เสียงโทรศัพท์ทำให้นลินลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์จากทางไกล เขารีบกดรับขณะหันมองไปทางพยัคฆ์ที่ส่งเสียงอือพลางปัดป่ายมือราวกับหาเขา นลินรีบหยิบหมอนข้างวางเบาๆ ให้คนที่ยังอยู่ในห้วงนิทรากอดแทนตัวเขา
นลินยิ้มกว้างขณะค่อยๆ ย่องลงจากเตียง หยิบเสื้อเชิ้ตของพยัคฆ์ที่หล่นข้างเตียงมาสวมลวกๆ แล้วรีบเดินออกจากห้องนอนเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับของพยัคฆ์
“ครับแด๊ด”
“หลับอยู่รึเปล่าน่ะนลิน แด๊ดโทร. มาปลุกหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“เห็นกดรับแด๊ดตั้งนานแล้วไม่พูด แด๊ดเกือบวางสายแล้วนะ”
“พี่พยัคฆ์หลับอยู่ครับ นลินไม่อยากกวน นี่ออกมาคุยนอกห้องครับ” นลินบอกปลายสายพลางสาวเท้าลงบันได
“ตกลงว่าชอบพอกันจริงๆ ใช่ไหม”
นลินยิ้มกว้าง หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงพูดได้ไม่เต็มปาก และก็ไม่รู้ว่ากล้ารับอย่างภาคภูมิใจแบบนี้ไหม แต่เพราะอีกฝ่ายคือพยัคฆ์ เขาถึงได้รู้สึกมีความสุขมากขนาดนี้
“นลินรักพี่พยัคฆ์ครับ แล้วพี่พยัคฆ์ก็รักนลินด้วย เอ่อ...แด๊ดจะว่านลินไหม
พายุเปิดตู้เซฟเพื่อนำเงินที่เก็บไว้สำหรับฉุกเฉินใส่กระเป๋าเดินทางแบบถือ แล้วหยิบปืนที่เก็บไว้มาตรวจสอบกระสุนจากนั้นจึงเหน็บกับหลังเอว แล้วปิดกระเป๋าให้เรียบร้อยเขารีบหนีเอาตัวรอดก็เพราะมีเส้นสายโทร. มาบอกเมื่อชั่วโมงก่อนว่ากำลังจะออกหมายจับเขา และอีกไม่นานคงมีตำรวจตามจับเขาถึงบ้าน ซึ่งเขาจะไม่ยอมติดคุกติดตะรางเด็ดขาด เขาทำทุกอย่างมาขนาดนี้ จะยอมถูกจับง่ายๆ หรือ?ไม่มีทาง!“นายครับ รีบไปเถอะครับ”“แล้วติดต่อท่านภีมะได้ไหม”“ไม่เลยครับ ท่านไม่ยอมรับสายเลยครับ”“พอทีแบบนี้แล้วหัวหดทันทีเลยนะ” พายุเอ่ยพลางส่งกระเป๋าถือให้ลูกน้องทันที“นายจะให้แจ้งเรื่องนี้กับคุณรุ้งคุณหมอกไหมครับ”“ให้ฉันหนีไปได้ก่อนแล้วค่อยบอกยายรุ้งกับนายหมอก นายหมอกมันดูบริษัทนี้ได้แน่ ส่วนยายรุ้งก็ให้มันช่วยจัดการไอ้เด็กนั่นต่อ ถ้ายังมีมัน...สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่า คิดว่าฉันทำเรื่องมากมายจนให้ผัวเมียแยกกัน ฆ่าพ่อของลาภิณเพื่ออะไรกันล่ะ ก็เพื่อที่จะทำให้เราฮุบธาดากรุ๊ปได้ ฉั
ตึก! ตึก!เสียงฝีเท้าวิ่งไปตามตรอกซอกซอย มือใหญ่กุมมือเล็กแน่น ก่อนจะได้ยินเสียงคนกลุ่มใหญ่วิ่งตามมาทำให้ทั้งคู่มองหน้ากันเพื่อปรึกษาหารือ แม้จะเป็นตรอกเล็กและซอยแคบๆ ทว่าก็เป็นทางโล่งๆ ที่หาที่หลบภัยได้ยากเหลือเกิน พยัคฆ์เหลือบเห็นถังขยะขนาดใหญ่จึงฉุดมือคนรักให้ไปนั่งหลบด้วยกัน นลินรีบกดโทรศัพท์ส่งข้อความหาเบนนี่พร้อมทั้งแชร์โลเคชันพยัคฆ์กดรับโทรศัพท์ที่สั่นครืดๆ ทันที “ว่าไงไอ้นับ”“มึงอยู่ไหนวะ อลันกับคนของเรามาแล้ว”“เดี๋ยวกูแชร์โลฯ ให้…”ปัง!“พวกมันอยู่ทางนี้!”พยัคฆ์กดศีรษะคนรักให้ก้มลงก่อนจะกรอกเสียงผ่านปลายสาย “ตามเสียงปืนมาเลยไอ้นับ”นลินสบตาพยัคฆ์ที่เขายินดีฝากชีวิตให้ มั่นใจเหลือเกินว่าพยัคฆ์สามารถปกป้องเขาได้ ชายหนุ่มเห็นแววตาว้าวุ่นร้อนใจก็ยิ่งคลี่ยิ้มอย่างอดไม่อยู่“ยิ้มอะไรน่ะนลิน มันใช่เวลาไหมเนี่ย” พยัคฆ์เอ่ยก่อนจะมองหาทางหนีไปจากตรงนี้“พี่พยัคฆ์น่ารักนี่ครับ ปกป้องนลินขนาดนี้...นลินจะไม่ยิ้มได้ยังไงกัน”พยัคฆ์รู้สึกตาพร่าไปหมดเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานของคนรัก หากไม่คิดว่ากำลังถูกยิงใส่และหนีตาย เขาคงจับนลินจูบแล้วเปลื้องผ้าตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด“ไว้พูดแบบนี้ตอนรอดจากดง
พราวรุ้งที่นั่งรออยู่นานสองนานเพื่อจะได้เจอพี่ชาย ในที่สุดก็สามารถเข้าไปหาพี่ชายได้ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นตอนนี้คือความสงบนิ่ง ซึ่งแตกต่างจากเธอที่ร้อนใจ“พี่พายุ ทำไมพี่ถึงได้โดนจับได้ล่ะ”“ช่างเรื่องของพี่ก่อน รุ้งรู้ใช่ไหมว่าคนที่ขุดเรื่องของพี่เป็นใคร”“ใช่ พี่พายุบอกรุ้งเองว่านลินกับพยัคฆ์กำลังขุดเรื่องของพี่”“รุ้งต้องช่วยจัดการต่อ รุ้งต้องนึกถึงตาภัค”“พี่พายุหมายความว่าไง” พราวรุ้งชะงักก่อนจะกระซิบถาม “พี่พายุจะให้รุ้งฆ่าเด็กนลินน่ะเหรอ”“หรือรุ้งอยากให้ตาภัคไม่ได้อะไรล่ะ ถ้าลาภิณรู้ว่าลูกเมียตัวเองยังมีชีวิตอยู่ รู้ว่าลูกตัวเองอยู่ใกล้แค่เอื้อม ก็คง...อยากจะยกธาดากรุ๊ปให้ลูกชายที่เกิดจากแม่ที่เขารัก ไม่ใช่แม่ที่เขาชังแบบเธอใช่ไหมล่ะยายรุ้ง”พราวรุ้งกัดริมฝีปากของตัวเอง เดิมทีนางไม่ได้สนใจธาดากรุ๊ป และเพราะนางไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขนาดฆ่าใครได้ จึงได้แต่ปล่อยข่าวว่าคิดจะฆ่าตฤนและนลิน หวังว่ามันจะเข้าหูของตฤนแล้วคิดหนีไป ทว่าตอนนั้นเองที่พายุยื่นมือเข้าช่วย แต่แล้วอุบัติเหตุครั้งนั้นกลายเป็นเพียงการจัดฉาก“พี่เคยทำ
นลินนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินขณะจับมือบิดาไว้ตลอด ซึ่งข้างกายมีพยัคฆ์คอยปลอบเป็นระยะๆ กระทั่งคุณหมอออกมาจากห้องฉุกเฉินนลินและพยัคฆ์จึงรีบสาวเท้าไวๆ เข้าไปหาคุณหมอ“ญาติของคุณภัคพลใช่ไหมครับ”“ครับ ผมเป็นพี่ชาย น้องชายของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ตอนนี้ได้สติแล้วนะครับ จากที่ตรวจเบื้องต้นมีอาการบาดเจ็บภายในและสมองบวมจากการกระแทก แต่เท่าที่ทำเอ็มอาร์ไอไม่จำเป็นต้องผ่าตัดครับ อาจต้องรอดูอาการในห้องไอซียูสักยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าไม่มีอะไรก็จะย้ายเข้าห้องพักฟื้นได้ครับ ส่วนอาการอื่นๆ ก็จะใช้ยาช่วยรักษา”“ไม่มีกระดูกหักอะไรใช่ไหมครับ”“ไม่มีครับ ถือว่าโชคดีมากกับการถูกกระแทกแรงขนาดนั้น”นลินคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจก่อนจะหันไปหาบิดาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งนั่นทำให้ลาภิณโล่งใจตามไปด้วย นลินหันไปพูดคุยกับคุณหมออีกไม่กี่ประโยค ก่อนจะเดินตามพยาบาลไปเพื่อกรอกแบบฟอร์มข้อมูลผู้ป่วยเพื่อเข้าพักรักษาตัวในห้องไอซียู จากนั้นจึงเดินกลับมาพูดคุยกับบิดา“น้องภัคปลอดภัยดีนะครับคุณพ่อ แต่คุณหมออยากให้
“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วตาเพชร ทั้งหมดแกก็ทำตัวเองทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะแก...ฉันก็ไม่ต้องมาอยู่ในบ้านเช่าโกโรโกโสแบบนี้หรอก”“แม่อย่ามาโทษเพชรนะ แม่ทำตัวเองทั้งนั้น เพชรกำลังท้องแท้ๆ แม่จะพาเพชรมาเป็นภาระทำไมล่ะ”“ก็เพราะแกท้องไม่มีพ่อไงล่ะ แกทำให้ไอ้พยัคฆ์นั่นฉีกหน้าฉันจนอับอาย หน้าฉันชาไปหมด เดี๋ยวนี้ไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดเรื่องแกท้องไม่มีพ่อจนฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไม่นับไอ้พวกข่าวซุบซิบที่ว่าแกนอนกับอัลฟ่าไม่เลือกหน้า”“เรื่องเพชรท้องไม่มีพ่อมันน่าอายสำหรับแม่ก็จริง แต่ไม่ใช่เหตุผลให้ตำรวจและคนของพี่พยัคฆ์ไล่ล่าจนแม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาลำบาก”“เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงหรอก ฉันหาวิธีจัดการไอ้พยัคฆ์แล้ว”“ยังไง? แม่จะทำยังไง ส่งมือปืนไปอีกเหรอ”มุกรวีเงื้อมือขึ้นจะตบหน้าลูกชาย ก่อนจะกำแน่น แม้นางจะโกรธ จะโมโหเพชรอันดาแค่ไหน แต่อีกฝ่ายก็คือลูกชายคนเดียวของนาง ทั้งยังกำลังตั้งครรภ์หลานของนาง นางจึงได้แต่ทิ้งมืออย่างกระฟัดกระเฟียด“หุบปากไ
ร่างบอบบางของคนรักที่ทรุดลงไปตรงหน้าทำให้สติของพยัคฆ์ขาดผึ่ง ชายหนุ่มลั่นไกใส่อัลฟ่าฉกรรจ์ที่เมื่อครู่ลวนลามคนรักของเขาท่าทางโกรธจัดของพยัคฆ์ทำให้เพชรอันดาขยับออกห่างมารดา ก่อนจะวิ่งไปทางนับสิบที่กวักมือเรียก ชายหนุ่มมองหน้านับสิบพลางรั้งแขนอีกฝ่ายไว้“ช่วยแม่ของเพชรด้วยนะครับพี่นับสิบ”“เสียใจด้วยนะครับน้องเพชร ทำกับนลินแบบนั้น ไอ้พยัคฆ์ไม่เอาไว้แน่ ถ้าทำมันมันอาจจะไว้ชีวิต แต่ทำกับคนรักมันแบบนั้น ถ้าแม่ของน้องเพชรยังไม่ยอมหยุด คงไม่มีใครช่วยได้”เพชรอันดาเม้มปากแน่น ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นมารดาหยิบปืนออกมา เขาจึงรีบพุ่งกายไปหามารดาทันที เขาจะไม่ยอมให้มารดาฆ่าตัวตายแบบนี้เด็ดขาด“ออกห่างจากนลินซะคุณมุกรวี”“เหอะ! แกรักมันมากใช่ไหมล่ะพยัคฆ์”พยัคฆ์ขบกรามแน่นเมื่อมุกรวีจ่อปืนไปยังขมับของคนที่ไม่ได้สติ หากนลินไม่หมดสติเขามั่นใจว่านลินเอาตัวรอดได้ และเขาแน่ใจว่ามุกรวีทำอะไรคนรักเขาไม่ได้แน่ ทว่าตอนนี้นลินไม่ได้สติ ทั้งมุกรวีคิดใช้คนรักของเขาเป็นโล่กำบัง“คุณแม
ช่วงเที่ยงในวันถัดมาพยัคฆ์ได้ย้ายออกจากห้องไอซียูมายังห้องพักฟื้น ซึ่งนลินได้แต่เฝ้ารอให้เขาฟื้น ชายหนุ่มกุมมือใหญ่ของพยัคฆ์แล้วกดริมฝีปากกับหลังมือของอีกฝ่าย“พี่พยัคฆ์...เมื่อไหร่จะฟื้นซะทีล่ะครับ” นลินเอ่ยถามพลางเอียงแก้มกับฝ่ามือใหญ่หากเป็นปกติ...พยัคฆ์คงเอามือลูบติ่งหูของเขา และคงดีใจมากที่เขาใส่ต่างหูที่พยัคฆ์ซื้อให้ ตอนนี้นลินนึกถึงมือใหญ่ๆ ที่ชอบจับติ่งหูเขา นึกถึงยามที่จมูกโด่งคลอเคลียกับใบหูของเขานลินชอบต่างหูที่พยัคฆ์ซื้อให้จริงๆ นั่นแหละ และถูกใจยิ่งขึ้นเมื่อสีที่พยัคฆ์เลือกให้คือสีแดงซึ่งเหมาะกับเขา ขับผิวขาวของนลินได้เป็นอย่างดี“พี่พยัคฆ์รู้ไหม เมื่อคืนตอนนลินเห็นพี่ในห้องไอซียู นลินรู้สึกไม่ดีเลย...ไม่ดีสุดๆ พี่พยัคฆ์ต้องตื่นมาได้แล้วนะ ถึงเราจะไปด้วยกันไม่ได้ แต่พี่พยัคฆ์ต้องตื่นมาให้นลินเห็นก่อนสิครับ”เสียงเคาะประตูไม่ได้ทำให้นลินลุกออกจากเก้าอี้ข้างเตียง กระทั่งเบนนี่เดินเข้ามาใกล้“คุณหนูครับ ต้องไปแล้วนะครับ”“ขออีกนิดนะเบนนี่”“ไม่ได้แล
นลินเท้าคางมองอาคารและบรรยากาศที่คุ้นเคยมาเกือบยี่สิบปี ทุกครั้งที่ต้องไปเป็นตัวแทนของแม็กมารีนาซเพื่อเดินทางไปต่างรัฐหรือต่างประเทศ ยามได้กลับบ้านเขาจะดีใจมากและมีความสุขทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาอยากให้ยืดเวลาออกไป ไม่ใช่ด้วยสาเหตุที่เป็นห่วงพยัคฆ์เพราะเขาได้รับข้อความที่ตรีวิทย์ส่งมาบอกแล้ว ทั้งยังเห็นข้อความของพยัคฆ์ที่ส่งทิ้งไว้ในแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์กแม้จะสบายใจแล้วว่าพยัคฆ์ปลอดภัยดี ทั้งยังรู้สึกตัวแล้ว แต่เขาก็ยังกังวลสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเผชิญหน้า ชายหนุ่มมองเสี้ยวหน้าใจดีของเทรนต์ที่วางมือบนศีรษะของเขา“กังวลเหรอนลิน”“ครับ นลินไม่รู้จะพูดกับคุณแม่เรื่องคุณพ่อยังไง”“ความจริงไงล่ะนลิน มินนี่ไม่ใช่คนโง่หรอกนะนลิน แด๊ดคิดว่ามินนี่คงคิดอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ที่นลินโทร. มาบอกว่าจองตั๋วกลับมานี่แล้วล่ะ”“มันพูดยากนี่ครับ นลินไม่รู้ว่าคุณแม่จะรู้สึกยังไงกับความจริงที่ได้รู้”“ไม่มีใครรู้นอกจากเจ้าตัวหรอก นลินต้องไม่คิดแทนคนอื่นนะรู้ไหม”&ld
เสียงเข้มที่กำลังโวยวายอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์ศตาวุทธิพงศ์ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาถึงต้องชะงัก ไม่ได้ชะงักเพราะเสียงด้านใน แต่ชะงักเพราะเด็กทั้งหกคนที่กำลังยืนออกันหน้าห้อง เป็นเหตุให้ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปในวัยเกือบสี่สิบกระแอมเรียกเจ้าเด็กทั้งหก“อะแฮ่ม! มาแอบฟังอะไรตรงนี้” พยัคฆ์แกล้งเอ่ยเสียงเข้ม“คุณพ่อ! กลับมาแล้วเหรอครับ” พลินทร์เอ่ยถามก่อนจะมองหน้าน้องๆ พลางย่นคอด้วยกลัวว่าจะถูกตำหนิ“กลับมาแล้วครับ มามะ! มาหาพ่อนี่มา”เด็กแฝดสามคู่วิ่งเข้าหาบิดาพลางยืนล้อมรอบ ก่อนพยัคฆ์จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงของคุณนายแห่งศตาวุทธิพงศ์ยังคงอาละวาดลูกน้องคนสนิทในฐานะซีอีโอแห่งแม็กมารีนาซ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งรับตำแหน่งนี้ไปเมื่อสี่ปีก่อน“คุณแม่โกรธลุงเบนนี่มากเลยฮะ” พริษฐ์เอ่ยพลางทำสีหน้าแหยงๆ“แม่เรากลับมานานแล้วเหรอ”“คุณแม่ไปรับพวกเราครับ ลุงเบนนี่เพิ่งมาเมื่อกี้ แล้วก็ระเบิดลงตู้มๆ เลยครับ”พยัคฆ์มองดวงตากลมโตของโอเม
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่บ่นว่านอนหลับไม่สนิททำให้ซีอีโอหนุ่มแห่งสตาร์ไลท์คลี่ยิ้ม ค่อยๆ ปิดหนังสือนิทานที่เขาไม่แน่ใจว่าอ่านให้ลูกหรือแม่ฟังกันแน่ ทว่าหากมันทำให้นลินหลับได้นานขึ้นสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย เขารู้ว่าช่วงนี้นลินลำบากไม่น้อย หลังจากที่นลินเริ่มสร้างรังเมื่อเกือบเจ็ดเดือนก่อน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนกำหนดคลอด นลินก็ยิ่งทั้งกลัว ทั้งกังวล กอปรกับเจ้าก้อนตัวยักษ์ในท้องนลินที่แข็งแรงจนพากันดิ้นถี่ขึ้นทำให้นลินแทบไม่ได้พักผ่อนเลยพยัคฆ์ค่อยๆ ประคองศีรษะของนลินเพื่อให้หนุนหมอนดีๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยเขาดูแลนลินตั้งแต่นลินท้องเข้าสู่เดือนที่เจ็ด‘หลับแล้วเหรอ’นวมิณทร์เอ่ยถามพยัคฆ์โดยไม่มีเสียง พยัคฆ์พยักหน้ารับก่อนจะใช้หมอนสำหรับคนท้องช่วยประคองให้นลินได้หลับสบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ ผุดลุกจากเตียงทั้งสองค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนใหญ่แห่งศตาวุทธิพงศ์ พยัคฆ์ปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่นลินหลับได้เสียที“นลินหลับนาน
“ไหวแน่นะครับคุณหนู”“อือ ไปจัดการที่เหลือเถอะไป มีปัญหาอะไรก็โทร. มาละกัน”“อยู่คนเดียวได้แน่นะครับ วันนี้คุณพยัคฆ์ไม่อยู่ใช่ไหมครับ หรือว่าจะไปโรงพยาบาล”“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะพาร์ดี้ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเบนนี่บ่นอีกหรอก”“แต่ว่าคุณหนูดูไม่ดีเลยนะครับ”เสียงพูดคุยของเจ้านายหนุ่มและลูกน้องทำให้หญิงสูงวัยที่ควบตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านและพี่เลี้ยงของสองหลานชายแห่งศตาวุทธิพงศ์รีบเดินออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“เกิดอะไรขึ้นคะคุณนลิน ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะคะ”“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ว่าจะกลับมานอนพักหน่อย ป้าเปลวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” นลินตอบคำถามพลางยิ้มอ่อน ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท “ไปได้แล้วพาร์ดี้ ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีด้วย”“ครับคุณหนู” พาร์ดี้รับคำทว่าไม่วายละล้าละลังด้วยความเป็นห่วง“ไปเดี๋ยวนี้เลยพาร์ดี้” นลินออกคำสั่งอีกครั้งพาร์ดี้จึงได้แต่หมุนกายออกวิ่งไปที่รถ
