หลังจากที่ลงจากเวทีแล้ว ฝนก็ไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวกลับห้องพักที่ทางเจ๊นกจัดไว้ให้ เนื่องจากหมู่บ้านของฝนไกลจากตัวจังหวัดถึง 45 กม. ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่สะดวกเดินทางกลับเจ๊นกจึงจัดห้องพักให้เธอพักที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปส่งเธอที่บ้านในตอนเช้าเพราะเธอต้องขายน้ำแข็งไสในตอนกลางวัน และหากมีงานอีกเจ๊ก็จะไปรับเธอในตอนเย็น ๆ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก ๆ ที่เธอทำงานเป็นแดนเซอร์ให้เจ๊นก ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่ทำ ซึ่งช่วงหลัง ๆ เธอมาทำงานให้เจ๊นกเฉลี่ยอาทิตย์ละสี่คืน คือ คืนวันพฤหัสถึงคืนวันอาทิตย์
"ทำไมเอ็งไม่มาทำประจำเลยวะฝน นี่ถ้าเอ็งเต้นไม่เก่งและหาคนแทนได้นะเจ๊จะไม่เรียกแกเด็ดขาดขี้เกียจไปรับไปส่ง พักที่นี่เลยสิเอ็งจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปให้เหนื่อยด้วย ทำประจำไปเลยเงินดีจะตาย ดีกว่าขายน้ำแข็งใสเป็นไหน ๆ เผลอ ๆ อาจจะมีเสี่ยเลี้ยง รูปร่างหน้าตาอย่างเอ็งเนี่ยผู้ชายชอบจะตาย ถึงจะไม่สวยมาก แต่ก็สวยคมมีเสน่ห์ ถ้าแกยิ้มให้มันเก่ง ๆ พูดจาเอาอกเอาใจคนหน่อยนะ ขี้คร้านพวกเฒ่าหัวงูจะตามเอ็งต้อย ๆ ถ้าเอ็งมานะเจ๊จะจัดห้องพักให้เอ็งต่างหาก จะได้ไม่ต้องพักรวมกับคนอื่น ๆ" เจ๊นกเคยถามและเคยบอกกับเธออย่างนั้น แต่ฝนก็ไม่ยอมมาทำประจำสักที พ่อไม่สบาย แม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรง แถมน้องสาวอีกสองคนก็ยังเด็ก ถ้าเธอมาคงไม่มีใครดูแล อีกอย่างนึงภาพลักษณ์ของเธอตอนนี้ในสายตาของคนทั้งหมู่บ้าน ไม่สิทั้งอำเภอเลยดีกว่า ก็คือเด็กใจแตกที่ทำงานร้านอาหาร ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าคนที่ทำงานร้านอาหารจะต้องขายตัวทุกคน ขืนเธอมาทำประจำสิพวกป้า ๆ อา ๆ ข้างบ้าน ได้รุมประนามเธอแน่ ๆ เธอเคยอธิบายกับป้า ๆ อา ๆ ข้างบ้านทั้งหลายเหล่านั้นว่า..เธอไม่ได้ขายตัวแต่ก็ไม่มีประโยชน์ เธอจึงเงียบเสียปล่อยให้คิดกันไปเอาเองเถอะ เราทำอะไรเรารู้อยู่แก่ใจ แต่ชื่อเสียงด้านลบของฝนนั้นบางครั้งก็ถือว่ามีประโยชน์อยู่บ้างเพราะลูกค้าน้ำแข็งใสของเธอส่วนมากเป็นผู้ชายที่อยากจะมาพิสูจน์ดูว่ามันเป็นจริงอย่างที่คนเขาพูดเขาลือกันหรือเปล่าซะมากกว่า จึงไม่แปลกที่ร้านน้ำแข็งใสของเธอจะมีหนุ่ม ๆ แวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำเพราะอยากแทะโลมแม่ค้าคนสวยนั่นเอง เมื่อเดินเกือบจะถึงห้องพักที่อยู่ด้านหลังผับ ฝนก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมกระเป๋าสะพายไว้ในล็อกเกอร์เธอจึงคิดจะเดินย้อนกลับไปเอากระเป๋า ซึ่งมันก็ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ ก็เจอกับนักร้องสาวสวยดาวประจำผับกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมือกลองประจำผับอยู่ ด้วยความตกใจและไม่เคยเจอหนังสดแบบจะ ๆ แบบนี้มาก่อนฝนจึงเปลี่ยนใจไม่เอากระเป๋าแล้ว ไม่อยากรบกวนกิจกรรมเข้าจังหวะของคนทั้งสอง พรุ่งนี้ค่อยมาเอาดีกว่าอย่างน้อยเธอก็ล็อกกุญแจอยู่ ทิปสามพันที่ได้มาคงไม่หายหรอกมั้ง เธอจึงเดินอ้อมออกไปอีกทาง และทางนี้ก็เป็นลานจอดรถของลูกค้าและเป็นบริเวณที่สูบบุหรี่ด้วย ตอนนี้น่าจะเที่ยงคืนกว่า ๆ ผู้คนยังคงสนุกสนานกันอยู่ในผับ ฝนเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณที่สูบบุหรี่ เธอก็เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ เพราะมัวแต่ใจเต้นตึกตักกับหนังสดที่เพิ่งเจอมา แล้วจู่ ๆ ก็เจอผู้ชายที่มีกลิ่นไอของความไม่ธรรมดาแผ่ซ่านออกมารอบตัว ฝนจึงสะดุดขาตัวเอง และลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่แทบเท้าของเขาคนนั้น "ว้าย !" อุทานออกมาเสียงดัง เงยหน้าขึ้นหวังจะขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร เข้มก็คว้าแขนของเธอสอดมือเข้าไปใต้รักแร้ทั้งสองข้างยกตัวเธอลอยขึ้นมาทั้งตัว และเอาตัวเธอไปวางไว้บนม้ายาวที่ทางผับเตรียมไว้ให้สำหรับนั่งสูบบุหรี่ "เป็นอะไรมากไหม ?" ฝนที่มัวแต่ทึ่งในพละกำลังของเขาที่สามารถยกตัวเธอลอยจากตรงนั้นมานั่งตรงนี้ภายในเวลาไม่กีวินาทีก็ยังพูดไม่ออก จนเขาต้องเขย่าตัวเธอเบา ๆ และถามซ้ำอีกรอบนั่นแหละเธอจึงหาเสียงตัวเองเจอตอบเขาออกไป "ไม่เป็นไรขอบคุณมากค่ะ" เข้มที่แค่ได้สบตากับฝนเขาก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็คือคนเดียวกับแม่สาวแดนเซอร์เอวเด้งคนนั้นนั่นเอง เขามองหน้าอกของเธอที่มันดันเสื้อยืดสีดำตัวกระจิ๋วราวกับมันจะทะลักล้นเสื้อตัวนิดเดียวตัวนั้นออกมาเอวคอดเล็กหน้าท้องแบนราบ แต่สะโพกกับผายออกรับกับเรียวขายาว เธอใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น..อืม..กางเกงขาสั้นแบบนี้นี่เองที่เขาเรียกว่า'สั้นเสมอหู' เขาเคยได้ยินจากเพลงที่เจ้าอมรมันชอบเปิดในผับนี้แหละตอนแรกเขาก็นิยามคำ ๆ นี้ไม่ออกแต่พอมาเห็นแม่สาวแดนเซอร์คนนี้เข้าเขาก็นึกภาพออกทันที หน้าใสปราศจากเครื่องสำอางค์ ผมบ๊อบสั้นความยาวแค่ประบ่า นี่มันทรงผมเด็กม.ปลายชัด ๆ อย่าบอกนะว่าเธอมาทำงานพิเศษพวกนี้เพราะหาเงินเอาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ไร้สาระต่าง ๆ พ่อแม่ผู้ปกครองรู้หรือเปล่าหนอว่าลูกหลานใจแตกจนต้องมาหาลำไพ่พิเศษด้วยการมาเป็นแดนเซอร์ในผับแห่งนี้ ฝนเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มใช้สายตาสำรวจเนื้อตัวของเธอราวกับว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่ก็ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที คราแรกร้อนเพราะเขินอาย แต่เมื่อเห็นสายตาของเขาเริ่มหื่นกามขึ้นเรื่อย ๆ จากอายก็เปลี่ยนมาเป็นโกรธแทน เข้มโน้มตัวลงมาเพื่อจะเก็บรองเท้าช้างดาวของฝนที่มันหลุดตอนที่เขายกตัวเธอขึ้นมา ฝนก็เข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังจะจูบเธอ จึงตบหน้าเขาเข้าไปเต็มแรง 'เพี๊ยะ !' เสียงดังฟังชัด นี่ถ้าอยู่ในที่ ๆ มันมีแสงสว่างมากกว่านี้สักหน่อยเธอคงเห็นรอยแดงเป็นปื้นยาวเป็นรอยนิ้วของเธออยู่บนข้างแก้มของเขาเป็นแน่ เข้มตกตะลึงลูบแก้มตัวเองเพื่อลดความแสบ ฝนอาศัยจังหวะนั้นก้มลงเก็บรองเท้าและลอดผ่านใต้รักแร้ของเขาวิ่งออกจากตรงนั้นแบบใส่เกียร์หมา เมื่อมาถึงหน้าห้องพักฝนก็กอดรองเท้ายืนหอบแฮ่ก ๆ "วิ่งหนีผีมารึไงนังฝน?" เจ๊นกเท้าสะเอวถามฝนออกมาเสียงดัง เธอไม่ตอบเจ๊นกแต่เดินเข้าไปในห้องพักแทน หาหมอนกับผ้าห่มที่พับอยู่มุมห้อง เปิดพัดลมเพดานและล้มตัวลงนอนด้วยใจเต้นระทึก นึกถึงคำถามของเจ๊นกแล้วเธอก็ได้แต่รำพึงในใจ "น่ากลัวกว่าผีอีก" ภาวนาในใจขออย่าให้เขาจำเธอได้ ไม่งั้นเดือดร้อนแน่ ตบหน้าลูกค้าไปซะเต็มแรงขนาดนั้น เธอนอนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้จนเผลอหลับไป"ไอ้..อมร ตื่นเดี๋ยวนี้"เข้มไปโวยวายที่หน้าบ้านของอมรในตอนสายของวันต่อมา ส่งผลให้อมรที่กำลังนอนกอดลูกกอดเมียอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่น เขาคว้ามือถือมาดูเวลา เพิ่งจะแปดโมงเช้า เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนเพราะต้องเคลียส์บัญชี และดูแลความเรียบร้อยของผับก็ปาเข้าไปตีห้าแล้ว เมียของเขาก็เหมือนกัน "อะไรหรือคะพี่ ?"