ฟุ่บเตียงนุ่มยุบลงไปเล็กน้อย เมื่อพิธานวางร่างเปลือยขาวผ่องลงเป็นเพราะเขาของขาด หรือเพราะวันนี้ดอกแก้วน่ารังแกกว่าทุกที เขาถึงได้รู้สึกอยากขยี้ร่างนี้ให้แรงๆ ให้สมกับความคิดถึงที่สะสมไว้หลายวันความคิดถึง ที่พิธานรู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กซ์ แต่เขาไม่คิดจะสนใจ และทำตัวเหมือนว่าไม่ได้มีความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นแทรกแซงขึ้นมา เขาก็แค่คิดถึงตัวของดอกแก้วเท่านั้น เพราะเขาเป็นเจ้าของ และมีสิทธิ์กับร่างกายนี้อย่างชอบธรรมแต่พิธานคงจะลืมไป ถึงแม้ว่าเขาจะรับเด็กมาเลี้ยง ส่งเสีย จ่ายเงินแลกกับเซ็กซ์มาแล้วกี่คน เขาก็ไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นเจ้าของร่างกายของพวกเธอเหล่านั้นเลย...“อ๊ะ” ร่างอิ่มแอ่นขึ้นทันทีเมื่อเม็ดสีอ่อนถูกโพรงปากร้อนครอบครอง มือบางกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นจนมันยับยู่ยี่ “เสี่ยคะ อื้อ...”จ๊วบเสียงน่าอายดังขึ้นในตอนที่พิธานขยับริมฝีปากออกห่างจากยอดอกที่เริ่มช้ำ เขาไม่ได้ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ แต่เขาต้องการจะแกล้งเธอมากกว่า เพราะริมฝีปากคู่นั้นดูดรั้งยอดอกเธอขึ้นสูงจนรู้สึกเจ็บ แล้วก็ปล่อยลงมาจนเธอรู้สึกเหมือนถูกผลักลงจากเครื่องเล่นหวาดเสียวแผล็บ“อ๊า!”หลังจากนั้นเขาก็ไถ่โทษที่ทำให
ดวงตากวางค่อยๆ เปิดขึ้นเมื่อแสงแดดเริ่มสว่างไล่ ราวกับบอกให้คนขี้เซาตื่นเสียทีนาฬิกาข้างเตียงบอกเวลาสิบโมงเช้า ดอกแก้วตื่นสายที่สุดตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่เมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนก็ดึกดื่นไม่ใช่แค่นั้น แต่เธอจำได้เลือนลางว่าช่วงเช้ามืด เธอถูกฝ่ามืออุ่นร้อนก่อกวนอีกครั้ง แม้จะง่วง แต่เธอก็ตอบสนองอีกฝ่ายจนเสร็จสมด้วยกันทั้งคู่ไม่รู้เสี่ยเอาแรงมาจากไหน ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง เธอเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ...“อรุณสวัสดิ์”“เสี่ย!”ดอกแก้วลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อจู่ๆ คนในความคิดก็เอ่ยทักทายขึ้นมาดื้อๆ เสี่ยไม่ได้อยู่แค่ในความคิด เพราะตอนนี้เขาอยู่ตรงนี้จริงๆ หญิงสาวเบิกตากว้างมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ปลายเตียงด้วยสีหน้าแตกตื่น ใบหน้าคมดูอ่อนโยนลงเมื่อมุมปากปรากฎรอยยิ้มขึ้นจางๆ“ตกใจอะไร” พิธานพยายามกลั้นเสียงหัวเราะไว้อย่างสุดความสามารถ ดอกแก้วเวลาทำหน้าตื่นๆ แบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ วันนี้เขาอารมณ์ดี อาจจะเพราะเป็นวันหยุดในรอบเดือน หรืออาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนเขาเต็มอิ่ม “ยั่ว?”เขาถามเพียงคำเดียว พร้อมกับหลุบตาลงมองส่วนที่ต่ำกว่าใบหน้าจนดอกแก้วต้องมองตาม ดวงตาโตเบิกกว้างกว่าเดิม ก่อนจะคว้าผ้าห่มข
