“คุณชายซือ.......คุณชายซืออยู่หนายค๊า.............” เสียงหวานดังขึ้นข้างร่างหนาสูงใหญ่ของต้าฉิน บอดี้การ์ดมือขวาของซือมู่อัน เขาเหลือบมองใบหน้าสวยที่มีเครื่องสำอางหนาเตอะเคลือบอยู่ ก่อนที่จะส่ายใบหน้าหล่อไปมา เขาเอือมระอากับสาวๆที่หวังจะขึ้นเตียงกับเจ้านายของเขาจริงๆ เธอคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เอาแต่ร่ำร้องเรียกชื่อเจ้านายของเขา ร่างสูงค่อยพยุงร่างบางไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ที่ผับแห่งนี้ก่อนที่จะพาเธอขึ้นรถและพาขับออกไปจากผับแห่งนี้อย่างรวดเร็ว หน้าที่ของเขาคือส่งหญิงสาวให้ถึงที่พักอย่างปลอดภัย
ทางด้านซือมู่อันกับจางหลงก็พากันกลับไปที่โรงแรม จางหลงโทรไปตามหญิงสาวที่เขาติดต่อไว้ให้เจ้านายของตนแล้ว เธอเป็นนางแบบหน้าใหม่ของเมืองแอล ค่าตัวของเธอไม่ถือว่าต่ำหรือสูงมากนัก แต่ถ้าหากถูกใจเจ้านายของเขาแล้ว เธอจะได้สมน้ำสมเนื้อแน่นอน ผู้หญิงที่เขาติดต่อมาให้เจ้านายนั้นล้วนแล้วแต่เต็มใจมาด้วยกันทั้งสิ้น นั่นก็เพราะความร่ำรวยและหล่อเหลาของคุณชายเย็นชาผู้นี้ ร่างสูงอาบน้ำเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำ ร่างหนามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้นที่ห่อหุ้มร่างกายที่สวยงามของเจ้าตัวเอาไว้ ประตูห้องถูกเปิดออกโดยบอดี้การ์ดมือซ้ายของตน ก่อนที่ร่างบางสูงเพรียวเดินตามเข้ามาอย่างไม่เขินอายเพียงแต่มีความประหม่าเท่านั้น จางหลงใช้มือหนาเคาะที่ประตูห้องนอนของผู้เป็นเจ้านาย ก๊อก... ก๊อก...ก๊อก..... “เชิญ” น้ำเสียงเข้มดังออกมาจากด้านในของห้องนอน สาวสวยแอบตกใจเล็กน้อย เธอรับงานแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เธอยังไม่เคยเจอผู้ชายเย็นชาแบบเขาเลยสักคน ทำเอานางแบบสาวอดที่จะประหม่าไม่ได้ ประตูถูกเปิดออกโดยบอดี้การ์ดหนุ่ม เขาทำข้อตกลงและความเข้าใจกับนางแบบสาวก่อนหน้าที่จะพาเธอมาส่งให้เจ้านายของเขาเรียบร้อยแล้ว จึงไม่จำเป็นที่เจ้านายของเขาต้องคุยกับเธออีก ร่างบางอดที่จะตะลึงในความหล่อเหลาของชายหนุ่มในห้องไม่ได้ มัดกล้ามและซิกแพกทำให้นางแบบสาวใจสั่นด้วยความตื่นเต้น “เริ่มเลยสิ” ซือมู่อันบอกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น นางแบบสาวเริ่มที่จะถอดชุดแซ็กเซ็กซี่ที่สวมใส่มาออกจากร่างกายของตน หน้าอกที่ทำการศัลยกรรมมาได้สองปีแล้ว กำลังเปิดเผยต่อหน้าของชายหนุ่ม เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับสิ่งที่เห็น และเขาทำได้แค่นั่งมองเท่านั้น สาวสวยถอดชุดออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วจนเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่า ซือมู่อันดึงผ้าเช็ดตัวออกก่อนที่จะนอนลงไปบนเตียงเพื่อให้สาวสวยนั้นเริ่มทำงาน นางแบบสาวรู้หน้าที่จึงคลานขึ้นเตียงด้วยร่างกายอันเปล่าเปลือย ดวงตาเรียวยาวตามสไตล์สาวหมวยนั้นเบิกกว้าง มือบางยื่นไปกอบกุมแท่งเอ็นร้อนของชายหนุ่มที่นอนอยู่ก่อนที่จะชัดขึ้นลงอย่างช้าๆ เพียงไม่นานแท่งเอ็นร้อนของซือมู่อันก็ตั้งตระหง่านพร้อมรบ สาวสวยแลบลิ้นเลียตั้งแต่โคนจรดปลายหัวเห็ด และเริ่มดูดดึงอย่างช้าๆและเร่งจะหวะให้เร็วขึ้นตามระดับอารมณ์ เสียงครางดังออกมาจากปากสีกุหลาบ “อ๊า............อืม.............ดี......” นางแบบสาวพอใจกับคำชมจึงดูดดึงและเลียแท่งเอ็นของเขาราวกับหิวโหย มือหนากุมผมสีบรอนด์ของนางแบบสาวก่อนที่จะกดขึ้นลงเป็นจังหวะ “อ๊อกๆๆ......อือ...