ดาราภรรยาสาวสวยของอมรงัวเงียกำลังจะลุกขึ้นมา "ไม่มีอะไรหรอกที่รัก เจ้าเข้มน่ะ เดี๋ยวพี่ไปดูมันซะหน่อย นอนต่อเถอะ"ดาราจึงหันไปคว้าตัวลูกชายวัยสามขวบเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและนอนต่อ อมรก้มลงจูบหน้าผากเมียหอมแก้มลูกเสร็จก็เดินออกไปดูเจ้าเพื่อนตัวดีที่มาโวยวายที่หน้าบ้านของเขา บ้านพักของมันเขาก็จัดไว้ให้ต่างหากแล้ว บ้านหลังนั้นอมรซื้อไว้เพื่อเอาไว้สำหรับรับแขก และเอาไว้ให้ญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนฝูงพักโดยเฉพาะ ห่างกันไม่กี่หลังคาเรือน อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรโครงการหรูที่สุดในตัวจังหวัดอุดรธานี "อะไรวะ?"พูดพร้อมกับเปิดประตูรั้วเพื่อให้เจ้าเพื่อนตัวดีเข้ามาในบ้าน"ข้าโดนเด็กในร้านเอ็งตบ" เข้มเมื่อเข้ามาในบ้านได้แล้วก็ไม่รอช้าเปิดประเด็นทันที"อะไรนะ?"อมรได้แต่งงเขายังไม่ทันจับใจความได้ด้วยซ้ำ เข
เมื่อเข้มขับรถมอร์เตอร์ไซค์วนกลับมาที่หมู่บ้านแรกที่เขาผ่านมา ไม่นานก็เจอปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่มากทางฝั่งขวามือ เขาต้องวนรถเพื่อขับเข้าไปในปั๊มแห่งนั้น ถ้ามาจากตัวอำเภอปั๊มแห่งนี้จะอยู่ทางฝั่งซ้าย เข้มวนรถเข้ามาและหาที่จอดได้ตรงหน้าร้านกาแฟพอดี เขาจึงเดินไปถามแม่ค้าที่ร้านกาแฟ "ขอโทษครับ ผมมาหาแม่ค้าขายน้ำแข็งใสที่ชื่อฝน ไม่ทราบว่าร้านเธออยู่ตรงใหน"ฟองจันทร์ละมือจากการชงกาแฟชั่วคราว เงยหน้าขึ้นก็เจอกับชายหนุ่มคนหนึ่งอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเพชรสามีของเธอ บวกลบก็ไม่น่าจะเกินหนึ่งปี ผู้ชายอายุ 35 ปีนี่หล่อกันทุกคนเลยหรือไงนะ ฟองจันทร์คิดในใจ (ติดตามเรื่องเพชรกับฟองจันทร์ได้ในเรื่อง 'กลับบ้านเรารักรออยู่' นะคะ เรื่องนี้จบแล้ว)"ทางโน้นค่ะ"เข้มมองตามมือแม่ค้ากาแฟที่ชี้ไปทางร้านค้าหลาย ๆ ร้านในเพิงสังกะสี เขาผงกหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ และเดินไปทางนั้นทันทีเพชรที่เดินมาหาเมียพอดีทันเห็นหลังเข้มไว ๆ จึงถามขึ้น"ลูกค้าประจำเหรอ ?"เสียงไม่พอใจนิด ๆ ฟองจันทร์ยิ้มแล้วเดินมาหาสามีทันที ดึงแขนเขาเข้าไปในกระท่อมที่ตกแต่งให้เป็นร้านกาแฟ มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่มีใคร เธอก็จุ๊บแก้มสากเขาไปทีหน
เมื่อเข้มกลับมาถึงบ้านพักเขาก็โทรหาพี่ดำเพื่อที่จะให้ช่วยสืบประวัติของฝน พี่ดำรับปากภายในสามวันรู้เรื่อง "เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะเดินทางไปอุดรเลยครับ"แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่เข้มใช้ให้เขาซึ่งเป็นมือขวาสืบให้ แสดงว่าจะต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดา"ให้เจ้าขาวไปด้วยไหมครับ""ไม่ต้อง ให้พี่ขาวอยู่ดูแลงานทางโน้นนั่นแหละครับ เพราะอีกนานกว่าผมจะกลับ คุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง""ท่านสบายดี แต่บ่นว่าคิดถึงคุณเข้ม""ครับ เดี๋ยวผมจะโทรหาท่านเอง"เมื่อวางสายจากพี่ดำแล้ว เข้มก็เปิดโน้ตบุ๊ค เพื่อเช็คงานและอีเมล์ งานไม่มีปัญหาอะไร พี่ดำกับพี่ขาวสุดยอดมาก สามารถทำงานแทนเขาได้แทบจะทุกอย่าง เข้มเจอสองคนนี้ตอนที่ยังเรียนอยู่ เป็นรุ่นพี่ของสถาบันคู่อริ เคยไล่ตีไล่ฟันกันหลายครั้ง จนกระทั่งเขาเรียนจบและกลับไปบริหารงานที่บริษัท สองคนนี้ไปสมัครงาน เขาจึงรับไว้ ตั้งแต่นั้นมาพี่ดำกับพี่ขาวก็เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเขาบริหารบริษัทจนเติบโตมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้เข้มเหลือบมองนาฬิกา บ่ายสามกว่าแล้วเขาจึงได้ไปหาอมรที่บ้าน เขาอยากได้บ้านแบบนี้สักหลัง คงต้องให้อมรจัดการให้ ซื้อไว้เลยดีกว่าเพราะเขากะว่าจะอยู่อีกนานไม่อยากรบกวนเพ
คืนนี้ผับของอมรก็ยังคึกคักไปด้วยผู้คนเช่นเคย โดยเฉพาะคืนนี้เขาจ้างนักร้องลูกทุ่งหญิงชื่อดังมาสร้างสีสันให้กับนักเที่ยวด้วย ผับของเขาก็แทบจะไม่มีที่ให้ยืน ส่วนโชว์ของฝนนั้นเล่นคั่นเวลาระหว่างรอให้นักร้องดังมาขึ้นเวที "เอ้าทุกคนเตรียมตัวขึ้นเวทีได้"เจ๊นกตะโกนบอกเด็ก ๆ ให้เตรียมพร้อมเพื่อขึ้นโชว์บนเวที และหันไปกำชับกับนักร้องเพราะนักร้องคนนี้เป็นตัวสำรองที่มาแทนนักร้องตัวจริงที่โดนผัวซ้อม ส่วนคนอื่น ๆ นั้นก็มืออาชีพกันอยู่แล้ว ทุกคนจึงเดินเรียงแถวกันขึ้นเวที นักร้องก็แสดงเต็มที่ ส่วนแดนเซอร์ก็ลีลาสุดยอด "ไงวะเข้ม เคลียส์เสร็จแล้วเหรอเรื่องเอ็งกับแม่สาวเอวเด้งคนนั้นน่ะ"อมรพยักเพยิดไปทางฝนที่กำลังออกลีลาส่ายสะโพกอยู่บนเวทีเป็นเชิงถามเพื่อนรัก เข้มส่ายหน้า แล้วก็ยกแก้วเหล้ากระดกรวดเดียวหมดแก้ว "เฮ้ยใจเย็น ๆ ก่อนจะรีบไปใหน"อมรร้องเสียงหลง ขืนกินดุแบบนี้เขากลัวว่าเพื่อนจะน็อคไปซะก่อน "ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้จิ๊บ ๆ "เข้มก็ยังยกแก้วไม่มีแผ่วเลย หวังให้ความเย็นของน้ำแข็งและรสชาดของเหล้าช่วยดับความร้อนรุ่มในใจของเขาให้มันลดลงบ้าง ซึ่งอาการร้อนรุ่มนี้เข้มเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่
เธอพูดขอบคุณเขายืดยาวก่อนจะเดินออกไป เข้มคว้าข้อมือของฝนไว้และดึงเธอเข้ามาปะทะกับอกแกร่งของเขาทันที เนื่องจากที่นี่เป็นโรงพยาบาลผู้คนพลุกพล่านเข้มจึงไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ เมื่อฝนทำท่าจะร้องเขาจึงรีบปล่อยตัวเธอออกจากอ้อมกอดแต่ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของเธอ "อย่าเพิ่งไปสิ คุยกันก่อน"ฝนจึงนิ่งและยอมคุยกับเขาต่อ "มีอะไรคะ ?" ถามเขาพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาที่นั่งไปด้วย เข้มเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบจูงมือเธอไปยังรถมอร์เตอร์ไซค์จุดประสงค์เพื่อให้เธอได้นั่งพักบนเบาะรถของเขา เพราะที่นี่ไม่มีที่พอจะให้นั่งพักได้เลย เมื่อมาถึงรถมอร์เตอร์ไซค์เข้มก็ยกฝนขึ้นนั่งบนรถของเขาเหมือนกับยกเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง ส่วนตัวเขาก็ยืนอยู่ไม่ห่างจากเธอเลย ฝนได้กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่บวกกับน้ำหอมผู้ชายกลิ่นมันรัญจวนใจเธอไม่น้อย"กว่าจะเช้า ไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย ?" เมื่อจัดแจงท่านั่งให้เธอเรียบร้อยแล้วเข้มก็เอ่ยปากถามเธอ ฝนเม้มริมฝีปาก เพราะเป็นห้องผู้ป่วยรวมพยาบาลจึงให้ญาติเฝ้าคนป่วยได้แค่คนเดียว เมื่อคุยกับแม่เสร็จแล้วเธอจึงให้แม่ขึ้นไปหาพ่อ ส่วนเธอนั้นตั้งใจว่าจะนั่งเตร่แถว ๆ หน้าตึกที่พ่อนอนรักษาตัวอยู่นั่นแหล
หกโมงเช้าพอดีดำก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เขาโทรหาเจ้านายเพื่อจะบอกว่าเขามาถึงหน้าบ้านแล้วช่วยมาเปิดประตูบ้านให้เขาด้วย แต่เข้มไม่ยอมรับโทรศัพท์ ด้วยความเป็นห่วงเจ้านาย ดำจึงปีนรั้วบ้านเข้าไปสำรวจรอบ ๆ ตัวบ้านทันที รถมอร์เตอร์ไซค์ก็จอดอยู่ในที่จอด แสดงว่าเจ้านายเขาอยู่บ้าน ประตูหน้าต่างปิดเรียบร้อยไม่มีร่องรอยของการถูกงัด เมื่อดูรอบ ๆ บ้านถี่ถ้วนแล้วเขาก็กลับมาที่ประตูบานใหญ่หน้าบ้าน ดำลองเขย่าประตูดูมันก็ล๊อคปกติ เขาจึงสะเดาะกุญแจเองด้วยความสามารถเฉพาะตัว แค่นี้ไม่คณามือไอ้ดำหรอก และเมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปได้ ดำก็คลำวัตถุสีดำมะเมื่อมข้างเอว นำมันขึ้นมาไว้ในอุ้งมือในท่าเตรียมพร้อม แสงแดดในตอนหกโมงเช้าของหน้าร้อนแบบนี้มันสว่างมากพอที่สายตาของดำจะมองเห็นอะไร ๆ ได้ชัดเจนมากพอ เขาสอดส่ายสายตาสำรวจไปทั่วห้องรับแขกและสะดุดตากับอะไรบางอย่างที่นอนคุดคู้อยู่บนโซฟา เท้าที่เบาแทบไม่มีเสียงนั้นค่อย ๆ ย่างเข้าไป ในมือที่ถือ .22 แม็กนั่มนั้นเตรียมพร้อมเต็มที่ หากเกิดอะไรขึ้นเขาแน่ใจว่าไม่พลาดแน่นอน และในขณะที่เขากำลังจะก้าวเข้าไปถึงเป้าหมายที่นอนอยู่บนโซฟานั้น สันหลังเขาก็เย็นวาบรู้สึกได้ถึงวัตถุเยืน