คนโปรดของเสี่ย ในยามนี้นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงสีขาวบริสุทธิ์ ดวงตาที่เคยเฉิดฉายเป็นประกายยามตื่น ถูกซุกซ่อนไว้ใต้เปลือกตาสีน้ำนมอย่างมิดชิด ร่างกายขาวผ่องถูกห่อรัดด้วยผ้าห่มผืนหนา เธอขยับกายเล็กน้อย ก่อนจะแน่นิ่งไปเมื่อได้มุมที่ตัวเองรู้สึกว่าสบายที่สุดหึพิธานขยับกายขึ้นยืน เขาปล่อยให้ดอกแก้วนอนอยู่แบบนั้น ส่วนตัวเองก็เดินออกมาข้างนอกที่เป็นห้องนั่งเล่นด้วยสภาพกึ่งเปลือย เสียงมือถือสั่นอย่างรุนแรงจนเขาต้องตื่นขึ้นมา มีไม่กี่คนที่รู้เบอร์ส่วนตัวเขา และพิธานสาบานได้เลย ว่าถ้าหากปลายสายไม่ได้มีธุระสำคัญจริงๆ เขาจะกลับไปหักเงินเดือนเสียให้เข็ด‘.....’ชายหนุ่มรับสายด้วยความเงียบ เป็นสัญญาณให้คนปลายสายรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดี‘เอ่อ... ท่านครับ สะดวกคุยหรือเปล่าครับ’“ถามทำไม ในเมื่อโทรจิกขนาดนี้”พิธานได้ยินเสียงหัวเราะแห้งๆ ดังตอบกลับมา เขาไม่พูดอะไร รอให้ลูกน้องคนสนิทเป็นคนพูดขึ้นก่อน‘ผมแค่จะโทรมาเตือนว่าท่านมีประชุมตอนบ่าย...’“ฉันจำได้”‘แต่... ท่านยังไม่กลับ ผมกลัวว่าท่านจะลืม’“ฉันจำได้” พิธานย้ำประโยคเดิมด้วยเสียงกดต่ำ “เดี๋ยวกลับ”‘...ครับ’“...มีอะไร?”พิธานเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าลู
ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เงียบสนิท มีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังเบาๆ เท่านั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน หลายคนเอาแต่จ้องมองเอกสารบนโต๊ะ แต่ก็มีหลายคนที่ลอบสบตากันด้วยความหวั่นใจ จนกระทั่งคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะหยักหน้าเบาๆชายหญิงในชุดสูทสุภาพลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะทยอยเดินออกไปจนภายในห้องเหลือเพียงแค่ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่เพียงลำพังหัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน คลายออก และขมวดเข้าหากันอยู่แบบนั้นนานหลายนาที สุดท้ายพิธานก็ยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วเบาๆ พลางคิดถึงการประชุมที่เพิ่งผ่านมาด้วยความ... โกรธ.“มิสเตอร์หวังยังไม่ยอมต่อสัญญาครับ”“ทำไม”“ทางนั้นแจ้งแค่ว่าอยากให้ทางเราและเขาดองกันก่อน จะได้ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น”.มิสเตอร์หวังกำลังบีบคั้นเขา เอาสัญญาที่เขาต้องการให้อีกฝ่ายต่อมาบังคับให้เขาแต่งงานกับซูฮวาเบื้องหลังธุรกิจมันก็เป็นแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนพิธานคงตกลงในทันที ซูฮวาไม่ใช่ผู้หญิงไม่เอาไหน แต่งงานกับเธอก็เหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง ได้ทั้งภรรยาที่ดี และธุรกิจที่กำลังขยับขยายก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นแต่...ใช่ ในตอนนี้พิธานมีคำว่าแต่ตัวโตๆ อยู่ในใจ ถ้าก่อนหน้านี้ซักสี่ห
สระว่ายน้ำยามค่ำคืนสะท้อนแสงไฟจนเป็นประกายสวยงาม ผืนน้ำที่ควรหยุดนิ่งเคลื่อนไหวกระเพื่อมแผ่ว ร่างสมส่วนแหวกว่ายไปมาอยู่ในนั้นราวกับเงือกหนุ่มรูปงาม ก่อนจะโผล่ขึ้นจนพ้นน้ำเมื่อมาถึงฝั่ง“ดอกแก้ว” สิ่งแรกที่พิธานเห็นหลังจากที่ลืมตาคือร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เธอใส่ชุดคลุมมิดชิด และมองมาที่เขาด้วยสายตาลังเล “ลงมาสิ”“.....”“กลัวหนาวเหรอ น้ำไม่เย็นหรอกนะ ฉันเปิดระบบน้ำอุ่นไว้แล้ว”“.....”“ดอกแก้ว”“...ค่ะ”ดอกแก้วยอมรับคำอย่างเสียไม่ได้ เสี่ยไม่ได้บังคับจนเธอต้องยอม แต่น้ำเสียงที่เหมือนอยากให้เธอลงไปเสียเหลือเกินนั่นต่างหากที่ทำให้เธออยากตามใจหญิงสาวค่อยๆ ปลดปมของชุดคลุมออก ลมเย็นๆ พัดเข้ามาทักทายทันทีจนขนลุกซู่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ค่อยๆ ปลดผ้าผืนใหญ่ออกจากตัวอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป ก่อนจะวางมันไว้บนเก้าอี้อาบแดดที่คืนนี้คงไม่ได้ใช้งานอะไรพิธานลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออึกใหญ่ ไม่ใช่ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเรือนร่างขาวผ่องนี้เสียเมื่อไหร่ หลักฐานก็คงจะเป็นกลางกายของเขาที่มันขยายใหญ่ทันทีที่ได้เห็นเนื้อหนังมังสาที่คุ้นเคย แต่อาจจะเป็นเพราะบิกินี่สีแดงตัวจิ๋วที่ดอกแก้วใส่อยู่ก็ได้
“ค่ะ... อยู่ด้วยกันไปนานๆ”พิธานยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมเปียกที่ปรกอยู่บนหน้าขาวๆ ออก หลังจากที่ได้ยินประโยคแสนน่ารักนั้น‘อยู่ด้วยกันไปนานๆ’ตลอดทั้งชีวิตพิธานไม่เคยพูดคำนี้กับใคร เพราะเขาไม่เคยเชื่อในความสัมพันธ์ที่ยืนยาว เขาเชื่อแค่ว่าความรู้สึกทุกอย่างมันเกิดขึ้นและคงอยู่ได้เพียงแค่ในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น และไม่นานมันก็จะจืดจางไป ต่อให้มีบ่วงผูกรัดไว้ก็ยังดิ้นรนเพื่อหนีจากกันได้อยู่ดีเหมือนพ่อกับแม่ของเขาพิธานจำได้ดีว่าแม่เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปตอนเขาอายุได้เพียงสิบขวบ ในตอนนั้นเด็กชายพิธานคิดแค่เพียงว่าแม่จะไปเที่ยว อีกไม่กี่วันก็จะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเคย เขาเฝ้ารอ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี แต่แม่ก็ไม่เคยกลับมา จนกระทั่งพ่อของเขาตัดสินใจขายบ้านที่เคยอยู่ และพาเขากลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของพ่อ... ประเทศอิตาลี แม้แต่วันสุดท้ายที่เขาได้อยู่ในประเทศไทยเขาก็ไม่มีโอกาสได้ร่ำลาแม่พิธานไม่มีน้ำตา เขาไม่เคยร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว เพราะมีหลายครั้งที่เขาได้ยินพ่อคุยโทรศัพท์ พ่อบอกกับปลายสายด้วยเสียงอ้อนวอนว่าอยากให้กลับมาหาเขา แต่สุดท้ายเขาก็เห็นแต่สีหน้าผิดหวังของพ่อ ครั้งแล้วคร
เข้าสู่วันที่สี่ของการหยุดพักผ่อน พิธานใช้ชีวิตอยู่แค่ในเพนท์เฮ้าส์อย่างที่บอกกับดอกแก้วไว้จริงๆ กิจกรรมในแต่ละวันของเขามีแค่กิน ดูหนัง ว่ายน้ำ ยกเวท รังแกดอกแก้ว แล้วก็นอน เขาไม่แตะมือถือ ไม่แตะไอแพด ไม่แตะเอกสารอะไรทั้งนั้น ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงเช้าวันนี้พิธานตื่นขึ้นมาพร้อมกับที่นอนอีกข้างที่ว่างเปล่า แทนที่จะตกใจ แต่เขากลับหัวเราะแผ่วๆ ขนาดเมื่อคืนเขารังแกจนดอกแก้วหลับคาอก แต่พอเช้ามาเธอก็ยังตื่นนอนก่อนเขาอยู่ดี ตัวก็แค่นี้ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนอนเล่นอย่างคนว่างงานอยู่ซักพักพิธานก็ได้ฤกษ์ลุกจากที่นอน ร่างกายแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเปลือยท่อนบน อวดสีผิวแทนและร่องรอยที่ดอกแก้วฝากเอาไว้ประปราย เขาลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจจนกล้ามหน้าท้องขึ้นเป็นลอน ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปเพนท์เฮ้าส์ของพิธานมีขนาดชั้นครึ่ง กว้างกว่าสี่ร้อยตารางเมตร ใหญ่เทียบเท่ากับบ้านราคาหลายสิบล้าน แต่เพราะพิธานไม่ชอบบ้านเดี่ยว เขาจึงใช้ชั้นสูงสุดของตึกบริษัทเป็นบ้านพักแทน และเพราะที่นี่เป็นบ้านหลังเดียวที่เขามีอยู่ เขาจึงสร้างทุกอย่างที่ต้องการไว้จนครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ยิมขนาดเล็ก ห้องเธีย
“เสี่ยคะ เปิดประตูให้ดอกแก้วได้ไหม?” มือเรียววางทาบลงบนประตูเนื้อดี เธอส่งเสียงอ้อนวอน แต่ก็ไร้การตอบกลับจนหัวใจวูบโหวง “ดอกแก้วขอโทษ อย่าโกรธดอกแก้วเลยนะคะ”เงียบดอกแก้วพยายามฟังเสียงจากภายในว่ามีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นบ้างหรือไม่ แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท เหมือนกับว่าคนที่เธอตามหาไม่ได้อยู่ในนั้นแต่เธอรู้ว่าเขาอยู่เสี่ยอยู่ในนั้น ทั้งยังปิดประตูล็อคอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสี่ยคงโกรธเธอมาก โกรธจนไม่อยากเห็นหน้ากัน โกรธจนไม่อยากให้เธอเข้าใกล้ หรือถ้าร้ายแรงที่สุด... เสี่ยอาจจะยกเลิกความสัมพันธ์ของเรา และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอคง...คิดถึงตรงนี้ดอกแก้วก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปากแน่น น้ำตาที่เพิ่งบังคับให้หยุดรินไหลลงมาอีกครั้ง ดอกแก้วยอมรับว่าตอนนี้เธอกลัวจับใจ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ขัดใจเสี่ย จะยอมมาอยู่ที่นี่แม้ว่าซักวันหนึ่งจะต้องย้ายออกไป...“ฮึก!”เสียงสะอื้นดังลอดฝ่ามือที่ปิดไว้จนได้ ดอกแก้วกลั้นเสียงจนตัวสั่น เธอไม่มีแรงเดินไปที่อื่น แต่เธอก็ไม่อยากให้เสี่ยรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ แต่เมื่อแรงสะอื้นมันมากขึ้นจนทนไม่ไหว ร่างขาวผ่องจึงทิ้งตัวนั่งลงย
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว