“แกนะแก นั่งเงียบให้ไอ้พยัคฆ์ถอนผมหงอกฉัน เพราะแกทำตัวแบบนี้นี่ไง ฉันถึงต้องมาลำบากแบบนี้ แกดูไอ้พยัคฆ์สิ อายุมากกว่าแค่ปีเดียวเอง มันได้เป็นถึงซีอีโอ ถึงฉันจะไม่ชอบขี้หน้ามัน แต่มันก็ทำงานเก่ง แกรู้ไหมว่าหลังจากมันขึ้นเป็นซีอีโอสตาร์ไลท์ได้กำไรถึงสี่เท่า แถมยังขยายไปเกือบทุกประเทศในเอเชีย ฉันได้ข่าวมาว่ากำลังจะขยายไปอเมริกาด้วย แล้วดูแกสิ!”
“แม่อย่ามาโทษเพชรนะ” เพชรอันดาตวาดแหวอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“ถ้าแกอ่อยไอ้พยัคฆ์ตั้งแต่แรก ไม่ไปมั่วกับคนอื่น มันก็คงไม่รังเกียจแกแบบนี้ นี่ที่มันไม่รับเป็นพ่อเด็กในท้องแกก็เพราะแกทำสันดานแบบนี้ไง”
“มันเพราะแม่ต่างหาก เพราะแม่เคยรังแกพี่พยัคฆ์ เพราะแม่ไม่เคยญาติดีกับเขา ตอนพี่พยัคฆ์กลับมาใหม่ๆ แม่ก็รวมหัวกับลุงโกเมนรังแกเขา อย่าคิดว่าเพชรไม่รู้ไม่เห็นนะ”
“ไอ้เพชร!” มุกรวีเงื้อมือขึ้นก่อนจะถูกหยุดจากมือใหญ่ด้านหลัง
“ทำอะไรน่ะคุณมุก! มีอะไรกันถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกับลูกเลยหรือไง”
เพชรอันดากอดเอวบิดาทันที วีรภาพเบี่ยงตัวลูก
พระลพกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดแล้วเปิดประตูห้องนอนของลาภิณทันที คนที่นั่งพิงกับหัวเตียงหันมองด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างของพระลพ“มีอะไรพระลพวิ่งเข้ามาไม่เคาะประตูแบบนี้น่ะ”“เรื่องที่คุณท่านให้ผมสืบน่ะครับ เรื่องคุณหนูนลิน”“ว่ายังไงบ้าง”“ใช่แน่ๆ ครับ ต้องใช่คุณหนูนลินแน่ๆ ครับ คุณภัคพูดความจริงครับ”“จริงเหรอพระลพ”“ครับ นี่ครับคุณท่าน นักสืบที่ผมจ้างให้ช่วยสืบ”ลาภิณรับรูปถ่ายจากพระลพด้วยมือสั่นเทา ภาพแอบถ่ายที่ซูมให้เห็นคนในรูปถ่าย ทั้งสีผม...สีตา...โครงหน้าแบบนี้ เขาจำได้ดี ลาภิณลูบนิ้วบนรูปถ่ายอย่างแสนคิดถึง“นลิน...นลินลูกพ่อ...นลินของพ่อจริงๆ”“คุณหนูนลินละม้ายคุณตฤนมากจริงๆ ครับคุณท่าน”“แล้วตอนนี้อยู่ไหน”“ก่อนนี้อยู่ที่บ้านกิตติวรกานต์ครับ แต่เมื่อวานย้ายออกไปอยู่เพ้นต์เฮ้าส์ของคุณพยัคฆ์”“พยัคฆ์? พยัคฆ์ไหน”&ld
เสียงเปิดประตูห้องทำงานทำให้พยัคฆ์คลี่ยิ้มก่อนจะพยักหน้าให้นับสิบรออยู่ด้านนอก ขณะที่ร่างบอบบางซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นตัวยาวสีขาวแต่งลายกราฟฟิกและประดับหมุดกับกางเกงยีนส์ขายาวสีดำแฟชั่นรัดรูปขาดเข่า ยิ่งทำให้คนสวมดูอ่อนกว่าวัยขึ้น ทั้งยังดูน่ารักเสียจนพยัคฆ์ละสายตาไม่ได้“เมื่อเช้าพี่พยัคฆ์หนีมาก่อน ทำไมไม่ปลุกนลินล่ะ”“พี่เห็นนลินกำลังหลับสบายน่ะสิ” พยัคฆ์เอ่ยพลางผุดลุกไปหาคนรักแล้วรั้งอีกฝ่ายนั่งบนตัก “แล้วนี่กินอะไรหรือยัง พี่เตรียมไว้ให้แล้วก่อนออกมา”“แล้วครับ นลินให้พี่นับไปรับมาหาพี่พยัคฆ์ อยู่เพ้นต์เฮ้าส์แล้วไม่มีอะไรทำเลย”“แล้วนลินอยากทำอะไรครับ”“นลินว่าจะไปชอปปิง ว่าจะไปหาชุดสูทใส่ไปงานของคุณพ่อด้วย พี่พยัคฆ์จะไปด้วยกันไหมครับ”“พี่ยังไม่เสร็จงานเลยครับ นลินจะรอพี่หรือไปเดินดูก่อนพลางๆ ล่ะ”“งั้นนลินไปเดินดูพลางๆ ก่อนก็ได้ พี่พยัคฆ์จะได้มีสมาธิทำงาน แล้วเดี๋ยวไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน”“เอาแบบนั้นก็ได้ แ
พระลพที่คอยจับตามองคนรอบงานสนใจเสียงฮือฮาหน้างานเช่นกัน เมื่อรู้ว่าเป้าสายตาของทุกคนคือพยัคฆ์และนลินก็ให้นึกเป็นห่วงคุณหนูของเขา ภัคพลที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงหมายจะออกตัวไปช่วย ทว่าพระลพรีบห้ามไว้ก่อน ด้วยไม่อยากให้เรื่องของนลินได้รับความสนใจไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะครอบครัวของพราวรุ้ง“อย่าเลยครับคุณภัค งานนี้คุณภัคน่าจะทำตัวเป็นไม่รู้จักคุณหนูนลินจะดีกว่านะครับ”“ก็จริงครับ ผมคิดน้อยเกินไปเพราะเป็นห่วงพี่นลิน”“คุณภัคคอยไปอยู่กับคุณพราวรุ้งและคุณลุงคุณน้าของคุณภัคน่าจะดีกว่านะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณหนูนลินไปหาคุณท่าน”“ได้ครับ ผมจะจับตาดูพวกคุณแม่ให้เอง”“ขอบคุณนะครับคุณภัค” พระลพเอ่ยก่อนจะรีบเดินข้ามห้องไป“พระลพไปไหนน่ะตาภัค”“ไปดูคุณพ่อมั้งครับ”“ว่าแต่พ่อเราไปไหนน่ะ ป่านนี้แล้วยังไม่ออกมาเลย”“ช่วงนี้คุณพ่อไม่ค่อยสบายน่ะครับ งานหนักไปหน่อย ภัคก็เป็นห่วงว่าคุณพ่อจะทรุด”“ไม่เป็นไรหรอกตาภัค ถ้าพ่
“นลินไม่ต้องคิดมากนะ นลินไม่ได้ตัวคนเดียว พี่จะคอยช่วยนลินเอง”นลินเงยหน้ามองพยัคฆ์ที่ปลดเสื้อสูทพาดกับพนักเก้าอี้ แล้วพับแขนเสื้อจนถึงข้อศอก ก่อนจะโอบเอวเขาที่นั่งบนเก้าอี้บาร์ แนบหน้าผากกับหน้าผากของเขาราวกับกำลังปลอบ“นลินไม่ได้คิดมาก แล้วก็ไม่ได้กลัว แต่นลินไม่ชอบที่ถูกเป็นเป้า ปกติมีแต่นลินที่เล็งคนอื่น จัดการคนอื่นก่อน แต่นี่มันทำให้น่าหงุดหงิด พวกเขาคิดจริงๆ เหรอว่าจะจัดการนลินง่ายขนาดนั้น ถึงนลินไม่ได้บังเอิญไปได้ยินแผนเข้า นลินก็คงไม่อยู่นิ่งๆ เป็นเป้าให้เขาหรอก”“นลินของพี่น่ะเก่งอยู่แล้ว” พยัคฆ์เอ่ยอย่างเอาใจก่อนจะผละออกห่าง“แล้วเรื่องของพี่พยัคฆ์ล่ะ”“เรื่องของพี่น่ะไม่ยากหรอก พี่จัดการเรื่องของนลินก่อนดีกว่า คุณพ่อของนลินก็ดูโทรมกว่าที่พยายามแสดงออกด้วย พี่เห็นตอนหลังจากทักทายและพูดเปิดงานก็ต้องให้คุณพระลพช่วยพยุงเข้าไปด้านใน”“คุณพ่อคงไม่อยากให้พวกหุ้นส่วนกับคนที่คิดทำลายธาดากรุ๊ปเห็นว่าอ่อนแอ ก็อย่างที่รู้ๆ ว่าธุรกิจคุณพ่อมีแต่คนจ้องตาเป็นมัน นลิน
