เมื่อถึงเวลาที่เราทั้งคู่แต่งตัวเสร็จ แองเจล่าก็ออกจากร้านไปแล้ว ไม่ต้องสงสัยโทรศัพท์มือถือของลูเซียนเต็มไปด้วยสายเข้าที่ไม่ได้รับ ฉันเห็นเขาเหลือบมองรายการสายที่ไม่ได้รับอย่างไม่ใส่ใจ ด้วยเหตุผลบางอย่างลูเซียนทำตัวเย็นชากับแองเจล่า ต่างจากตอนที่เขาแนะนำเธอให้ฉันรู้จักในฐานะคู่หมั้นของเขาในครั้งแรก เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องที่เราสามคนจะกลายเป็นครอบครัวเพื่อประโยชน์ของฉัน บลา บลา ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับฉัน แต่ฉันสงสัยว่าการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะสร้างปัญหาให้กับลูเซียนรึเปล่า“เธอจำได้มั้ยว่าสัปดาห์หน้าเป็นวันอะไร” ลูเซียนถาม ขณะที่เรานั่งเคียงข้างกันบนหลังรถโรลส์รอยซ์ของเขา เขามองตรงไปข้างหน้าโดยไม่มองมาที่ฉัน“ฉันจะลืมได้ยังไง” ฉันตอบโดยที่ยังมองไปข้างหน้า“เธอจะไปกับฉันเหมือนเดิมมั้ย” เขาถาม“แน่นอนค่ะ” ฉันตอบฉันไม่เคยลืมหรอก วันพุธสัปดาห์หน้าเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่ฉันวันครบรอบของแม่ทำให้ลูเซียนเสียใจอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน ฉันสงสัยว่าเขายังคงรักเธอแม้ผ่านเวลาไปนานแล้วมั้ย ฉันไม่แปลกใจถ้าเขายังรักเธออยู่ จริงๆ แล้วฉันคงเสียใจและโกรธมากถ้าเขาลืมเธอหรือเลิกรัก
“อืม…อืม…”ฉันมองเห็นมือผู้ชายเคล้นคลึงหน้าอกฉันอยู่จนฉันเผลอครางออกมาด้วยความสุขจากชายที่ไม่รู้จักกำลังบำเรอร่างกายฉัน มือของเขาบนผิวเปลือยเปล่าทำให้ร่างกายฉันร้อนขึ้น รู้สึกได้ถึงรอยจูบอันอบอุ่นที่คอ หน้าอก แล้วก็ไล่ลงมาตามท้องทำไมฉันถึงฝันถึงการมีเซ็กส์?หรือฉันไม่พอใจกับการร่วมรักกับลูเซียนโดยไม่รู้ตัว?ถึงรู้ว่านี่คือความฝันแต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดหรือควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ขณะที่จูบของเขาเคลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงจุดอ่อนไหวตรงหว่างขา ฉันรู้สึกร้อนและแฉะตรงนั้นมาก ลิ้นของเขาหยอกล้อก่อนสำรวจร่องรักร้อนของฉัน เขาดูดเม็ดแตงของฉันอย่างแรง ก่อนที่ลิ้นของเขาจะมุดเข้าไปในโพรงรัก...ลิ้นร้อนของเขาดันเข้าออกจากช่องสวาทของฉันเร็วขึ้น ร่างกายของฉันรู้สึกเหมือนถูกไฟไหม้ ...“อ่าาา!” ฉันตื่นขึ้นพร้อมเสียงครางสิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือขาของฉันถูกแยกออกจากกันและมีชายคนหนึ่งหมอบอยู่ระหว่างขาของฉัน!"ใคร…!" ฉันกรีดร้อง ก่อนที่เขาจะรีบเอามือปิดปากฉัน“อย่าร้อง อาเอง เจ้าหญิง” ชายคนนั้นกระซิบข้างหูฉันด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงสายตาของฉันค่อยๆ ปรับเข้ากับความมืด ฉันจำเจ้าของเสียงและใบหน้าของเขาที่
