“สามารถบีบให้ฉันใช้ทะยานบันไดเมฆา! เด็กอย่างแกควรจะได้รู้สึกเป็นเกียรติ!”เหยาจงแค่นเสียงหัวเราะนี่คือวิชาตัวเบาอันล้ำค่าของเขา ถือเป็นวรยุทธ์ขั้นเสวียนเช่นกัน วรยุทธ์นี้ทำให้เขาถูกขนานนามว่าว่องไวอันดับหนึ่ง ในแดนปรมาจารย์เสวียน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์เสวียนระดับสาม แต่ความว่องไวนี้สามารถเทียบเท่ากับปรมาจารย์เสวียนระดับห้าได้!ถึงแม้ว่าเขาจะหวาดกลัวลั่วหงอวี๋ ถ้าใช้ความเร็วแบบนี้ ก็สามารถเอาชีวิตของหลินหยางได้!สถานที่เล็ก ๆเช่นเมืองลั่วนี้ มีปรมาจารย์เสวียนปรากฏตัวขึ้นก็สามารถให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว ปรมาจารย์เสวียนมีเก้าระดับ หนึ่งระดับหนึ่งชั้นฟ้า การเพิ่มขึ้นแต่ละระดับยากเหมือนขึ้นสวรรค์เขาไม่เชื่อว่าลั่วหงอวี๋จะมีพละกำลังเป็นปรมาจารย์เสวียนระดับห้า!ภายในเวลาชั่วพริบตา เขาเบิกตากว้าง สีหน้าปรากฏความเหลือเชื่อ ราวกับว่าได้เห็นผีจริง ๆเห็นลั่วหงอวี๋ปรากฏกายต่อหน้าของเขาโดยไม่มีลางเลยแม้แต่น้อย สีหน้าที่เรียบเฉยนั่น ราวกับไม่ใช่มนุษย์คนธรรมดาเดินดินทั่วไป เขามองไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆของลั่วหงอวี๋เลยสักนิด!“แก...”เขาตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง จนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดีย
“ไอ้แก่ ตอนนี้รู้สึกเสียใจแล้วใช่ไหมล่ะ?”หลินหยางกล่าวถากถางไอ้แก่นี่ด่าประจานตนเองไว้ไม่น้อย แน่นอนว่าตอนนี้จะถือโอกาสซ้ำเติมไม่ให้ได้ผุดได้เกิดไม่อย่างนั้นการเกาะชายกระโปรงผู้หญิงของฉันก็คงจะเสียเปล่าใช่ไหมล่ะ?!“นะ...นายท่านหลิน ผมผิดไปแล้ว ผมสมควรตาย ผมมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินนายท่านหลินแล้ว”“นายท่านหลินได้โปรดกรุณาถือซะว่าผมเป็นตดที่ผายออกมาก็แล้วกันครับ!”เหยาจงอดทนต่ออาการบาดเจ็บ พยายามคุกเข่าอย่างยากลำบาก ใบหน้าชราเต็มไปด้วยความต่ำต้อย โขกหัวดังโป๊ก ๆ“แกมันไอ้แก่หน้าหนา ไปเรียนรู้มาจากใคร?”หลินหยางกลับรู้สึกประหลาดใจ ไอ้แก่นี่ไม่เพียงแค่กำลังคู่ควรเป็นปรมาจารย์เสวียน หน้าก็หนาระดับปรมาจารย์เสวียนเช่นกันไถลเข่ามาได้อย่างค่อนข้างเป็นธรรมชาติ“ฉันเป็นไอ้แก่ ฉันเป็นไอ้หูข้างเดียว ฉันเป็นตาแก่สติเลอะเลือน ไม่คิดเลยว่าจะทุ่มเทชีวิตให้แก่หลูอ้าวตง! นายท่านหลินได้โปรดกรุณาเห็นแก่ที่ผมเป็นตาแก่สติเลอะเลือนด้วย ไว้ชีวิตผมสักครั้ง!”เหยาจงไม่มีมาดของปรมาจารย์เสวียนเลยแม้แต่น้อย หันไปพยายามโขกหัวให้แก่ปรมาจารย์อย่างหลินหยางหน้าผากของปรมาจารย์เสวียนอย่างเขาโขกจนแตก เห็นได้ว
สำหรับอาวุธระดับดินขึ้นไป จะมีจิตวิญญาณในระดับหนึ่ง สามารถหยดเลือดเพื่อยอมรับเจ้านายได้ เชื่อมโยงจิตใจกับเจ้าของ สามารถช่วยเจ้าของเลื่อนระดับการต่อสู้ขึ้นได้อีกขั้น!อาวุธระดับฟ้าทั่วทั้งประเทศหลงคงจะมีไม่มากเท่าไหร่ ว่ากันว่าสามารถเกิดจิตสำนึกในระดับหนึ่งได้ จะเลือกเจ้าของเอง ระดับสวรรค์ทั่วไปไม่คู่ควรที่จะมี...แล้วก็ยังมีอาวุธระดับเทพ นั่นได้กลายเป็นเรื่องเล่าไปแล้ว แม้กระทั่งหลินหยางก็ยังไม่รู้ว่ามีอานุภาพอย่างไรปรมาจารย์เทพโอสถมีอาวุธระดับเทพอยู่ชั้นหนึ่ง ชื่อว่าน้ำเต้าสังหารมังกร เพียงแต่ได้หายสาบสูญไปตั้งนานแล้ว หลินหยางไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อเอ่ยถึงน้ำเต้านั้นขึ้นมา สีหน้าของปรมาจารย์เทพโอสถก็ซับซ้อน ราวกับว่าไม่อยากจะเอ่ยมากไปกว่านี้อีก เพียงแค่พูดว่าถ้าหากตนถึงระดับเทพแล้ว ย่อมจะต้องได้เห็นน้ำเต้าสังหารมังกรนั่น!แต่ว่าตอนนี้พูดถึงเรื่องที่ยังอีกไกลเกินไปเหล่านั้น ตอนนี้แค่กริชหยกหักเล่มนี้ ก็พอให้ตนใช้งานแล้ว...หลินหยางไม่ได้สนใจพิษเหมันต์นวภูติอะไรนั่นเท่าไหร่ ถึงอย่างไรตัวเองก็เป็นหมอเทวดา ก็คือยอดฝีมือด้านการใช้พิษอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาต้องการก็คือวิธีการที่สามารถสร
“มะ มีอะไร”เหยาจงหันหน้ากลับไปอย่างหวาดกลัว หัวใจเต็มไปด้วยความกังวล กลัวว่าหลินหยางจะเปลี่ยนใจอีกประเด็นสำคัญคือไอ้เด็กนี่มันหน้าด้านเกิน เรื่องกะล่อนปลิ้นปล้อนสำหรับเขาแล้ว จิตใจไม่มีความกดดันเลยแม้แต่น้อย ไม่ควรค่าให้เชื่อถือ!“เอาอาวุธระดับลี้ลับออกมาได้ง่าย ๆ ในตัวไอ้แก่อย่างแกมีของดีไม่น้อยเลยนี่ ในตัวยังมีของดีอะไรอีก เอาออกมาให้หมด!”หลินหยางทำตัวกะล่อนเหมือนกับโจวปาผี มีโอกาสขูดรีดปรมาจารย์เสวียนได้ง่าย ๆ แน่นอนว่าก็ต้องขูดรีดเขา ถึงจะไม่ละอายใจต่อตนเอง!“ผม ผมไม่มีอะไรเหลือแล้วจริง ๆ...”เหยาจงร้องไห้จนไม่มีน้ำตา แต่ภายใต้การข่มขู่ของหลินหยาง ทำได้เพียงควักสิ่งของทุกอย่างออกมา ในไม่ช้าบนพื้นก็กองเต็มไปด้วยของชิ้นเล็ก ๆ สุดท้ายเขาก็ต้องถอดออกแม้กระทั่งเสื้อผ้า เหลือแค่เพียงกางเกงในตัวเดียวหลินหยางถึงได้ยกมือขึ้น ตบที่บ่าของเขาพร้อมกล่าวราวกับกำลังสั่งสอนเด็กน้อย “วันนี้จำเอาไว้ให้ดี ครั้งหน้าเจอฉัน ต้องรู้จักมีมารยาท”เหยาจงกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้ง ๆซ้ำ แต่กลับมีความรู้สึกราวกับรอดพ้นจากหายนะ เดินหนีอย่างกะเผลก แต่กลับเต็มไปด้วยความว่องไว “ไอ้แก่ ดูถูกแกเกินไปแล้ว”
และเมื่อลั่วหงอวี๋เอ่ยถึงเทพอาวุธ อาจจะเป็นหนึ่งในสามเทพ ที่วรยุทธ์อ่อนแอที่สุด แต่ก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกันที่พูดว่าอ่อนแอที่สุด หมายถึงวรยุทธ์ของเขาค่อนข้างธรรมดา แน่นอนว่า ธรรมดาในที่นี้หมายถึง คือการเทียบกับอีกสองคนเทพที่เหลือที่เขาสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับสองเทพได้ ก็เป็นเพราะเขาบรรลุถึงขั้นสุดยอดในด้านการสร้างอาวุธ ในช่วงเวลาสมัยหนึ่งอาวุธระดับเทพร้ายกาจใช่ไหมล่ะ?ปรมาจารย์เทพโอสถสีหน้าเศร้าใจ เมื่อเอ่ยถึงน้ำเต้าสังหารมังกร อาวุธระดับเทพเพียงชิ้นเดียวนั่นของเขา และอาวุธระดับเทพแบบนั้น เทพอาวุธมีเก้าชิ้น!ไม่ผิด มีเก้าชิ้น...ด้วยอาวุธเทพทั้งเก้าชิ้นนี้ เขาครองโลก ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง!ในตำนานเล่าขานของเทพโอสถ ตอนที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ มีท่าทางอวดดียิ่งมาแต่ไหนแต่ไร เขาที่เห็นคนในโลกไม่มีอะไรเลย ในคำพูดเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและเกลียดชัง!แต่เหยาจงเป็นแค่เนื้อร้าย?อย่างเขาก็คู่ควรที่จะมีความเกี่ยวข้องกับเทพอาวุธ?ถ้าหากไม่ใช่ว่าลั่วหงอวี๋เป็นคนพูด ให้ตายยังไงหลินหยางก็ไม่เชื่อ!“เทพอาวุธได้ทิ้งคลังสมบัติอาวุธเทพเอาไว้ กริชเล่มนี้ ก็หลุดออกมาจากในคลังสมบัติข
เธอกำลังชื่นชมที่จู่ ๆก็มีรอยยิ้มอันสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่แข็งทื่อหลินหยาง กลับรู้สึกว่าน่าสนใจมากเธอย่อมไม่ถือสาที่ยื่นมือเข้าช่วยหลินหยาง แต่การหยอกล้อเด็กหนุ่มที่น่าสนใจคนนี้ ดูเหมือนว่าจะทำให้ชีวิตที่ราบเรียบเงียบสงบของตนเอง มีรสชาติเพิ่มขึ้นมาก“คุณมองออกตั้งแต่แรกแล้วเหรอครับ?”เมื่อหลินหยางได้ยินดังนั้น ก็มีความรู้สึกละลายใจไม่น้อย ถึงอย่างไรตนเองก็ตามหาคนช่วยเหลือ ควรจะต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าถึงจะถือว่ามีมารยาท“ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของคุณ มองแวบแรกก็รู้ว่าถูกคนทำร้ายมา ทั้งยังไล่ยังไงก็ไม่ไปอีก ฉันก็พอจะมองออกอยู่บ้าง”ดวงตาที่งดงามของลั่วหงอวี๋ราวกับมีพลังอ่านใจคนอย่างทะลุปรุโปร่ง“อันที่จริงผมก็กำลังคิดอยู่ว่าจะรายงานคุณยังไงดี...”หลินหยางลูบศีรษะ รู้สึกเก้อเขินอยู่ไม่น้อยหลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มทวงถามการบริการแล้วเป็นอย่างที่คาดไว้ ในโลกนี้ไม่มีของฟรีถ้าไม่อย่างงั้นก็..“คุณว่ามาเถอะ อย่าได้เกรงใจผมอย่างเด็ดขาด!หลินหยางกัดฟัน หลับตา ทำท่าทางยอมให้คุณเหยียดหยามลั่วหงอวี๋ตกตะลึง “คุณทำอะไร?”“ต่อยผมไงครับ”หลินหยางลืมตาขึ้น กล่าวอ
เมื่อใกล้ถึงหมู่บ้านตี้เหา เขาก็ได้รับโทรศัพท์ที่มู่หรงยิ่นต่อสายเข้ามาหา“นี่คุณไปยั่วถึงบ้านตระกูลหลูเลยเหรอ? แล้วคุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? รุนแรงไหม? คุณอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปหาคุณ!”ได้ยินมู่หรงยิ่นรีบระเบิดคำถามออกมาผ่านทางสายโทรศัพท์ ทำให้หลินหยางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ เขาไม่ได้แสดงตัวเป็นผู้ชายที่อบอุ่นแต่กลับกล่าวปลอบใจขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ผมเองก็มีคนหนุนหลัง ลำพังแค่หลูอ้าวตง ทำอะไรผมไม่ได้หรอก” “คนหนุนหลัง? คุณหมายถึงตระกูลฉินเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าคุณผิดใจกันกับตระกูลฉินนี่” ทางปลายสายอีกฝั่ง มู่หรงยิ่นขมวดคิ้ว พร้อมทั้งถอนหายใจ “ตระกูลฉินตระกูลหลูอะไร แค่ต้องให้เวลาปรมาจารย์หน่อย ผมใช้แค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถตบพวกเขาตายได้แล้ว พอถึงเวลาผมจะให้พวกเขามาเยือนถึงที่เลย มาขอโทษคุณ ใครให้พวกเขามากวนใจคุณกันล่ะ!” หลินหยางกล่าวออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่าเขาไปทุบตีตระกูลฉินตระกูลหลูจนตาย มันคือความจริงที่ถูกกำหนดมา แต่ในความเป็นธรรมชาตินี้ กลับแสดงออกด้วยความมั่นใจ ยกตนข่มท่าน!ผู้ชายน่ะ ต้องให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยแก่ผู้หญิง!พี่น้องตระกูลหลูตระกูลฉินเทียบกับผ
อีกทางฝ่ายหนึ่ง หลินหยางที่เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์นั้น ก็มีอีกสายที่โทรเข้ามา นั่นคือเฉาเยี่ยนหลิงต่อสายเข้ามา เธอที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ร้องไห้ออกมาราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน บอกว่าตนเองเห็นว่าหลินหยางตกอยู่ในอันตรายผ่านการถ่ายทอดสด จึงรู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง เพื่อช่วยหลินหยางแล้ว กลับบ้านไปต้องข่มขู่คุณพ่อด้วยชีวิตของเธอเอง ให้เฉาเค่อหมิงไปช่วยหลินหยาง หลินหยางช็อกไปหมด เฉาเยี่ยนหลิงคิดอะไรอยู่น่ะ? อย่าเพิ่งพูดว่าเฉาเค่อหมิงจะยอมรับคำข่มขู่ไหม แค่คิดว่าถ้าเขาช่วย เฉาเค่อหมิงเป็นเพียงผู้อำนวยการฝ่ายการเงินท่านหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีกำลังที่จะช่วยเขาต่อต้านกับตระกูลหลูได้อยู่ดี ถ้าหากว่าเดาไม่ผิดล่ะก็ เฉาเค่อหมิงต้องปฏิเสธแน่ ๆ แถมยังจะนำเฉาเยี่ยนหลิงไปกักบริเวณอีกด้วย ไม่อนุญาตให้ออกไปข้างนอก ไม่อนุญาตให้รับโทรศัพท์ ทางเฉาเยี่ยนหลิงเองก็คงจะหาโอกาสได้ไม่ง่ายที่จะโทรหาหลินหยาง “ถ้าผมเข้าตาจนแล้ว ผมจะไปขอร้องเขา ผมคิดว่าถ้าผมข่มขู่ฆ่าตัวตาย เขาน่าจะยอมฟังผมซะมากกว่า...” เมื่อได้ยินเฉาเยี่ยนหลิงที่อยู่ทางปลายสายปล่อยโฮร้องไห้ออกมา แล้วหลินหยางจะพูดอะไรได้ จึงทำได้เพียงแค่ปลอบโยน
“เหลวไหล!” หลินไร้ศัตรูกลับค้อนเขาทีหนึ่งแล้วกล่าว “หลานชายของฉันเป็นสายเลือดโดยตรงรุ่นที่สามที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลหลิน! ถ้าหากเขาไม่อยู่แล้ว กิจการมากมายของตระกูลหลินจะส่งต่อให้ใครดูแล?!”“คือ...”ว่านเหลยกล่าวด้วยท่าทางลำบากใจ“พยายามตามหาเข้า ถึงอย่างไร...” หลินไร้ศัตรูถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง กลับมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย “ตอนนั้นเป็นเพราะตระกูลหลินของฉันติดค้างเขาแล้วก็ยังมีพี่ชายคนโตของฉันด้วย หนี้ก้อนนี้ จำเป็นต้องคืน”อีกทางด้านหนึ่งหลินหยางกลับจามอย่างรุนแรง “ใครกำลังด่าฉัน? แม่งเอ๊ย จะต้องเป็น...”เมื่อลองคิด ๆ ดูแล้วเหมือนว่าศัตรูที่อยากจะด่าตนมีเยอะแยะมากมาย หลินหยางก็คร้านจะนับเช่นกันมองดูเวลาแวบหนึ่งก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว เขาจึงออกจากบ้านด้านนอกคฤหาสน์ หลี่หรูเยว่ได้ยืนอยู่ที่ด้านหน้ารถแล้ว เปิดประตูรถให้หลินหยาง กล่าวด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย “ตระกูลเฉิงจัดงานเลี้ยงไว้รอแล้ว แต่ว่าจ้าวเจี้ยนชิงอยู่ที่งานเลี้ยงนั่นด้วย ที่นั่นจะต้องมีกองทัพทหารคอยเฝ้าอยู่!”ถ้าหากจ้าวเจี้ยนชิงเป็นสุนัขจนตรอก เรื่องจะต้องมีความยุ่งยากขึ้นแน่“งานใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะพลาดได้ยังไ
ชายวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านของปลายสายโทรศัพท์ราวกับตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าจู่ ๆ ก็ได้เห็นความหวัง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย “คุณรักษาได้จริง ๆ เหรอ?”“คือว่าค่าตอบแทนนี่...”“ค่าตอบแทนไม่ใช่ปัญหา! ขอเพียงแค่คุณสามารถรักษาพิษเหมันต์แทรกซึมเข้ากระดูกได้ คุณอยากได้อะไรก็ว่ามาได้เลย!”“ยอดเยี่ยม! โสมคนอายุสามร้อยปีสักสามสิบต้น สมุนไพรอายุห้าร้อยปีสิบต้น...”หลินหยางก็ไม่ได้เกรงใจเช่นกัน จากนั้นก็สั่งสมุนไพร ราวกับสั่งอาหาร สมุนไพรพวกนี้มากพอที่จะทำให้หลูอ้าวตงต้องเจ็บปวดใจแต่ทว่าปลายสายกลับกล่าวด้วยความไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “ได้! คืนนี้ผมจะให้รถไปรับคุณ!”น้ำเสียงที่ดีใจดีนี้ ทำให้หลินหยางรู้สึกเหมือนกับว่าตนเสนอราคาต่ำไปแต่ว่าไม่เสียใจภายหลัง เขาก็ไม่ได้สนใจอีก “โรคพิษเหมันต์แทรกซึมเข้ากระดูกจะรีบร้อนไม่ได้ ผมจำเป็นต้องเตรียมตัวสักหน่อย ถึงเวลานั้นผมจะแจ้งให้คุณทราบ”ชายวัยกลางคนนั้นรับปากทันทีหลินหยางวางสายโทรศัพท์ พูดเบา ๆ “ดูท่าจะเป็นมหาเศรษฐี”อีกฝ่ายไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยตัวตน ยังสามารถเอาสมุนไพรมากมายขนาดนี้มาให้ได้อีก ตัวตนจะต้องสูงส่งมาจนไม่สะดวกที่จะเ
หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆ รางวัล?คงไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายร่างกายกำยำใช่ไหม?เหยียนฮ่าวสีหน้าซีดขาวทันที คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง “คุณหลิน ผมมีตาหามีแววไม่ คุณหลินได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”หลินหยางจ้องมองเขาอย่างหมดคำพูดแวบหนึ่ง “จ้าวเจี้ยนชิงอยู่กับตระกูลเฉิง สมคบคิดกับชาวตงอิ๋งค้ายาเสพติด แกไปตรวจสอบให้ละเอียด นี่เป็นผลงานความดีความชอบครั้งใหญ่ใช่ไหม?”“ค้ายาเสพติด? เขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”เหยียนฮ่าวเหลือเชื่อ“นายลองไปตรวจสอบคลังสินค้าเทียนหนาน ที่นั่นเป็นจุดที่พวกมันขนส่งสินค้า” หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆซ่งหว่านอวี๋เป็นคนบอกข่าวกรองนี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่มหาปรมาจารย์หลินทำงานอย่างยากลำบากบนเตียงเหยียนฮ่าวดีใจเป็นล้นพ้นขึ้นมาทันที นี่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เป็นความดีความชอบที่โคตรยิ่งใหญ่ประเทศหลงอ่อนไหวต่อยาเสพติดมากที่สุด และจ้าวเจี้ยนชิงเข้าร่วมด้วย ปริมาณของยาเสพติดนั่นจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แน่นอน!“ขอบพระคุณคุณหลิน! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”แม้แต่ความกังวลของเหยียนฮ่าวที่ถูกวางพิษกู่ ก็จางหายลงไปไม่น้อยรีบเรียกรวมคนแล้วออกไป กา
จ้าวเจี้ยนชิงตกตะลึงไปแล้ว “ราง รางวัลพลเมืองดีเด่น?”เฉิงคั่วร้อนใจ “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าคนตายคาที่ ทุกคนเห็นกันหมด! คุณทำ...”เสียงเพี้ยะดังขึ้นทีหนึ่ง!เหยียนฮ่าวสะบัดฝ่ามือเข้าไปที่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวเสียงขรึม “เมื่อครู่นี้แกเห็นอะไร?”“ผม...”เฉิงคั่วสีหน้าซีดขาว ภายใต้สีหน้าที่เย็นยะเยือกของเหยียนฮ่าว กลับไม่กล้าพูดอะไรอีกเขาเป็นปรมาจารย์บ้านนอกคนหนึ่ง จะล่วงเกินเหยียนฮ่าวไม่ได้อย่างเด็ดขาด!“พวกแกเห็นอะไร?”เหยียนฮ่าวกวาดสายตามองคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกล่าวขึ้นอีกครั้งทั้งหมดนิ่งเงียบ“คดีของวันนี้ง่ายมาก!” เหยียนฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หวังเทียนเหิงรัฐมนตรีกรมอัยการสูงสุด กลั่นแกล้งประชาชน บังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง!”“คุณหลินป้องกันตัวตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการอพยพฉุกเฉิน!”“ผมพูดจบแล้ว มีใครเห็นด้วย มีใครคัดค้านไหม?”การอพยพฉุกเฉินสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีเหตุผล!ทุกคนตะลึงงันแต่ว่าภายใต้สายตาของเหยียนฮ่าว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงเพราะบิดาของเหยียนฮ่าวยังเป็นอธิบดีกรมอัยการสูงสุด คำพูดของเขาก็คือกฎหม
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย