“เอาสิ”“คะ??” ดวงตาที่โตอยู่แล้วสามารถโตได้มากกว่าเดิม เมื่อเจ้าของตกใจจนเบิกตากว้าง “เสี่ยว่ายังไงนะคะ?”“ฉันอนุญาต” และเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น พิธานก็ถือโอกาสกระตุกแขนเรียวเบาๆ จนร่างทั้งร่างของดอกแก้วล้มทับอยู่บนตัวเอง เนื้อตัวเปลือยเปล่าแนบชิดกันจนแม้แต่อากาศก็แทบจะผ่านไม่ไ
ดวงตากวางค่อยๆ เปิดขึ้นเมื่อแสงแดดเริ่มสว่างไล่ ราวกับบอกให้คนขี้เซาตื่นเสียทีนาฬิกาข้างเตียงบอกเวลาสิบโมงเช้า ดอกแก้วตื่นสายที่สุดตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่เมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนก็ดึกดื่นไม่ใช่แค่นั้น แต่เธอจำได้เลือนลางว่าช่วงเช้ามืด เธอถูกฝ่ามืออุ่นร้อนก่อกวนอีกครั้ง แม้จะง่วง แต่เธอก็ตอบสนอง
พิธานไม่พูดอะไรหลังจากนั้น เขาขับรถได้ปกติเมื่อดอกแก้วเลิกกวนสมาธิ และเพียงไม่นานรถคันหรูก็มาถึงที่หมายก่อนเวลาที่กำหนดไว้“ดอกแก้ว” พิธานหันไปเรียกอีกคน แต่พบว่าดอกแก้วนอนหลับคอพับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เสี่ยหนุ่มยกยิ้มด้วยความขบขัน ดวงตาคมฉายแววเอ็นดูจนปิดไว้ไม่มิด “ไหนตอนแรกบอกเป็นห่วง หลับปุ๋ย
คนโปรดของเสี่ย ในยามนี้นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงสีขาวบริสุทธิ์ ดวงตาที่เคยเฉิดฉายเป็นประกายยามตื่น ถูกซุกซ่อนไว้ใต้เปลือกตาสีน้ำนมอย่างมิดชิด ร่างกายขาวผ่องถูกห่อรัดด้วยผ้าห่มผืนหนา เธอขยับกายเล็กน้อย ก่อนจะแน่นิ่งไปเมื่อได้มุมที่ตัวเองรู้สึกว่าสบายที่สุดหึพิธานขยับกายขึ้นยืน เขาปล่อยให้ดอกแก้วนอน
“คะ?” คำสั่งกะทันหันของเสี่ยทำให้ดอกแก้วเผลอทำหน้าเหลอหลา เสี่ยจะให้เธอไปไหน หรือว่าจะเป็น...“ทำตามที่ฉันบอก เสื้อผ้าที่ใส่ปกตินั่นแหละ แล้วจะให้คนมารับ”“เสี่ย... จะไม่บอกดอกแก้วเหรอคะว่าจะให้ดอกแก้วไปไหน”“จำไม่ได้หรือไง?”“ดอกแก้วต้องจำอะไรคะ?” ดอกแก้วไม่ได้ต้องการจะกวนประสาท แต่เธอไม่เข้าใจจริง
ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เงียบสนิท มีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังเบาๆ เท่านั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน หลายคนเอาแต่จ้องมองเอกสารบนโต๊ะ แต่ก็มีหลายคนที่ลอบสบตากันด้วยความหวั่นใจ จนกระทั่งคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะหยักหน้าเบาๆชายหญิงในชุดสูทสุภาพลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะทยอยเดินออกไปจนภายใน
ดอกแก้วทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เธอทิ้งตัวลงนั่งข้างกับเสี่ย ระยะห่างที่ไม่มากทำให้แขนเธอเสียดสีกับแขนอุ่นๆ แผ่วเบา เธอตั้งใจจะขยับออกห่าง แต่การกระทำกลับเป็นไปในทิศทางตรงข้ามพิธานรับรู้ได้ถึงเนื้อเย็นๆ ที่เบียดเข้ามาจนชิด เขาไม่ได้เอ่ยทักท้วงหรือขยับหนี และทำท่าทีว่าสนใจแต่บนจอทั้งๆ ที่มุมปากยกยิ้ม
