หลังจากลูเซียนกลับไปไม่นาน พวกเราก็ออกจากโรงแรมกัน ฉันแปลกใจมากที่เอ็ดเวิร์ดกลับออกไปก่อน เขาอ้างว่ามีธุระต้องไปจัดการ ไรเนอร์จึงเป็นคนพาฉันกลับบ้าน“เตรียมอ่างอาบน้ำให้คุณนาตาลีด้วย” ไรเนอร์สั่งแม่บ้านทันทีที่เราก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์ ฉันอยากอาบน้ำมากและคิดว่าเขาคงคิดเหมือนกันแม่บ้านบอกเรื่องที่ฉันรู้อยู่แล้วว่าลูเชียนออกไปทำงาน ถึงจะเป็นพี่น้องที่ดูแตกต่างกันมากแต่ทั้งคู่มีนิสัยบ้างานแบบเดียวกัน ก็ดีเหมือนกันเพราะอยากอยู่เงียบๆ มากกว่า หลังอาบน้ำเสร็จฉันว่าจะไปเดินเล่นในสวน จำได้ว่าไม่ได้ไปมานานแล้ว ถ้าลูเซียนไม่พูดถึงมันก่อนหน้านี้ฉันคงลืมไปแล้ว จะได้พาไรเนอร์เดินดูรอบบ้านด้วย เขาน่าจะยังไม่เคยไป“อ่างอาบน้ำพร้อมแล้วค่ะ คุณนาตาลี” ลอร่าแม่บ้านส่วนตัวของฉันเข้ามาบอก เธออยู่ที่นี่มาประมาณ 6 ปีแล้ว เราค่อนข้างสนิทกัน เธอเป็นมืออาชีพมาก ดูแลฉันทุกอย่างรวมทั้งช่วยเตรียมน้ำให้ฉันอาบด้วยฉันเปลือยกายอยู่ในห้องน้ำรอให้ลอร่าเข้ามา ปกติฉันไม่ต้องการคนช่วย ยกเว้นบางครั้ง เช่นวันนี้“คุณนาตาลี ผมกำลังเข้าไปครับ”ไร…ไรเนอร์?! เดี๋ยวก่อน ฉันเปลือยทั้งตัวอยู่!"เดี๋ยวก่อน!" ฉันตะโกนแต่ประตูเปิด
ไรเนอร์หยิบเสื้อยูนิเฟอร์ของเขาแล้วขอตัวกลับห้องอ้างว่าเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกหลังจากอาบน้ำให้นาตาลี หากความจริงแล้วเขาต้องการอยู่คนเดียว อยู่ห่างจากนาตาลี เขาเข้าห้องแล้วรีบล็อคประตูก่อนจะเอนตัวหลังพิงประตูห้อง“นาตาลี…” เขาพึมพำชื่อเธอระหว่างหลับตา ปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงลงเพื่อปลดปล่อยท่อนเนื้อขนาดมหึมาออกจากเสื้อผ้าที่ปกปิดมันไว้ สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์แรงปรารถนาที่มีต่อนาตาลี การแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรระหว่างสัมผัสร่างเปลือยเปล่าอันอ่อนนุ่ม ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเขาจนต้องรีบหนีออกมาก่อนที่จะต้านทานความต้องการของตัวเองต่อไปไม่ได้นี่เพิ่งจะวันที่สองเอง ผมก็อยากนอนกับเธอแล้ว ถึงแม้จะพยายามรักษาคำพูดแต่เมื่อเธอร้องขอผมก็ทนไม่ไหวใช้นิ้วทำให้เธอจนเสร็จ ผมแปลกใจมากที่ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ การได้ยินเธอตะโกนชื่อเอ็ดเวิร์ดตอนพวกเขาร่วมรักกันอย่างบ้าคลั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้ผมโกรธมาก การพยายามรักษาระยะห่างถูกทำลายลงเพียงแค่จินตนาการตอนเธอครางชื่อผมออกมาอย่างเร่าร้อน มันยากกว่าที่ตั้งใจไว้มาก เข้าใจแล้วว่าทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงไม่สามารถต้านทานความต้องการตัวเองได้