อ๊า...” น้ำเสียงอาเจียนดังมาจากริมฝีปากสีแดงสด เวลามีเซ็กส์เขาไม่นิยมจูบปาก เพราะเขาไม่ชอบสีลิปสติกและกลิ่นปากของคู่นอน ร่างบางถูกผลักให้นอนลง ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปหยิบเครื่องป้องกันมาสวมใส่ นางแบบสาวมองการกระทำของเขาอย่างตื่นเต้น พอสวมเสร็จเขาก็จับขาเรียวของนางแบบสาวให้อ้าออก ก่อนที่ตนจะแทรกร่างหนาไประหว่างกลาง มือหนาจับแท่งเอ็นร้อนของตนถูขึ้นลงบริเวณช่องทางรักของนางแบบสาวที่เฉิ่มเยิ้มไปด้วยน้ำสวาทที่หลั่งออกมาจากร่างกายเธอ เขาไม่เล้าโลมให้เสียเวลา พอกดแท่งเอ็นลงไปเพียงครั้งเดียวก็เข้าไปจนสุดอย่างง่ายดาย ซึ่งบ่งบอกว่านางแบบสาวใต้ร่างนี้คงผ่านงานแบบนี้มาโชกโชนทันทีที่ส่งแท่งเอ็นร้อนของตนเข้าไปจนสุดโพรงของนางแบบสาว ซือมู่อันก็เริ่มที่จะขยับสะโพกหนาของตนเข้าออกอย่างแรง และเป็นจังหวัดหนักหน่วง จนคนใต้ร่างร้องครวญครางออกมากับบทรักที่ไม่หอมหวานเลยสักนิด เขากระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างไม่ปรานี เสียงครางหวานดังปะปนกับเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้องนอน “ตับๆๆๆ ..........อ๊าอ๊าอ๊ะอ๊า.............ตับๆๆๆๆๆ.............อื้ออ๊าคุณชายซือขา............อ๊า............” ซือมู่อันฟังเสียงครางของเจ้าหล่อนอย่างพอใจก่อนที่จะพลิกร่างบางให้นอนคว่ำหน้า มือหนาจับไปที่บั้นท้ายงอนของนางแบบสาวให้โก่งโค้งขึ้น ก่อนที่เขาจะสอดแทรกแท่งเอ็นร้อนที่ยังแข็งขึงเข้าไปในช่องทางรักจากด้านหลัง มือหนาสองข้างจับสะโพกทั้งซ้ายและขวาเอาไว้“อืม............ตับๆๆๆๆๆ ........อ๊า..............โอ้ว.............ตับๆๆๆๆ .............” “โอ้ว..........อืม................ตับๆๆๆ .............อา..................................” เสียงครางปนเสียงครางกระเส่าของชายหญิงดังขึ้นไม่ขาดสาย นางแบบสาวหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระแทกที่ถูกส่งไปจากทางด้านหลัง มือหนาจับยึดสะโพกกลมกลึงไว้มั่น ก่อนที่จะอัดกร
“ตับๆๆๆ ...............ตับๆๆ ...........ซี๊ดอ๊า...............อืม............อ๊าก.........................”เขากระแทกความเป็นชายเข้าไปหลายอีกหลายครั้งจนร่างหนาเกร็งกระตุกเสียงครางยาวจากร่างหนาดังขึ้นจากปากบางสีกุหลาบ ก่อนที่แก่นกายจะพ่นพิษออกมาเต็มถุงยางอนามัย เขาทำนางแบบสาวถึงจุดสุดยอดไปพร้อมกับเขานับครั้งไม่ถ้วน ทำเอานางแบบคนสวยนอนแผ่อวดร่างกายขาวผ่องไปบนเตียงนอนอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง จากนั้นร่างหนาก็ผละออกจากร่างบางของนางแบบสาวก่อนที่จะถอดถุงยางอนามัยทิ้งลงไปในถังขยะที่อยู่ในไม่ไกลเตียงนอนสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มเดินจากร่างบางไปอย่างไม่แยแส เขาอาบน้ำชำระล้างคาวโลกีออกจากร่างกายเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำมาโดยที่ตอนนี้สวมกางเกงนอนขายาวแต่ยังคงโชว์ให้เห็นแผงอกอันหนั่นแน่น นางแบบสาวเริ่มขยับตัวก่อนที่จะยันกายลุกขึ้น เธอส่งตาหวานเยิ้มไปให้เขา ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอชักจะติดใจรสรักของเขาซะแล้วสิ แต่เธอก็ต้องยอมรับในข้อตกลงคือเขาจะไม่กินใครซ้ำ ไม่ว่าจะลีลาเด็ดดวงขนาดไหนก็ไม่เคยมีใครได้กลับขึ้นเตียงกับคุณชายซืออีกเลย ส่วนใครที่ไม่ทำตามข้อตกลงก็มักจะถูกเขาจัดการอย่างขั้นเด็ดขาด จนหมดอนาคตในหน้าที่ก