สระว่ายน้ำยามค่ำคืนสะท้อนแสงไฟจนเป็นประกายสวยงาม ผืนน้ำที่ควรหยุดนิ่งเคลื่อนไหวกระเพื่อมแผ่ว ร่างสมส่วนแหวกว่ายไปมาอยู่ในนั้นราวกับเงือกหนุ่มรูปงาม ก่อนจะโผล่ขึ้นจนพ้นน้ำเมื่อมาถึงฝั่ง“ดอกแก้ว” สิ่งแรกที่พิธานเห็นหลังจากที่ลืมตาคือร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เธอใส่ชุดคลุมมิดชิด และมองมาที่เขาด้
.บ่าวสาวแยกย้ายกันอาบน้ำหลังจากผู้ใหญ่กลับออกไปหมดแล้ว ดอกแก้วที่อาบน้ำก่อนเป่าผมจนแห้งสนิท ก่อนจะปีนขึ้นเตียงและหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น ดวงตากวางเบิกกว้างเมื่อเห็นรูปภาพบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อน“เจ้น้ำ? แด๊ด?”มันเป็นรูปที่คนสองคนนั่งยิ้มให้กล้องท่ามกลางดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่ดูโรแมนติก เ
“เจ้ดีใจด้วยจริงๆ”“ฉันรู้” ดอกแก้วลูบหลังปลอบคนที่ร้องไห้เหมือนเด็กด้วยความเข้าใจ เพราะเจ้น้ำหวังดีกับเธอเสมอมา เธอจึงเข้าใจว่าทำไมพี่สาวถึงได้ปล่อยโฮออกมาแบบนี้ “ขอบคุณเจ้มากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้... ดอกแก้วคงไม่ได้เจอคุณพิธาน”“ทุกอย่างมันคงถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว” น้ำดันร่างของเจ้าสาวออกห่าง เธอเอ่
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี
ส่วนคุณทิม เพื่อนสนิทของพิธานอีกหนึ่งคนก็หลงหลานๆ ไม่ต่างกัน ตอนนี้คุณทิมมีคนรักแล้ว ยังไม่ได้แต่งงานแต่ก็หมั้นกันไว้เรียบร้อย แต่นั่นก็แปลว่าคุณทิมยังปั๊มลูกไม่ได้แม้จะอยากมีใจจะขาด เพราะคุณจี แฟนสาวของคุณทิมขอไว้ว่าอยากทำงานต่ออีกซักหน่อยดอกแก้วมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มออกมา เธอไม่เคยคิดว่าชีวิตขอ
“ครับ แต่งงานที่บ้านของดอกแก้วเขา ไม่ได้จัดอะไรใหญ่โต แค่ผูกข้อไม้ข้อมือ จดทะเบียนสมรส ส่วนงานที่กรุงเทพฯ คราวแรกก็ตั้งใจจัดทันทีที่กลับมาจากเชียงใหม่ แต่ลูกชายมาอยู่ในท้องก่อนเลยต้องเลื่อนออกไป”“แบบนี้คุณดอกแก้วน้อยใจไหมคะ? เพราะเหมือนว่าคุณไม่ได้ถูกเปิดเผยเท่าไหร่ มีแต่ข่าวลือซึ่งไม่มีอะไรมายืนยั
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งา
“ดอกแก้วดุเหรอคะ?” หญิงสาวชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เธอนี่นะดุ จับลูกแรงๆ ซักครั้งยังไม่เคย แค่บอกให้ไปกินข้าวก็แปลว่าเธอดุแล้วอย่างนั้นเหรอ?เธอไม่ได้ดุหรอก แต่พ่ออย่างคุณพิธานนั่นแหละที่ตามใจลูกมากไป“เปล่าจ้ะ” พิธานรีบเข้าไปกอดเอวบางไว้ เสียงทุ้มดัดลงให้เล็กกว่าปกติเพื่อออดอ้อน “ดอกแก้วของคุณพิธานไม่ดุ
จู่ๆ เสียงใสๆ ของลูกสาวก็ร้องขึ้น พิธานหน้าตึงแทบจะทันที ส่วนดอกแก้วก็ได้แต่ยิ้มขำและหันไปคุยกับลูกสาวตัวจ้อย“น้องแมทค่ะ น้องแมทเป็นน้องหนูนะลูก”“แมท!”“น้องดาวคะ-““แมทธิวเกิดหลังน้องดาวแค่ไม่กี่เดือนเอง ถือว่ารุ่นเดียวกันได้” คนเป็นปู่รีบช่วยหลานสาว สำหรับเขาไม่ได้รู้สึกว่าการเรียกชื่อกันเฉยๆ ขอ
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้น