ลูเซียนนั่งรอที่โต๊ะอาหารเย็นก่อนที่ฉันกับไรเนอร์จะเดินเข้ามา บรรยากาศอึมครึมน่าอึดอัดมากจนแทบหายใจไม่ออก ลูเซียนดูเกร็งและเครียดมากวันนี้ “นั่งลง” ลูเซียนสั่งเสียงแข็ง ฉันรีบทำตามทันที เห็นได้ชัดว่าลูเซียนอารมณ์ไม่ดี ไรเนอร์ยืนที่กำแพงทำตัวเหมือนเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นกับเราด้วย “วันนี้คุณกลับบ้านเร็วจัง” ฉันตอบเสียงหวานที่คิดว่าเหมาะกับสถานการณ์แบบนี้ “ฉันตัดสินใจแล้ว ยกเลิกการฝึกงานกับเอ็ดเวิร์ด” เขาพูดขณะเขี่ยอาหารในจานไปมา ความจริงฉันก็กินไม่ลงเหมือนกัน “ฉันเรียนรู้อะไรที่นั่นเยอะเลยนะ…” ฉันอธิบาย “กับเอ็ดเวิร์ดน่ะเหรอ” ลูเซียนตัดบทตอบแทนฉัน ถึงแม้นั่นจะไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการจะพูด แต่ดูเหมือนลูเซียนกำลังโกรธ ฉันจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ “จากนี้ไปเธอต้องอยู่บ้าน ห้ามไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาต ถ้าจะออกไปต้องมีไรเนอร์ไปด้วยทุกครั้ง” เขาเน้นย้ำทุกคำกับนโยบายใหม่ของเขา “ลูเชียน ฉันต้องเรียนและหางานทำ…” ชีวิตผู้ใหญ่ของฉันเพิ่งเริ่มต้น...จะให้อยู่บ้านอย่างเดียวคงไม่ได้ “เธอไม่จำเป็นต้องเรียน ไม่จำเป็นต้องทำงาน ถึงทำงานไปก็ไม่ได้มีผลอะไรกับครอบครัวเรา แค่อยู่บ้านและไม่สร้างปัญหาก็พอ!" ลูเซ
ลูเซียนออกจากห้องกินข้าวแล้วพบว่าไรเนอร์ยังยืนอยู่ นี่เขารออยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ?“เก็บกวาดให้เรียบร้อย” ลูเซียนสั่ง ขณะที่เดินผ่านไรเนอร์โดยไม่หันกลับมามอง“ครับท่าน” เขาตอบโค้งคำนับไปด้วยลูเซียนตรงไปที่ห้องนอน เขาสั่งให้สาวใช้ทุกคนว่าห้ามรบกวน เขาอยากอยู่คนเดียวเพื่อสงบสติอารมณ์และวางหมากตัวต่อไปพอนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาก็มั่นใจว่ามันสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกับนาตาลีเป็นอย่างมาก นี่เขาทำบ้าอะไรลงไป! ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย เพราะไอ้เวรเอ็ดเวิร์ดคนเดียว! แม้ว่าร่างกายของเธอจะตอบสนองต่อความสุขที่มอบให้ แต่เธอก็ร้องไห้เกือบตลอดเวลา ทั้งร่างกายและหัวใจต้องเจ็บปวดจากกระทำกับคำพูดของฉันแน่ๆ สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นมันโง่มาก การหลุดแสดงความหึงหวงระหว่างเธอกับน้องชายตัวเอง ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาคบกันหรือไม่ แต่การเห็นใบหน้าท้าทายของเอ็ดเวิร์ดทำให้เขากังวลมากต้องหาทางแก้ไขความสัมพันธ์ของเราให้เร็วที่สุด เมื่อถึงเวลา...นาตาลีต้องเลือกที่จะแต่งงานกับฉัน…**วันก่อน**ลูเซียนมาพบเอ็ดเวิร์ดที่ห้องทำงานของเขาในห้องแล็บ ตั้งใจที่จะยุติการฝึกงานของนาตาลีก่อ
“อืม…” ฉันครางออกมาเล็กน้อยระหว่างที่พยายามลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ รู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง ฉันขยับตัวขึ้นนั่ง ภายในห้องมืดสนิด ตอนนี้มันคงดึกมากแล้ว ฉันคงหลับไปสักพักหลังจากที่ไรเนอร์พากลับมาที่ห้องนอน ฉันควรหามือถือก่อน คิดได้อย่างนั้นฉันก็เอื้อมมือคลำหาสวิทช์โคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงจนเจอทันทีที่แสงโทนอุ่นสีส้มส่องสว่างขึ้น ฉันจึงรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ไรเนอร์หลับอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง ช่วงตัวและศีรษะของเขาพาดอยู่บนเตียงใกล้กับขาของฉัน ส่วนแขนข้างนึงจับขาฉันอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะไม่ลุกจากเตียง ตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กน้อยที่กำลังหลับอยู่ซึ่งตรงกันข้ามกับบุคลิกและขนาดตัวที่ใหญ่โต ฉันเดาว่าเขาอยู่ที่นี่ตลอดเวลาหลังจากที่พาฉันมา ฉันไม่ได้สวมชุดตัวเก่าแต่ถูกเปลี่ยนเป็นชุดนอน เขาน่าจะเป็นคนจัดการเช่นกัน ฉันหน้าแดงขณะที่คิดถึงเวลาที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เขาคงไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่ทำหน้าที่บอดี้การ์ดกับพ่อบ้านเหมือนทุกครั้งไรเนอร์ยังคงหลับสนิท ฉันพยายามอย่างหนักกับการต้านทานความอยากที่จะสัมผัสผมสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งทำให้รู้ว่าเขาหล่อมาก ขนตายาวสีน้ำตาลแดง สีอ่อนกว่าเมื่
“คุณแซค” ลอร่ากล่าวทักทายแซคด้วยน้ำเสียงแปลกใจ วันนี้เขามาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ปกตินาตาลีจะเป็นคนไปหาแซคที่คฤหาสน์เอง เขาไม่ค่อยจะมาที่นี่ ถึงแม้สองคนจะนัดเจอกันล่วงหน้าก็ตาม“ฉันมาหานาตาลี” ก่อนจะเดินผ่านลอร่าเข้าไปในคฤหาสน์“คุณแซค! เดี๋ยวก่อนค่ะ…คุณนาตาลีไม่ค่อยสบาย กำลังพักผ่อนอยู่ค่ะ” ลอร่าพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ไม่แน่ใจว่าทุกคนจะเดือดร้อนมั้ย ถ้าปล่อยให้แซคเข้ามา ลูเซียน ไม่ได้สั่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจน…"ฉันรู้ ฉันเลยต้องหาเยี่ยมเธอไง จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ” แซคพูดพร้อมเดินตรงไปที่ห้องนอนนาตาลีมันแปลกมากที่นาตาลีไม่ตอบกลับข้อความหรือรับโทรศัพท์มาหลายวันแล้ว ถ้าเธอไม่ได้ออกจากบ้านก็หมายความว่าเธอก็ไม่ได้ไปฝึกงานด้วยเช่นกันสาวใช้ซุบซิบกันไม่หยุดว่านาตาลีทะเลาะกับลูเซียนตอนมื้อค่ำ มันรุนแรงมากจนลูเซียนทำลายข้าวของบนโต๊ะอาหารซึ่งมันเป็นไปได้อยู่ นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่ดูไม่น่าเชื่อถือ ผมถึงต้องไปดูให้แน่ใจว่านาตาลีไม่เป็นไรอีกอย่าง ผมยังได้ยินว่านาตาลีมีบอดี้การ์ดประจำตัวแล้วด้วย ได้เวลาเจอชายผู้โชคดีแล้ว……**ก๊อกก๊อก**“ฉันเอง” เสียงตอบของคนที่ยืนอ
วันนี้ฉันได้รับอนุญาตให้ออกไปพบจิตแพทย์เกี่ยวกับฝันร้ายตามที่ลูเชียนนัดหมายไว้ให้ ลอร่าเลยมาช่วยฉันแต่งตัว เขาคงอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอลูเซียนเลยตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกัน แน่นอนว่าไรเนอร์จะไปกับฉันด้วย คิดอีกแง่ก็ยังดีกว่าไม่สามารถออกจากบ้านได้เลยลอร่าหยิบชุดผ้าฝ้ายสีขาวละมุนมาให้พร้อมกับเข็มขัดหนังสีน้ำตาลเส้นใหญ่ที่ดูเข้ากับชุด มันเหมาะกับความรู้สึกของฉันในวันนี้มาก หวังว่าวันนี้คงเป็นวันสบาย ๆ เหมือนกับชุดที่ใส่อยู่ ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ต้องพบจิตแพทย์ มันอาจช่วยให้ฉันไม่ฝันร้ายอีกและหวังว่าอาการนี้จะรักษาให้หายไปได้"คุณพร้อมรึยัง?" ไรเนอร์ถามขณะเดินเข้ามาในห้องนอนฉันแปลกใจที่ไรเนอร์ไม่ได้สวมชุดบัตเลอร์ เขาสวมเสื้อยืดสีขาว แจ็คเก็ตทหารสีเขียวกับกางเกงยีนส์ เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาในชุดลำลองแบบสบายๆ มันดูเหมาะกับเขามาก เพราะเขาตัวสูงเลยยิ่งดูดีเมื่อใส่กางเกงยีนส์“ทำไมวันนี้คุณใส่ชุดนี้ล่ะ” ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น“มีผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าชุดพ่อบ้านแบบเต็มยศมันมากไปหน่อย เธอบอกผมว่าให้ปรับชุดให้เข้ากับงานที่เธอจะทำในแต่ละวัน คุ้นๆ มั้ยครับ?" เขาพูดพร้อมขยิบตาให้ฉัน
ในที่สุดช่วงเวลาการปรึกษากับหมอเกรตาก็สิ้นสุดลง ฉันกลับไปที่รถพร้อมกับไรเนอร์ เสียดายที่เธอไม่สามารถวินิจฉัยความฝันและให้คำตอบฉันได้ในทันที เพียงแต่บอกว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่เคยหรือไม่เคยเกิดขึ้นเท่านั้น ชีวิตจริงไม่เหมือนกับในหนังที่หมอสามารถตอบคำถามได้ทุกอย่างแล้วอย่างนี้ฉันจะรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นแค่ความฝันหรือเป็นเรื่องจริงคำพูดของใครบางคน…สถานที่ที่ฉันเพิ่งไปมา…ฉันไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หมอพูดได้“นาตาลี…นาตาลี…” เสียงของไรเนอร์ทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์“ขอโทษที เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ” ฉันถามด้วยความรู้สึกผิด“คุณยืนอยู่หน้าประตูรถได้พักนึงแล้ว ขึ้นรถมั้ย” ไรเนอร์หยอก หลังจากที่เปิดประตูรถให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ…โทษทีฉันเบลอไปหน่อย” ฉันตอบเบาๆ"ไม่เป็นไร คุณมีเรื่องต้องคิดเยอะ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปล่ะ ถ้าเรื่องไหนที่มันหนักสมองนักก็ไม่ต้องไปนึกถึงมัน…” ไรเนอร์พูดพร้อมกับลูบหัวฉัน รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจ“เราจะกลับกันแล้วเหรอ?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงเว้าวอนเพราะไม่ได้ออกมานอกบ้านมาหลายวันแล้ว“ก็…ไม่เชิง” เขาตอบขณะที่เคลื่อนรถเร็วขึ้น"เราจะไปไหนกันเหรอ?" ฉันอดซ่อน
“ฉัน…ฉันขอโทษที่ไม่ได้พูดแบบนี้มาก่อน…” ฉันเริ่มเสียงอ่อน สงสัยว่าทำไมต้องเสียงสั่นด้วย?เอ็ดเวิร์ดมองอย่างเงียบๆ เขารอให้ฉันพูดต่อ ฉันอยากทำให้มันถูกต้อง“อาเอ็ดเวิร์ด! ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้!” ฉันพูดอย่างหนักแน่น พร้อมกับจ้องตาเขา ดวงตาเขาเป็นประกายจากแสงอันอบอุ่นของน้ำพุ มันดูมีเสน่ห์มาก"…อะไรนะ?" เอ็ดเวิร์ดชะงักก่อนจะถามด้วยเสียงกระซิบ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คาดหวังคำขอบคุณจากฉันหลังจากผ่านมาแล้วสิบปีและหลายชั่วโมงหลังจากที่เขาบอกความจริงกับฉัน“ขอบคุณ…ที่ช่วยฉันในป่าวันนั้น ฉันตั้งใจจะบอกคุณก่อนหน้านี้ แต่... ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ฉันเลย... ลืม ขอโทษจริงๆ ค่ะ!” ฉันอธิบายอย่างรวดเร็ว เวลาตื่นเต้นฉันจะพูดตะกุกตะกักเอ็ดเวิร์ดเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา ตอนนี้กลายเป็นฉันที่สับสน อะไรที่ทำให้เขาหัวเราะได้ขนาดนี้?หัวเราะเหมือนเด็กน้อยที่ร่าเริง เอ็ดเวิร์ดน่าทึ่งจริงๆ แม้ว่าเขาจะผ่านอะไรมามากมาย ยังสามารถก้าวไปข้างหน้า สร้างสถานที่ในโลกสำหรับตัวเขาเอง หัวเราะอย่างไร้กังวลและมีความสุขแบบนี้ การมองดูอาการเขาทำให้ฉันอมยิ้มตามไป“อาขำอะไรขนาดนั้น” ฉันถามอย่างสงสัย“ขอโทษ…ที่อาขำเพราะ…ม
“อาพูดจริงนะ อาเชื่อว่าทางเลือกที่ดีที่สุดของเธอคือแต่งงานกับอา ยิ่งเร็วยิ่งดี” เอ็ดเวิร์ดดูจริงจังมาก“อาบอกได้มั้ยว่าทำไม” ฉันถาม"ดึกมากแล้ว. เธอคงเหนื่อย เราค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้ดีกว่า” เอ็ดเวิร์ดพูดตัดบทแล้วรีบลุกจากโซฟาเดินไปที่ประตู“อาเอ็ดเวิร์ด…” ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ“ห้องนอนอาอยู่ที่สุดทางเดิน… เผื่อเธอต้องการอะไร” เอ็ดเวิร์ดพูดโดยไม่หันหลังกลับเขาจากไปก่อนที่ฉันจะนึกอะไรออก ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดี?ทำตามคำแนะนำแล้วเข้านอนเลยอย่างนั้นเหรอ…ฉันรู้สึกแย่มากหลังจากนอนพลิกตัวอยู่บนเตียงไปมาหลายชั่วโมงแต่ทำยังไงก็หลับไม่ลง จิตใจกระสับกระส่ายกับข้อมูลที่เพิ่งรับรู้ คำพูดของเอ็ดเวิร์ดที่วนเวียนอยู่ในหัวทำให้ฉันแทบเป็นบ้า เหงื่อชุ่มตัว ทั้งเตียงและห้องทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของสถานที่ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวฉันเองที่ไม่สามารถควบคุมความเครียดได้ฉันคลำหาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในความมืด หน้าจอโทรศัพท์แสดงเวลา 03:45 น. รู้สึกเหนื่อยแต่ก็ยังตื่นอยู่ ชีวิตฉันว่างเปล่ามากในตอนนี้ ไม่มีอะไรต้องทำและไม่มีแผนการสำหรับอนาคต เกิดคำถามในใจว่าชีวิตฉันจะเป็นแบบนี้ไ
“นี่อาไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย” ฉันถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาเคยพูดกับฉันแบบนี้มาก่อน แต่มันจบลงไม่ค่อยดีนักแทนที่จะตอบคำถามฉัน เอ็ดเวิร์ดกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความแทน เขากำลังทำอะไร?'คืนนี้นาตาลีจะค้างที่นี่ ไม่ต้องห่วง ฉันเริ่มต้นใหม่อย่างความยุติธรรมแล้วนะ...พี่ชาย’เอ็ดเวิร์ดกดปุ่มส่งก่อนจะหันไปหานาตาลีอีกครั้ง พร้อมส่งยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้เธอ…**ก่อนหน้านั้น**"นี่คืออะไร!?" ลูเซียนตะโกนใส่หน้าน้องชาย พร้อมกับกระแทกสร้อยคอที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ“อรุณสวัสดิ์!” เอ็ดเวิร์ดทักทายพี่ชายอย่างร่าเริง“เอ็ดเวิร์ด…” ลูเซียนเอ่ยชื่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“พี่มาที่นี่เพื่อถามฉันแค่นี้เองเหรอ?