“บ้าเอ๊ย...”เหลียงควนที่ไม่ทันระวัง ถูกสาดเหล้าเข้าเต็มใบหน้า หลุดปากสบถด่าแต่เขายังไม่ทันด่าจบ หลินหยางก็ลุกขึ้นแล้วตบหน้าเขาสองฉาดเสียงดังเพี้ยะ ๆ ตบจนเหลียงควนจนมึนหัว จนในหูดังวิ้ง ๆ หมุนอยู่กับที่รอบหนึ่งเหลียงควนยังไม่ทันได้สติกลับคืนมา หลินหยางก็ยกวิสกี้ขวดนั้นที่เขาสั่งขึ้นมาอีก แล้วทุบลงบนศีรษะเขาทันทีขวดเหล้าแตกละเอียด เหลียงควนกุมหัวร้องเสียงน่าเวทนา เลือดไหลออกมาตามง่ามนิ้วมือของเขา เขาหัวร้างข้างแตกอีกครั้ง!หลิ่วฟู่อวี่ที่อยู่ด้านข้างตกใจอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าหลินหยางจะกล้าลงมือกับเหลียงควนจากนั้นหลินหยางก็คว้าคอเสื้อของเหลียงควน แล้วโยนเขาออกไปทางหน้าต่างทันที“หลินหยาง...นาย...นายบ้าไปแล้ว! นายกล้าลงมือทำร้ายเขาเหรอ?”“สงสารหรือไง?”หลินหยางหยิบกระดาษเช็ดหน้าออกมา เช็ดไม้เช็ดมือ“นายจบเห่แล้ว! ตอนนี้เหลียงควนไม่ใช่คนที่นายจะหาเรื่องได้! เขาโทรศัพท์กริ๊งเดียว ก็สามารถช่วยพวกเราจัดการเรื่องความร่วมมือกับติ่งเซิ่ง แม้แต่ตระกูลมู่หรงยังต้องไว้หน้าเขา นายจบเห่แน่! อย่าคิดว่าเงินอันน้อยนิดของผู้หญิงคนนี้ จะสามารถคุ้มกะลาหัวนายได้”หลิ่วฟู่อวี่กล่าวอย่างกระหืดกร
ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล หลิ่วฟู่อวี่โทรศัพท์หาอวี๋ผิง เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง“อะไรนะ? หลินหยางทำร้ายเหลียงควนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส? ไอ้เดรัจฉานนี่ ทนเห็นพวกเราได้ดีไม่ได้ จงใจทำร้ายพวกเราสินะ!”อวี๋ผิงฟังจบก็โมโหจัด โมโหจนทนไม่ไหว“แม่คะ ตอนนี้ทำยังไงดีคะ?” หลิ่วฟู่อวี่กล่าวสะอื้น“เสียวอวี่ ลูกอย่าตกใจไป พวกเราไม่ได้เป็นคนทำร้ายเขา! แม่กับพ่อของลูกจะรีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”หลังจากอวี๋ผิงวางสาย ก็รีบไปที่ห้องหนังสือของหลิ่วเฉิงจื้อ“เป็นอะไรไป?” หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวถามอวี๋ผิงตบคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนโต๊ะของหลิ่วเฉิงจื้อจนตกพื้น“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”“เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นคุณก็ไม่ควรทำลายคอมพิวเตอร์ของผมนะ ผมกำลังทำแผนการความร่วมมือที่จะไปหารือกับติ่งเซิ่งในวันพรุ่งนี้!”หลิ่วเฉิงจื้อก็โมโหเล็กน้อยเช่นกัน กล่าวด้วยสีหน้าคร่ำเครียด“ยังมาทำแผนงานกับผีอะไรล่ะคะ! ความร่วมมือเกรงว่าจะล่มแล้ว คุณมัวแต่อยากจะดูแลหลานชาย ไอ้เดรัจฉานหลินหยาง เขาทำร้ายเหลียงควนจนบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้กำลังนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาฉุกเฉิน!”อวี๋ผิงด่าทออย่างโกรธจัด“เสี่ยวหยางทำร้ายเหลียงควน? ไม่หรอกมั
หลินหยางเห็นว่าอีกฝ่ายมาด้วยเจตนาไม่ดี เตรียมที่จะยื่นมือเข้าช่วย แต่มู่หรงยิ่นกลับส่งสายตาให้เขา ส่ายหน้าเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณให้เขาว่าอย่าเพิ่งลงมือ“ได้ ฉันเองก็กำลังอยากจะเจอเจ้านายของพวกนายอยู่พอดี”“ถ้าอย่างนั้นเชิญขึ้นรถไปกับพวกเราด้วยครับ”หนึ่งในชายร่างกำยำกล่าวหลินหยางไม่ได้ลงมือ มู่หรงยิ่นขึ้นรถที่อยู่ด้านข้างไปกับชายหนุ่มร่างกายกำยำทั้งสามคนหลินหยางเห็นว่า บนรถยังมีชายวัยกลางคนหน้าบากอีกคนหนึ่ง ลมปราณสุขุม เป็นยอดฝีมือรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว หลินหยางเองก็ขับตามหลังอยู่ห่าง ๆรถคันนี้ไม่ได้ขับออกนอกเมือง ขับจากฝั่งทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออกของเมือง ขับเข้าไปในไนท์คลับแห่งหนึ่งมู่หรงยิ่นถูกพาขึ้นไปที่ชั้นหกของไนต์คลับ เจอกับเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลัง“มู่หรงยิ่น ไม่เจอกันนาน”“ไอ้เฉินเฮงซวย แกส่งคนมาลักพาตัวฉันมาที่นี่ คิดจะทำอะไร?”มู่หรงยิ่นสีหน้าเป็นปกติ ไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิดเฉินจื่อหลิงกล่าว “ตอนนี้คนที่กล้าเรียกผมว่าไอ้เฮงซวยต่อหน้า ก็มีแค่คุณ มู่หรงยิ่นเท่านั้น”“นายไม่ใช่ไอ้เฮงซวยเหรอ? เรียกตั้งแต่เด็กยันโต เปลี่ยนคำเรียกไม่ได้แล้ว”มู่หรงยิ่นน
“ฉันเชื่อใจเขา”มู่หรงยิ่นกล่าว“ถ้าอย่างนั้นก็ขอเชิญคุณหลิน ปรากฏตัวเถอะ ให้ผมได้เห็นหน้า คนที่กล้าทำลายแผนการของผม ว่าเป็นเทพองค์ไหนกันแน่”เฉินจื่อหลิงขยี้บุหรี่ในมือ แล้วลุกขึ้นทันที จากนั้นจึงเพิ่มเสียงโครม!ทันทีที่เสียงพูดของเฉินจื่อหลิงจบลง ประตูใหญ่ก็ถูกกระแทกเปิดออก ชายร่างกายกำยำในชุดสีดำคนหนึ่งลอยเข้ามาทันที กระแทกลงบนพื้นหลินหยางเดินเข้ามาจากประตู“คุณหลิน ลำบากคุณแล้ว”มู่หรงยิ่นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“คุณใจใหญ่ใช้ได้เลยนะ ถ้าหากผมไม่ตามมาด้วย คุณจะทำยังไง?” หลินหยางเดินมาที่ข้างกายของมู่หรงยิ่นพร้อมกล่าว“ฉันแค่ใจใหญ่เหรอ? ตรงอื่นของฉันไม่ใหญ่เหรอ?”มู่หรงยิ่นจงใจยืดหน้าอกที่น่าภูมิใจขึ้น“ใหญ่”หลินหยางจ้องมองร่องอกลึกที่ขาวดุจหิมะ กล่าวตามความจริงเฉินจื่อหลิงเห็นหลินหยางกับมู่หรงยิ่นมาหยอกเอินเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นตรงหน้าเขา สีหน้าจึงอึมครึมขึ้นมาทันที“มาได้จังหวะพอดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”เฉินจื่อหลิงกล่าวพร้อมกับส่งสัญญาณมือ “ฆ่ามัน”ชายหนุ่มหน้าบากที่ยืนอยู่ข้างกายเฉินจื่อหลิงมาตลอดเดินออกมาคนนี้เป็นยอดฝีมือระดับแปด ท่ากรงเล็บเหยี่ยวค่อนข้
ทันทีที่มู่หรงยิ่นได้ยินว่าเฉินจื่อหลิงมีอาจารย์ฝึกยุทธ์ระดับเก้าคอยบัญชาการ ก็ตกตะลึงเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนไปทันที“ทำยังไงดี? คุณมีความมั่นใจว่าจะจัดการกับอาจารย์ระดับเก้าได้ไหม?”มู่หรงยิ่นที่ยืนอยู่ข้างกายของหลินหยางกล่าวถาม“ต้องลองดูครับ”หลินหยางกล่าวด้วยสีหน้าสบาย ๆเฉินจื่อหลิงกล่าวกับผู้อาวุโสคนหนึ่งที่นั่งจิบน้ำชาอยู่มุมด้านในมาตลอด “ท่านเซิ่น ดูท่าคงต้องลำบากท่านลงมือจัดการเจ้าหมอนี่แล้ว”ผู้อาวุโสดื่มชาในถ้วยพรวดเดียว ค่อย ๆ วางถ้วยชาแล้วลุกขึ้น ดวงตามองไปยังหลินหยาง“อายุยังน้อย แต่มีความสามารถระดับนี้ ไม่เลว! อาจารย์ของนายเป็นใคร?”“แกยังไม่มีสิทธิ์รู้ว่าอาจารย์ของฉันคือใคร”หลินหยางกล่าว“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ฉันคงต้องสังหารนายด้วยมือของตัวเองแล้ว”ผู้อาวุโสตั้งท่า ปล่อยพลังหมัด ส่งเสียงดังกึกก้อง“หมัดทงเป้ยของท่านเซิ่นสมบูรณ์แบบแล้ว คนแซ่หลิน แกตายแน่”เฉินจื่อหลิงกล่าวด้วยใบหน้าอาฆาตฝีเท้าของผู้อาวุโสว่องไวมาก ท่าการโจมตีปราดเปรียวเช่นกันอาจารย์ย์ฝึกยุทธ์ระดับเก้า พลังรุนแรง หนึ่งกำปั้นหนึ่งฝ่ามือมีพลังรุนแรง แต่หลินหยางรับมือได้อย่างสุขุมผู้อาวุโสโจ
“ฉันพอใจ นายยุ่งอะไรด้วย?”มู่หรงยิ่นเดินไปที่ข้างกายของหลินหยาง โอบแขนของเขาเฉินจื่อหลิงยิ้มด้วยความโมโห ยกนิ้วโป้งให้มู่หรงยิ่น“ได้! การประลองฝีมือในวันนี้ ฉันเป็นฝ่ายแพ้แล้ว พวกนายไปได้แล้ว” หลินหยางแค่นหัวเราะ เดินเข้าไปหาเฉินจื่อหลิง“แกคิดจะทำอะไร? ฉันขอเตือนแก พ่อของฉันเฉินเทียนหาวหัวหน้าสมาคมการค้าหงซิ่ง เบื้องหลังของสมาคมการค้าหงซิ่งของพวกฉันคือพรรคพยัคฆ์ดำ แกกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายเล็บ พ่อของฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่”เฉินจื่อหลิงสีหน้าตื่นตระหนก ถอยหลังกรูหลินหยางไม่สนใจคำข่มขู่ของเขา ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้“มัวอึ้งอะไรกันอยู่วะ? คุ้มกันฉันสิ!”ลูกน้องของเฉินจื่อหลิงยังมีชายกำยำอยู่อีกเจ็ดแปดคน ในเวลานี้พยายามพุ่งตัวเข้ามาหลินหยางลงมืออย่างเด็ดขาด ใช้เทคนิคมือจับคว้าใหญ่และเล็กสลับกัน ลูกน้องพวกนี้ของเฉินจื่อหลิง ร้องอย่าโศกเศร้าเวทนาทันที ไม่แขนหักก็กระดูกซี่โครงหัก“ระวัง!”จู่ ๆ มู่หรงยิ่นร้องออกมาด้วยความตกใจ!ปัง!เสียงปืนดังสนั่น!เฉินจื่อหลิงฉวยโอกาสตอนสถานการณ์วุ่นวายควักปืนกระบอกหนึ่งออกมา คิดจะลอบโจมตีหลินหยางหลินหยางที่มีการป้องกันเอาไว้อยู่แล้
“ที่คุณพูดไม่ผิด ฉันจงใจกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านจริง เพื่อให้เว่ยต้าจงพ่อบ้านเปิดเผยที่อยู่ของฉัน ฉันยินยอมถูกคนของเฉินจื่อหลิงจับตัวไป แล้วก็อยากจะพิสูจน์การคาดเดาของฉัน ว่าฉันไม่ได้ปรักปรำเขา”“ถึงอย่างไรเว่ยต้าจงก็ติดตามพ่อของฉันมาหลายสิบปี เป็นคนเก่าแก่ของตระกูลพวกเรา ต่อให้วันนี้คุณไม่อยู่ ฉันก็อยากที่จะไปลองเสี่ยงดูอยู่ดี”“ฉันเขียนข้อความไว้ฉบับหนึ่งล่วงหน้าแล้ว ถ้าหากหนีไม่ได้ ฉันจะส่งข้อความหาพี่ชายของฉัน เขาจะคิดหาหนทางมาช่วยฉัน”มู่หรงยิ่นพูดไป ก็ควักโทรศัพท์มือถืออกมาโชว์ให้หลินหยางดูด้านบนสุดของข้อความมีจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วฉบับหนึ่งอยู่จริง แต่เป็นข้อความขอความช่วยเหลือที่ยังไม่ได้กดส่งออกไป“ฉันใช้โอกาสหลอกใช้การกินเหล้ากับคุณจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้คิด ที่จะหลอกใช้คุณเพื่อจัดการกับเฉินจื่อหลิง แล้วก็คิดไม่ถึงด้วยว่าเฉินจื่อหลิงยังซุกอาจารย์ระดับเก้าเอาไว้โจมตีอีก”เมื่อฟังมู่หรงยิ่นอธิบายจบ ในใจของหลินหยางก็รู้สึกดีขึ้นมาก“แต่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ ถ้าหากคืนนี้ไม่มีคุณ ฉันอาจจะตกอยู่ในอันตรายมากจริง ๆ แม้ว่าพี่ฉันจะพาคนมา ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถช่วยฉันจากอา
“ไม่เป็นไรครับ น้าหลิ่ว ผมเข้าใจเป็นอย่างดี”หลินหยางเองก็คร้านจะอธิบาย“น้าอวี๋ของเธอตอนนี้โมโหมาก เรื่องที่ฉันอยากจะเธอเข้ามาทำงานในบริษัท เธอคัดอย่างสุดแรงเกิด ตอนนี้ไม่มีทาง น้าเตรียมเงินให้เธอก้อนหนึ่ง เธอรีบหนีไปคืนนี้เลย ออกจากเมืองลั่วหลีกเลี่ยง ไม่อย่างนั้นน้าอวี๋ก็จะส่งคนไปจับตัวเธอ แล้วส่งตัวไปรับโทษที่ตระกูลเหลียง”หลินหยางรู้ว่าหลิ่วเฉิงจื้อกลัวภรรยามาตลอด ในเวลานี้ ยังสามารถโทรบอกให้เขาหลบหนีได้ ก็นับว่าปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจแล้ว“เขา ผมเป็นคนทำร้ายเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ เหลียงควนจะแก้แค้น ให้เขามาหาผม น้าไม่ต้องเป็นห่วงผม”หลินหยางกล่าว“เด็กแบบเธอ ทำไมถึงไม่ฟังคำเตือน! น้ารู้ว่าเธอเรียนศิลปะการต่อสู้มาบ้าง แต่เธอจะเอาชนะตระกูลเหลียงได้งั้นเหรอ? เชื่อน้า รีบออกจากเมืองลั่ว”“ครับ น้าหลิ่ว ผมทราบแล้ว”หลินหยางเองก็ไม่ได้ดื้อรั้นกับหลิ่วเฉิงจื้อต่อแค่ตระกูลเหลียงเล็ก ๆ เขาจะใส่ใจไปทำไมในโรงพยาบาล อวี๋ผิงเดินออกมาจากในห้องผู้ป่วย กล่าวถาม “คุณถามให้แน่ชัดหรือยัง? ไอ้เดรัจฉานนั่นอยู่ที่ไหน? ก่อนที่เสี่ยวเหลียงจะฟื้นขึ้นมา จะต้องจับตัวไอ้เดรัจฉานนั่นมาให้ได้