เอ็ดเวิร์ดพาฉันเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูไม้บานใหญ่และล็อกมัน ฉันควรจะรู้สึกกลัวที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเอ็ดเวิร์ดในห้องที่ไม่คุ้นเคย แต่แปลกที่ฉันกลับรู้สึกสบายใจและตื่นเต้นแทน ภายในห้องมืดและเย็น มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่าง ดูแล้วห้องนี้ต้องใหญ่มากแน่ๆ…เอ็ดเวิร์ดผละจากฉันไปชั่วขณะ ไม่นานไฟก็สว่างขึ้น แสงไฟแยงตาหลังจากอยู่ในความมืดเป็นเวลานาน เมื่อดวงตาปรับเข้ากับแสงได้ สิ่งที่ฉันเห็นทำให้ประหลาดใจจนพูดไม่ออก ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรแค่คิดว่าน่าจะเป็นห้องโล่งเย็นที่ว่างเปล่า ที่ไม่ได้ใช้งานมากว่าสิบปี สิ่งที่ฉันเห็นเหมือนห้องนี้ถูกหยุดไว้…ในการเวลาถ้ามีคนบอกฉันว่ามีนักเรียนมัธยมปลายอาศัยอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อวาน ฉันคงเชื่อพวกเขาโดยไม่สงสัย ห้องยังดูสะอาดสะอ้าน ของทั้งหมดของเจ้าของห้องนี้ยังคงอยู่สภาพเดิม หนังสือมัธยมปลาย กระดาษ ปากกา และเครื่องเขียนอื่นๆ กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะไม้ ชุดนักเรียนมัธยมปลายกองรวมอยู่บนเตียงแจ็คเก็ตนักเรียนพาดอยู่บนพนักเก้าอี้ โปสเตอร์จากวงดนตรียอดนิยมเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วติดอยู่บนผนัง ภาพถ่ายในกรอบรูป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยุคก่อนเช่นเครื่องเล่นซ
ฉันกอดเขาแน่นขึ้นโดยสัญชาตญาณ ปลอบโยนเขาเท่าที่ฉันจะทำได้ ผู้คนมักจะพูดว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นอัจฉริยะ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ“เมื่อเด็กชายเริ่มเป็นวัยรุ่น เขาต่อรองและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องชีวิตของเขา เขาเรียนรู้วิทยาศาสตร์ขั้นสูงและทำงานวิจัยมากมายที่จะช่วยธุรกิจของครอบครัวโดยแลกกับการเรียนต่อมัธยมปลายตามปกติอยู่มาวันหนึ่ง พ่อของเด็กชายกับเหล่าผู้อาวุโสตัดสินใจที่จะขังเด็กชายไว้ในศูนย์วิจัยพิเศษของครอบครัว เมื่อไม่มีทางเลือก เด็กจึงตัดสินใจหนี มันทำให้เขาเจ็บปวดที่ต้องทิ้งพี่ชายและแม่ที่เขารักไว้ข้างหลัง แต่…” เอ็ดเวิร์ดเล่าเรื่องราวต่อด้วยน้ำเสียงเฉยเมย“เกิดอะไรขึ้นต่อ?” ฉันถามเบา ๆ ขณะเงยหน้ามองเอ็ดเวิร์ด“เมื่อพ่อและคนของเหล่าผู้อาวุโสมาถึงห้องนี้เพื่อรับเขา เด็กก็หายไปแล้ว หลายปีผ่านไปไม่ว่าจะพยายามหาแค่ไหนก็ไม่มีใครพบเด็กคนนั้น พ่อของเขาไม่สามารถเผชิญกับความจริงที่ว่าลูกที่ตั้งความหวังไว้จะไม่กลับมาอีก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีคำสั่งให้รักษาห้องของเด็กคนนั้นไว้ในสภาพเดิม” เอ็ดเวิร์ดตอบแม้ว่าพ่อของพวกเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว ลูเซียนก็ยังคงสานต่อความปรารถนาขอ
“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ที่ต้องบอกความจริงว่าอาไม่มีส่วนในการสร้างสิ่งที่เธอกำลังจะได้เห็น คฤหาสน์หลังนี้เก่ามาก อาคิดว่ามันน่าจะสร้างในช่วงสงคราม คฤหาสน์แบบนี้จำเป็นที่จะต้องมีทางหนีลับ ปู่ของอาบอกเรื่องเส้นทางลับนี้ตอนอายังเป็นเด็ก ถึงแม้เขาจะไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่ามันอยู่ที่ไหนในห้องนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเรารู้ว่าใครเป็นผู้สร้างคฤหาสน์เช่น วันเกิด หรือราศีของเขา” เอ็ดเวิร์ดอธิบาย ขณะที่เขาหยุดยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าตู้หนึ่งความอยากรู้อยากเห็นทำให้ฉันลงจากเตียงและไปยืนข้างเขา ฉันยังไม่เห็นว่าตู้เสื้อผ้าตู้นี้แตกต่างจากตู้อื่นยังไง“เขาเป็นคนราศีเมษ ถ้าเธอดูตรงนี้ให้ดี เธอจะเห็นสัญลักษณ์รูปดาวราศีเมษสลักอยู่ตรงนี้ มีสัญลักษณ์รูปดาวแบบอื่นที่ตู้ที่เหลือ แต่เขาเป็นคนราศีเมษ จึงต้องเป็นตู้นี้” เอ็ดเวิร์ดอธิบาย ขณะที่เขาชี้ไปที่รูปแกะสลักขนาดเล็กมากที่ด้านบนของตู้ ฉันหรี่ตาเพื่อพยายามดูภาพแกะสลักตามที่เขาบอกเหมือนกับมุกเก่าจากภาพยนตร์ เอ็ดเวิร์ดเปิดตู้เสื้อผ้าออก ข้างในเป็นชุดนักเรียนมัธยมปลาย พอดันเสื้อผ้าไปด้านข้าง เผยให้เห็นแผ่นไม้ด้านหลังของตู้เสื้อผ้า พอเอ็ดเวิร์ดเอาแผ่นไม้ออก
เมื่อเรามาถึงกระท่อมริมทะเลสาบในเวลารุ่งสาง เอ็ดเวิร์ดช่วยถือถุงเสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้ฉัน ดูจากสัมภาระที่เขาเตรียมไว้ให้ มันเหมือนว่าเราจะใช้เวลาที่นี่อย่างน้อยเป็นอาทิตย์ ฉันพนันได้เลยว่าเขาซื้อเสื้อผ้าเผื่อให้ฉันมากมาย จนมีให้เลือกมากเกินพอ รอบคอบดีจริงๆ แต่มันก็ไม่ยากหรอกถ้าคุณมีเงิน เรามุ่งหน้าเข้าไปในกระท่อมเหมือนกับวันนั้น“หลับซักงีบมั้ย” เอ็ดเวิร์ดถาม เขาถอดเสื้อเบลเซอร์ออก ตอนนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์นอนอยู่บนเตียง“อืม…” ฉันลังเล“เมื่อคืนเราแทบไม่ได้นอนกันเลย มานอนพักเถอะ ไม่ต้องห่วง… 'วันหลัง' ของเรายังไม่ใช่ตอนนี้” เอ็ดเวิร์ดรู้ว่าฉันห่วงเรื่องอะไร ขณะที่ชวนฉันไปนอนในอ้อมแขนเขาที่กางรอฉันรู้สึกง่วงเหมือนกัน การตื่นขึ้นมาสำรวจคฤหาสน์กลางดึก ตามด้วยการหนีออกมาทำให้ฉันเสียพลังงานไปมาก ฉันน่าจะนอนพักบ้าง พอขึ้นเตียงเอ็ดเวิร์ดก็ดึงฉันเข้าไปกอดทันที เขาเอาตัวแนบชิดกับหลังของฉัน รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ เขาจูบที่ใบหูกับศีรษะอย่างแผ่วเบา ฉันรู้สึกผ่อนคลายมาก…บางทีฉันอาจคิดถึงเขา...นิดนึง?มันเป็นความคิดสุดท้ายก่อนที่ฉันจะหลับไปในอ้อมแขนเขา...ผมตื่นตอนรุ่งสางด้ว
"เราจะไปที่ไหน?" ฉันถามเมื่อเราก้าวออกไปข้างนอก อากาศดีมาก แสงแดดอ่อนๆ ลมเย็นๆ และทัศนียภาพอันน่าทึ่งของทะเลสาบสีฟ้าอมเขียว มันสมบูรณ์แบบมาก มันคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงตัดสินใจซื้อบ้านที่นี่“เดินเล่นริมทะเลสาบหรือนั่งชิงช้าเหมือนครั้งที่แล้วก็ได้นะ” เอ็ดเวิร์ดแนะนำด้วยรอยยิ้ม เขาจับมือฉันราวกับว่าเราเป็นคู่รักกันในเดทปกติ“ไปเดินเล่นกันค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับบีบมือใหญ่ที่กุมมือฉันไว้เราเดินไปตามริมทะเลสาบ รู้สึกถึงลมที่พัดมากระทบใบหน้าและเส้นผมของเรา มันช่วยให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายจากการถูกขังอยู่ในคฤหาสน์ นานมากแล้วที่ฉันมีความสุขกับการอยู่ข้างนอกโดยปราศจากเรื่องในใจ นี่ก็สายแล้ว คนที่คฤหาสน์คงรู้ว่าฉันหายไปแล้ว…“ไรเนอร์รู้ว่าเธออยู่กับอา” เอ็ดเวิร์ดพูดเหมือนไม่ใส่ใจอะไรเขาคงรู้ว่าเราอยู่ที่ไหนเหมือนกัน เอ็ดเวิร์ดคิดกับตัวเอง แต่ไม่จำเป็นต้องบอกเธอเรื่องนั้น“เขาโทรหาคุณเหรอ?ทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยดีมั้ย” ฉันถามด้วยความเป็นห่วง ในตอนนี้ไรเนอร์และลูเชียนคงโกรธและกังวลมาก“ไม่ต้องกังวล ไรเนอร์มีส่งข้อความมา อาไม่แปลกใจเลยถ้าเขารู้ อาเดาว่าเขาจะเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับจากลูเซียนจ
“กางเกงในของเธอเปียกโชก มีอะไรกันกลางแจ้งแบบนี้ทำให้เธอตื่นเต้นใช่มั้ย” เอ็ดเวิร์ดถาม รู้สึกถึงแรงกดของลิ้นของเขาที่หว่างขาของฉัน เขาต้องเลียผ่านกางเกงในของฉันแน่ๆ ถึงจะรู้สึกดี แต่ฉันอยากให้เขาเลียกลีบดอกไม้ของฉันโดยตรง“เอ็ดเวิร์ด…ไม่…มันน่าอายมาก…แบบนี้…” ฉันครวญครางด้วยเสียงที่เร้าอารมณ์เอ็ดเวิร์ดหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่จะใช้นิ้วดึงเป้ากางเกงชั้นในของฉันออกเพื่อเผยช่องรักที่เปียกแฉะ เอ็ดเวิร์ดต้องเห็นน้ำกามที่ล้นออกมาแน่ๆ ผนังถ้ำบีบตัวรอสัมผัสจากเขา ฉันร้องเรียกชื่อเขาเมื่อปลายลิ้นสัมผัสกับปุ่มวิเศษ เขาดูดเลียมัน หมุนลิ้นไปรอบๆ เขาทำให้ฉันคลั่งไคล้ด้วยตัณหา โพรงสวาทของฉันกระตุกจากสัมผัสของเขา“เอ็ดเวิร์ด…ได้โปรด…” ฉันร้องขอเขา ไม่แน่ใจว่าฉันอยากให้เขาหยุดหรือลุยต่อไป“บอกอาสิว่าเธอต้องการอะไร นาตาลี อามาที่นี่เพื่อให้บริการเธอ” เสียงกระซิบของเอ็ดเวิร์ดที่ดังมาจากหว่างขาของฉัน มันให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์และทะลึ่งมาก“อ๊า…อา…อ๊า!” ฉันกรีดร้องเมื่อเขาดันสองนิ้วหนาเข้าไปในโพรงสวาท ฉันดันสะโพกขึ้นไปหามือของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นิ้วของเขาขดขึ้นเพื่อกระแทกจุดอ่อนไหว ฉันกรีดร้องครวญคราง ถ้ามีใ