กลิ่นอากาศสดชื่น บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงกิ่งไม้เสียดสี ต้นไม้สูงล้อมรอบบ้านทำให้คนที่ต้องการพักกายพักใจยอมรับว่าที่นี่เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศจริงๆ ทว่า...หัวใจของเขาตอนนี้มันยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นได้เลยสักนิดดวงตาเรียวสวย หางตายกขึ้นเล็กน้อยขณะหลับตาเพื่อสูดอากาศเย็นยามเช้าตรู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นขณะกอดอก สายตาเหลือบเห็นกำไลหินโกเมนสีแดงดำบนข้อมือก็ต้องเม้มปากอีกครั้งการจากไปของลาภิณ...บิดาผู้ให้กำเนิดอย่างไม่มีวันกลับนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ทุกคนคาดสักนิด หลังงานแต่งงานของนลินและพยัคฆ์เพียงสามวัน วันที่สี่ในช่วงเช้าตรู่นวมิณทร์ก็เป็นคนโทร. มาบอกนลินว่าบิดาของเขาจากไปอย่างสงบ เพียงหลับไปในช่วงกลางคืนแล้วไม่ตื่นอีกเลยนลินไม่รู้ว่ามารดาของเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องพบว่าคนที่พูดคุยด้วยก่อนเข้านอนจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกในเช้าตรู่วันถัดมา ตลอดการจัดงานศพเจ็ดวันนั้น มารดาของเขามักจะแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียวที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามารดาของเขาเสียใจแค่ไหน และเป็นเรื่องดีแล้วที่หลังจากเสร็จสิ้นงานไม่กี่วันเทรนต์ก็พานวมิณท
เมื่อพิธีกรประกาศให้บ่าวสาวลงจากเวทีได้ ทั้งคู่จึงเลือกจะเดินไปหาคนที่ได้รับช่อดอกไม้ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น“พี่ไม่คิดว่าเพชรกับคุณลุงจะมาร่วมงานด้วย เพราะพี่กับนลินทำให้แม่ของเพชร...”“ไม่ครับ” เพชรอันดารีบค้านพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่พยัคฆ์กับคุณนลินไม่ผิดนี่ครับ”“เรียกนลินเฉยๆ หรือจะเรียกว่าน้องนลินก็ได้ครับ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” นลินเอ่ยพลางระบายยิ้ม“ขอบคุณนะครับที่ยอมรับเพชรเป็นคนในครอบครัว ทั้งที่คุณแม่ของเพชรทำเรื่องเลวร้ายกับพี่พยัคฆ์และน้องนลินไปเยอะเลย เพชรเองก็เคยทำไม่ดีกับนลินด้วย”“นลินเข้าใจพี่เพชรนะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ ทุกคนมีข้อด้อยและเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น นลินกับพี่พยัคฆ์เองก็เคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แต่พี่เพชรก็ยังคิดได้ ยังคิดกลับตัว ตอนนี้พี่เพชรก็เข้าไปช่วยงานคุณลุง แล้วก็พยายามดูแลตัวเองกับลูก นลินเชื่อว่าพี่เพชรจะเป็นแม่ที่ดีแน่ๆ ครับ”“และพี่ก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เพชรคงไ
งานแต่งงานกลางแจ้งถูกเนรมิตขึ้นที่คฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งเป็นความคิดของนวมิณทร์ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลาภิณมากที่สุด แม้คราแรกพยัคฆ์ต้องการจะให้มีการแต่งงานใหญ่โตในโรงแรม ทว่าเมื่อนลินบอกความต้องการ พยัคฆ์ก็พร้อมจะเปลี่ยนให้ แต่พยัคฆ์ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ แม้จะเป็นการจัดงานในคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ก็ไม่วายเชิญนักข่าวและแขกเหรื่อเกือบห้าร้อยคนมาร่วมงาน โดยใช้พื้นที่หน้าคฤหาสน์ได้อย่างคุ้มค่ารั้วคฤหาสน์ถูกแต่งด้วยดอกโบตั๋นหลากสีอันเป็นกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ บริเวณหน้าคฤหาสต์ตกแต่งด้วยทางเดินพุ่มลาเวนเดอร์ และมีโต๊ะจีนกว่าห้าสิบโต๊ะซึ่งกลางโต๊ะประดับแจกันดอกโบตั๋นแซมดอกลาเวนเดอร์อันเป็นฟีโรโมนของคู่บ่าวสาวในวันนี้พิธีแบบไทยถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงของคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งทางเจ้าภาพขอจัดแบบส่วนตัวเฉพาะคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรผิวสองสีที่อยู่ในชุดแต่งงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทหรูสามชิ้นสีครีมเข้มและโบหูกระต่ายสีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตจัดแต่งทรงอย่างดี เปิดหน้าผากให้เห็นใบหน้าคม คิ้วเข้มหนา ดวงตาคมปลาบ เสริมให้พยัคฆ์ยิ่งดูห
นวมิณทร์คลี่ยิ้มเมื่อเห็นลาภิณยังคงนั่งหลับตาในศาลาแปดเหลี่ยมที่ล้อมรอบด้วยกล้วยไม้นานาพันธุ์ ซึ่งครึ่งหนึ่งนั้นเขาเป็นคนดูแลเมื่อในอดีต เขาคิดว่าที่นี่จะถูกทำลายหรือรื้อไปจนหมด กระทั่งได้กลับมาเห็นอีกครั้ง จึงได้รู้ว่าที่นี่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี“น้องตฤนกลับมาแล้วเหรอ” ลาภิณทักทั้งที่ยังไม่ลืมตา“รู้ได้ไงครับว่าเป็นตฤน”“พี่จำเสียงฝีเท้าตฤนได้”นวมิณทร์ทรุดกายนั่งบนม้านั่งข้างรถเข็นของลาภิณก่อนจะกุมมืออีกฝ่ายไว้ นั่นทำให้ลาภิณลืมตาขึ้นมองพลางวาดยิ้ม ทุกครั้งที่ลืมตามาแล้วเห็นนวมิณทร์ ลาภิณมักคิดเสมอว่าเขากำลังอยู่ในห้วงฝันดี“พี่ลาภิณมีความสุขไหมครับ”ลาภิณพยักหน้า “พี่มีความสุขสิ มีความสุขที่ตฤนยังอยู่ตรงนี้ มีความสุขที่ลูกของเราเองก็มีความสุข”“ตฤนก็มีความสุขครับ”“สำหรับพี่แล้ว...แค่ตฤนกับนลินมีความสุข พี่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”“แน่นอนครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ตฤนจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ไปตลอดชีวิต และตฤนจะรักษาสั
นลินลอบยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางของคนรักที่อยู่ไม่นิ่ง ตั้งแต่วันที่พยัคฆ์วิดีโอคอลหาเทรนต์ ก็ดูขยาดยามพูดถึงจนเขานึกอยากรู้เสียเหลือเกินว่าพูดคุยกันอีท่าไหน ทว่าทุกครั้งที่พยายามถามพยัคฆ์ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง ไม่ก็เปลี่ยนเรื่องพูดเสียจนเขาขี้เกียจจะซักไซ้ ทว่าวันนี้บิดาของเขาบินมาแล้ว หากถามจากพยัคฆ์ไม่ได้ เขาก็แค่ถามเอากับบิดา“พี่พยัคฆ์ทำตัวเหมือนเด็กเลยนะครับ แด๊ดไม่ได้จะมาฆ่าพี่พยัคฆ์ซะหน่อย”“น้อยไปน่ะสินลิน”“ตกลงว่าพี่พยัคฆ์ได้คุยกับแด๊ดจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”“ก็เพราะคุยแล้วไง อาเทรนต์คาดโทษพี่ไว้ พี่ต้องตายแน่ๆ เลยนลิน นลินต้องช่วยพี่นะครับ”น้ำเสียงออดอ้อนของคนรักทั้งสายตาเหมือนหมาน้อยก็ทำให้นลินนึกสงสารตามไปด้วย มือใหญ่ดึงมือเล็กมาแนบกับแก้ม ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหา นลินจึงลูบแก้มอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอย่างนึกเอ็นดู“นลินจะช่วยพี่พยัคฆ์เองครับ พี่พยัคฆ์เป็นของนลิน คนอื่นห้ามรังแก นลินรังแกได้คนเดียว”“พี่จะยอมให้นลินรังแกคนเดียว”นับสิบที่ติดตามมาด้ว
พยัคฆ์นอนมองเพดานสีขาวด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นลินเงียบหายไปตั้งแต่วันที่เขาได้สติ เขาได้รับข้อความตอบกลับสั้นๆ ในวันนั้นเพียงว่าดูแลตัวเองดีๆ และนับแต่นั้นมาอีกฝ่ายก็เงียบหายไป ไม่ว่าเขาจะเพียรส่งข้อความแค่ไหน หรือโทร. หาอย่างไรก็ไม่มีการตอบรับ ยอมแม้กระทั่งถ่างตารอดึกดื่น ด้วยรู้ว่าเวลาที่แตกต่างกันถึงสิบห้าชั่วโมง ทว่าจนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ยังไม่ติดต่อกลับมา“ห้าวันแล้วนะนลิน ทำไมนลินใจร้ายกับพี่จังเลย โทร. หาก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน”“เลิกบ่นเถอะไอ้พยัคฆ์ มึงบ่นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ นี่กูมาเฝ้ามึงสามวัน มึงก็บ่นสามวัน กูจะไม่มาเฝ้ามึงแล้วนะ”“ก็ดี กูอยากกลับบ้านแล้ว กูจะบินไปหานลิน”“คลั่งรักเหลือเกินนะพ่อ ใจเย็นหน่อยสิวะไอ้พยัคฆ์ ยังไงน้องนลินของมึงก็ต้องกลับมา พ่อเขาอยู่นี่ ยังไงเขาก็ต้องพาแม่เขามา”“แล้วทำไมเขาไม่ติดต่อกูมาล่ะ แค่ตอบข้อความกูนี่มันยุ่งยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ ส่งมาสักคำก็ยังดี นี่อะไรเงียบหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น หรือว่านลินจะทิ้งกูวะไอ้นับ”&ldquo