หลังจากวันที่พยัคฆ์ได้ครอบครองนลินทั้งร่างกายและจิตใจ ได้เป็นเจ้าของนลินอย่างแท้จริง ทั้งยังทิ้งร่องรอยพันธะไว้ พยัคฆ์ก็มักจะเผลอสูดกลิ่นฟีโรโมนของนลินที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะได้กลิ่น ซึ่งนลินเองก็ดูเหมือนจะชื่นชอบเวลาที่อีกฝ่ายซุกใบหน้ากับต้นคอของเขา“อือ...นลินของพี่หอมที่สุดเลย“พี่พยัคฆ์พูดเป็นล้านครั้งแล้วนะ”“ก็พี่พยัคฆ์หัวใจนลินนี่ครับ”“นลินก็หัวใจพี่พยัคฆ์ครับ”นับสิบที่ยืนร่วมลิฟต์ได้แต่กลอกตามองบน ด้วยไม่เคยเห็นไอ้เพื่อนรักตัวร้ายนี่จะหวานขนาดนี้มาก่อน ยิ่งไอ้คำพูดเลี่ยนๆ ที่แทนคำว่ารักด้วยคำว่าหัวใจอย่างเมื่อครู่ซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ยิ่งชวนให้ขนลุก หากอยู่ตามลำพังเขาคงเอ่ยปากแซวไปแล้ว แต่เพราะมีนลินอยู่ด้วยเขาจึงต้องแกล้งทำหูหนวกตาบอดโชคดีนักที่พยัคฆ์ทำพันธะกับนลินไปแล้ว กลิ่นฟีโรโมนจากตัวพยัคฆ์จึงไม่รุนแรงนัก ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องได้กลิ่นดอกโบตั๋นหอมหวานจนชวนให้นึกอยากวิ่งหนีไปไกลๆ“กูไปรอที่รถนะพยัคฆ์ เห็นมึงเลี่ยนขนาดนี้แล้วขนลุก”พยัคฆ์พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก ขณะที่ยังคงโอบเอวและนัวเนียกับร่า
เสียงโทรศัพท์ทำให้นลินลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์จากทางไกล เขารีบกดรับขณะหันมองไปทางพยัคฆ์ที่ส่งเสียงอือพลางปัดป่ายมือราวกับหาเขา นลินรีบหยิบหมอนข้างวางเบาๆ ให้คนที่ยังอยู่ในห้วงนิทรากอดแทนตัวเขานลินยิ้มกว้างขณะค่อยๆ ย่องลงจากเตียง หยิบเสื้อเชิ้ตของพยัคฆ์ที่หล่นข้างเตียงมาสวมลวกๆ แล้วรีบเดินออกจากห้องนอนเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับของพยัคฆ์“ครับแด๊ด”“หลับอยู่รึเปล่าน่ะนลิน แด๊ดโทร. มาปลุกหรือเปล่า”“เปล่าครับ”“เห็นกดรับแด๊ดตั้งนานแล้วไม่พูด แด๊ดเกือบวางสายแล้วนะ”“พี่พยัคฆ์หลับอยู่ครับ นลินไม่อยากกวน นี่ออกมาคุยนอกห้องครับ” นลินบอกปลายสายพลางสาวเท้าลงบันได“ตกลงว่าชอบพอกันจริงๆ ใช่ไหม”นลินยิ้มกว้าง หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงพูดได้ไม่เต็มปาก และก็ไม่รู้ว่ากล้ารับอย่างภาคภูมิใจแบบนี้ไหม แต่เพราะอีกฝ่ายคือพยัคฆ์ เขาถึงได้รู้สึกมีความสุขมากขนาดนี้“นลินรักพี่พยัคฆ์ครับ แล้วพี่พยัคฆ์ก็รักนลินด้วย เอ่อ...แด๊ดจะว่านลินไหม
พายุเปิดตู้เซฟเพื่อนำเงินที่เก็บไว้สำหรับฉุกเฉินใส่กระเป๋าเดินทางแบบถือ แล้วหยิบปืนที่เก็บไว้มาตรวจสอบกระสุนจากนั้นจึงเหน็บกับหลังเอว แล้วปิดกระเป๋าให้เรียบร้อยเขารีบหนีเอาตัวรอดก็เพราะมีเส้นสายโทร. มาบอกเมื่อชั่วโมงก่อนว่ากำลังจะออกหมายจับเขา และอีกไม่นานคงมีตำรวจตามจับเขาถึงบ้าน ซึ่งเขาจะไม่ยอมติดคุกติดตะรางเด็ดขาด เขาทำทุกอย่างมาขนาดนี้ จะยอมถูกจับง่ายๆ หรือ?ไม่มีทาง!“นายครับ รีบไปเถอะครับ”“แล้วติดต่อท่านภีมะได้ไหม”“ไม่เลยครับ ท่านไม่ยอมรับสายเลยครับ”“พอทีแบบนี้แล้วหัวหดทันทีเลยนะ” พายุเอ่ยพลางส่งกระเป๋าถือให้ลูกน้องทันที“นายจะให้แจ้งเรื่องนี้กับคุณรุ้งคุณหมอกไหมครับ”“ให้ฉันหนีไปได้ก่อนแล้วค่อยบอกยายรุ้งกับนายหมอก นายหมอกมันดูบริษัทนี้ได้แน่ ส่วนยายรุ้งก็ให้มันช่วยจัดการไอ้เด็กนั่นต่อ ถ้ายังมีมัน...สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่า คิดว่าฉันทำเรื่องมากมายจนให้ผัวเมียแยกกัน ฆ่าพ่อของลาภิณเพื่ออะไรกันล่ะ ก็เพื่อที่จะทำให้เราฮุบธาดากรุ๊ปได้ ฉั
ตึก! ตึก!เสียงฝีเท้าวิ่งไปตามตรอกซอกซอย มือใหญ่กุมมือเล็กแน่น ก่อนจะได้ยินเสียงคนกลุ่มใหญ่วิ่งตามมาทำให้ทั้งคู่มองหน้ากันเพื่อปรึกษาหารือ แม้จะเป็นตรอกเล็กและซอยแคบๆ ทว่าก็เป็นทางโล่งๆ ที่หาที่หลบภัยได้ยากเหลือเกิน พยัคฆ์เหลือบเห็นถังขยะขนาดใหญ่จึงฉุดมือคนรักให้ไปนั่งหลบด้วยกัน นลินรีบกดโทรศัพท์ส่งข้อความหาเบนนี่พร้อมทั้งแชร์โลเคชันพยัคฆ์กดรับโทรศัพท์ที่สั่นครืดๆ ทันที “ว่าไงไอ้นับ”“มึงอยู่ไหนวะ อลันกับคนของเรามาแล้ว”“เดี๋ยวกูแชร์โลฯ ให้…”ปัง!“พวกมันอยู่ทางนี้!”พยัคฆ์กดศีรษะคนรักให้ก้มลงก่อนจะกรอกเสียงผ่านปลายสาย “ตามเสียงปืนมาเลยไอ้นับ”นลินสบตาพยัคฆ์ที่เขายินดีฝากชีวิตให้ มั่นใจเหลือเกินว่าพยัคฆ์สามารถปกป้องเขาได้ ชายหนุ่มเห็นแววตาว้าวุ่นร้อนใจก็ยิ่งคลี่ยิ้มอย่างอดไม่อยู่“ยิ้มอะไรน่ะนลิน มันใช่เวลาไหมเนี่ย” พยัคฆ์เอ่ยก่อนจะมองหาทางหนีไปจากตรงนี้“พี่พยัคฆ์น่ารักนี่ครับ ปกป้องนลินขนาดนี้...นลินจะไม่ยิ้มได้ยังไงกัน”พยัคฆ์รู้สึกตาพร่าไปหมดเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานของคนรัก หากไม่คิดว่ากำลังถูกยิงใส่และหนีตาย เขาคงจับนลินจูบแล้วเปลื้องผ้าตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด“ไว้พูดแบบนี้ตอนรอดจากดง
เสียงเข้มที่กำลังโวยวายอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์ศตาวุทธิพงศ์ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาถึงต้องชะงัก ไม่ได้ชะงักเพราะเสียงด้านใน แต่ชะงักเพราะเด็กทั้งหกคนที่กำลังยืนออกันหน้าห้อง เป็นเหตุให้ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปในวัยเกือบสี่สิบกระแอมเรียกเจ้าเด็กทั้งหก“อะแฮ่ม! มาแอบฟังอะไรตรงนี้” พยัคฆ์แกล้งเอ่ยเสียงเข้ม“คุณพ่อ! กลับมาแล้วเหรอครับ” พลินทร์เอ่ยถามก่อนจะมองหน้าน้องๆ พลางย่นคอด้วยกลัวว่าจะถูกตำหนิ“กลับมาแล้วครับ มามะ! มาหาพ่อนี่มา”เด็กแฝดสามคู่วิ่งเข้าหาบิดาพลางยืนล้อมรอบ ก่อนพยัคฆ์จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงของคุณนายแห่งศตาวุทธิพงศ์ยังคงอาละวาดลูกน้องคนสนิทในฐานะซีอีโอแห่งแม็กมารีนาซ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งรับตำแหน่งนี้ไปเมื่อสี่ปีก่อน“คุณแม่โกรธลุงเบนนี่มากเลยฮะ” พริษฐ์เอ่ยพลางทำสีหน้าแหยงๆ“แม่เรากลับมานานแล้วเหรอ”“คุณแม่ไปรับพวกเราครับ ลุงเบนนี่เพิ่งมาเมื่อกี้ แล้วก็ระเบิดลงตู้มๆ เลยครับ”พยัคฆ์มองดวงตากลมโตของโอเม
