้ย ฉันรู้สึกสับสนมากตอนนี้…“หลักฐานแค่นี้พอรึยัง” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยปากถาม เขาวางหัวลงบนตักฉันแววตาเขาที่มองฉันทำให้นึกถึงแมวขี้เล่น“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบอายังไง…” ฉันบอกตามความรู้สึกจริงๆ"ไม่เป็นไร มันค่อนข้างทำใจยาก เพราะสิ่งที่เธอเชื่อมาเป็นสิบปีไม่เป็นอย่างที่เธอเข้าใจ” เอ็ดเวิร์ดตอบอย่างเห็นอกเห็นใจ“อือ...” ฉันตอบแบบงง ๆรู้สึกสับสนเกินกว่าจะแยกแยะความรู้สึกของตัวเอง“เธอดูเหนื่อยๆ อยากถามคำถามอีกสองข้อตอนนี้เลยมั้ย?หรือเอาไว้วันหลัง…” เอ็ดเวิร์ดแนะนำ ศีรษะเขาที่หนุนอยู่บนตักให้ความรู้สึกอบอุ่นมากเรานั่งกันอยู่ในความเงียบ ฉันเงยหน้าขึ้นมองดาวที่ส่องแสงระยิบระยับและสงสัยว่าดาวพวกนั้นจะรู้สึกเจ็บปวดและหงุดหงิดเหมือนฉันมั้ย มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างเมื่อฉันรู้ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นรักแรก ไม่ใช่ลูเซียน?มันจะทำให้ฉันรักลูเซียนน้อยลงรึเปล่า?หรือว่าฉันต้องรักเอ็ดเวิร์ดแทนเพราะเขาเป็นรักแรกของฉัน?ความรู้สึกมันเปลี่ยนกันง่ายๆ ได้ขนาดนั้นเ
“เป็นไปไม่ได้… ที่ฉันจำได้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น” ฉันตอบด้วยความตกใจและสับสน“อาไม่โทษเธอ อย่างที่อาเคยบอกไปว่าเธอจะไม่เชื่ออาหรอก” เอ็ดเวิร์ดตอบพร้อมกับยักไหล่ราวกับว่าเขาไม่สนใจว่าฉันจะรับในสิ่งที่เขาพูดได้รึเปล่า“อารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?อามีหลักฐานว่าเรื่องของอาเป็นความจริงเหรอ” ฉันถามอย่างจริงจัง“ลูเซียนไม่ได้ช่วยเธอไว้ เขาไม่เคยช่วยเธอ…” เอ็ดเวิร์ดพูดขณะที่สบตากับฉัน"ไม่จริง! ลูเซียนเป็นคนช่วยฉัน” ฉันตะโกนอย่างมั่นใจเพราะลูเซียนคอยช่วยฉันเสมอ“เขาบอกเธออย่างนั้นเหรอ?ตอนเธอถามว่าเขาช่วยเธอรึเปล่า… เขาตอบว่าไง” เอ็ดเวิร์ดถามกลับเขา…“เธอต้องขอบคุณผู้ชายคนนั้นที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เธอรู้จักเขามั้ย เขามีหน้าตายังไง” เขาฟังดูเป็นคนที่วิเศษจริงๆ … ใช่มั้ย’คำพูดของลูเซียนกลับมาหาฉัน...“พี่ชายของอามีหลักการที่ชัดเจน เขาจะไม่พูดว่าเขาช่วยเธอทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำ ดังนั้นอาแน่ใจว่าเขาไม่เคยพูด เธอต่างหากที่คิดไปเองว่าเข้าไปคนช่วยเธฮ” เอ็ดเวิร์ดพูดช้าๆ เพื่อให้ฉันเข้าใจทุกอย่าง"อารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?!" ฉันตะโกนใส่เอ็ดเวิร์ด พอกันทีกับทฤษฎีของเขา ทำไมเขาถึงบอกฉันตรงๆ ไม่ได้“นาตาลี ลูเซียนไม
“ราล์ฟเล่าอะไรให้คุณฟังบ้าง เขาชอบพูดไปเรื่อย อย่าไปสนใจล่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูด ขณะพาฉันเดินไปตามทาง“เขาเป็นมิตรมาก ฉันชอบเขานะ เราจะไปที่ไหนกันคะ?" ฉันตอบขณะเดินไปกับเอ็ดเวิร์ด“มื้อเย็นกับดวงดาว” เอ็ดเวิร์ดตอบพร้อมชี้นิ้วไปด้วยในไม่ช้าเราก็ยืนอยู่ที่ด้านล่างบันไดที่ดูคดเคี้ยว มองขึ้นไปด้านบนบอกได้เลยว่าเราต้องเดินขึ้นไปสูงทีเดียว หรือว่าที่นี่คือหอดูดาวที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้?“นี่คือทางขึ้นไปหอดูดาว อาคิดว่าขึ้นบันไดดีกว่าใช้ลิฟต์” เอ็ดเวิร์ดตอบคำถามที่ยังไม่ได้ถามแล้วจับมือฉันเราเดินขึ้นบันไดเวียนไปด้วยกัน ไม่รู้ว่าเราต้องเดินขึ้นไปสูงแค่ไหน ขาที่ไม่แข็งแรงของฉันเริ่มล้า เอ็ดเวิร์ดชะลอความเร็วลงเพื่อรอฉัน เห็นได้ชัดว่าการเดินขึ้นครั้งนี้อยู่เหนือความสามารถของฉัน“อืม…อาไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น แต่…ถ้าเธอต้องการ อาอุ้มเธอขึ้นไปได้นะ” เอ็ดเวิร์ดเสนออย่างเกรงใจระหว่างที่จ้องหน้าฉัน ตอนนี้หน้าฉันต้องแดงมากแน่ๆ ฉันเริ่มหมดแรงตั้งแต่เมื่อไหร่?สงสัยว่าต้องเดินขึ้นไปอีกนานแค่ไหน ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งและตัดสินใจที่จะเดินต่อ"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินได้ ขอบคุณที่ถาม” ฉันกัดฟันยิ้มหลัง
“ขอแสดงความยินดีที่เธอชนะเกมนี้ ตามสัญญา อาจะคืนสิ่งนี้ให้กับเธอ” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้มเขาค่อยๆ ใส่สร้อยจี้รูปดาวที่คอให้ฉัน สังเกตเห็นว่าโซ่ที่ขาดได้รับการแก้ไขแล้ว“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี“มันเหมาะกับเธอ ตอนนี้ตาเธอเลือกเสื้อผ้าให้อา แล้วแต่งตัวให้อาด้วย” เอ็ดเวิร์ดเสนอ ขณะที่ชี้ไปที่เสื้อผ้าผู้ชายฉันเดินไปหาเสื้อผ้าให้เอ็ดเวิร์ด มีตัวเลือกเยอะจริงๆ เอาอะไรที่เรียบง่ายและผ่อนคลายเพราะเรากำลังจะไปทานอาหารเย็นกัน ฉันหยิบเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน คาร์ดิแกนสีขาว และกางเกงสีน้ำตาลอ่อน เอ็ดเวิร์ดสามารถเลือกรองเท้าเองได้“มา ฉันจะแต่งตัวให้อาบ้าง” ฉันบอกเอ็ดเวิร์ดด้วยรอยยิ้ม ขณะยกเสื้อผ้าไปที่โซฟาเมื่อฉันเริ่มแต่งตัวให้เอ็ดเวิร์ด เขายืนนิ่งแต่เฝ้าดูทุกอิริยาบถของฉัน เขาช่วยขยับแขนและขาไปมา เหมือนฉันกำลังเล่นกับตุ๊กตาขนาดเท่าคนจริง ฉันคิดพร้อมหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง เอ็ดเวิร์ดไม่พูดซักคำเหมือนเขาจะคิดอะไรอยู่ มันทำให้ฉันรู้สึกกังวลฉันใส่เสื้อให้เขาแล้วเริ่มติดกระดุม รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้ละสายตาจากฉันเลย ฉันยิ้มให้เมื่อติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ"เสร็จแล้วค่ะ ฉันทำถูกรึ
น้ำอุ่นจากฝักบัวทำให้ผิวหนังและร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกดีขึ้นมาก ฉันอาบน้ำสระผมเพื่อผ่อนคลาย หยดน้ำที่กระทบกับผิวเปลือยเปล่า เสียงน้ำไหลทำให้รู้สึกสงบลง ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก อยากจะยืนพักอยู่ตรงนี้นานๆจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ฉันมั่นใจมากว่าฉันล็อกตอนเข้ามา แต่เดาได้ว่าไม่มีประตูในบ้านนี้ที่เจ้าของบ้านเปิดเข้าไม่ได้ ความจริงฉันไม่ควรแปลกใจเพราะคำว่า 'พื้นที่ส่วนตัวสำหรับนาตาลี' ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเอ็ดเวิร์ดแน่นนอน“นาตาลี…” เอ็ดเวิร์ดเรียกชื่อฉันอย่างร่าเริงเมื่อเขาโผล่หน้าเข้ามา ทั้งตัวเอ็ดเวิร์ดมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวเขาเท่านั้น"อาเข้ามาทำไม?!" ฉันกรีดร้องเสียงดัง ไม่คิดว่าในห้องน้ำเสียงจะก้องขนาดนี้ ฉันรีบเอามือปิดหน้าอก ขณะที่หันตัวเข้าหากำแพง“เธอทำเหมือนกับอาไม่เคยเห็นเธอเปลือยกายมาก่อน…” เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างอารมณ์ดี"ฉันถามว่าอาเข้ามาทำไม?" ฉันถามซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่อยากจะตะโกนไล่เขาออกไป!“ในเมื่อเธอเป็นคนเปลื้องผ้าอา อาเลยคิดว่าเธอควรรับผิดชอบด้วยการแต่งตัวให้อา” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เกมนี้เป็นความคิดของอา ทำไมฉันต้องรับผิดชอบด้วย?” ฉันสวนกลับ“เธอพู
ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ครางได้ นิ้วเขายังคงลูบไล้ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเปียกโชกอยู่ข้างล่าง นิ้วเขาเล่นกับปุ่มวิเศษอันบอบบาง ก่อนมืออีกข้างจะสอดนิ้วหนาสองนิ้วเข้าไปในช่องรักที่เปียกชื้น มันรู้สึกดีมาก ฉันร้องครวญครางและเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มสอดนิ้วเข้าไปลึกในร่างกายฉัน“เหลือเวลาอีกเท่าไหร่…” ฉันเริ่มถามแต่พูดต่อไม่ได้ คำถามฉันถูกแทนที่ด้วยเสียงครวญคราง ร่างกายฉันสั่นสะท้านเมื่อเอ็ดเวิร์ดเริ่มใช้นิ้วแตะที่จุดจีสปอต“จนกว่าเธอจะเสร็จ…” เอ็ดเวิร์ดตอบจนกว่าฉันจะเสร็จ…คงไม่นานเกินไป เอ็ดเวิร์ดใส่นิ้วเข้าไปในตัวฉันเร็วขึ้นและแรงขึ้น อีกมือเขาบีบปุ่มกระสันอย่างต่อเนื่อง ฉันเรียกชื่อเขาเมื่อความเร่าร้อนเข้าครอบงำ หยุดส่ายสะโพกสู้นิ้วเขาไม่ได้ นิ้วเขาเข้าไปลึกมาก รู้สึกมหัศจรรย์เมื่อนิ้วเขาถูผนังช่องรักที่ยืดออก คิดว่าฉันกำลังจะหลั่งเร็วๆ นี้“เอ็ดเวิร์ด…ฉัน…” ฉันพูดระหว่างครางอย่างรุนแรงเอ็ดเวิร์ดค่อยๆ ถอนนิ้วออกจากช่องรักที่เปียกชื้น ฉันรู้สึกร้อนขึ้นภายในโพรงรัก แทนที่จะใช้นิ้วเขา เอ็ดเวิร์ดเอาลิ้นเข้าไปแทน ใบหน้าเขาฝังอยู่ที่หว่างขาฉัน เขาดูดและเลียไปรอบๆ ความร้อนของลิ้นเข