ตลอดคืนนี้ เป็นคืนที่นอนไม่หลับสำหรับใครหลาย ๆคนวันที่สอง หลินหยางตื่นแต่เช้าตรู่ เดินไปที่ระเบียงแล้วยืดเส้นยืดสาย เฉาเยี่ยนหลิงที่นอนอยู่บนเตียงกำลังนอนหลับอย่างสบายใจ ลมหายใจสม่ำเสมอถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะเหนื่อยมาก ยากลำบากมาก แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการฝึกฝนวรยุทธ์อีกทั้งยังใกล้จะต้องดวลกับเจียงไห่เซิงแล้ว ยิ่งจะเกียจคร้านไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งจะดูถูกศัตรูไม่ได้ถึงแม้ว่าหลินหยางจะมีความมั่นใจมากว่าจะสามารถเอาชนะเจียงไห่เซิงได้ แต่เขาไม่มีทางประมาทคู่ต่อสู้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ได้ล่วงเกินปรมาจารย์ระดับเก้าอย่างจ้าวเจี้ยนชิงอย่างสมบูรณ์แล้ว มีอันตรายแอบแฝงอยู่ไม่น้อยมีแรงกดดันสองฝั่งของตระกูลฉินกับเหยียนหรูอวี้ ภายนอกจ้าวเจี้ยนชิงทำอะไรเขาไม่ได้ แต่หลินหยางคาดการณ์อย่างมั่นใจว่าจ้าวเจี้ยนชิงไม่มีทางรามือแน่นอน จะต้องออกแผนการอุบายไม่ดีอย่างแน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเพิ่มพละกำลังให้เร็วที่สุดหลังจากปราณสีม่วงมลายหายไป หลินหยางฝึกฝนเนตรคู่เสร็จสิ้นแล้ว ไปขอคำแนะนำจากลั่วหงอวี๋เหมือนเช่นเคย“ปรมาจารย์ลั่ว คุณช่วยเลียนแบบพละกำลังของปรมาจารย์ระดับเก้ามาแลกเปลี่ยนความรู้
ลั่วหงอวี๋ให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ส่วนทางหลินหยางนั้นด้วยศักยภาพปรมาจารย์ระดับห้า ก็เพียงพอแล้วสำหรับการรับมือกับกระบวนท่าฝ่ามือทั้งสามสิบท่าของปรมาจารย์ระดับเก้า สิ่งนี้ก็เก่งกาจเกินไปแล้ว ซึ่งตามปกติแล้วปรมาจารย์ระดับเจ็ดก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ นี่เป็นเพราะมังกรคชสารสะเทือนฟ้า วิชาอสนีบาตสามสหัสสะรวมถึงการแผลงฤทธิ์ของเนตรคู่ของเขา หลินหยางพยักหน้านิดหน่อย รู้อยู่แก่ใจแล้วแท้ ๆ หลินหยางจึงยกมือกำกำปั้นคารวะแบบจั้วอีพร้อมเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ลั่งหงอวี๋พยักหน้าเบา ๆ และกล่าวว่า “หากว่าเอ็งกลัว ก็มาซ่อนตัวที่บ้านของข้า” “ขอบคุณผู้เฒ่าลั่วที่ห่วงใยผม แต่ผมอยากเผชิญหน้าด้วยตัวเอง จ้าวเจี้ยนชิงไม่ใช่ปรมาจารย์เสวียน พอได้ยินข่าวอย่างนั้นก็จะรีบลงมือทันที จะไม่กลัวจนตัวสั่น มีแรงกดดันถึงจะขับเคลื่อนได้” หลินหยางปฏิเสธความหวังดีของลั่วหงอวี๋ แต่ก็รู้สึกขอบคุณจากใจ“อย่างนั้นข้าขอให้เอ็งโชคดี” ลั่วหงอวี๋เองก็ไม่พูดมาก ก่อนจะโบกมือแล้วเดินลงภูเขาไป เหลือไว้เพียงหลินหยางคนเดียวที่ยังคงฝึกฝนให้มากขึ้นสักชั่วโมงอยู่ที่ภูเขาจื่อเซี๋ยเสียก่อนจะลงจากภูเขาไป เฉาเยี่ยนหลิงยังไม่ตื่น
เมื่อเจียงรั่วหานพบเข้ากับหลินหยาง ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาชั่วครู่ แล้วจึงก้าวถอยหลังไปสองก้าวอัตโนมัติในฐานะลูกสะใภ้ของนายพลกองรักษาการณ์ เจียงรั่วหานในอดีตไม่เคยกลัวเกรงใครหน้าไหนมาก่อนในเมืองลั่ว แต่ทว่าในปัจจุบันกลับกลัวหลินหยางจนถึงที่สุด “ใครเป็นพี่สะใภ้คุณ!” “งั้นให้ผมเรียกคุณว่ารั่วหานเหรอครับ?” หลินหยางหยิบทิชชูออกมาจากร่างกาย เตรียมที่จะเช็ดน้ำตาบนหน้าของเจียงรั่วหาน แต่เจียงรั่วหานกลับมีท่าทีตกใจจนหน้าซีดเผือด ก่อนจะรีบจากออกไป “นี่คุณทำอะไรน่ะ? ถอยห่างฉันไปหน่อย! อีกอย่างนะ ฉันกับคุณไม่ได้สนิทกัน เราเป็นศัตรูกัน แล้วรั่วหานนี่คุณเรียกได้เหรอ?” เจียงรั่วหานกล่าวออกมาอย่างแข็งนอกอ่อนใน หลินหยางจึงเดินตามไปติด ๆ ทีละก้าว เจียงรั่วหานก็ถอยออกไปทีละก้าวเช่นกัน จนไปติดข้างผนัง สุดท้ายก็หมดทางไป “คุณไสหัวออกไปจากฉันเถอะ! ไม่งั้นฉันจะเรียกคน!” แม้ว่าตอนนี้เจียงรั่วหานจะก่นด่าออกไป แต่ภายใต้คำพูดนั้นกลับไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังเต็มไปด้วยความอ่อนแอหลินหยางยิ้มย่องพร้อมทั้งเอ่ยขึ้นมา “เรียกสิครับ! คุณเรียกคนมาคิดว่าผมจะกลัวเหรอ?” “ไอ้อันธพาลไร้ยางอาย
“ฮึ่ย!” เจียงรั่วหานสะบัดหน้าหนี โดยไม่ได้หันมามองหลินหยางอีก “ขอทางด้วย!” เจียงรั่วหานยืดขนออกไปผลักหลินหยาง แต่หลินหยางกลับไม่สะทกสะท้านใด ๆ “หลีกทางหน่อย! จ้าวเจิ้งฮ่าวเรียกฉันแล้ว!” เจียงรั่วหานรีบร้อยอย่างมาก จ้าวเจิ้งฮ่าวเปล่งเสียงเรียกดังขึ้นเรื่อย ๆออกมาจากห้องผู้ป่วย“พวกคุณทำอะไรกันอยู่น่ะ?” เสียงตะคอกดังขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด จนทำให้เจียงรั่วหานสะดุ้งโหยง เธอเบิกตาโพลงใส่หลินหยางเป็นสัญญาณให้หลีกไป ใบหน้าแดงระเรื่อ อธิบายอย่างตื่นตระหนก “ป้าซ่ง... ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือเขา....” ผู้มาเยือนคือภรรยาของจ้าวเจี้ยนชิง ซ่งหว่านอวี๋เป็นแม่เลี้ยงของจ้าวเจิ้งฮ่าว หลินหยางมองไปที่ซ่งหว่านอวี๋แวบเดียว แล้วกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส “ภรรยาคุณซ่ง สวัสดีครับ ได้เจอกันอีกแล้วนะครับ” ซ่งหว่านอวี๋อดไม่ได้ที่ตะนึกถึงเรื่องที่หลินหยางบีบก้นเธอต่อหน้าสาธารณชนเมื่อวานนี้ แล้วก็รับรู้ถึงความกล้าหาญของคนคนนี้ กล้าทำเรื่องอะไรออกมาก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก “เจิ้งฮ่าวเรียกหาเธออยู่ รีบเข้าไปเถอะ”ซ่งหว่านอวี๋ไม่ได้ตำหนิเจียงรั่วหาน แต่เมื่อเจียงรั่วหานได้ยินคำเหล่านี้ จึงรีบปรับอารมณ์แล
“คำพูดนี้ของคุณผู้หญิงไม่ถูกต้องนัก โปรดอย่าได้เข้าใจความปรารถนาดีของผมผิด ผมก็เพียงคิดอยากทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กเท่านั้น การล่วงเกินนายพลจ้าวมีประโยชน์อะไรต่อผมกันล่ะ?”หลินหยางกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกไม่แน่ใจว่าที่แท้หลินหยางมีแผนอะไรกันแน่ดูจากการแสดงออกที่ไม่สะทกสะท้านของหลินหยางเมื่อวาน เขาไม่กลัวจ้าวเจี้ยนชิงเลยต่างหากจึงจะถูก“ที่แท้เธอต้องการอะไรกันแน่?” ซ่งหว่านอวี๋เดาใจของหลินหยางไม่ออก จึงได้คอยสังเกตสถานการณ์โดยไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้า“ผมมารักษาขาให้คุณชายจ้าว มีเพียงผมเท่านั้นที่รักษาเขาได้ ทำให้เขากลับมายืนได้อีกครั้ง นอกจากนี้ เพื่อแสดงความจริงใจของผม ผมยังรักษาอาการป่วยให้ท่านผู้เฒ่าจ้าวได้ด้วย แบบนี้ คิดว่านายพลจ้าวคงไม่เอาความกับผมต่อแล้วกระมัง?”“รบกวนคุณผู้หญิงช่วยแจ้งกับนายพลจ้าวสักหน่อย” หลินหยางกล่าวอย่างจริงใจเมื่อซ่งหว่านอวี๋ได้ยินคำพูดนี้ อารมณ์ก็ย่ำแย่ลงอย่างมาก ในดวงตาปรากฏความลนลานและประหม่ากังวลขึ้นมาเห็นว่าจ้าวเจิ้งฮ่าวกลายเป็นคนพิการแล้ว มีแต่เช่นนี้เธอจึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ในสกุลเจ้าได้อย่างมั่งคง หากหลิ
หลินหยางเปิดโปงแผนการที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจของซ่งหว่านอวี๋อย่างไม่เกรงใจ“จ้าวเจิ้งฮ่าวใช้การไม่ได้แล้ว จ้าวเจี้ยนชิงถึงจะมีลูกกับคุณใหม่อีกคน อาศัยลูกยกสถานะของตัวเอง แบบนี้คุณถึงจะสามารถทำให้ฐานะของตัวเองมันคงได้ ดังนั้น คุณถึงเป็นคนที่ไม่อยากให้จ้าวเจิ้งฮ่าวถูกรักษาหายที่สุด ผมพูดถูกไหม? ”“คุณผู้หญิงขอรับ ถ้านับดูแล้ว ถือได้ว่าผมช่วยคุณอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของคุณเลยนะ” เมื่อซ่งหว่านอวี๋ฟังคำพูดพวกนี้ของหลินหยางจบ แววตาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเดิมเธอคิดว่าหลินหยางเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่หยิ่งผยองบ้ากาม อาศัยภูมิหลังทำตัวตามอำเภอใจ ไม่มีอะไรให้อวดอ้างเท่านั้นแต่ในเวลานี้ เธอไม่อาจไม่ประเมินหลินหยางใหม่อีกครั้งไอ้เด็กคนนี้ สายตาเฉียบแหลม เฉลียวฉลาดล้ำเหลือมาก ดูท่าจะประเมินเขาต่ำไปแล้ว!หลินหยางพูดอย่างชัดเจนขนาดนี้ ซ่งหว่านอวี๋ที่เป็นคนฉลาดย่อมรู้ว่าปากแข็งต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว“คุณหลินช่างมีดวงตาแหลมคม ชาญฉลาดเหนือผู้คนจริงๆ ก่อนหน้าเป็นฉันที่ประเมินคุณต่ำไป เชิญมาพูดกันทางนี้ได้ไหมคะ?”หลังซ่งหว่านอวี๋ลนลานทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะ ก็สงบสติอารมณ์ของ
คำพูดพวกนี้ของหลินหยางควบคุมซ่งหว่านอวี๋ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จึงไม่แปลกที่เธอจะอับอายจนกลายเป็นโทสะในฐานะคนข้างหมอนของจ้าวเจี้ยนชิง ซ่งหว่านอวี๋เข้าใจในตัวจ้าวเจี้ยนชิงดีเป็นอย่างมากหากหลินหยางทำเช่นนั้นจริงแล้วเธอไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ อย่างนั้นจ้าวเจี้ยนชิงก็ไม่มีทางรู้สึกขอบคุณเธอ ต่อให้ไม่ฆ่าเธอทิ้ง ก็จะต้องไล่เธอออกจากเมืองลั่วแน่ซ่งหว่านอวี๋จึงพึ่งได้สติว่า ตนในตอนนี้เหมือนขี่หลังเสือ ไม่เหลือทางให้ถอยแล้วเจ้าคนที่อยู่เบื้องหน้า ดูหล่อเหลาไร้พิษภัย แต่กลับเต็มไปด้วยความคิดเลวร้าย ช่างน่ารังเกียจเกินไปแล้ว ทำให้เธอไม่มีหนทางต่อต้านแม้แต่น้อยเป็นถึงคุณนายของนายพลแห่งกองรักษาการณ์แท้ๆ แต่กลับถูกคนควบคุมรังแกเช่นนี้ เธอย่อมไม่อาจกล้ำกลืนโทสะนี้ได้“เธอไม่จำเป็นต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนี้ เธอเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร อย่าคิดว่าตัวเองถูกรังแกนักเลย” หลินหยางพูดเรียบๆซ่งหว่านอวี๋สงบลงอีกครั้ง กล่าวว่า “อาศัยอะไรให้ฉันเชื่อนาย? ถ้าฉันรับปากเงื่อนไขของนาย ไม่เท่ากับว่าวันหลังต้องถูกนายบงการตามใจ กลายเป็นของเล่นให้นายไปอีกนานหรือ? ”หลินหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณ
ในใจเจียงรั่วหานก็ประหลาดใจเช่นกัน นี่ก็ครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่เข้ามาอีก ซ่งหว่านอวี๋ไปทำอะไรกันนะ?“ฉันจะออกไปดูสักหน่อย ถ้าน้าซ่งมีธุระทำให้ช้า ฉันจะไปซื้อใหม่เลย” เจียงรั่วหานหาข้ออ้างปลีกตัวจากห้องผู้ป่วยเธอมองไปรอบๆ บริเวณทางเดินไม่มีวี่แววของหลินหยางและซ่งหว่านอวี๋“คนล่ะ?”สีหน้าของเจียงรั่วหานเต็มไปด้วยความสงสัย ด้านหนึ่งเดินไปตามทางเดิน อีกด้านก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมจะโทรหาซ่งหว่านอวี๋ทว่าเพิ่งจะกดโทรออกไป ยังไม่มีคนรับสาย เจียงรั่วหานก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแผ่วเบาดังมาจากทางหนีไฟ เธอจึงวางสายโทรศัพท์และแอบเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบฝีเท้าที่เข้าไปใกล้ของเจียงรั่วหานเบามาก ซ่งหว่านอวี๋ที่กำลังใช้ปากเก็บเกี่ยวผึ้งย่อมไม่ได้ยิน แต่ความสามารถในการฟังของหลินหยางสุดแสนน่าทึ่ง ตอนนี้เขาได้ยินแล้ว จากนั้นได้เปิดใช้ทักษะเนตรคู่และเห็นว่าเจียงรั่วหานกำลังแนบติดกับประตูทางหนีไฟลอบฟังอยู่มุมปากของหลินหยางปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา กล่าวว่า “คุณนายจ้าว เหนื่อยไหม?”ซ่งหว่านอวี๋เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ไล่มองหลินหยางจากล่างขึ้นบน ดวงตาราวกับมีหมอกควันอันบางเบาอยู่ ในใจคิดว่า “