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่บ่นว่านอนหลับไม่สนิททำให้ซีอีโอหนุ่มแห่งสตาร์ไลท์คลี่ยิ้ม ค่อยๆ ปิดหนังสือนิทานที่เขาไม่แน่ใจว่าอ่านให้ลูกหรือแม่ฟังกันแน่ ทว่าหากมันทำให้นลินหลับได้นานขึ้นสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย เขารู้ว่าช่วงนี้นลินลำบากไม่น้อย หลังจากที่นลินเริ่มสร้างรังเมื่อเกือบเจ็ดเดือนก่อน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนกำหนดคลอด นลินก็ยิ่งทั้งกลัว ทั้งกังวล กอปรกับเจ้าก้อนตัวยักษ์ในท้องนลินที่แข็งแรงจนพากันดิ้นถี่ขึ้นทำให้นลินแทบไม่ได้พักผ่อนเลยพยัคฆ์ค่อยๆ ประคองศีรษะของนลินเพื่อให้หนุนหมอนดีๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยเขาดูแลนลินตั้งแต่นลินท้องเข้าสู่เดือนที่เจ็ด‘หลับแล้วเหรอ’นวมิณทร์เอ่ยถามพยัคฆ์โดยไม่มีเสียง พยัคฆ์พยักหน้ารับก่อนจะใช้หมอนสำหรับคนท้องช่วยประคองให้นลินได้หลับสบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ ผุดลุกจากเตียงทั้งสองค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนใหญ่แห่งศตาวุทธิพงศ์ พยัคฆ์ปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่นลินหลับได้เสียที“นลินหลับนาน
“ไหวแน่นะครับคุณหนู”“อือ ไปจัดการที่เหลือเถอะไป มีปัญหาอะไรก็โทร. มาละกัน”“อยู่คนเดียวได้แน่นะครับ วันนี้คุณพยัคฆ์ไม่อยู่ใช่ไหมครับ หรือว่าจะไปโรงพยาบาล”“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะพาร์ดี้ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเบนนี่บ่นอีกหรอก”“แต่ว่าคุณหนูดูไม่ดีเลยนะครับ”เสียงพูดคุยของเจ้านายหนุ่มและลูกน้องทำให้หญิงสูงวัยที่ควบตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านและพี่เลี้ยงของสองหลานชายแห่งศตาวุทธิพงศ์รีบเดินออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“เกิดอะไรขึ้นคะคุณนลิน ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะคะ”“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ว่าจะกลับมานอนพักหน่อย ป้าเปลวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” นลินตอบคำถามพลางยิ้มอ่อน ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท “ไปได้แล้วพาร์ดี้ ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีด้วย”“ครับคุณหนู” พาร์ดี้รับคำทว่าไม่วายละล้าละลังด้วยความเป็นห่วง“ไปเดี๋ยวนี้เลยพาร์ดี้” นลินออกคำสั่งอีกครั้งพาร์ดี้จึงได้แต่หมุนกายออกวิ่งไปที่รถ
กลิ่นอากาศสดชื่น บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงกิ่งไม้เสียดสี ต้นไม้สูงล้อมรอบบ้านทำให้คนที่ต้องการพักกายพักใจยอมรับว่าที่นี่เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศจริงๆ ทว่า...หัวใจของเขาตอนนี้มันยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นได้เลยสักนิดดวงตาเรียวสวย หางตายกขึ้นเล็กน้อยขณะหลับตาเพื่อสูดอากาศเย็นยามเช้าตรู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นขณะกอดอก สายตาเหลือบเห็นกำไลหินโกเมนสีแดงดำบนข้อมือก็ต้องเม้มปากอีกครั้งการจากไปของลาภิณ...บิดาผู้ให้กำเนิดอย่างไม่มีวันกลับนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ทุกคนคาดสักนิด หลังงานแต่งงานของนลินและพยัคฆ์เพียงสามวัน วันที่สี่ในช่วงเช้าตรู่นวมิณทร์ก็เป็นคนโทร. มาบอกนลินว่าบิดาของเขาจากไปอย่างสงบ เพียงหลับไปในช่วงกลางคืนแล้วไม่ตื่นอีกเลยนลินไม่รู้ว่ามารดาของเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องพบว่าคนที่พูดคุยด้วยก่อนเข้านอนจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกในเช้าตรู่วันถัดมา ตลอดการจัดงานศพเจ็ดวันนั้น มารดาของเขามักจะแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียวที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามารดาของเขาเสียใจแค่ไหน และเป็นเรื่องดีแล้วที่หลังจากเสร็จสิ้นงานไม่กี่วันเทรนต์ก็พานวมิณท
เมื่อพิธีกรประกาศให้บ่าวสาวลงจากเวทีได้ ทั้งคู่จึงเลือกจะเดินไปหาคนที่ได้รับช่อดอกไม้ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น“พี่ไม่คิดว่าเพชรกับคุณลุงจะมาร่วมงานด้วย เพราะพี่กับนลินทำให้แม่ของเพชร...”“ไม่ครับ” เพชรอันดารีบค้านพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่พยัคฆ์กับคุณนลินไม่ผิดนี่ครับ”“เรียกนลินเฉยๆ หรือจะเรียกว่าน้องนลินก็ได้ครับ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” นลินเอ่ยพลางระบายยิ้ม“ขอบคุณนะครับที่ยอมรับเพชรเป็นคนในครอบครัว ทั้งที่คุณแม่ของเพชรทำเรื่องเลวร้ายกับพี่พยัคฆ์และน้องนลินไปเยอะเลย เพชรเองก็เคยทำไม่ดีกับนลินด้วย”“นลินเข้าใจพี่เพชรนะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ ทุกคนมีข้อด้อยและเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น นลินกับพี่พยัคฆ์เองก็เคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แต่พี่เพชรก็ยังคิดได้ ยังคิดกลับตัว ตอนนี้พี่เพชรก็เข้าไปช่วยงานคุณลุง แล้วก็พยายามดูแลตัวเองกับลูก นลินเชื่อว่าพี่เพชรจะเป็นแม่ที่ดีแน่ๆ ครับ”“และพี่ก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เพชรคงไ
งานแต่งงานกลางแจ้งถูกเนรมิตขึ้นที่คฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งเป็นความคิดของนวมิณทร์ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลาภิณมากที่สุด แม้คราแรกพยัคฆ์ต้องการจะให้มีการแต่งงานใหญ่โตในโรงแรม ทว่าเมื่อนลินบอกความต้องการ พยัคฆ์ก็พร้อมจะเปลี่ยนให้ แต่พยัคฆ์ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ แม้จะเป็นการจัดงานในคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ก็ไม่วายเชิญนักข่าวและแขกเหรื่อเกือบห้าร้อยคนมาร่วมงาน โดยใช้พื้นที่หน้าคฤหาสน์ได้อย่างคุ้มค่ารั้วคฤหาสน์ถูกแต่งด้วยดอกโบตั๋นหลากสีอันเป็นกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ บริเวณหน้าคฤหาสต์ตกแต่งด้วยทางเดินพุ่มลาเวนเดอร์ และมีโต๊ะจีนกว่าห้าสิบโต๊ะซึ่งกลางโต๊ะประดับแจกันดอกโบตั๋นแซมดอกลาเวนเดอร์อันเป็นฟีโรโมนของคู่บ่าวสาวในวันนี้พิธีแบบไทยถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงของคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งทางเจ้าภาพขอจัดแบบส่วนตัวเฉพาะคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรผิวสองสีที่อยู่ในชุดแต่งงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทหรูสามชิ้นสีครีมเข้มและโบหูกระต่ายสีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตจัดแต่งทรงอย่างดี เปิดหน้าผากให้เห็นใบหน้าคม คิ้วเข้มหนา ดวงตาคมปลาบ เสริมให้พยัคฆ์ยิ่งดูห
นวมิณทร์คลี่ยิ้มเมื่อเห็นลาภิณยังคงนั่งหลับตาในศาลาแปดเหลี่ยมที่ล้อมรอบด้วยกล้วยไม้นานาพันธุ์ ซึ่งครึ่งหนึ่งนั้นเขาเป็นคนดูแลเมื่อในอดีต เขาคิดว่าที่นี่จะถูกทำลายหรือรื้อไปจนหมด กระทั่งได้กลับมาเห็นอีกครั้ง จึงได้รู้ว่าที่นี่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี“น้องตฤนกลับมาแล้วเหรอ” ลาภิณทักทั้งที่ยังไม่ลืมตา“รู้ได้ไงครับว่าเป็นตฤน”“พี่จำเสียงฝีเท้าตฤนได้”นวมิณทร์ทรุดกายนั่งบนม้านั่งข้างรถเข็นของลาภิณก่อนจะกุมมืออีกฝ่ายไว้ นั่นทำให้ลาภิณลืมตาขึ้นมองพลางวาดยิ้ม ทุกครั้งที่ลืมตามาแล้วเห็นนวมิณทร์ ลาภิณมักคิดเสมอว่าเขากำลังอยู่ในห้วงฝันดี“พี่ลาภิณมีความสุขไหมครับ”ลาภิณพยักหน้า “พี่มีความสุขสิ มีความสุขที่ตฤนยังอยู่ตรงนี้ มีความสุขที่ลูกของเราเองก็มีความสุข”“ตฤนก็มีความสุขครับ”“สำหรับพี่แล้ว...แค่ตฤนกับนลินมีความสุข พี่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”“แน่นอนครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ตฤนจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ไปตลอดชีวิต และตฤนจะรักษาสั
นลินลอบยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางของคนรักที่อยู่ไม่นิ่ง ตั้งแต่วันที่พยัคฆ์วิดีโอคอลหาเทรนต์ ก็ดูขยาดยามพูดถึงจนเขานึกอยากรู้เสียเหลือเกินว่าพูดคุยกันอีท่าไหน ทว่าทุกครั้งที่พยายามถามพยัคฆ์ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง ไม่ก็เปลี่ยนเรื่องพูดเสียจนเขาขี้เกียจจะซักไซ้ ทว่าวันนี้บิดาของเขาบินมาแล้ว หากถามจากพยัคฆ์ไม่ได้ เขาก็แค่ถามเอากับบิดา“พี่พยัคฆ์ทำตัวเหมือนเด็กเลยนะครับ แด๊ดไม่ได้จะมาฆ่าพี่พยัคฆ์ซะหน่อย”“น้อยไปน่ะสินลิน”“ตกลงว่าพี่พยัคฆ์ได้คุยกับแด๊ดจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”“ก็เพราะคุยแล้วไง อาเทรนต์คาดโทษพี่ไว้ พี่ต้องตายแน่ๆ เลยนลิน นลินต้องช่วยพี่นะครับ”น้ำเสียงออดอ้อนของคนรักทั้งสายตาเหมือนหมาน้อยก็ทำให้นลินนึกสงสารตามไปด้วย มือใหญ่ดึงมือเล็กมาแนบกับแก้ม ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหา นลินจึงลูบแก้มอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอย่างนึกเอ็นดู“นลินจะช่วยพี่พยัคฆ์เองครับ พี่พยัคฆ์เป็นของนลิน คนอื่นห้ามรังแก นลินรังแกได้คนเดียว”“พี่จะยอมให้นลินรังแกคนเดียว”นับสิบที่ติดตามมาด้ว
พยัคฆ์นอนมองเพดานสีขาวด้วยความรู้สึกหงุดหงิด นลินเงียบหายไปตั้งแต่วันที่เขาได้สติ เขาได้รับข้อความตอบกลับสั้นๆ ในวันนั้นเพียงว่าดูแลตัวเองดีๆ และนับแต่นั้นมาอีกฝ่ายก็เงียบหายไป ไม่ว่าเขาจะเพียรส่งข้อความแค่ไหน หรือโทร. หาอย่างไรก็ไม่มีการตอบรับ ยอมแม้กระทั่งถ่างตารอดึกดื่น ด้วยรู้ว่าเวลาที่แตกต่างกันถึงสิบห้าชั่วโมง ทว่าจนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ยังไม่ติดต่อกลับมา“ห้าวันแล้วนะนลิน ทำไมนลินใจร้ายกับพี่จังเลย โทร. หาก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน”“เลิกบ่นเถอะไอ้พยัคฆ์ มึงบ่นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ นี่กูมาเฝ้ามึงสามวัน มึงก็บ่นสามวัน กูจะไม่มาเฝ้ามึงแล้วนะ”“ก็ดี กูอยากกลับบ้านแล้ว กูจะบินไปหานลิน”“คลั่งรักเหลือเกินนะพ่อ ใจเย็นหน่อยสิวะไอ้พยัคฆ์ ยังไงน้องนลินของมึงก็ต้องกลับมา พ่อเขาอยู่นี่ ยังไงเขาก็ต้องพาแม่เขามา”“แล้วทำไมเขาไม่ติดต่อกูมาล่ะ แค่ตอบข้อความกูนี่มันยุ่งยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ ส่งมาสักคำก็ยังดี นี่อะไรเงียบหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น หรือว่านลินจะทิ้งกูวะไอ้นับ”&ldquo