พี่ดูก็รู้?มันคือสร้อยคอ…พร้อมจี้เพชรรูปดาวแบบสั่งทำพิเศษ” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้ม“เป็นของนายจริงๆ ด้วย” ลูเซียนพูดพร้อมกับหรี่ตาลง“ตอนนี้มันเป็นของนาตาลี ฉันให้เธอไปแล้ว พี่มาเพื่อถามเรื่องแค่นี้เองเหรอ?” เอ็ดเวิร์ดถามด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา“ทำไมนายถึงให้สร้อยคอเส้นนี้กับเธอ นายต้องการอะไร?" ลูเซียนถาม“ฉันมอบให้เธอเพื่อเตือนให้เธอซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ฉันไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ...มีปัญหาอะไร
ฉันนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะคิดหรือตอบยังไง ถ้าเอ็ดเวิร์ดคือคนที่ช่วยชีวิตและเป็นรักแรกของฉัน มันจะทำให้ความรู้สึกที่ฉันมีต่อลูเซียนเปลี่ยนไปมั้ย ฉันรู้สึกสับสนมากตอนนี้…“หลักฐานแค่นี้พอรึยัง” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยปากถาม เขาวางหัวลงบนตักฉันแววตาเขาที่มองฉันทำให้นึกถึงแมวขี้เล่น“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบอายังไง…” ฉันบอกตามความรู้สึกจริงๆ"ไม่เป็นไร มันค่อนข้างทำใจยาก เพราะสิ่งที่เธอเชื่อมาเป็นสิบปีไม่เป็นอย่างที่เธอเข้าใจ” เอ็ดเวิร์ดตอบอย่างเห็นอกเห็นใจ“อือ...” ฉันตอบแบบงง ๆรู้สึกสับสนเกินกว่าจะแยกแยะความรู้สึกของตัวเอง“เธอดูเหนื่อยๆ อยากถามคำถามอีกสองข้อตอนนี้เลยมั้ย?หรือเอาไว้วันหลัง…” เอ็ดเวิร์ดแนะนำ ศีรษะเขาที่หนุนอยู่บนตักให้ความรู้สึกอบอุ่นมากเรานั่งกันอยู่ในความเงียบ ฉันเงยหน้าขึ้นมองดาวที่ส่องแสงระยิบระยับและสงสัยว่าดาวพวกนั้นจะรู้สึกเจ็บปวดและหงุดหงิดเหมือนฉันมั้ย มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างเมื่อฉันรู้ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นรักแรก ไม่ใช่ลูเซียน?มันจะทำให้ฉันรักลูเซียนน้อยลงรึเปล่า?หรือว่าฉันต้องรักเอ็ดเวิร์ดแทนเพราะเขาเป็นรักแรกของฉัน?ความรู้สึกมันเปลี่ยนกันง่ายๆ ได้ขนาดนั้นเ
“เป็นไปไม่ได้… ที่ฉันจำได้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น” ฉันตอบด้วยความตกใจและสับสน“อาไม่โทษเธอ อย่างที่อาเคยบอกไปว่าเธอจะไม่เชื่ออาหรอก” เอ็ดเวิร์ดตอบพร้อมกับยักไหล่ราวกับว่าเขาไม่สนใจว่าฉันจะรับในสิ่งที่เขาพูดได้รึเปล่า“อารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?อามีหลักฐานว่าเรื่องของอาเป็นความจริงเหรอ” ฉันถามอย่างจริงจัง“ลูเซียนไม่ได้ช่วยเธอไว้ เขาไม่เคยช่วยเธอ…” เอ็ดเวิร์ดพูดขณะที่สบตากับฉัน"ไม่จริง! ลูเซียนเป็นคนช่วยฉัน” ฉันตะโกนอย่างมั่นใจเพราะลูเซียนคอยช่วยฉันเสมอ“เขาบอกเธออย่างนั้นเหรอ?ตอนเธอถามว่าเขาช่วยเธอรึเปล่า… เขาตอบว่าไง” เอ็ดเวิร์ดถามกลับเขา…“เธอต้องขอบคุณผู้ชายคนนั้นที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เธอรู้จักเขามั้ย เขามีหน้าตายังไง” เขาฟังดูเป็นคนที่วิเศษจริงๆ … ใช่มั้ย’คำพูดของลูเซียนกลับมาหาฉัน...“พี่ชายของอามีหลักการที่ชัดเจน เขาจะไม่พูดว่าเขาช่วยเธอทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำ ดังนั้นอาแน่ใจว่าเขาไม่เคยพูด เธอต่างหากที่คิดไปเองว่าเข้าไปคนช่วยเธฮ” เอ็ดเวิร์ดพูดช้าๆ เพื่อให้ฉันเข้าใจทุกอย่าง"อารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?!" ฉันตะโกนใส่เอ็ดเวิร์ด พอกันทีกับทฤษฎีของเขา ทำไมเขาถึงบอกฉันตรงๆ ไม่ได้“นาตาลี ลูเซียนไม
“ราล์ฟเล่าอะไรให้คุณฟังบ้าง เขาชอบพูดไปเรื่อย อย่าไปสนใจล่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูด ขณะพาฉันเดินไปตามทาง“เขาเป็นมิตรมาก ฉันชอบเขานะ เราจะไปที่ไหนกันคะ?" ฉันตอบขณะเดินไปกับเอ็ดเวิร์ด“มื้อเย็นกับดวงดาว” เอ็ดเวิร์ดตอบพร้อมชี้นิ้วไปด้วยในไม่ช้าเราก็ยืนอยู่ที่ด้านล่างบันไดที่ดูคดเคี้ยว มองขึ้นไปด้านบนบอกได้เลยว่าเราต้องเดินขึ้นไปสูงทีเดียว หรือว่าที่นี่คือหอดูดาวที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้?“นี่คือทางขึ้นไปหอดูดาว อาคิดว่าขึ้นบันไดดีกว่าใช้ลิฟต์” เอ็ดเวิร์ดตอบคำถามที่ยังไม่ได้ถามแล้วจับมือฉันเราเดินขึ้นบันไดเวียนไปด้วยกัน ไม่รู้ว่าเราต้องเดินขึ้นไปสูงแค่ไหน ขาที่ไม่แข็งแรงของฉันเริ่มล้า เอ็ดเวิร์ดชะลอความเร็วลงเพื่อรอฉัน เห็นได้ชัดว่าการเดินขึ้นครั้งนี้อยู่เหนือความสามารถของฉัน“อืม…อาไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น แต่…ถ้าเธอต้องการ อาอุ้มเธอขึ้นไปได้นะ” เอ็ดเวิร์ดเสนออย่างเกรงใจระหว่างที่จ้องหน้าฉัน ตอนนี้หน้าฉันต้องแดงมากแน่ๆ ฉันเริ่มหมดแรงตั้งแต่เมื่อไหร่?สงสัยว่าต้องเดินขึ้นไปอีกนานแค่ไหน ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งและตัดสินใจที่จะเดินต่อ"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินได้ ขอบคุณที่ถาม” ฉันกัดฟันยิ้มหลัง
“ขอแสดงความยินดีที่เธอชนะเกมนี้ ตามสัญญา อาจะคืนสิ่งนี้ให้กับเธอ” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้มเขาค่อยๆ ใส่สร้อยจี้รูปดาวที่คอให้ฉัน สังเกตเห็นว่าโซ่ที่ขาดได้รับการแก้ไขแล้ว“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี“มันเหมาะกับเธอ ตอนนี้ตาเธอเลือกเสื้อผ้าให้อา แล้วแต่งตัวให้อาด้วย” เอ็ดเวิร์ดเสนอ ขณะที่ชี้ไปที่เสื้อผ้าผู้ชายฉันเดินไปหาเสื้อผ้าให้เอ็ดเวิร์ด มีตัวเลือกเยอะจริงๆ เอาอะไรที่เรียบง่ายและผ่อนคลายเพราะเรากำลังจะไปทานอาหารเย็นกัน ฉันหยิบเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน คาร์ดิแกนสีขาว และกางเกงสีน้ำตาลอ่อน เอ็ดเวิร์ดสามารถเลือกรองเท้าเองได้“มา ฉันจะแต่งตัวให้อาบ้าง” ฉันบอกเอ็ดเวิร์ดด้วยรอยยิ้ม ขณะยกเสื้อผ้าไปที่โซฟาเมื่อฉันเริ่มแต่งตัวให้เอ็ดเวิร์ด เขายืนนิ่งแต่เฝ้าดูทุกอิริยาบถของฉัน เขาช่วยขยับแขนและขาไปมา เหมือนฉันกำลังเล่นกับตุ๊กตาขนาดเท่าคนจริง ฉันคิดพร้อมหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง เอ็ดเวิร์ดไม่พูดซักคำเหมือนเขาจะคิดอะไรอยู่ มันทำให้ฉันรู้สึกกังวลฉันใส่เสื้อให้เขาแล้วเริ่มติดกระดุม รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้ละสายตาจากฉันเลย ฉันยิ้มให้เมื่อติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ"เสร็จแล้วค่ะ ฉันทำถูกรึ