“เหลวไหล!” หลินไร้ศัตรูกลับค้อนเขาทีหนึ่งแล้วกล่าว “หลานชายของฉันเป็นสายเลือดโดยตรงรุ่นที่สามที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลหลิน! ถ้าหากเขาไม่อยู่แล้ว กิจการมากมายของตระกูลหลินจะส่งต่อให้ใครดูแล?!”“คือ...”ว่านเหลยกล่าวด้วยท่าทางลำบากใจ“พยายามตามหาเข้า ถึงอย่างไร...” หลินไร้ศัตรูถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง กลับมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย “ตอนนั้นเป็นเพราะตระกูลหลินของฉันติดค้างเขาแล้วก็ยังมีพี่ชายคนโตของฉันด้วย หนี้ก้อนนี้ จำเป็นต้องคืน”อีกทางด้านหนึ่งหลินหยางกลับจามอย่างรุนแรง “ใครกำลังด่าฉัน? แม่งเอ๊ย จะต้องเป็น...”เมื่อลองคิด ๆ ดูแล้วเหมือนว่าศัตรูที่อยากจะด่าตนมีเยอะแยะมากมาย หลินหยางก็คร้านจะนับเช่นกันมองดูเวลาแวบหนึ่งก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว เขาจึงออกจากบ้านด้านนอกคฤหาสน์ หลี่หรูเยว่ได้ยืนอยู่ที่ด้านหน้ารถแล้ว เปิดประตูรถให้หลินหยาง กล่าวด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย “ตระกูลเฉิงจัดงานเลี้ยงไว้รอแล้ว แต่ว่าจ้าวเจี้ยนชิงอยู่ที่งานเลี้ยงนั่นด้วย ที่นั่นจะต้องมีกองทัพทหารคอยเฝ้าอยู่!”ถ้าหากจ้าวเจี้ยนชิงเป็นสุนัขจนตรอก เรื่องจะต้องมีความยุ่งยากขึ้นแน่“งานใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะพลาดได้ยังไ
ชายวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านของปลายสายโทรศัพท์ราวกับตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าจู่ ๆ ก็ได้เห็นความหวัง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย “คุณรักษาได้จริง ๆ เหรอ?”“คือว่าค่าตอบแทนนี่...”“ค่าตอบแทนไม่ใช่ปัญหา! ขอเพียงแค่คุณสามารถรักษาพิษเหมันต์แทรกซึมเข้ากระดูกได้ คุณอยากได้อะไรก็ว่ามาได้เลย!”“ยอดเยี่ยม! โสมคนอายุสามร้อยปีสักสามสิบต้น สมุนไพรอายุห้าร้อยปีสิบต้น...”หลินหยางก็ไม่ได้เกรงใจเช่นกัน จากนั้นก็สั่งสมุนไพร ราวกับสั่งอาหาร สมุนไพรพวกนี้มากพอที่จะทำให้หลูอ้าวตงต้องเจ็บปวดใจแต่ทว่าปลายสายกลับกล่าวด้วยความไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “ได้! คืนนี้ผมจะให้รถไปรับคุณ!”น้ำเสียงที่ดีใจดีนี้ ทำให้หลินหยางรู้สึกเหมือนกับว่าตนเสนอราคาต่ำไปแต่ว่าไม่เสียใจภายหลัง เขาก็ไม่ได้สนใจอีก “โรคพิษเหมันต์แทรกซึมเข้ากระดูกจะรีบร้อนไม่ได้ ผมจำเป็นต้องเตรียมตัวสักหน่อย ถึงเวลานั้นผมจะแจ้งให้คุณทราบ”ชายวัยกลางคนนั้นรับปากทันทีหลินหยางวางสายโทรศัพท์ พูดเบา ๆ “ดูท่าจะเป็นมหาเศรษฐี”อีกฝ่ายไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยตัวตน ยังสามารถเอาสมุนไพรมากมายขนาดนี้มาให้ได้อีก ตัวตนจะต้องสูงส่งมาจนไม่สะดวกที่จะเ
หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆ รางวัล?คงไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายร่างกายกำยำใช่ไหม?เหยียนฮ่าวสีหน้าซีดขาวทันที คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง “คุณหลิน ผมมีตาหามีแววไม่ คุณหลินได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”หลินหยางจ้องมองเขาอย่างหมดคำพูดแวบหนึ่ง “จ้าวเจี้ยนชิงอยู่กับตระกูลเฉิง สมคบคิดกับชาวตงอิ๋งค้ายาเสพติด แกไปตรวจสอบให้ละเอียด นี่เป็นผลงานความดีความชอบครั้งใหญ่ใช่ไหม?”“ค้ายาเสพติด? เขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”เหยียนฮ่าวเหลือเชื่อ“นายลองไปตรวจสอบคลังสินค้าเทียนหนาน ที่นั่นเป็นจุดที่พวกมันขนส่งสินค้า” หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆซ่งหว่านอวี๋เป็นคนบอกข่าวกรองนี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่มหาปรมาจารย์หลินทำงานอย่างยากลำบากบนเตียงเหยียนฮ่าวดีใจเป็นล้นพ้นขึ้นมาทันที นี่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เป็นความดีความชอบที่โคตรยิ่งใหญ่ประเทศหลงอ่อนไหวต่อยาเสพติดมากที่สุด และจ้าวเจี้ยนชิงเข้าร่วมด้วย ปริมาณของยาเสพติดนั่นจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แน่นอน!“ขอบพระคุณคุณหลิน! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”แม้แต่ความกังวลของเหยียนฮ่าวที่ถูกวางพิษกู่ ก็จางหายลงไปไม่น้อยรีบเรียกรวมคนแล้วออกไป กา
จ้าวเจี้ยนชิงตกตะลึงไปแล้ว “ราง รางวัลพลเมืองดีเด่น?”เฉิงคั่วร้อนใจ “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าคนตายคาที่ ทุกคนเห็นกันหมด! คุณทำ...”เสียงเพี้ยะดังขึ้นทีหนึ่ง!เหยียนฮ่าวสะบัดฝ่ามือเข้าไปที่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวเสียงขรึม “เมื่อครู่นี้แกเห็นอะไร?”“ผม...”เฉิงคั่วสีหน้าซีดขาว ภายใต้สีหน้าที่เย็นยะเยือกของเหยียนฮ่าว กลับไม่กล้าพูดอะไรอีกเขาเป็นปรมาจารย์บ้านนอกคนหนึ่ง จะล่วงเกินเหยียนฮ่าวไม่ได้อย่างเด็ดขาด!“พวกแกเห็นอะไร?”เหยียนฮ่าวกวาดสายตามองคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกล่าวขึ้นอีกครั้งทั้งหมดนิ่งเงียบ“คดีของวันนี้ง่ายมาก!” เหยียนฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หวังเทียนเหิงรัฐมนตรีกรมอัยการสูงสุด กลั่นแกล้งประชาชน บังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง!”“คุณหลินป้องกันตัวตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการอพยพฉุกเฉิน!”“ผมพูดจบแล้ว มีใครเห็นด้วย มีใครคัดค้านไหม?”การอพยพฉุกเฉินสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีเหตุผล!ทุกคนตะลึงงันแต่ว่าภายใต้สายตาของเหยียนฮ่าว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงเพราะบิดาของเหยียนฮ่าวยังเป็นอธิบดีกรมอัยการสูงสุด คำพูดของเขาก็คือกฎหม
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย