Share

บทที่ 4

Author: กวนอี๋
มองดูเวลา ก็ดึกมากแล้ว คาดว่าทุกคนในบ้านน่าจะเข้านอนกันหมดแล้ว

ตอนที่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันอะไรก็ดีไปหมด แต่ตอนนี้ แม้แต่โทรศัพท์มาแสดงความห่วงใยยังไม่มี

ฉันเปิดประตูห้องเข้ามา ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นในห้อง

“อร้าย จางฉี่เจิ้นฉันกลัวจังเลยค่ะ”

ฉันเองก็ตกใจเสียงกรี๊ดนั้นเหมือนกัน และรีบเปิดไฟทันที จากนั้นก็เห็นกู้เฟยเฟยอยู่ในอ้อมกอดของจางฉี่เจิ้น พร้อมกับร้องไห้น้ำตาไหล

เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ฉันโมโหจนเลือดขึ้นหน้า พร้อมกับเดินเข้าไปตบที่ใบหน้าของกู้เฟยเฟยโดยไม่สนใจอะไร

กู้เฟยเฟยตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ร้องไห้น้ำตาไหลออกมา

จางฉี่เจิ้นเห็นกู้เฟยเฟยถูกกระทำ จึงรีบปกป้องเธอทันที

“เผยจือเวย คุณบ้าไปแล้วหรือไง พวกเราสองคนแค่รอคุณจนเบื่อก็เลยหาหนังสักเรื่องดู ใครจะไปรู้ว่าเป็นหนังผี”

“คุณเปิดประตูเข้ามาทำให้เฟยเฟยตกใจ เธอถึงได้โผล่เข้ามาหลบในอ้อมแขนของผม”

“แต่ดูหนังยังกอดกันกลมขนาดนี้ แล้วถ้าฉันไม่กลับมา พวกคุณไม่นอนด้วยกันเลยเหรอ”

คุณไม่สนใจถามไถ่ฉันสักคำแต่กลับมาปิดไฟดูหนังด้วยกันกับน้องสาว ลองออกไปให้คนอื่นตัดสินดูไหม

จางฉี่เจิ้นโมโหจนหน้าแดงไปถึงคอ

“คุณ...ตอนนี้คุณมันเป็นผู้หญิงปากร้ายไปแล้ว...”

ฉันมองพวกเขาสองคนแล้วกลอกตามองบน “ใช่ ฉันมันผู้หญิงปากร้าย ตอนนี้ผู้หญิงปากร้ายคนนี้จะนอนแล้ว พวกคุณสองคนยังจะต่อกันไหม”

กู้เฟยเฟยเอามือกุมแก้ม ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร จากนั้นน้ำตาก็ค่อยๆ หยดลงบนพื้นทีละหยดทีละหยด

ฉันเห็นแล้วก็สงสาร

จางฉี่เจิ้นดูแลเธออย่างทะนุถนอม รีบวิ่งเข้าครัวไปต้มไข่ เพราะกลัวว่าใบหน้าของกู้เฟยเฟยจะบวม

พรุ่งนี้ยังมีเรื่องให้ต้องเหนื่อย ฉันต้องเก็บพลังไว้

จากนั้นเดินเข้าไปในห้องและปิดประตูนอน

กลางดึกจางฉี่เจิ้นอยากจะเข้ามานอนบนเตียง ฉันใช้เท้าถีบเขาตกลงไปใต้เตียง เขาจึงเดินไปนอนที่ห้องรับแขกด้วยท่าทางเศร้าสร้อย

เช้าวันต่อมา พ่อแม่สามีเห็นจางฉี่เจิ้นนอนขดตัวอยู่บนโซฟา

จึงรู้สึกสงสาร พอเห็นฉัน พ่อสามีก็พูดเสียงดังด้วยความโมโห

“เธอให้สามีของตัวเองมานอนโซฟาได้ยังไง เธอมันไม่มีความเป็นกุลสตรีเลย เมื่อคืนฉันเป็นคนให้เฟยเฟยกับเสียวเป่าอยู่ที่นี่เอง เธอจะไล่คนแก่อย่างเราสองคนออกไปนอนนอกบ้านไหม”

“คุณพ่อแม่ ฉันก็แค่ให้จางฉี่เจอ้นกับเฟยเฟยได้มีโอกาสรำลึกความหลังในวัยเด็กก็เท่านั้น ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเฟยเฟยจะไม่ให้จางฉี่เจิ้นเข้าห้องไปนอนด้วย”

“เผยจือเวย คุณบ้าไปแล้วเหรอ เราสองคนแต่งงานกันแล้วนะ ผมจะไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง”

“เอ้าเหรอ ฉันนึกว่าคุณลืมไปแล้วซะอีกว่าตัวเองแต่งงานแล้ว”

กู้เฟยเฟยปิดบังใบหน้าแสร้งทำเป็นคนดี

“พี่สะใภ้คุณอย่าโกธรจางฉี่เจิ้นเลยนะ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง อย่าให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของพวกคุณต้องมีปัญหาเพราะฉันเลย ถ้าเป็นอย่างงั้นฉันจะรู้สึกแย่มาก”

แม่สามีขมวดคิ้วยืนอยู่ข้างๆ

“เผยจือเวย เธอนี่มันช่างไม่รู้ความจริงๆ มีฉันกับพ่อเขาอยู่ พวกเขาสองคนจะกล้าทำเรื่องบัดสีอย่างงั้นได้ยังไง”

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าจางฉี่เจิ้นกับเฟยเฟยจะมีอะไรกันจริงๆ ก็คงไม่มีเธออยู่ตอนนี้หรอก

น้องสามีตื่นเพราะเสียงทะเลาะกัน “ทะเลาะอะไรกันอีกแล้ว พี่สะใภ้ พวกผู้หญิงอย่างพวกคุณเนี่ยเอาแต่ทะเลาะหึงหวงกันทั้งวันน่าเบื่อจริงๆ”

“พี่ควรเรียนรู้ความเป็นกุลสตรีและแม่ที่ดีกับพี่เฟยเฟยให้มากหน่อยนะ”

กู้เฟยเฟยมองมาที่ฉันพร้อมกับยิ้มเยาะ ไม่นานก็กลับไปเป็นสีหน้าปกติ

“พอแล้ว เหลือเวลาไม่มากแล้ว เราต้องรีบไปสนามบินแล้ว”

“เวยเวย คุณอย่าลืมเอากระเป๋าเดินทางขึ้นรถนะ ไว้เราเจอกันที่ทะเล”

พวกเขายังคงเอาแต่ชี้นิ้วสั่ง พร้อมกับทิ้งข้าวของมากมายให้เธอจัดการคนเดียว

ฉันพยายามสงบสติอารมณ์แล้วยิ้มตอบ “ได้ค่ะ พวกคุณไปกันเถอะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”

Related chapters

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 5

    หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว ฉันจึงเปลี่ยนรหัสล็อคลายนิ้วมือใหม่ และลบลายนิ้วมือก่อนหน้านี้ออกข้าวของของพวกเขาฉันเก็บเรียบร้อยแล้ว และส่งกลับไปให้พวกเขาที่บ้านเกิดโดยเก็บเงินปลายทางจากนั้นฉันก็ติดต่อทนายความเพื่อร่างหนังสือข้อตกลงการหย่าร้าง ตอนนั้นพ่อกับแม่รู้สึกว่าฉันคลั่งรักเขามาก จึงบังคับให้เราเซ็นข้อตกลงก่อนแต่งงาน ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป การกระทำของพวกเขาในตอนนั้นช่างฉลาดมากจริงๆ ทำไมตอนนั้นฉันถึงดูไม่ออกว่าแผนการของพวกเขาทั้งครอบครัวแนบเนียนมากขนาดนี้ ขณะนั้นเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปลายสายเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรม“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง จากการเข้าพักเป็นประจำของคุณ เราได้อัปเกรดห้องพักให้คุณเป็นห้องเพรสซิเดนสูทฟรี หวังว่าคุณจะเข้ามาใช้บริการที่พักเร็วๆ นี้ค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม จางฉี่เจิ้นและครอบครัวของเขาคงยังฝันกลางวันว่าจะได้พักในโรงแรมระดับห้าดาว จริงๆ แล้ว ฉันเพิ่งจองห้องพักหนึ่งห้องให้กับตัวเอง ตอนนี้เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นทำดีกับพวกเขาอีกต่อไป ฉันเรียกรถให้ไปส่งที่สนามบิน และนั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสไปเกาะบาหลี เมื่อฉันมาถึง โทรศัพท์

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 6

    กลุ่มไลน์ครอบครัวของจางฉี่เจิ้งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเป็นระยะๆ ฉันเปิดโทรศัพท์ดู และเห็นว่าเป็นกู้เฟยเฟยที่ส่งรูปภาพของพวกเขาเข้ามาในกลุ่ม ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ต่างพากันแสดงความเห็นว่า จางฉี่เจิ้นเป็นคนกตัญญูรู้ความ ฉันกดเปิดโมเมนต์ไลน์ของกู้เฟยเฟย พบว่าเธอโพสต์รูปภาพหนึ่งรูป “ขอบคุณคุณพ่อที่พาเสียวเป่ามาเที่ยวทะเล และยังได้พักที่โรงแรมหรูระดับห้าดาว...” ดูเหมือนว่าจางฉี่เจิ้นจะกรีดเลือดตัวเอง ให้คนในครอบครัวนี้ใช้เงินเขาไปหลายหมื่น แต่มาลองคิดดูดีๆ เหตุที่เขากล้ายอมทำแบบนี้ก็เพราะว่าเขามีกระเป๋าเงินอย่างฉันอยู่เบื้องหลังเขาไงแม่สามีถามฉันเข้ามาในกลุ่มไลน์ครอบครัว “เสี่ยวเว่ย เธอขับรถถึงไหนแล้ว ทำไมยังไม่ถึงอีก ฉันยังรอถ่ายรูปเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางอยู่นะ”“นั่นสิคะ พี่สะใภ้ ที่นี่แดดแรงมาก ถ้าไม่มีครีมกันแดดผิวฉันโดนแดดจนดำจะทำยังไง” เมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบ แม่สามีก็เลยโทรศัพท์หาฉันโดยตรง “เผยจือเวย เธอขับรถไปไหน ทำไมถึงช้าขนาดนี้” พ่อสามีที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกเข้ามาอย่างอดไม่ได้ “อย่าให้ทุกคนต้องรอนาน พักรถให้มันน้อยๆ หน่อย แล้วรีบขับมาไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว” “ฉัน

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 7

    ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันพยายามดูแลทุกคนในตระกูลจางอย่างดีที่สุด เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้นฉันต้องทำงานอย่างนัก หลังจากทำงานล่วงเวลาเสร็จก็ยังต้องมาทำอาหารให้ทุกคนในครอบครัวอีก ในทุกๆ วันฉันรู้สึกเครียดมาก ทั้งกลัวว่าจะทำงานผิดพลาด และก็กลัวว่าจะละเลยคนในครอบครัวคำพูดพวกนั้นที่พ่อแม่เคยบอกฉัน ยังคงก้องอยู่ในหู ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เกิดจากฉันที่ตอนนั้นคลั่งรักจนไม่ลืมหูลืมตา ต่อจากนี้ไป ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อตัวฉันเองเท่านั้น เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว ทริปเที่ยวทะเลของพวกเขาก็น่าจะใกล้จบแล้วถ้าทุกคนเห็นของขวัญชิ้นให้ที่ฉันมอบให้ แค่นึกถึงสีหน้าของทุกคนในครอบครัวนั้นฉันก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก ทันทีที่ฉันรับโทรศัพท์ เสียงโมโหอย่างบ้าคลั่งของจางฉี่เจิ้งก็ดังมาจากในโทรศัพท์ “เผยจือเวย คุณเปลี่ยนรหัสล็อคประตูแบบนี้หมายความว่ายังไง ถ้าไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้วก็บอกมาเลย”“ใช่ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณอีกต่อไปแล้ว ข้าวของของพวกคุณที่อยู่ในบ้านฉันส่งไปรษณีย์กลับไปให้หมดแล้ว” “ถ้าคุณเล่นสนุกพอแล้วก็รีบกลับบ้าน แล้วมาขอโทษทุกคนในครอบครัว เลี้ยงอาหา

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 8

    ฉันรออยู่ที่สำนักเขตถึงสองชั่วโมงแต่ก็ไม่เห็นจางฉี่เจิ้นมา ขณะที่กำลังจะกลับบ้าน ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ “เวยเวย ระหว่างลูกกับจางฉี่เจิ้นมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมครอบครัวของพวกเขาถึงย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา” สมองฉันแทบจะระเบิด พวกเขาหน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองซะอีก หลังจากพูดปลอบพ่อกับแม่แล้ว ฉันก็รีบขับรถกลับบ้านทันที พอฉันเปิดประตู ก็เห็นแม่สามีกับพ่อสามีกำลังนั่งกินผลไม้บนโซฟา ส่วนพ่อแม่ของฉันโกรธมากจนต้องเข้าไปหลบอยู่ในห้อง ฉันเห็นแล้วก็โมโหจนแทบหายใจไม่ออกแม่สามีเดินเข้า ช่วยรับกระเป๋าของฉันไป “เวยเวยคงลำบากแย่เลย กินข้าวมาหรือยัง แม่ให้คุณป้าทำอะไรให้เธอกินนะ” ฉันขมวดคิ้วแน่น ยังกล้าทำเหมือนบ้านของพ่อแม่เป็นบ้านของฉันจริงๆ “พวกคุณมาที่นี่ทำไม รีบออกไปซะ” เมื่อพ่อตาได้ยินสิ่งที่ฉันพูด ก็โยนถ้วยน้ำลงบนพื้นทันที “เผยขือเวย ไม่เจอกันหลายวัน เธอปากดีขนาดนี้แล้วเหรอ อะไรคือบ้านพ่อแม่ของเธอ พ่อแม่ของเธอไม่มีลูกชายต่อไปก็ต้องเป็นของตระกูลจางของเรา ถ้าจะอยู่ที่นี่ตอนนี้มันจะมีปัญหาอะไร เมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อสามีพูด ฉันก็รู้สึกน่าขำขึ้นมา นี่มันตรรกะโจรประเภทไหนเนี่ย“จางฉ

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 9

    แน่นอนว่าจางฉี่เจิ้นไม่ต้องการออกไปจากบ้านโดยไม่ได้อะไรเลย ดังนั้นเขาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะมาพบฉัน ไม่ใช่มาที่บริษัทของฉันเพื่อส่งดอกไม้ให้ฉัน ก็ส่งซื้อขนมให้ฉัน แต่ทุกครั้งที่เห็นเขาฉันก็จะรู้สึกขยะแขยงและคลื่นไส้ “ที่รัก ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ คุณให้ผมกลับบ้านเถอะนะ” ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคน เขาแสดงออกเหมือนเป็นผู้ชายที่ดี ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าฉันเอาแต่ใจไม่มีเหตุผล และยืนกรานจะหย่าร้าง คิดจะใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ฉันยอมถอย ฝันไปเถอะ “ทำไมน้องสาวคนสนิทคนนั้นของคุณไม่มาด้วยล่ะ ในเมื่อคุณชอบเขา และเขาก็เป็นดวงนำโชคมาให้คุณ แล้วทำไมคุณต้องมาตื๊อฉันด้วย”“ไม่ใช่นะ เฟยเฟยเป็นแค่เพื่อนของผม”ฉันหัวเราะเยาะ “เพื่อนที่ไหนสามารถกอดกันกลมตอนกลางดึกได้ เพื่อนที่ไหนที่ได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยว แล้วให้ภรรยาขับรถไปเอง “ผู้คนรอบข้างต่างมองเขาด้วยสายตาที่แปลกไป จนใบหน้าของจางฉี่เจิ้นแดงก่ำ “ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ตัวว่าตัวเองผิดไปแล้วจริงๆ ผมควรจะรักษาระยะห่างจากเฟยเฟย ผมมันไม่ใช่คน”พบจบเขากำลังจะคุกเข่าต่อหน้าฉัน ขณะนั้นฉันมองเห็นคนวิ่งเข้ามาจากไม่ไกลนัก เรื่องสนุกกำลังจะเริ่ม

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 10

    แม้กระทั่งวันเซ็นใบหย่าก็ไม่ยอมลดละ ฉันร่างกายอ่อนแอมากจนต้องให้เพื่อนพยุงมาถึงสำนักเขต จางฉี่เจิ้นและกู้เฟยเฟยกำลังอุ้มลูกรออยู่หน้าประตู เมื่อมองดูพวกเขาแล้ว เหมือนกับเป็นครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกจริงๆ จางฉี่เจิ้นขมวดคิ้ว ด้วยสีหน้าไม่เต็มใจกู้เฟยเฟยพูดกับเสียวเป่าว่า "จากนี้ไป พ่อจางก็จะเป็นพ่อแท้ๆ ของลูกแล้ว" เธอกอดแขนของจางฉี่เจิ้น ด้วยท่าทางได้ใจ “พี่เวยเวย ฉันต้องขอบคุณคุณที่คุณยอมสนับสนุนพวกเรา รอให้ฉันกับอาเจิ้นแต่งงานกัน ไว้ฉันจะเชิญคุณมาร่วมงานนะ” ฉันตบหน้ากู่เฟยเฟยไปหนึ่งที แล้วเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากของเธอ “คุณทำอะไรห๊ะ เผยจือเวยเธอมันบ้าไปแล้ว”จากนั้นเธอก็หลบอยู่ในอ้อมแขนของจางฉี่เจิ้นและเช็ดน้ำตา “ตอนนี้เรายังไม่ได้หย่ากัน และฉันก็ยังเป็นภรรยาของเขา ภรรยาตบเมียน้อยใครจะว่าอะไรได้” ฉันมองไปที่จางฉี่เจิ้นแล้วมองบน “เร็วเข้าอย่ามัวชักช้าอ้อยอิ่ง ไม่อย่างงั้นคนรักของคุณจะถูกตบอีกแน่” หลังจากที่เราหย่าร้างกัน จางฉี่เจิ้นกับกู้เฟยเฟยก็จดทะเบียนสมรสกันทันที ขณะที่พวกเขาออกมา ฉันกำลังรออยู่ที่ด้านนอกประตู จากนั้นก็ยื่นเอกสารส่งให้จางฉี่เจิ้น แล้วพูดด้

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 11

    ฉันชนะคดี และได้รับเงินคืนทั้งหมด แน่นอนว่าเมื่อคนในครอบครัวของเหยื่อรู้ประวัติความเป็นมาของกู้เฟยเฟย ทุกคนต่างก็มาหาเธอเพื่อขอสินสอดทองหมั้นคืน บอกว่ากู้เฟยเฟยกำลังตั้งครรภ์ จางฉี่เจิ้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขายบ้านเก่าของเขาเพื่อช่วยเธอชำระหนี้ เพื่อนถามฉันว่าฉันสนใจที่จะออกมาทำธุรกิจของตัวเองไหม เมื่อก่อนฉันคิดว่าถ้าทำธุรกิจฉันอาจจะไม่มีเวลาดูแลครอบครัวฉันเลยทิ้งความคิดนั้นไป แต่ตอนนี้ฉันตอบตกลงได้อย่างเต็มปากแล้ว ธุระกิจของฉันกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ฉันได้เรียนรู้การมีความสุขกับชีวิต และทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ ทานข้าวกับเพื่อนเก่า และเราคุยกันถึงชีวิตในปัจจุบันของจางฉี่เจิ้นและกู้เฟยเฟย“พวกเขาเหมาะสมกันอย่างกับผีเน่ากับโรงผุ ต่างคนก็ต่างเป็นหนี้ก้อนโต” “เธอว่าตอนนั้นจางฉี่เจิ้นถูกกู้เฟยเฟยหักหลังขนาดนั้น แต่เขาก็ยังแต่งงานกับเธอ” น้องชายสามีจางฉี่ซิ่งไม่มีเงินไปต่างประเทศ มีคนเล่าว่าเขาหายืมเงินนอกระบบเป็นจำนวนมากเพื่อแสร้งทำเป็นว่าเป็นลูกเศรษฐีรุ่นที่สอง และเป็นหนี้ก้อนโตเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาไปประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหาเงิน หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวครา

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 1

    “เฟยเฟยได้ยินว่าพวกเราจะไปเที่ยวทะเลกัน เลยอยากพาลูกไปกับพวกเราด้วย” “ผมซื้อตั๋วเครื่องบินให้ทุกคนแล้ว เสี่ยวเวยคุณรับผิดชอบเรื่องสัมภาระและขับรถไปนะ พวกเราจะรอคุณอยู่ที่ทะเล”มือของฉันที่กำลังจัดกระเป๋าอยู่ก็หยุดลงทันที จู่ๆ ก็รู้สึกเหลือเชื่อขึ้นมา“คุณหมายความว่ายังไง กู้เฟยเฟยจะไปกับพวกเรา แล้วทำไมต้องให้ฉันขับรถไปเองด้วยล่ะ”“ลูกของเฟยเฟยไม่เคยไปเที่ยวทะเล ผมเลยคิดว่าอย่างงั้นก็ไปด้วยกัน แล้วตอนที่ผมซื้อตั๋วเครื่องบินของคุณตั๋วก็ขายหมดแล้ว”น้องสามีก็บ่นอยากไปทะเลเพื่อเล่นเซิร์ฟบอร์ดในช่วงวันหยุดคริสต์มาส ซึ่งประจวบเหมาะกับเป็นวันหยุดพักประจำปีที่หาได้ยากของสามีฉันจางฉี่เจิ้นพอดีเพื่อเป็นรางวัลให้กับน้องสามีและเพื่อทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุขเราเพิ่งซื้อรถคันใหม่ เลยตัดสินใจว่าจะพาพ่อแม่สามีไปเที่ยวทะเลด้วยในช่วงนี้ ฉันต้องพยายามอย่างหนักในการเตรียมสิ่งของสำหรับเดินทางให้คนครอบครัว ทั้งหาที่พัก และวางแผนการเดินทาง ทั้งจ่ายเงินและยังทุ่มเทแรงกายตอนนี้กู้เฟยเฟยบอกว่าอยากไป เขาเลยมาเปลี่ยนแผนของฉัน“ตอนนั้นผมบอกให้นั่งเครื่องบินไปคุณก็บอกว่ามันแพง ยืนกรานจะขับรถไปเอง

Latest chapter

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 11

    ฉันชนะคดี และได้รับเงินคืนทั้งหมด แน่นอนว่าเมื่อคนในครอบครัวของเหยื่อรู้ประวัติความเป็นมาของกู้เฟยเฟย ทุกคนต่างก็มาหาเธอเพื่อขอสินสอดทองหมั้นคืน บอกว่ากู้เฟยเฟยกำลังตั้งครรภ์ จางฉี่เจิ้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขายบ้านเก่าของเขาเพื่อช่วยเธอชำระหนี้ เพื่อนถามฉันว่าฉันสนใจที่จะออกมาทำธุรกิจของตัวเองไหม เมื่อก่อนฉันคิดว่าถ้าทำธุรกิจฉันอาจจะไม่มีเวลาดูแลครอบครัวฉันเลยทิ้งความคิดนั้นไป แต่ตอนนี้ฉันตอบตกลงได้อย่างเต็มปากแล้ว ธุระกิจของฉันกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ฉันได้เรียนรู้การมีความสุขกับชีวิต และทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ ทานข้าวกับเพื่อนเก่า และเราคุยกันถึงชีวิตในปัจจุบันของจางฉี่เจิ้นและกู้เฟยเฟย“พวกเขาเหมาะสมกันอย่างกับผีเน่ากับโรงผุ ต่างคนก็ต่างเป็นหนี้ก้อนโต” “เธอว่าตอนนั้นจางฉี่เจิ้นถูกกู้เฟยเฟยหักหลังขนาดนั้น แต่เขาก็ยังแต่งงานกับเธอ” น้องชายสามีจางฉี่ซิ่งไม่มีเงินไปต่างประเทศ มีคนเล่าว่าเขาหายืมเงินนอกระบบเป็นจำนวนมากเพื่อแสร้งทำเป็นว่าเป็นลูกเศรษฐีรุ่นที่สอง และเป็นหนี้ก้อนโตเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาไปประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหาเงิน หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวครา

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 10

    แม้กระทั่งวันเซ็นใบหย่าก็ไม่ยอมลดละ ฉันร่างกายอ่อนแอมากจนต้องให้เพื่อนพยุงมาถึงสำนักเขต จางฉี่เจิ้นและกู้เฟยเฟยกำลังอุ้มลูกรออยู่หน้าประตู เมื่อมองดูพวกเขาแล้ว เหมือนกับเป็นครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกจริงๆ จางฉี่เจิ้นขมวดคิ้ว ด้วยสีหน้าไม่เต็มใจกู้เฟยเฟยพูดกับเสียวเป่าว่า "จากนี้ไป พ่อจางก็จะเป็นพ่อแท้ๆ ของลูกแล้ว" เธอกอดแขนของจางฉี่เจิ้น ด้วยท่าทางได้ใจ “พี่เวยเวย ฉันต้องขอบคุณคุณที่คุณยอมสนับสนุนพวกเรา รอให้ฉันกับอาเจิ้นแต่งงานกัน ไว้ฉันจะเชิญคุณมาร่วมงานนะ” ฉันตบหน้ากู่เฟยเฟยไปหนึ่งที แล้วเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากของเธอ “คุณทำอะไรห๊ะ เผยจือเวยเธอมันบ้าไปแล้ว”จากนั้นเธอก็หลบอยู่ในอ้อมแขนของจางฉี่เจิ้นและเช็ดน้ำตา “ตอนนี้เรายังไม่ได้หย่ากัน และฉันก็ยังเป็นภรรยาของเขา ภรรยาตบเมียน้อยใครจะว่าอะไรได้” ฉันมองไปที่จางฉี่เจิ้นแล้วมองบน “เร็วเข้าอย่ามัวชักช้าอ้อยอิ่ง ไม่อย่างงั้นคนรักของคุณจะถูกตบอีกแน่” หลังจากที่เราหย่าร้างกัน จางฉี่เจิ้นกับกู้เฟยเฟยก็จดทะเบียนสมรสกันทันที ขณะที่พวกเขาออกมา ฉันกำลังรออยู่ที่ด้านนอกประตู จากนั้นก็ยื่นเอกสารส่งให้จางฉี่เจิ้น แล้วพูดด้

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 9

    แน่นอนว่าจางฉี่เจิ้นไม่ต้องการออกไปจากบ้านโดยไม่ได้อะไรเลย ดังนั้นเขาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะมาพบฉัน ไม่ใช่มาที่บริษัทของฉันเพื่อส่งดอกไม้ให้ฉัน ก็ส่งซื้อขนมให้ฉัน แต่ทุกครั้งที่เห็นเขาฉันก็จะรู้สึกขยะแขยงและคลื่นไส้ “ที่รัก ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ คุณให้ผมกลับบ้านเถอะนะ” ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคน เขาแสดงออกเหมือนเป็นผู้ชายที่ดี ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าฉันเอาแต่ใจไม่มีเหตุผล และยืนกรานจะหย่าร้าง คิดจะใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ฉันยอมถอย ฝันไปเถอะ “ทำไมน้องสาวคนสนิทคนนั้นของคุณไม่มาด้วยล่ะ ในเมื่อคุณชอบเขา และเขาก็เป็นดวงนำโชคมาให้คุณ แล้วทำไมคุณต้องมาตื๊อฉันด้วย”“ไม่ใช่นะ เฟยเฟยเป็นแค่เพื่อนของผม”ฉันหัวเราะเยาะ “เพื่อนที่ไหนสามารถกอดกันกลมตอนกลางดึกได้ เพื่อนที่ไหนที่ได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยว แล้วให้ภรรยาขับรถไปเอง “ผู้คนรอบข้างต่างมองเขาด้วยสายตาที่แปลกไป จนใบหน้าของจางฉี่เจิ้นแดงก่ำ “ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ตัวว่าตัวเองผิดไปแล้วจริงๆ ผมควรจะรักษาระยะห่างจากเฟยเฟย ผมมันไม่ใช่คน”พบจบเขากำลังจะคุกเข่าต่อหน้าฉัน ขณะนั้นฉันมองเห็นคนวิ่งเข้ามาจากไม่ไกลนัก เรื่องสนุกกำลังจะเริ่ม

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 8

    ฉันรออยู่ที่สำนักเขตถึงสองชั่วโมงแต่ก็ไม่เห็นจางฉี่เจิ้นมา ขณะที่กำลังจะกลับบ้าน ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ “เวยเวย ระหว่างลูกกับจางฉี่เจิ้นมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมครอบครัวของพวกเขาถึงย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา” สมองฉันแทบจะระเบิด พวกเขาหน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองซะอีก หลังจากพูดปลอบพ่อกับแม่แล้ว ฉันก็รีบขับรถกลับบ้านทันที พอฉันเปิดประตู ก็เห็นแม่สามีกับพ่อสามีกำลังนั่งกินผลไม้บนโซฟา ส่วนพ่อแม่ของฉันโกรธมากจนต้องเข้าไปหลบอยู่ในห้อง ฉันเห็นแล้วก็โมโหจนแทบหายใจไม่ออกแม่สามีเดินเข้า ช่วยรับกระเป๋าของฉันไป “เวยเวยคงลำบากแย่เลย กินข้าวมาหรือยัง แม่ให้คุณป้าทำอะไรให้เธอกินนะ” ฉันขมวดคิ้วแน่น ยังกล้าทำเหมือนบ้านของพ่อแม่เป็นบ้านของฉันจริงๆ “พวกคุณมาที่นี่ทำไม รีบออกไปซะ” เมื่อพ่อตาได้ยินสิ่งที่ฉันพูด ก็โยนถ้วยน้ำลงบนพื้นทันที “เผยขือเวย ไม่เจอกันหลายวัน เธอปากดีขนาดนี้แล้วเหรอ อะไรคือบ้านพ่อแม่ของเธอ พ่อแม่ของเธอไม่มีลูกชายต่อไปก็ต้องเป็นของตระกูลจางของเรา ถ้าจะอยู่ที่นี่ตอนนี้มันจะมีปัญหาอะไร เมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อสามีพูด ฉันก็รู้สึกน่าขำขึ้นมา นี่มันตรรกะโจรประเภทไหนเนี่ย“จางฉ

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 7

    ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันพยายามดูแลทุกคนในตระกูลจางอย่างดีที่สุด เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้นฉันต้องทำงานอย่างนัก หลังจากทำงานล่วงเวลาเสร็จก็ยังต้องมาทำอาหารให้ทุกคนในครอบครัวอีก ในทุกๆ วันฉันรู้สึกเครียดมาก ทั้งกลัวว่าจะทำงานผิดพลาด และก็กลัวว่าจะละเลยคนในครอบครัวคำพูดพวกนั้นที่พ่อแม่เคยบอกฉัน ยังคงก้องอยู่ในหู ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เกิดจากฉันที่ตอนนั้นคลั่งรักจนไม่ลืมหูลืมตา ต่อจากนี้ไป ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อตัวฉันเองเท่านั้น เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว ทริปเที่ยวทะเลของพวกเขาก็น่าจะใกล้จบแล้วถ้าทุกคนเห็นของขวัญชิ้นให้ที่ฉันมอบให้ แค่นึกถึงสีหน้าของทุกคนในครอบครัวนั้นฉันก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก ทันทีที่ฉันรับโทรศัพท์ เสียงโมโหอย่างบ้าคลั่งของจางฉี่เจิ้งก็ดังมาจากในโทรศัพท์ “เผยจือเวย คุณเปลี่ยนรหัสล็อคประตูแบบนี้หมายความว่ายังไง ถ้าไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้วก็บอกมาเลย”“ใช่ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณอีกต่อไปแล้ว ข้าวของของพวกคุณที่อยู่ในบ้านฉันส่งไปรษณีย์กลับไปให้หมดแล้ว” “ถ้าคุณเล่นสนุกพอแล้วก็รีบกลับบ้าน แล้วมาขอโทษทุกคนในครอบครัว เลี้ยงอาหา

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 6

    กลุ่มไลน์ครอบครัวของจางฉี่เจิ้งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเป็นระยะๆ ฉันเปิดโทรศัพท์ดู และเห็นว่าเป็นกู้เฟยเฟยที่ส่งรูปภาพของพวกเขาเข้ามาในกลุ่ม ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ต่างพากันแสดงความเห็นว่า จางฉี่เจิ้นเป็นคนกตัญญูรู้ความ ฉันกดเปิดโมเมนต์ไลน์ของกู้เฟยเฟย พบว่าเธอโพสต์รูปภาพหนึ่งรูป “ขอบคุณคุณพ่อที่พาเสียวเป่ามาเที่ยวทะเล และยังได้พักที่โรงแรมหรูระดับห้าดาว...” ดูเหมือนว่าจางฉี่เจิ้นจะกรีดเลือดตัวเอง ให้คนในครอบครัวนี้ใช้เงินเขาไปหลายหมื่น แต่มาลองคิดดูดีๆ เหตุที่เขากล้ายอมทำแบบนี้ก็เพราะว่าเขามีกระเป๋าเงินอย่างฉันอยู่เบื้องหลังเขาไงแม่สามีถามฉันเข้ามาในกลุ่มไลน์ครอบครัว “เสี่ยวเว่ย เธอขับรถถึงไหนแล้ว ทำไมยังไม่ถึงอีก ฉันยังรอถ่ายรูปเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางอยู่นะ”“นั่นสิคะ พี่สะใภ้ ที่นี่แดดแรงมาก ถ้าไม่มีครีมกันแดดผิวฉันโดนแดดจนดำจะทำยังไง” เมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบ แม่สามีก็เลยโทรศัพท์หาฉันโดยตรง “เผยจือเวย เธอขับรถไปไหน ทำไมถึงช้าขนาดนี้” พ่อสามีที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกเข้ามาอย่างอดไม่ได้ “อย่าให้ทุกคนต้องรอนาน พักรถให้มันน้อยๆ หน่อย แล้วรีบขับมาไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว” “ฉัน

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 5

    หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว ฉันจึงเปลี่ยนรหัสล็อคลายนิ้วมือใหม่ และลบลายนิ้วมือก่อนหน้านี้ออกข้าวของของพวกเขาฉันเก็บเรียบร้อยแล้ว และส่งกลับไปให้พวกเขาที่บ้านเกิดโดยเก็บเงินปลายทางจากนั้นฉันก็ติดต่อทนายความเพื่อร่างหนังสือข้อตกลงการหย่าร้าง ตอนนั้นพ่อกับแม่รู้สึกว่าฉันคลั่งรักเขามาก จึงบังคับให้เราเซ็นข้อตกลงก่อนแต่งงาน ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป การกระทำของพวกเขาในตอนนั้นช่างฉลาดมากจริงๆ ทำไมตอนนั้นฉันถึงดูไม่ออกว่าแผนการของพวกเขาทั้งครอบครัวแนบเนียนมากขนาดนี้ ขณะนั้นเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปลายสายเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรม“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง จากการเข้าพักเป็นประจำของคุณ เราได้อัปเกรดห้องพักให้คุณเป็นห้องเพรสซิเดนสูทฟรี หวังว่าคุณจะเข้ามาใช้บริการที่พักเร็วๆ นี้ค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม จางฉี่เจิ้นและครอบครัวของเขาคงยังฝันกลางวันว่าจะได้พักในโรงแรมระดับห้าดาว จริงๆ แล้ว ฉันเพิ่งจองห้องพักหนึ่งห้องให้กับตัวเอง ตอนนี้เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นทำดีกับพวกเขาอีกต่อไป ฉันเรียกรถให้ไปส่งที่สนามบิน และนั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสไปเกาะบาหลี เมื่อฉันมาถึง โทรศัพท์

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 4

    มองดูเวลา ก็ดึกมากแล้ว คาดว่าทุกคนในบ้านน่าจะเข้านอนกันหมดแล้วตอนที่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันอะไรก็ดีไปหมด แต่ตอนนี้ แม้แต่โทรศัพท์มาแสดงความห่วงใยยังไม่มี ฉันเปิดประตูห้องเข้ามา ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นในห้อง“อร้าย จางฉี่เจิ้นฉันกลัวจังเลยค่ะ”ฉันเองก็ตกใจเสียงกรี๊ดนั้นเหมือนกัน และรีบเปิดไฟทันที จากนั้นก็เห็นกู้เฟยเฟยอยู่ในอ้อมกอดของจางฉี่เจิ้น พร้อมกับร้องไห้น้ำตาไหล เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ฉันโมโหจนเลือดขึ้นหน้า พร้อมกับเดินเข้าไปตบที่ใบหน้าของกู้เฟยเฟยโดยไม่สนใจอะไร กู้เฟยเฟยตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ร้องไห้น้ำตาไหลออกมาจางฉี่เจิ้นเห็นกู้เฟยเฟยถูกกระทำ จึงรีบปกป้องเธอทันที“เผยจือเวย คุณบ้าไปแล้วหรือไง พวกเราสองคนแค่รอคุณจนเบื่อก็เลยหาหนังสักเรื่องดู ใครจะไปรู้ว่าเป็นหนังผี”“คุณเปิดประตูเข้ามาทำให้เฟยเฟยตกใจ เธอถึงได้โผล่เข้ามาหลบในอ้อมแขนของผม”“แต่ดูหนังยังกอดกันกลมขนาดนี้ แล้วถ้าฉันไม่กลับมา พวกคุณไม่นอนด้วยกันเลยเหรอ”คุณไม่สนใจถามไถ่ฉันสักคำแต่กลับมาปิดไฟดูหนังด้วยกันกับน้องสาว ลองออกไปให้คนอื่นตัดสินดูไหมจางฉี่เจิ้นโมโหจนหน้าแดงไปถึงคอ “คุณ...ตอนนี้คุณ

  • เที่ยวกับครอบครัว คู่รักวัยเด็กมีตั๋วทำไมฉันต้องขับรถ   บทที่ 3

    ฉันขมวดคิ้ว เตะเก้าอี้ออก ได้ยินเสียงดังปังจางฉี่เจิ้นรับรู้ถึงความผิดปกติของฉัน จึงรีบวางชั้นวางลง“ผมรู้ว่าคุณไม่พอใจ แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว คุณอย่าทำนิสัยเหมือนเด็กได้ไหม”“ตอนที่จองโรงแรมคุณบอกว่าอยากพักโรงแรมห้าดาวไม่ใช่เหรอ เราไม่ต้องประหยัดเงินแล้ว รีบเปลี่ยนเลย”ฉันหัวเราะในใจ ยังคิดจะเอาเปรียบฉันอีกงั้นเหรอ “ได้ สามีคุณแน่มาก”แต่วินาทีต่อมา จางฉี่เจิ้นก็ได้รับข้อความจากธนาคาร“เผยจือเวย คุณใช้บัตรของผมจ่ายเงินมากมายขนาดนี้ได้ยังไง...”“คุณบอกว่าอยากพักโรงแรมห้าดาวไม่ใช่เหรอ”“ฉันก็ยอมให้คุณพักแล้วไง แต่ใครบอกว่าจะให้คุณใช้เงินในบัตรของฉัน”ฉันหัวเราะดังลั่น “ฉันจะพักที่ไหนใช้เงินเท่าไหร่ต้องให้คุณอนุญาตด้วยเหรอ ได้เงินเดือนแค่เดือนละหนึ่งหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทจะแสร้งทำเป็นรวยทำไม”เมื่อจางฉี่เจิ้นได้ยินสสิ่งที่ฉันพูด ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที “คุณหมายความว่ายังไง” ตั้งแต่แต่งงานมา เงินของเราทั้งสองคนแบ่งเป็นระบบ AB มาตลอด ส่วนของฉัน A ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในครอบครัว B คือค่าใช้จ่ายเพื่อเอาใจทุกคนในครอบครัวถ้าไม่มีฉัน ครอบครัวของเขาคงอดตายไปแล้ว ใช้ชีวิตสุขสบายมา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status