ที่จริงแล้วดอกแก้วไม่ได้คิดจะออกไปเที่ยวไหนตามที่เสี่ยอนุญาต แต่เพราะเมื่อช่วงบ่ายเธอได้รับสายจากเจ้น้ำ แกบ่นว่าคิดถึงเพราะเธอไม่แวะไปหาเลย เงินที่ยืมมาก็คืนด้วยการโอนเข้าบัญชีไม่ได้ไปเจอหน้าค่าตา โวยวายไปไกลจนหาว่าเธอลืมกันไปแล้ว ดอกแก้วทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว จึงรับปากไปว่าคืนนี้จะไปหาอะไรดื่มที่ผับ และจะแวะไปนอนที่ห้องด้วย พอตอบไปแบบนั้นเจ้น้ำก็เลิกเล่นละครดราม่า และขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานดอกแก้วถอนหายใจ คืนนี้เธอคงถูกเจ้น้ำซักเรื่องระหว่างเธอและเสี่ยจนเช้าแน่นอน เพราะตั้งแต่วันนั้น เธอก็ไม่ได้เล่าเรื่องของเสี่ยให้เจ้น้ำฟังอีกเธอไม่ได้อยากปิดบังอะไร แต่มันแค่ยังไม่มีโอกาสได้คุยมากกว่า“คุณมาร์คคะ” ดอกแก้วต่อสายหาคนสนิทของเสี่ย เพื่อรายงานตัวว่าจะออกไปไหนตามที่เสี่ยสั่งเอาไว้ “คืนนี้แก้วไปหาพี่สาวที่ผับxxx แล้วจะค้างที่หอเก่า ไม่ได้กลับคอนโดนะคะ”‘ครับ ผมจะแจ้งท่านให้’“ขอบคุณ...”‘ใครโทรมา’เสียงคุ้นเคยที่ดังแทรกเข้ามาทำให้ดอกแก้วกลืนคำพูดทุกคำลงคอไป เธอได้ยินเสียงกุกกักจากทางนั้น แต่ไม่ได้ยินเสียงพูดตอบโต้อะไรอีกจนคิดว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้วด้วยซ้ำ‘ดอกแก้ว’ ทว่าก่อนที่ดอกแก้วจ
น้ำเดินรับลูกค้าที่ต้องการบริการชงเหล้าอยู่หลายโต๊ะ วันนี้ลูกค้าค่อนข้างเยอะ ออกจากโต๊ะนั้นก็เข้าโต๊ะนี้จนแทบไม่มีเวลาว่าง กว่าที่เธอจะได้เดินกลับมาหาน้องสาวก็ผ่านไปหลายชั่วโมง“ดอกแก้ว” หญิงสาวในชุดวับๆ แวมๆ รีบเดินเข้าไปใกล้ เมื่อเห็นว่าคนที่ควรจะนั่งอยู่กับที่ฟุบลงไปกับโต๊ะเหมือนกำลังหลับ “ดอกแก้ว?”“หือ?”แรงสะกิดที่ต้นแขนทำให้ดอกแก้วยกศีรษะขึ้น ใบหน้าที่แดงกว่าปกติเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีว่าทำไมเธอถึงฟุบไปแบบนั้น“นี่แกเมาเหรอ?”“เปล๊าาาา” คนเมาไม่เคยบอกว่าตัวเองเมา น้ำส่ายหน้าเบาๆ ให้คนไม่เมาที่นั่งตัวตรงยังยาก “เจ้... ขออีกได้ไหม อันนั้น”พูดพลางชี้ไปที่แก้วที่ว่างเปล่าตรงหน้า เธอจำไม่ได้ว่ากินมันไปกี่แก้ว แต่มันอร่อย กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ กินจนรู้สึกเหมือนโลกหมุนแต่ก็ยังอยากกินต่อ“พอเลย เดี๋ยวเสี่ยมาแล้วจะทำยังไง เมาขนาดนี้”“เสี่ยอะไร?” มือเรียวปัดไปปัดมา ส่ายหน้าจนผมสะบัด “อยากกินอีก ขอนะ”“เออ ให้มันได้แบบนี้สิวะ! ใครให้แกกินเยอะขนาดนี้” น้ำถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว อีกสองชั่วโมงร้านก็จะปิด และเธอก็ไม่รู้ว่าเสี่ยจะมารับดอกแก้วตอนไหน หรือสุดท้ายแล้ว
พิธานไม่ได้สนใจเสียงปิดประตูที่ดังตามหลัง เขามุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านในสุดเพียงอย่างเดียว รองเท้าหนังราคาแพงเหยียบย่ำลงบนพรมที่ถูกปูไว้ ก่อนจะหยุดลงหน้าบานประตูห้องนอนที่ไม่ได้ปิดสนิทห้องที่เขาเปิดในวันนี้เป็นห้องสวีทขนาดใหญ่ ใหญ่กว่าคอนโดดอกแก้วด้วยซ้ำ ทั้งห้องแบ่งเป็นสามส่วนหลักๆ คือห้องนั่งเล่นและกินข้าว ห้องนอน และห้องน้ำขนาดใหญ่ การตกแต่งมีกลิ่นอายความหรูหราซ่อนอยู่ทุกซอกมุม และเพราะเหตุผลนี้ ที่นี่ถึงได้มีค่าห้องที่แพงเทียบเท่ากับโรงแรมชั้นนำมือใหญ่ดันประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ออกกว้าง ภายในห้องนอนเปิดไฟสีส้มอ่อนไว้ดูสลัวแต่ไม่มืดมิดจนเกินไป ภายในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ผ้าม่านทุกผืนถูกปิดสนิทจนมองไม่เห็นวิวยามค่ำคืนภายนอกและพิธานเองก็ไม่คิดจะสนใจวิวพวกนั้นอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่เขาสนใจในตอนนี้คือคนที่นอนซุกตัวอยู่บนเตียงกว้างตรงหน้าต่างหาก“เจ้...” พิธานเผลอหยุดฝีเท้าที่ก้าวขยับลง เมื่อได้ยินเสียงอู้อี้ดังลอดออกมาจากใต้ผ้าห่มผืนหนา “เบาแอร์หน่อยได้ไหม หนาวจัง”ขายาวเดินไปหยิบรีโมทแอร์และกดเพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้แต่โดยดี แต่ยังไม่ทันได้วางรีโมทนั่นลงที่เดิม เสียงอู้อี้ก็ดังขึ้น
“อ่า ดอกแก้ว”มือที่เคยวางนิ่งอยู่บนผมนุ่มขยับเข้าหากันจนดอกแก้วรู้สึกตึงที่หนังศีรษะ แต่เพียงไม่นานมันก็คลายลง เธอจึงกลับมามีสมาธิกับสิ่งที่กำลังทำอยู่อีกครั้งตรงนี้ของเสี่ย มันใหญ่จนเธอต้องอ้าปากออกกว้างเพื่อเปิดรับให้มันเข้ามา มันอุ่นจัดและมีกลิ่นคาวจางๆ แม้จะดูสะอาดแต่ก็มีเส้นเลือดปูดโปนอยู่รอบๆ พอได้เห็นใกล้ๆ มันดูน่ากลัวจนเธอเกือบถอยหลังหนี แต่เพราะเสียงครางแผ่วเบานั้นทำให้เธอได้ใจ หญิงสาวพยายามอ้าปากให้กว้างขึ้น เพื่อกลืนกินความอวบใหญ่ได้มากกว่าเดิมแต่มันไม่ได้ง่ายเหมือนในหนังผู้ใหญ่ที่เธอเคยดูผ่านตามา อาจเพราะเป็นครั้งแรก เธอเลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ยิ่งพยายามเธอก็ยิ่งรู้สึกทรมาน และสุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ ใบหน้าขาวใสหันหนีจากความอวบใหญ่นั้น ก่อนจะสำลักจนหน้าแดงก่ำ“แค่ก! แค่ก!”“ถ้าไม่ไหว ใช้แค่ลิ้นก็พอ”ดวงตากลมช้อนขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ แววตาคู่นั้นไม่ได้มีร่องรอยตำหนิ หรือไม่พอใจอะไร และถ้าเธอไม่เมาจนเกินไป เธอเห็นสายตาบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นด้วยเป็นไปไม่ได้หรอก เสี่ยจะมาห่วงผู้หญิงอย่างว่าแบบเธอทำไม นี่มันเป็นสิ่งที่เธอต้องทำเพื่อแลกกับเงินอยู่แล้ว“ลิ้นเหรอคะ?”“ใช่ แลบล