น้ำอุ่นจากฝักบัวทำให้ผิวหนังและร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกดีขึ้นมาก ฉันอาบน้ำสระผมเพื่อผ่อนคลาย หยดน้ำที่กระทบกับผิวเปลือยเปล่า เสียงน้ำไหลทำให้รู้สึกสงบลง ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก อยากจะยืนพักอยู่ตรงนี้นานๆจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ฉันมั่นใจมากว่าฉันล็อกตอนเข้ามา แต่เดาได้ว่าไม่มีประตูในบ้านนี้ที่เจ้าของบ้านเปิดเข้าไม่ได้ ความจริงฉันไม่ควรแปลกใจเพราะคำว่า 'พื้นที่ส่วนตัวสำหรับนาตาลี' ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเอ็ดเวิร์ดแน่นนอน“นาตาลี…” เอ็ดเวิร์ดเรียกชื่อฉันอย่างร่าเริงเมื่อเขาโผล่หน้าเข้ามา ทั้งตัวเอ็ดเวิร์ดมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวเขาเท่านั้น"อาเข้ามาทำไม?!" ฉันกรีดร้องเสียงดัง ไม่คิดว่าในห้องน้ำเสียงจะก้องขนาดนี้ ฉันรีบเอามือปิดหน้าอก ขณะที่หันตัวเข้าหากำแพง“เธอทำเหมือนกับอาไม่เคยเห็นเธอเปลือยกายมาก่อน…” เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างอารมณ์ดี"ฉันถามว่าอาเข้ามาทำไม?" ฉันถามซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่อยากจะตะโกนไล่เขาออกไป!“ในเมื่อเธอเป็นคนเปลื้องผ้าอา อาเลยคิดว่าเธอควรรับผิดชอบด้วยการแต่งตัวให้อา” เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เกมนี้เป็นความคิดของอา ทำไมฉันต้องรับผิดชอบด้วย?” ฉันสวนกลับ“เธอพู
ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ครางได้ นิ้วเขายังคงลูบไล้ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเปียกโชกอยู่ข้างล่าง นิ้วเขาเล่นกับปุ่มวิเศษอันบอบบาง ก่อนมืออีกข้างจะสอดนิ้วหนาสองนิ้วเข้าไปในช่องรักที่เปียกชื้น มันรู้สึกดีมาก ฉันร้องครวญครางและเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มสอดนิ้วเข้าไปลึกในร่างกายฉัน“เหลือเวลาอีกเท่าไหร่…” ฉันเริ่มถามแต่พูดต่อไม่ได้ คำถามฉันถูกแทนที่ด้วยเสียงครวญคราง ร่างกายฉันสั่นสะท้านเมื่อเอ็ดเวิร์ดเริ่มใช้นิ้วแตะที่จุดจีสปอต“จนกว่าเธอจะเสร็จ…” เอ็ดเวิร์ดตอบจนกว่าฉันจะเสร็จ…คงไม่นานเกินไป เอ็ดเวิร์ดใส่นิ้วเข้าไปในตัวฉันเร็วขึ้นและแรงขึ้น อีกมือเขาบีบปุ่มกระสันอย่างต่อเนื่อง ฉันเรียกชื่อเขาเมื่อความเร่าร้อนเข้าครอบงำ หยุดส่ายสะโพกสู้นิ้วเขาไม่ได้ นิ้วเขาเข้าไปลึกมาก รู้สึกมหัศจรรย์เมื่อนิ้วเขาถูผนังช่องรักที่ยืดออก คิดว่าฉันกำลังจะหลั่งเร็วๆ นี้“เอ็ดเวิร์ด…ฉัน…” ฉันพูดระหว่างครางอย่างรุนแรงเอ็ดเวิร์ดค่อยๆ ถอนนิ้วออกจากช่องรักที่เปียกชื้น ฉันรู้สึกร้อนขึ้นภายในโพรงรัก แทนที่จะใช้นิ้วเขา เอ็ดเวิร์ดเอาลิ้นเข้าไปแทน ใบหน้าเขาฝังอยู่ที่หว่างขาฉัน เขาดูดและเลียไปรอบๆ ความร้อนของลิ้นเข