เมื่อแม่มาตามแล้วฝนก็รีบวิ่งมาหานางฉวีทันที และเดินตามแม่เข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เมื่อเข้าไปแล้วก็เจอกับอาจารย์หมอยืนอยู่ข้างเตียงที่พ่อของเธอนอนอยู่ กำลังอ่านชาร์ตผู้ป่วยด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอจึงเดาไม่ออกเลยว่าอาการพ่อของเธอหนักหรือเบา หรือเป็นโรคร้ายแรงอะไรหรือเปล่าเมื่อคุณหมอเหลือบเห็นเธอกับแม่จึงส่งชาร์ตผู้ป่วยให้นางพยาบาล และเดินไปตรวจคนไข้เตียงต่อไป นางพยาบาลคนนั้นจึงเข้ามาพูดคุยกับสองแม่ลูก "จากอาการของคนไข้อาจารย์หมอบอกว่ามีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นมะเร็งลำไส้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราขอเช็คอย่างละเอียดอีกทีค่ะ"พูดจบนางพยาบาลก็เข็นรถเข็นที่ใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์ตามอาจารย์หมอไป ปล่อยให้สองแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความตกใจ นางฉวีมองสามีที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร"โธ่ตาสอน"เอามือลูบผมให้สามีคู่ทุกข์คู่ยากเบา ๆ อยู่กินกันมาตั้งแต่อายุสิบแปด จนตอนนี้อายุสี่สิบปีพอดี ไม่เคยมีคำว่าสบายเลยสำหรับทั้งคู่ เห็นกิริยาอาการของแม่แล้วฝนก็น้ำตาตก "แม่ให้พ่อนอนพักก่อนเถอะจ้ะ แม่ไปกินข้าวเอาแรงก่อนดีกว่า"นางฉวีพยักหน้าให้ลูกสาวและเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เข้มที่ยืนรออยู่ข้างนอกรีบเดินมาหาฝ
ช่วงที่ฝนกับแม่เข้าไปเยี่ยมพ่อและคุยกับนางพยาบาลอยู่นั้น พี่ดำก็ติดต่อมาเพราะประวัติของฝนดำสืบมาได้หมดแล้ว เข้มจึงให้ดำเข้ามาหาที่โรงพยาบาลเพื่อเอาข้อมูลของฝนที่ดำสืบได้มาให้เขา พร้อมทั้งขอยืมรถพี่ดำมาใช้ด้วย ส่วนมอร์เตอร์ไซค์ของเขานั้นให้ดำเอากลับไปจอดไว้ที่บ้านพัก"พี่ดำ ให้คนส่งรถยนต์ของผมมาให้ด้วย ส่วนรถของพี่ผมขอยื้มก่อน"ดำจึงส่งกุญแจ BMW ให้กับเจ้านายไป จะยื้มทำไมเพราะคนที่ซื้อรถคันนี้ก็คือเจ้านายอยู่แล้ว เมื่อคุยกันอีกสองสามคำดำก็ขอตัวออกมาและโทรหาคนที่อยู่กรุงเทพ ฯ เพื่อจัดการเรื่องรถของเจ้านาย ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดไม่น่าจะเกินเที่ยงคืนรถคันโปรดของเจ้านายก็น่าจะมาถึง เกือบชั่วโมงทั้งคู่จึงได้มาถึงหมู่บ้านของฝน ระหว่างที่ขับรถมาฝนกับเข้มไม่ได้คุยอะไรกันเลยเพราะฝนหลับมาตลอดทาง เมื่อเขาจอดรถที่หน้าบ้านของเธอเรียบร้อยแล้วเข้มจึงปลุกเธอ โชคดีที่เข้มจำบ้านของฝนได้ถึงแม้ว่าเขาจะเคยมาแค่ครั้งเดียวก็ตาม "ตื่นได้แล้ว"ฝนงัวเงียตื่นขึ้นมา"ถึงแล้วเหรอ ?"เข้มจึงพยักหน้าพร้อมกับโน้มตัวมาปลดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ เมื่อทั้งคู่ลงมาจากรถ น้องสาวทั้งสองของฝนก็วิ่งมาหา "พี่ฝน พ่อเป็นยังไงบ้าง
"ช่วยพาเที่ยวหน่อยได้ไหม ? เดี๋ยวจ่ายค่าจ้าง"ฝนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมา"ถ้าคุณเข้มอยากเที่ยว ได้เลยค่ะเดี๋ยวฝนพาไป แต่ที่เที่ยวแถวนี้ก็มีแค่น้ำตก ภูเขาแล้วก็วัดวาอารามนะคะ ส่วนค่าจ้างนั้นไม่ต้องหรอก ถือซะว่าตอบแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเข้มเคยช่วยฝนมา"เข้มทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงพยักหน้า"โอเค ก่อนอื่นไปหาที่พักกันก่อน ขี้เกียจเทียวมาเทียวไป ระหว่างตัวจังหวัดกับบ้านของเธอ""เดี๋ยวฝนพาไปหาที่พััก ในตำบลเรามีรีสอร์ทอยู่หลายที่เลยค่ะ"เมื่อตกลงกันได้ฝนก็เดินไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะพาเจ้านายไปหาที่พักแถวนี้เพราะเจ้านายมีธุระที่จะอยู่ที่นี่อีกหลายวันอีกอย่างเจ้านายอยากเที่ยวด้วย นางฉวีมองลูกสาวอย่างเป็นห่วง แต่ก็เชื่อมั่นในตัวลูกสาวว่าคงจะไม่ทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร ไอ้คำนินทาว่าร้ายต่าง ๆ นั้นนางได้ยินมาจนชินแต่ก็ไม่เคยเห็นว่าลูกสาวจะทำอย่างข่าวลือจริง ๆ ตรงกันข้ามฝนกลับตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ดีกว่าลูกสาวบางบ้านที่นินทาว่าร้ายลูกสาวของนางเสียอีกขึ้นรถมาได้ฝนก็พาเข้มไปยังหมู่บ้านที่เธอไปขายน้ำแข็งใสเพื่อไปหาฟองจันทร์ เพราะว่าเพชรสามีของฟองจันทร์นั้นรู้จักกับเจ้าของรีสอร์ท
"ขึ้นรถก่อนค่อยคุยกัน"เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยฝนกำลังจะอ้าปากถามเขาอีกครั้ง แต่เข้มใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของเธอไว้ เธอจึงเงียบไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะมันทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ในวันที่เธอตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมเขาในวันนั้น แล้วเธอก็หน้าแดง เพราะนั่นมันคือจูบแรกของเธอ เข้มเห็นเธอเงียบเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป จนเมื่อมาถึงตลาดหนองวัวซอฝนจึงบอกให้เขาจอดรถเพื่อลงไปซื้อกับข้าว เธอซื้อหมูกะทะไปด้วยห้ากิโลฉลองที่พ่อได้ออกจากโรงพยาบาล อีกอย่างน้อง ๆ ทั้งสองก็บ่นอยากกินด้วย"หมูกะทะค่ะ คุณเข้มน่าจะชอบ"เข้มพยักหน้า เมื่อเธอวางของไว้ที่เบาะหลังและนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว เข้มก็ออกรถ เขาไม่ได้ลงไปซื้อของกับเธอด้วยเพราะฝนบอกว่าไปแค่แป๊บเดียวอากาศร้อนให้เขารออยู่ในรถดีกว่า ไม่นานก็มาถึงบ้านของเธอ มีคนอยู่ด้วยหลายคนเพราะชาวบ้านมาเยี่ยมและถามไถ่อาการของตาสอน เมื่อฝนกับเข้มเดินลงจากรถมาจึงตกเป็นเป้าสายตาของบรรดามนุษย์ป้าข้างบ้าน ฝนยกมือไหว้ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั่น เข้มจึงทำตามเธออย่างไม่เคอะเขิน"พุบ่าวตี้อิหล่า คือหล่อแท้ ?"ป้าคนนึงถามตรง ๆ แบบไม่เกรงใจ ฝนทำหน้าไม่ถูก "ใช่ครับ"
ฝนตื่นมาแต่เช้านึ่งข้าวเหนียวและทำกับข้าวไว้ให้น้อง ๆ คงไม่ได้ขายน้ำแข็งใสอีกหนึ่งวันเพราะต้องไปรับพ่อที่โรงพยาบาล เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ไปปลุกน้อง ๆ "ไปอาบน้ำอาบท่ามากินข้าวได้แล้วทั้งสองคน"ฟ้ากับฟางงัวเงียและลุกไปอาบน้ำอาบท่า เมื่อเสร็จแล้วก็มานั่งล้อมวงกินข้าวเช้ากัน"วันนี้พ่อจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ"บอกน้อง ๆ เพราะเมื่อคืนน้องหลับไปก่อนเลยไม่ได้คุยกัน เมื่อน้องสาวทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้วก็แต่งตัวไปโรงเรียนเพราะโรงเรียนเปิดเทอมตั้งแต่เมื่อวาน ฝนก็เก็บกวาดบ้านให้สะอาดเรียบร้อย เพราะเธอถือคติที่ว่าถึงจะยากดีมีจนยังไงบ้านเรือนก็ต้องสะอาดสดชื่นไว้ก่อน อีกอย่างเธอชอบปลูกดอกไม้ด้วย ที่หน้าบ้านจึงมีดอกไม้หลายชนิด มีทั้งกุหลาบ ปลูกเพราะชอบ มีต้นดอกพุดปลูกเอาไว้สำหรับไหว้พระในวันพระ มะลิ และดอกดาวเรือง ปลูกไว้ให้กลิ่นหอมและเพื่อความสวยงาม เพราะเห็นพ่อกับแม่ลำบากมาตั้งแต่จำความได้เธอจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องทำให้พ่อแม่และน้อง ๆ ของเธอสบายให้ได้ เมื่อจบม.ปลายเธอจึงไม่เรียนต่อแม้ผลการเรียนจะดีมากก็ตาม เกือบ ๆ แปดโมงเช้าเข้มก็มารับเธอ BMW สีดำขับมาจอดที่หน้าบ้าน ผู้คนแถวนั้นต่างก็ซุบซ
ฝนแวะไปหาพ่อกับแม่ที่โรงพยาบาลเพื่อปรึกษาเรื่องหารถที่จะพาพ่อกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ เข้มจึงอาสาที่จะเป็นธุระจัดการให้เอง นางฉวีขอบคุณเข้มเป็นอย่างมาก กำชับให้ลูกสาวดูแลเจ้านายให้เป็นอย่างดี นางฉวีเล่าให้ตาสอนฟังด้วยว่าเจ้านายของฝนเป็นคนดีมีน้ำใจ "ตั้งแต่แกเข้าโรงพยาบาลก็ได้เจ้านายคนนี้แหละเป็นธุระจัดการให้หลายอย่างเลยนะแก"พูดกับสามีของนางด้วยความชื่นชม"เออ ๆ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าก็คงต้องขอบคุณเขาสักหน่อยแหละ"ตาสอนยังไม่เคยเห็นหน้าเข้มเพราะเขาไม่เคยเข้าไปเยี่ยมตาสอนในห้องพักผู้ป่วยเลย เนื่องจากหมออนุญาตให้แค่ญาติของคนไข้เท่านั้นเข้าไปเยี่ยมได้ นางฉวีเข้าใจว่าเข้มเป็นเจ้าของผับที่ฝนไปทำงานด้วยเพราะเข้มเคยบอกนางฉวีว่าเขาเป็นเจ้านายของฝนกว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เกือบ ๆ สองทุ่มแล้วเมื่อมาถึงหมู่บ้านของฝนก็สามทุ่มพอดี น้อง ๆ ของฝนกำลังจะเข้านอน เขาช่วยเธอขนของที่ซื้อมาเมื่อตอนกลางวันเข้าไปในบ้าน ที่ซื้อมาเมื่อตอนกลางวันเขาเอาให้เธอหมดเลย"คุณเข้มหิวไหมคะ เดี๋ยวฝนต้มมาม่าให้กิน"เข้มพยักหน้า ไอ้หิวก็ไม่เท่าไหร่หรอกแค่อยากอยู่ใกล้ชิดเธอเพิ่มขึ้นอีกนิดเท่านั้นเอง ฝนจึงเข้าครัวและต้มมาม่าใส
"ถ้ายังงั้นเราไปกันเลย"สถานที่แรกที่ฝนพาเข้มไปก็คือ เซ็นทรัลพลาซ่าอุดรธานี ห้างสรรพสินค้าที่วัยรุ่นนิยมไปเดินเที่ยวกัน เพราะเขาบอกว่าอยากจะไปซื้อของ ก็ที่นี่แหละเหมาะสุดแล้ว เธอพาเขาเดินไปทุกโซนทุกร้าน เดินกันจนขาลาก แต่ส่วนมากแล้วเข้มก็ไม่ค่อยจะซื้ออะไรหรอก เขาจะถามเธอซะมากกว่าและถ้าบอกว่าเธอชอบเขาจะซื้อให้เธอทันที ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าและของกินของใช้ต่าง ๆ เมื่อช็อปกันจนเหนื่อยแล้วก็เริ่มจะหิวเข้มจึงชวนเธอกินเอ็มเค ฝนตื่นเต้นมาก ๆ เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอจริง ๆ ที่ได้กินเอ็มเค เมื่อเข้าไปในร้านและได้โต๊ะนั่งเรียบร้อยแล้วพนักงานก็นำเมนูมาให้ "อยากกินอะไรสั่งได้เลย"แต่พอเธอดูราคาแล้วก็แอบกระซิบกับเข้ม"แพงมากเลยนะคะ"เข้มหัวเราะและลูบหัวเธออย่างเอ็นดู และเอาเมนูมาสั่งเสียเอง "ไม่แพงหรอกน่ามาเดี๋ยวฉันสั่งเอง"ไม่นานอาหารก็วางอยู่เต็มโต๊ะ และหม้อก็เริ่มเดือดแล้ว เข้มลวกผัก เห็ด และเนื้อหมูให้เธอ ฝนกินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเห็นเธอกินอย่างมีความสุขเข้มก็พลอยสนุกไปด้วย"อ้าว..! ฝน มาได้ยังไง มากับใครอ้ะ"ระหว่างที่กำลังทานอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็มีผู้หญิงกับผู้ชายวัยรุ่นค
หกโมงเช้าฝนงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุก แต่เข้มที่ตื่นก่อนเธอนานแล้วไม่ยอมให้เธอลุก ใช้แขนและขาของเขาพันธนาการตัวเธอไว้ ฝนที่พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดเขาจนเหนื่อยจึงหยุดไปเอง เธอมาคิดทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอมานอนอยู่บนเตียงของเขาได้อย่างไร เหลือบตามองเขาที่ยังหลับอยู่ เธอไม่กล้าดิ้นแรงเดี๋ยวเขาตื่น เข้มได้แต่แอบขำในใจเพราะเขาแค่แกล้งหลับ อยากเห็นท่าทางของเธอ อยู่ในสภาพล่อแหลมแบบนี้เธอจะทำตัวอย่างไร ฝนรู้ว่าเธอโป๊ ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่ได้ใส่อะไรเลย และดูเหมือนว่าเขาก็คงจะไม่ได้ใส่อะไรเลยด้วยเหมือนกัน น่าอายชะมัดเธอลองทบทวนดูและจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เธอดื่มเบียร์ไปหลายแก้ว เธอน่าจะเมาจนไม่ได้สติและ..เขาก็คงพาเธอมานอนที่นี่ นอนบนเตียงเดียวกันกับเขา เธอดิ้นหยุกหยิกเข้มเองก็เริ่มจะทนไม่ไหว เพราะเวลาที่เธอขยับตัวอะไรต่อมิอะไรมันก็ถู ๆ ไถ ๆ ใกล้ชิดกันมากขึ้น เขาจึงแกล้งหลับต่อไปไม่ไหวแล้ว พลิกตัวขึ้นคร่อมเธอด้วยความรวดเร็ว ฝนตกใจเพราะเมื่อกี้เขายังหลับอยู่เลยทำท่าจะดิ้นรนและเตรียมจะพูดอะไรออกมาแต่เข้มก็ใช้ริมฝีปากบางของเขาประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไว้ ใช้มือข้าง
เมื่อเด็กเสิร์ฟนำเบียร์มาให้แล้วเข้มจึงรินเบียร์ใส่แก้วให้เธอ พร้อมกับพูดอะไรอีกหลายคำ ฝนก็ได้แต่พยักหน้า"ค่อย ๆ จิบจะได้ไม่เมาเร็ว เวลารินเบียร์อย่าให้มีฟองกินเข้าไปท้องจะได้ไม่อืด" พี่ดำที่เห็นมุมอ่อนโยนของเจ้านายก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้โชคดีจริง ๆ เข้มนั้นเป็นคนที่มีน้ำใจมากก็จริง ปฏิบัติกับลูกน้องและพนักงานด้วยยุติธรรม แต่ด้วยเป็นคนที่มีนิสัยห้าว ๆ มาแต่เกิดมุมอ่อนโยนแบบนี้จึงไม่ค่อยมีใครได้เห็น"เห็นมีคนเอาจดหมายไปให้ ?"ถามแบบเรียบ ๆ ซื่อ ๆ ไม่ให้คนถูกถามรู้สึกว่าคนถามอยากรู้"อ๋อ.. ฝนทิ้งไปแล้ว เขาบอกว่าจะรอที่ลานจอดรถ เห็นว่าชื่อเก่งหรืออะไรนี่แหละ ไม่ไปหรอกพวกเฒ่าหัวงู"พูดจบก็กระดกเบียร์จนหมดแก้ว จิบ ๆ มันไม่ทันใจ พร้อมกับรินเองเลย ไม่สนใจแล้วจะฟองเยอะฟองน้อย อืดไม่อืดก็ช่างท้องมันเถอะ เข้มสะดุ้งกับคำว่าเฒ่าหัวงูเขาเข้าข่ายหรือไม่นะ แต่เมื่อได้ยินชื่อเก่ง เข้มกับดำก็สบตากัน เพราะหลังจากที่อมรเดินกลับมาจากโต๊ะของเก่งแล้วเขาก็เล่าให้เข้มฟังว่าเก่งเป็นใคร นิสัยเสียยังไง พอเขาเห็นว่าคนของเก่งเอาจดหมายไปให้ฝน เขาจึงไม่วางใจโทรเรียกเธอให้มาหา"เมารึยัง ?"ถามเธออย่างเป็นห่วงเพรา
หลังจากที่แดนเซอร์ทุกคนซ้อมเต้นจนเข้าขากันได้ดีแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นเวที สามทุ่มตรงนักร้องสาวสวยเดินถือไมค์ไฟส่องหน้าขึ้นเวทีไปก่อน ตามด้วยแดนเซอร์สาวสวยเอวดีอีกห้าชีวิตอมรเดินถือแก้วแวะทักทายลูกค้าโต๊ะนั้นโต๊ะนี้เป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะที่ใกล้กับหน้าเวทีมากที่สุด จึงนั่งลงเพื่อสนทนากับเพื่อนรัก ผงกหัวให้พี่ดำเป็นการทักทาย แล้วก็หันไปคุยกับเพื่อน"วันสองวันมานี้หายหัวไปใหนมาวะ ?"เข้มมองหน้าเพื่อนก่อนจะตอบออกไป"ตามหาหัวใจ"อมรเมื่อได้ฟังคำตอบจากเข้มเขาก็หัวเราะก๊าก "แกกลายเป็นคนตลกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย ฮ่า ๆๆๆ"เข้มไม่ได้สนใจกิริยาของเพื่อนที่ล้อเลียนเขาเท่าไหร่นัก ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกตามปกติ ส่วนสายตาก็มองการแสดงบนเวที"ดาราบอกว่าเอ็งไปหาข้าที่บ้าน""ใช่"เข้มก็ยังพูดน้อยเหมือนเดิม อมรร่ำ ๆ ใกล้จะหมดความอดทนก่อนที่เขาจะอดยันโครมไปที่ตัวเพื่อนไม่ได้ เขาจึงถามเข้ม"ไปหาข้าทำไม ? แล้วอีกอย่างกลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือไง กว่าจะอ้าปากพูดได้แต่ละคำ""อย่าเพิ่งหงุดหงิดซี ที่ไปหาแค่อยากได้บ้านซักหลัง แต่นึกไปนึกมา เห็นว่าเอ็งยุ่ง ให้พี่ดำจัดการให้แล้ว""บ้านที่แกอยู่ตอนนี้มั
ดำเมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านายก็รีบดำเนินการตามคำสั่งทันที เรื่องแรกที่เขาเลือกทำก็คือไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้เจ้านาย เขาเลือกยี่ห้อยอดนิยมของระบบแอนดรอยส์และเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดราคาแค่ครึ่งแสน รายการต่อมาคือแวะธนาคารเบิกเงินสดมาให้เจ้านายหนึ่งล้านบาทถ้วน ส่วนเรื่องซื้อบ้านกับเรื่องซื้อที่ดินในอำเภอหนองวัวซอนั้นคงต้องไปดำเนินการในวันพรุ่งนี้ หวังว่าเจ้านายของเขาคงลงหลักปักฐานที่นี่จริง ๆ สักทีเพราะไม่อย่างนั้นอาจจะต้องกว้านซื้อที่ดินไปแทบทุกจังหวัดถ้าหากเกิดว่าเจ้านายติดใจสาวคนใหม่ ( รวยจัด อิอิ )เข้มนั่งกินลมชมวิวอยู่ตรงนั้นสักพักรอพี่ดำเอาของที่สั่งมาให้เขาด้วย บรรยากาศที่นี่ดีมากเขาอยากจะชวนฝนมานั่งเล่นด้วยกัน เพราะถ้าจะให้เดาเข้มเดาว่าเธอน่าจะไม่เคยมีเวลามาทำอะไรแบบนี้ เขาอยากพาเธอไปทุก ๆ ที่ที่เธออยากไป อยากซื้อข้าวของเครื่องใช้ให้เธอ ซื้อเสื้อผ้าซื้อกระเป๋าให้ ความรู้สึกอยากซื้อทุกสิ่งทุกอย่างให้นี้เกิดจากที่เขาอยากให้จริง ๆ ไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน แต่..ถ้าได้ก็ดี ความรู้สึกละมุนละไมนี้เข้มก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดกับเขา เบียร์ที่ซื้อมาครึ่งโหลหมดพอ