เวลาผ่านไปไม่นาน ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของทั้งสามสาวก็เป็นไปอย่างราบรื่น หลิวถิงถิงนั้นได้รับเงินค่าใช้จ่ายจากผู้มีอุปการคุณมาสองเดือนแล้ว แต่เธอนั้นไม่เคยเจอเขาตัวจริงเลยสักครั้ง เพราะส่วนมากเงินจะถูกโอนมาทาง Banking ออนไลน์ เธอเองก็ไม่ได้คาดหวังที่จะเจอกับเขา เพียงแต่ฟังจากเพื่อนๆ เล่ามาเธอก็อดที่จะอยากเห็นเขาไม่ได้ วันนี้เธอจึงตัดสินใจเข้าไปในอินเทอร์เน็ตเพื่อเสิร์ชดูชื่อของชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่า สามีแห่งเมืองแอล มือบางเลื่อนดูรูปของผู้อุปการะ ที่มีหลากหลายอิริยาบถ เธอเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่นชอบผู้ชายที่หน้าตาดี แต่สำหรับเธอแล้วดีแค่หน้าตาไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ “ดูอะไรอยู่อะ” เสียงของจ้าวซือซือดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้สาวสวยสะดุ้ง จนจ้าวซือซืออดที่จะมองเธอด้วยแววตาสงสัย “ปะ..เปล๊า....” เสียงสูงดังมาจากปากบาง “แน่ะ เสียงสูงเชียว ถิงถิงเธอโกหกไม่เนียนเลยรู้เปล่า ไหนดูอะไรอยู่ขอฉันดูหน่อย” จ้าวซือซือบอกพร้อมกับยื่นใบหน้าสวยเฉี่ยวเข้ามาใกล้หลิวถิงถิง มือบางรีบคว้ามือของเพื่อนรักเอาไว้ก่อนที่จะร้องกรี๊ดและทำตาโต“กรี๊ด...............ยัยถิงถิงแอบดูรูปผู้ชาย ที่สำคัญเป็นผู
ณ ตึกที่สูงที่สุดในเมืองแอล ร่างสูงกำลังยืนตรงอย่างสง่างาม สายตาคมทอดมองลงไปยังท้องถนนด้านล่างผ่านกระจกใสๆ เขากำลังครุ่นคิดบางอย่างที่ใครๆ ก็ไม่อาจเดาได้ แม้แต่บอดี้การ์ดสองคนที่สนิทกับเจ้านายที่สุดก็เช่นกัน ทั้งต้าฉิน และจางหลงนั้นเข้ามายืนอยู่ข้างในห้องได้เกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่คุณชายของพวกเขาก็ยังไม่สั่งการอะไรสักที ซึ่งมันไม่ปกติ สองบอดี้การ์ดหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะเกี่ยงกันดึงสติคุณชายให้กลับมา “แกดิ ต้าฉิน คุณชายชมแกบ่อยๆ” จางหลงเอ่ยขึ้นเบาๆ “แกดิ ทำงานถูกใจคุณชายที่สุด รับรองโดนด่าน้อยสุด” ต้าฉินกระซิบกระซาบ แต่มีหรือที่คนรสสัมผัสและการได้ยินไวอย่างคุณชายซือจะไม่ได้ยินที่สองหนุ่มบอดี้การ์ดเกี่ยงกัน “พอทั้งคู่แหละ ฉันเรียกมาเพราะอยากจะถามว่าเด็กในอุปการะของฉันกำลังทำอะไรอยู่ แล้วที่มหาวิทยาลัยมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” คำตอบราบเรียบของซือมู่อันทำให้สองหนุ่มต่างตะลึงกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณชายของเขาสนใจอะไรในตัวเด็กสาวคนนั้นกันนะ ถึงขนาดอยากจะรู้ว่าทำอะไรอยู่ หรือมีปัญหาอะไรไหม “อะเอ่อ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้ให้ครับ” ต้าฉินเป็นฝ่ายเสนอตัว ถึงแม้จะยังงงๆ กับพฤติกรรมคุณช
ณ บ้านสองชั้นที่เมื่อก่อนนี้เคยอบอุ่น และร่ำรวยไปด้วยสมบัติมากมายจากบรรพบุรุษ แต่ต้องมาจบลงที่ทายาทรุ่นนี้ นั่นก็คือหลิวหยาง ผู้ที่เป็นบิดาของหลิวถิงถิงนั่นเอง เพราะความไม่เอาไหน หลังจากภรรยาเสียชีวิตก็เอาแต่เคล้าสุรานารี จนได้เจอกับหยินเยว่ ซึ่งเป็นภรรยาคนปัจจุบัน แทนที่จะพากันรุ่งเรืองกลับพากันตกต่ำลงไปเรื่อยๆ สมบัติที่เคยมีก็ถูกหยินเยว่เป่าหูให้ขายจนหมด ยังดีที่ยังเหลือบ้านหลังนี้ไว้ซุกหัวนอน ก่อนหน้านี้ยังได้หลิวถิงถิง ที่เป็นฝ่ายหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่ตอนนี้บุตรสาวนั้นได้ปลีกตัวออกไปอยู่ลำพังในรั้วมหาลัยได้สองเดือนแล้ว ไม่รู้ว่านังลูกทรพีมันเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อ “พี่หยาง ฉันหิวเนี่ย ยัยซือเยว่ก็ไม่มีเงินจะไปโรงเรียนแล้วด้วย เมื่อไหร่นังลูกสาวพี่มันจะกลับบ้านเอาเงินมาให้พี่ซื้ออะไรกินสักที มันหายไปจะเป็นเดือนแล้วนะพี่ เงินที่มันทิ้งไว้ให้ก็ร่อยหรอจนเกือบจะหมดแล้วเนี่ย” หยินเยว่บ่นถึงลูกเลี้ยงตัวดีกับสามีไม่เอาไหน “แล้วนี่ไอ้ตงตงมันหางานทำได้หรือยัง วันวันสร้างแต่หนี้ มีลูกแต่ละคน บัดซบสิ้นดี” หลิวหยางอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ เขาโทษแต่ลูกๆ แต่ไม่เคยโทษตนเองเลยที่เป็นหัวหน้
กริ๊ง...กริ๊ง.......กริ๊ง............ เสียงสมาร์ทโฟนของหัวหน้านักเลงดังขึ้น เขามองเบอร์ที่ไม่คุ้นก่อนที่จะรับสาย“ฮัลโหล มึงเป็นใคร” เสียงกร้าวกรอกไปในสาย“กูเอง จางหลง” สิ้นเสียงเหี้ยมของจางหลง หัวหน้านักเลงคุมบ่อนก็อ่อนเสียงลงทันที “อ้อ..เอ่อ พี่จางเองหรอครับ พี่โทรมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงนอบน้อมดังขึ้นทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร “ไอ้คนตรงหน้ามึงตอนนี้มันเป็นหนี้บ่อนนายมึงเท่าไหร่” จางหลงเอ่ยถามขณะที่สายตายังจับจ้องคนกลุ่มนั้นอยู่โดยไม่ละสายตา เขาโทรรายงานคุณชายซือแล้ว คุณชายซือบอกให้เขาใช้หนี้ให้หลิวตงตง แล้วพามันไปหาคุณชายที่บ้านหลังเล็กที่อยู่นอกเมือง “เอ่อ พี่จางรู้จักไอ้หมอนี่ด้วยหรอครับ” หัวหน้านักเลงเอ่ยถามด้วยความสงสัย คนกระจอกอย่างหลิวตงตงจะไปรู้จักกับมือซ้ายของคุณชายซือผู้มีอิทธิพลอันดับหนึ่งของเมืองแอลได้อย่างไรกัน “เอาเป็นว่าไอ้คนตรงหน้าแกมันเป็นของคุณชายซือ แกรู้เท่านี้พอ” สิ้นเสียงของจางหลงหัวหน้านักเลงก็ไม่ถามต่อ ก่อนที่จะบอกยอดหนี้จำนวน5หมื่นหยวนเท่านั้น จางหลงส่งลูกน้องให้มาพาตัวพี่ชายของหลิวถิงถิงมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยเขาไม่ได้เป็นฝ่ายลง
หลังจากที่จัดการพี่ชายของหลิวถิงถิงได้แล้ว ซือมู่อันกับบอดี้การ์ดก็พากันมุ่งหน้ากลับบ้านหรูหรือเรียกว่าคฤหาสน์ก็ไม่ผิด เพราะตั้งอยู่ในอาณาจักรอันกว้างขวางของตระกูลซือ หากเป็นเมื่อก่อนครอบครัวของเขายังมีความสุขดี จนมาสูญเสียบิดาไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เขาต้องสืบทอดตระกูลซือมาตั้งแต่อายุ28ปี ชายหนุ่มต้องเป็นทุกอย่างให้กับมารดาและตระกูล“กลับมาแล้วหรือมู่อัน” เสียงจากหญิงสูงวัยดังมาจากห้องรับแขก“ครับ แม่กำลังทำอะไรอยู่ครับ” ซือมู่อันเดินไปโอบกอดมารดาด้วยความรัก หญิงรับใช้มองมาที่เขาด้วยสายตาชื่นชม ถึงจะดูเย็นชา แข็งแกร่ง และดูน่าเกรงขามต่อหน้าคนอื่น แต่สำหรับมารดาแล้ว คุณชายซือก็เหมือนกับเด็กน้อยวัยสิบขวบในตอนนั้นไม่มีผิด “แม่กำลังรอลูกอยู่” ซือหลินซู่เอ่ยขึ้นขณะที่ยังโอบกอดบุตรชายที่รักอยู่ “รอผม แล้วแม่ทานข้าวหรือยังครับ” ซือมู่อันถามมารดาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ทานแล้วล่ะ แต่แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับลูก” คุณนายหลินซู่เอ่ยขึ้นขณะที่ใช้มือเหี่ยวย่นลูบใบหน้าหล่อเหลาของบุตรชาย เขามีใบหน้าหล่อเหลาคล้ายๆกับบิดาไม่ผิดเพี้ยนเท่าใดนัก“แม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรือครับ” ซือมู่อันเอ่ย
“พ่อของฉันบอกแบบนี้หรอ!!!” หลิวถิงถิงแทบจะตะโกนใส่หน้าของแม่เลี้ยง “ใช่ ก็แกเคยเป็นคนหาเงินให้ครอบครัว พอแกเข้ามหาวิทยาลัยแกก็แยกตัวออกมาไม่ดูดำดูดีพวกฉัน แบบนี้แกกลับไปอยู่ที่บ้านดีกว่า จะได้ช่วยหาเงินเข้าบ้านด้วย แกรู้หรือเปล่าตอนนี้ที่บ้านแทบจะไม่มีอะไรจะกินกันอยู่แล้ว” หยินเยว่ไม่สนใจสายตาที่ดูถูกมองมาเลยแม้แต่น้อย เพราะยังไงเธอก็ไม่ได้อายคนเดียว นังเด็กนี่ต้องอับอายไปกับเธอด้วย“ไม่มีมือมีตีน อุ้ย เท้า กันแล้วหรือไงคะคุณป้าถึงได้มาบังคับให้ลูกสาวคนอื่นเค้าออกไปหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง” จ้าวซือซือพอได้ยินว่ามีคนมาหาหลิวถิงถิง เธอจึงรีบตามมาและได้ยินนักศึกษาที่เดินผ่านคุยกันเรื่องของเพื่อนสนิทเธอพอดี หยินเยว่หันไปมองคนที่มาใหม่อย่างโมโห “แกมันคนนอกมาเกี่ยวอะไรด้วย แม่ลูกเค้าจะคุยกัน” หยินเยว่ตวาดใส่จ้าวซือซือ “หึๆ แม่งั้นหรอ นางมารร้ายในคราบแม่เลี้ยงล่ะสิไม่ว่า ถิงถิงมันลำบากกับพวกป้ามานานเท่าไหร่แล้ว อีกอย่างเงินเรียนมหาวิทยาลัยนี้ มันก็ไม่ได้เอาเงินป้ามาเรียนด้วย เพราะฉะนั้นมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยจ้ะ” จ้าวซือซือเบะปาก ก่อนที่จะพูดความจริงออกมา คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างอยากร
“ยินดีด้วยนะลี่หลิน คุณจางหลง ในที่สุดก็จะลงเอยกันเสียที” เจ้าของร้านคนสวยเอ่ยแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวทันทีที่เห็นคู่รักเดินเข้ามาในงานเลี้ยงขนาดเล็กภายในร้านของเธอ วันนี้ร้านของเธอปิดทำการขายหนึ่งวัน และได้นำขนมบางส่วนไปให้เด็กๆ ตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ทาน ส่วนสามีสุดหล่อแถมสายเปย์ก็มอบทุนการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสในนามของตระกูลซือ“จ้ะ ขอบใจเธอมากนะที่ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน” ลี่หลินเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมาจับมือเพื่อนสาวคนสวยที่ราศีคุณนายจับ ผิวขาวเนียนผุดผ่องตามประสาคนไม่ค่อยโดนแสงแดด“มันเป็นพรหมลิขิตมากกว่า จริงไหมคะคุณจางหลง” ซือถิงถิงเอ่ยออกมาพร้อมกับเอ่ยถามบอดี้การ์ดมือซ้ายของสามีหนุ่มยิ้มๆ “ใช่ครับคุณนาย” จางหลงตอบพร้อมยิ้มกว้างออกมา ‘อันที่จริงก็เพราะคุณนายหนีไปทำงานที่เมืองเอ็มอยู่กับลี่หลินนั่นแหละครับผมถึงได้เจอเธอ’ จางหลงคิดในใจหากแต่เขาไม่พูดออกมาเพราะการหนีไปครั้งนั้นของเธอทำให้คุณชายซือผู้ที่เคยเย็นชาของเขากลับกลายเป็นคุณชายซือผู้คลั่งรักและแสนอบอุ่นกับภรรยาและลูกๆ ทั้งสองในวันนี้ สองหนุ่มสาวทักทายเจ้าของร้านคนสวยอยู่สักพักก่อนที่จะเข้าไปเล่นกับคุณชายน้อยและคุณหนูน้
5 ปีผ่านไป สองแฝดน้อยเติบโตมาเป็นเด็กดี และด้วยไอคิวและอีคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไปเลยทำให้ทั้งสองเด็กน้อยถูกเรียกว่าเด็กอัจฉริยะ ทั้งลู่ชิงและลู่เหลียนต่างเป็นที่รักของครอบครัว ครูอาจารย์และเพื่อนๆ ทั้งชั้นเรียน เพราะความเก่ง ฉลาด และมีนิสัยน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ถือว่าตนอยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่หรือสูงส่ง ลู่ชิงและลู่เหลียนมีเพื่อนตั้งแต่ตระกูลธรรมดาไปจนถึงลูกเจ้าของบริษัท“แม่ครับ วันนี้ผมขอไปเตะบอลกับต้าเฟยนะครับ” เสียงเล็กๆ ของบุตรชายเอ่ยดังขึ้นหลังจากกลับมาจากโรงเรียน ต้าเฟยคือบุตรชายของต้าฉิน กับหลินหลิน ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานและมีลูกในทันทีทำให้สองเด็กน้อยมีอายุห่างกันแค่สิบเดือนเท่านั้น“แล้วลู่เหลียนจะไปอยู่ไหนล่ะคะพี่ลู่ชิง” น้องสาวที่คลอดห่างกันไม่กี่นาทีเอ่ยถามพี่ชายขึ้นเพราะต้าเฟยนั้นก็เป็นผู้ชาย เด็กวัยเดียวกันกับเธอนั้นไม่มีเลย มีก็แต่น้องซูหนี่ว์ บุตรสาวของคุณน้าซือซือ ซุปตาร์สาวเพื่อนของมารดาที่อายุน้อยกว่าเธอไปถึงสามปี น้องเพิ่งจะได้สองขวบ เพราะคุณน้าซือซือเพิ่งตกลงแต่งงานกับคุณลุงเจียอีที่ตามจีบคุณน้ามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย “เอาอย่างนี้ไหมคะลูก เดี๋ยวลู่เหลียนไปที
“ชอบเขาหรอวะจางหลง” ต้าฉินโพล่งถามขึ้นมาทันที จางหลงที่ยกน้ำขึ้นมากระดกพอดีน้ำแทบจะพุ่งพรวดออกจากปาก มือหนายกขึ้นมาเช็ดปากก่อนที่จะหันขวับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของไอ้เพื่อนสนิท “เออ...ว่าแต่อาการของข้ามันมองออกขนาดนั้นเลยหรอวะ” จางหลงเอ่ยถามขึ้นเสียงหลง “มาก ไม่ค่อยแสดงออกเลยฮ่าๆๆ” “เออ..ใครมันจะไปเก็บความรู้สึกเก่งแบบแก ระวังเถอะ ระวังสุนัขคาบไปรับประทาน แม่นักข่าวสาวเพื่อนสนิทของแกน่ะ” จางหลงไม่ยอมให้เพื่อนมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียว เลยเอาความลับที่รู้มาแขวะเพื่อนกลับไปเช่นกัน ต้าฉินมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างตกใจ “เฮ้ย!! แล้วแกรู้ได้ไงวะ ฉันไม่เคยแสดงออกเลยนะ” ต้าฉินอุทานพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัยปนตกใจ “ก็แกน่ะคบผู้หญิงสักคนที่ไหน ก็เห็นจะมีแต่หลินหลินคนเดียวที่แกคุยด้วย โถ่!! ไอ้ต้าฉินอย่าคิดว่าแกถือไพ่เหนือกว่าคนเดียวสิวะ ขนาดเรื่องนี้คุณชายยังรู้เลยฮ่าๆๆๆ” จางหลงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ต้าฉินตาเบิกโพลงเขาไม่คิดว่าคุณชายผู้ที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ แต่ดันมารู้เรื่องของหัวใจที่เขาปิดบังเอาไว้สองหนุ่มหยอกล้อกันระหว่างที่นั่งคุมเชิงอยู่หน้าห้องพักฟื้นVVIPของคุณนายซือ
หกเดือนต่อมา และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงวันที่สองแฝดน้อยได้กำหนดการในการลืมตามาดูโลก คุณนายใหญ่ดูจะเป็นผู้ที่ตื่นเต้นกว่าใครทั้งหมด ด้วยยังไม่รู้ว่าหลานๆ ของตนนั้นเป็นเพศไหน เพราะทั้งบุตรชายและสะใภ้ต่างอยากจะรอลุ้นในวันคลอดทีเดียว ผู้เป็นย่าจึงทำได้แค่เพียงรอคอยและเตรียมชื่อไว้ให้สองแฝดเท่านั้น ซือมู่อันตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขาคอยทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ภรรยาสาวมาเป็นอย่างดี แถมเขายังงดเรื่องบนเตียงมาได้เกือบสามเดือนแล้ว เนื่องจากกลัวว่าจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกน้อยทั้งสอง ซือถิงถิงเคยพูดเล่นให้เขาไปทำแบบเดิมช่วงที่เธอไม่สามารถมอบความสุขให้เขาได้ แต่ผู้ชายแบบเขาก็ไม่มีทางผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับภรรยาเด็ดขาด เขาเลือกที่จะช่วยตนเองและออกกำลังกาย แทนการไปปลดปล่อยกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน “สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะพี่ตงตง ถิงถิงเข้าห้องคลอดไปนานหรือยังคะ” เสียงหวานจากซุปตาร์สาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนี้เอ่ยทักทายครอบครัวของเพื่อนสนิท ก่อนที่จะถามถึงเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “อ้าว สวัสดีจ้ะหนูซือซือ เข้าไปได้สักพักแล้วจ้ะ เห็นว่าจะคลอดเองนะ แม่ก็อดท
หลิวถิงถิงเขินจนหน้าแดง ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของสามีหนุ่มอย่างหมั่นไส้ และหันไปมองสองบอดี้การ์ดหนุ่มข้างหลังก็พบว่าคนทั้งคู่กำลังมองไปทางอื่นเลยถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้สึกโล่งใจที่สองบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ทันเห็น แต่หารู้ไม่ว่าริมฝีปากหนาของทั้งจางหลงและต้าฉินยกยิ้มขึ้นมาอย่างขบขันเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่แผนกบัญชีและการเงิน ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้ก็เดินออกมาจากลิฟต์อย่างสง่างาม พร้อมด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างจางหลงที่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับคุณนายซือ สี่สาวและสองหนุ่มมองมาที่หญิงสาวในสถานะใหม่อย่างตกตะลึง ก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินออกมายืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานเพื่อต้อนรับคุณนายซือ“สวัสดีค่ะพี่จินหยูและพี่ๆ ทุกคน สบายดีกันไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ผู้จัดการแผนกมองไปที่หญิงสาวที่มีรูปร่างอวบอิ่มอย่างตื่นเต้นและดีใจ“พี่สบายดีค่ะ น้องถิงถิง เอ่อ...คุณนายซือก็สบายดีใช่ไหมคะ” หญิงสูงวัยกว่าทักทายกลับก่อนที่จะเอ่ยถามภรรยาของท่านประธาน“เรียกว่าถิงถิงเหมือนเดิมก็ได้ค่ะพี่จินหยู พี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ”“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้น้องถิงถิง..เอ
เรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่านอนกอดก่ายอยู่บนเรือนร่างหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสามีหมาดๆ เปลือกตาบางหลับพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากผ่านค่ำคืนที่บ่งบอกว่าเธอและเขาคือคนคนเดียวกันโดยสมบูรณ์ วงแขนอบอุ่นโอบกอดเธอเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เธอจากไปไหน แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องเป็นการเตือนว่าเช้านี้ทั้งสองชีวิตได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่อย่างแท้จริงแล้ว ร่างหนาของซือมู่อันค่อยๆ ขยับร่างระหงของภรรยาสาวที่ยังนอนหลับอยู่บนหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาถึงความสุข มือเรียวดึงผ้าห่มมาคลุมร่างอวบอิ่มของภรรยาสาวเอาไว้ก่อนที่สายตาคมที่ทอแสงแห่งความอบอุ่นส่งไปยามมองไปที่ใบหน้าสวย เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนก่อนที่จะตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ในเวลาต่อมาร่างหนาในชุดคลุมสีขาวเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว มื้อนี้เขาจะเป็นคนลงมือทำอาหารเช้ามื้อแรกสำหรับภรรยาคนสวยของเขา ขณะที่มือเรียวยาวของพ่อครัวหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังจับตะหลิวคนโจ๊กร้อนๆ อยู่ที่หน้าเตา ช่วงเอวสอบก็ถูกลำแขนเสลาสอดเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ริมฝีปากบางสีกุหลาบยกยิ้มขึ้นมาอย่างอบอุ่น“กำลังทำอะไรอยู่คะ...คุณสามี” เสียงหว
การที่ไม่จัดพิธีฉลองมงคลสมรสแบบสากลในตอนเย็นนั้นเป็นความต้องการของเจ้าสาวเอง ไม่ใช่เพราะเธออยากที่จะช่วยทางเจ้าบ่าวประหยัดงบหนือเกรงใจ แต่เป็นเพราะช่วงนี้เธอรู้สึกเพลียง่ายและง่วงนอนเร็ว เลยเลือกที่จะทำพิธีแบบจีนอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าบ่าวอย่างคุณชายซือก็ไม่ขัด ถึงแม้ว่ามารดาจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม เพราะความที่อยากจะกู้ศักดิ์ศรีให้กับลูกสะใภ้ แต่ก็ต้องจำยอมเพราะเธอเอาหลานๆ ในท้องมาอ้างว่าหากเธอเพลียอาจจะไม่เป็นผลดีกับสองแฝดน้อยในครรภ์คอนโดสุดหรูใจกลางเมืองแอลพอรถจอดซือมู่อันก็อุ้มร่างบอบบางที่เริ่มอวบอิ่มมีน้ำมีนวลของภรรยาขึ้นก่อนที่สองขาแข็งแรงจะก้าวยาวๆ ตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัว ใบหน้าหวานขึ้นสีเลือดฝาดขึ้นมาทันทีที่มองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย ทั้งสองได้จดทะเบียนสมรสกันก่อนที่จะจัดพิธีแต่งงานมาได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว คนถูกมองเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าภรรยาตัวน้อยในอ้อมแขนแข็งแรงของเขาแอบมองเขาอยู่ แต่นั่นไม่จริงเลยสักนิด เขากำลังตั้งใจอุ้มเธอด้วยความระมัดระวังเพราะมีลูกๆ สองคนอยู่ในท้องของเธอ ประตูคอนโดถูกเปิดออกโดยสองหนุ่มบอดี้ก
หนึ่งเดือนต่อมาวันนี้เป็นวันที่ใครหลายคนเฝ้าจับตาและรอคอย นั่นก็คือวันแต่งงานของทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลซือซึ่งงานนั้นถูกจัดขึ้นภายในอาณาจักรตระกูลซือที่มีพื้นที่เกือบร้อยไร่ และเหตุผลที่เลือกจัดงานโดยใช้สถานที่เดียวในวันนี้ก็เพราะที่บ้านของเจ้าสาวนั้นค่อนข้างที่จะคับแคบ คุณนายใหญ่แห่งตระกูลซือเลยออกความเห็นว่าให้จัดที่บ้านเจ้าบ่าวและไปเข้าหอกันที่คอนโดสุดหรูใจกลางเมืองของเจ้าบ่าว ทางฝ่ายเจ้าสาวที่มีญาติเหลือเพียงสองคนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีเจ้าสาวแสนสวยในชุดกี่เพ้าสีแดงสไตล์เรียบหรูแบบผสมผสานระหว่างจีนกับยุโรป ทรงผมถูกทักเปียเก็บอย่างสวยงามมีปิ่นเงินปิ่นทองและใบทับทิมพร้อมดอกไม้สดประดับอยู่ข้างหลังส่งกลิ่นหอมอบอวลด้วยเจ้าสาวนั้นชอบกลิ่นของมันจึงไม่ใช่ปัญหาของอาการแพ้ท้องที่ตอนนี้ครบกำหนดสามเดือนแล้ว ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ร่างระหงกำลังนั่งรอเจ้าบ่าวมารับตัวเพื่อลงไปประกอบพิธี ขั้นตอนนี้ผ่านพิธีมอบสินสอดและสวมแหวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่รอให้เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวพาไปเข้าหอ “เธอสวยมากเล
หลิวถิงถิงมองพนักงานทั้งสองด้วยรอยยิ้ม เธอยังไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นผู้หญิงทั้งสองคือใคร เสียงดนตรีบรรเลงเพลงสากลขึ้นมาเบาๆ ซึ่งเธอก็จำได้ว่ามันเป็นเพลง Perfect ของEd Sheeran และมาถึงช่วงจังหวะทำนองWell, I found a woman, stronger than anyone I knowShe shares my dreams, I hope that someday I'll share her homeI found a love, to carry more than just my secretsTo carry love, to carry children of our own ร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายซือก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไปคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าเธอ บริกรสาวภายใต้หน้ากากเปิดฝาที่ครอบถาดกลมเอาไว้ออก ซึ่งเผยให้เห็นว่าภายในมีกระปุกกลมสีทองวางอยู่ มือเรียวของซือมู่อันยื่นไปหยิบมาถือไว้ หลิวถิงถิงรู้สึกใจเต้นแรงแทบจะไม่เป็นจังหวะก่อนที่เธอจะมองไปที่บริกรสาวทั้งสองอย่างคุ้นเคย หากแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรออกไป กล่องสีทองก็ถูกว่าที่สามีสุดหล่อของเธอเปิดออกตรงหน้า แหวนเพชรวงเล็กแต่มีเพชรล้อมรอบส่งแสงระยิบระยับดูงามตา พอถึงตอนนี้เธอจึงเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังถูกเขาขอแต่งงาน “มาเป็นคน