ดอกแก้วเข้าไปอาบน้ำตามคำสั่งของเสี่ย หลังจากที่เริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรแปลกๆ ลงไป เธอจำใจต้องขยับออกห่างจากอ้อมแขนนั้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ และเมื่อเสี่ยบอกให้ไปอาบน้ำ เธอก็แทบจะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำตัวความเต็มใจยิ่งกว่าอะไรและเมื่อกลับออกมาจากห้องน้ำเธอก็เห็นเสื้อผ้าผู้หญิงวางไว้บนเตียงที่เก็บเรียบร้อยแล้ว เดรสสีพื้นๆ ไม่สั้นจนเกินไป และชุดชั้นในสีเรียบไซส์เดียวกับที่เธอใส่ ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่านี่คือชุดของเธอ เสี่ยคงจะให้ลูกน้องเอามาให้ เพราะชุดเมื่อคืนที่เธอใส่มามันไม่ได้อยู่ตรงนี้แกร๊กนึกถึงเสี่ย เสี่ยก็มา ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของเสี่ยหนุ่มที่อยู่ในชุดกึ่งสุภาพ ไม่ได้เนี๊ยบเหมือนปกติ ผมที่เคยเซ็ตขึ้นเป็นทรงถูกเซ็ตง่ายๆ จนใบหน้าคมเข้มดูอ่อนกว่าวัยไปหลายปี“ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกหรือ จะเก้าโมงแล้ว”“คะ? คือ... ดอกแก้วเพิ่งอาบน้ำเสร็จ” เธอแก้ตัวเสียงตะกุกตะกัก ไม่กล้าสบตาคู่นั้นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งขึ้นมาไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เจอเสี่ยเสียหน่อย ทำไมเธอถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้“งั้นก็รีบแต่งตัวซะ” พิธานสั่งเสียงเรียบ ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ ขายาวยกขึ้น
บางครั้ง เวลามันก็เดินไวจนน่าใจหายดอกแก้วนั่งมองวิวกรุงเทพฯ ในมุมสูงจากกระจกห้องนอน แสงแดดเริ่มสว่างจ้าจนแสบผิวแม้กระจกจะช่วยกรองแสงยูวีได้ระดับหนึ่ง แต่ถึงแดดจะเริ่มไล่ แต่ดอกแก้วก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแบบนั้น ผิวที่ขาวผ่องสว่างจ้ากว่าเดิมเมื่อได้รับแสงจากธรรมชาติ บางทีดอกแก้วก็ไม่เข้าใจร่างกายตัวเองเท่าไหร่ มีแต่คนที่ถูกแดดแล้วผิวจะคล้ำลง แต่เธอกลับไม่เป็นอย่างนั้น หรือถ้าเป็นจริงๆ ก็กลับมาขาวเหมือนเดิมได้ภายในระยะเวลาสั้นๆเมื่อก่อนเพื่อนๆ มักจะถามเธอว่าใช้ครีมอะไร กินอาหารเสริมตัวไหน พอเธอตอบตามความจริงว่าไม่เคยกิน ครีมก็ทายี่ห้อทั่วไปที่มีขายในร้านสะดวกซื้อ เพื่อนๆ ก็พากันไม่เชื่อและบอกว่าเธอโกหก แต่ก็ยังวนเวียนมาถามว่าเธอใช้ครีมอะไรกันอยู่เรื่อย“เบื่อ”เธอตื่นมาซักพักแล้ว พอตื่นมาก็ทำมื้อเช้าง่ายๆ กิน เก็บเสื้อผ้าไปซัก ทำความสะอาดห้องจนสะอาดสะอ้าน ดอกแก้วไม่ได้ขยันอะไร แต่เธอแค่อยากฆ่าเวลาให้วันนี้มันหมดไปไวๆ ก็เท่านั้นแต่สุดท้ายเธอก็ทำงานทุกอย่างเสร็จภายในสิบโมงเช้า และหลังจากนั้นเธอว่างงาน ว่างจนต้องมานั่งให้แดดเผาเล่นๆ แบบนี้.“พรุ่งนี้ฉันไปจีน คงไม่ได้มาหาซักสามสี่วัน”.
“คุณพิธานรีบกลับไทยหรือเปล่าครับ?”คำถามภาษาจีนกลางจากคนที่เดินเคียงข้างดังขึ้นในตอนที่ทั้งคู่และคนติดตามอีกหลายคนกำลังเดินออกจากห้องอาหารของโรงแรมหรู พิธานได้ยินคำถามนั้นชัดเจน และเขาฟังภาษาจีนออก รวมถึงฟังออกด้วยว่าอีกฝ่ายมีความหมายแฝงในคำถามนั้นอย่างไร แต่ถึงจะรู้แบบนั้นนักธุรกิจหนุ่มก็ผินหน้ามองคนข้างกายด้วยรอยยิ้ม ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะส่ายไปมาเบาๆ“ดีเลย พรุ่งนี้ซูฮวาลูกสาวผมว่างพอดี เธออยากเจอคุณ”คิดไว้แล้วไม่มีผิดพิธานยิ้มกว้างขึ้น ในสายตาของคนที่มองมาคงคิดว่าชายหนุ่มกำลังยิ้มด้วยความชอบใจที่จะได้เจอสาวงามที่ถูกหมายตาให้เป็นว่าที่ภรรยาเจ้าของบริษัทส่งออกน้ำหอมชื่อดังจากไทยมาหลายปี แต่สำหรับพิธาน เขาเพียงแค่ยิ้มเพราะรู้สึกขบขันที่ตัวเองทายความคิดของชายวัยกลางคนถูกต่างหากก็มีอยู่แค่เรื่องเดียว ที่ประมุขแห่งตระกูลหวังต้องการจะทำให้มันเป็นชิ้นเป็นอัน อาจจะจริงจังกับเรื่องนี้มากกว่าเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันด้วยซ้ำ“ครับ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปรับเธอ” และพิธานก็ไม่คิดปฏิเสธให้อีกฝ่ายเสียหน้า แม้กำหนดที่การณ์ที่เขาต้องกลับจะเป็นคืนนี้ก็ตาม แต่ไม่เป็นไร กลับช้ากว่าเดิมนิดหน่อยเพื่อเจอคู่หม
ร่างสูงใหญ่ก้าวขายาวๆ ออกจากลิฟต์ และหยุดลงหน้าห้องที่พักหลังมาบ่อยยิ่งกว่าที่พักของตัวเอง พิธานยกมือขึ้นกดรหัสหกหลักที่จำได้ขึ้นใจ ก่อนจะดันประตูบานใหญ่ให้เปิดออกแผ่วเบา เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้เจ้าของห้องไม่รู้ตัว แต่ถ้าทำให้เธอประหลาดใจได้ มันก็น่าสนุกดีไม่ใช่เหรอ?แต่ภายในห้องที่ปิดไฟจนมืดสนิทก็ทำให้พิธานเป็นฝ่ายที่ต้องประหลาดใจเสียเอง เขาอยู่กับดอกแก้วมาหลายเดือน มั่นใจว่าเธอไม่ใช่คนที่เข้านอนเร็วกว่าสี่ทุ่มแบบนี้แน่นอน เป็นไปได้มากกว่าถ้าเธอจะออกไปเที่ยว... แต่โทษเธอก็คงไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้แจ้งก่อนว่าจะมาหา และเขาก็เป็นคนพูดเองว่าให้อิสระกับเธอเต็มที่ อยากไปเที่ยวไหน อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจ ขอแค่ไม่กระทบเวลาของเขาก็เพียงพอถึงจะคิดแบบนั้น แต่พิธานก็อดผิดหวังไม่ได้ อาจจะเพราะเขาเคยชินที่ดอกแก้วอยู่ต้อนรับเขาเสมอ ไม่ว่าจะบอก หรือไม่บอกก่อนก็ตาม ดอกแก้วที่เขารู้จักเป็นคนติดบ้าน ไม่ชอบออกไปไหนเท่าไหร่ แต่บางทีเขาอาจจะรู้จักดอกแก้วน้อยไปแต่ในตอนที่พิธานกำลังจะหมุนตัวกลับนั้นเอง หางตาของเขาก็ดันไปเห็นแสงไฟที่ลอดช่องเล็กๆ จากใต้ประตูห้องนอนออกมาเข้า หลังจากนั้นก็มีเงาดำเดินผ่านไปจนแสงที่เ
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว