“ท้ายที่สุดประธานธนาคารคนหนึ่งก็ตาย เรื่องนี้ฉันไม่มั่นใจเลยว่าคลี่คลายลงอย่างง่ายดาย ดังนั้นต้องวางแผนสำหรับเรื่องที่เลวร้ายที่สุดก่อน ออกไปอยู่ที่อื่นก่อนแล้วกัน” ฉินโม่หนงบอกที่อยู่ที่หนึ่งให้หลินหยาง หลินหยางจึงขับรถมุ่งหน้าไปทันทีที่เมืองลั่วฉินโม่หนงไม่ได้มีอสังหาริมทรัพย์เพียงแค่แห่งเดียวเท่านั้น หลังจากที่เข้ามาในห้อง ฉินโม่หนงเอ่ยขึ้นว่า “สองวันนี้แกก็พักที่นี่ไปก่อนแล้วกัน” “แล้วลูกสาวแกล่ะ? แกจะไม่สนใจเฮเหรอ?” หลินหยางเอ่ยถาม “เธออยู่ที่โรงเรียน อย่าเพิ่งมีคำถามเลย ฉันจะไปโทรศัพท์ ต้องใช้ความสัมพันธ์บางอย่าง คอยดูว่าเรื่องจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนได้ไหม”หลินหยางรั้งฉินโม่หนงเอาไว้ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ ความจริงแล้ว แกไม่ต้องเครียดขนาดนี้ก็ได้ เรื่องนี้ฉันจัดการได้” “ในเวลาแบบนี้ แกอย่าเพิ่งอวดเก่งไปหน่อยเลย” ฉินโม่หนงคิดว่าหลินหยางกำลังเสแสร้งอยู่ สุดท้ายแล้วหลินหยางก็ถูกปิดกั้นนานถึงสองปี งั้นจะไปมีอำนาจเส้นสายอะไรเรื่องนี้ ใช้เพียงอำนาจอันป่าเถื่อนแก้ไขไม่ได้ ฉินโม่หนงเดินเข้าไปโทรศัพท์ในห้อง หลินหยางทำได้เพียงแค่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมไม่เชื่อที่ฉันพูด
ดั่งคำกล่าวที่ว่าไม่เจอกันหนึ่งวัน เหมือนผ่านไปแล้วสามฤดูใบไม้ร่วง สองสามวันนี้ฉินโม่หนงไม่ได้สนิทแนบชิดกันกับหลินหยางเลย จึงมีความคะนึงหากันตามธรรมชาติ และแสดงท่าทางออกมาอย่างกระตือรือร้น ด้วยปฏิภาณอันยิ่งใหญ่คือกำราบหลินหยางไว้ในคราเดียว แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อหลินหยางมีร่างกายเป็นปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้า ถึงแม้ว่าฉินโม่หนงจะเหมือนหมาป่าและแม่เสือ แต่ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กันกับหลินหยางได้ การต่อสู้เข้าสู่รอบที่สาม ฉินโม่หนงแพ้ลง และยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ เดิมทีที่อยากจะรีบคิดวิธีจัดการกับเรื่องการฆ่าหลิวเย่าหมิง แต่เมื่อคืนนี้บ้าบิ่นเกินไป มีความอ่อนล้าโรยแรงอยู่บ้าง ทำให้ฉินโม่หนงลอยหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกทีจนตะวันโด่งเมือลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นหลินหยางนอนอยู่ข้างกาย ฉินโม่หนงพอใจไปทั้งใจ ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้ว บนเตียงนอกนอกจากกลิ่นกายที่หลินหยางหลงเหลือไว้แล้ว เรือนร่างของเขากลับไม่เห็น ฉินโม่หนงจ้องมองยังผู้ชายข้างกาย พร้อมทั้งอารมณ์สับสนไปหมด เธอคิดว่ากำลังมองดูการเติบโตของหลินหยาง เธอมองหลินหยางเป็นเสมือนหลานชายเสมอมา เคยคิดถึงขั้นอยากเป็นแม่สื่อ
“กำลังคิดถึงเรื่องคดีของหลิวเย่าหมิง ฉันแค่รู้สึกว่ามันแปลก ๆ หน่อย” ฉินโม่หนงกล่าว หลินหยางจึงแสร้งบอกความลำไป “อันที่จริงแล้ว ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ฉินโม่หนงถูกทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ “แกรู้เหรอ? ไหนลองว่ามาซิ” “เรียกว่าผัวก่อนสิ แล้วฉันจะบอกแก” “ผัวขา.....” หลินหยางพึงพอใจอย่างมาก ฉินโม่หนงในตอนนี้นับวันก็ยิ่งเชื่อง นอกจากจะพอใจมากแล้ว ยังรู้สึกสำเร็จอย่างมากด้วย “เด็กดี” หลินหยางบีบไปที่แก้มของฉินโม่หนง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ ความจริงแล้วมันง่ายมากเลย ฉันโทรขอเฉาเค่อหมิง แล้วบอกว่าเขาน่ะฉันเป็นคนฆ่าเอง เขาเห็นแก่หน้าฉัน เลยทำให้การตายของหลิวเย่าหมิงกลายเป็นฆ่าตัวตายแทน” ทันใดนั้นฉินโม่หนงก็เอ่ยชื่นชมขึ้น “แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แกน่ะเองมากเลยนะ แค่โทรกริ๊งเดียวให้เรื่องถึงหูเฉาเค่อหมิง แกเก่งมากเลย”“ฉันเก่งใช่ไหมล่ะ แกยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?” หลินหยางหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย เตรียมกระตุ้นให้ฉินโม่หนงสำนึก “อย่ามากวนไปหน่อยเลย! ฉันดูก็รู้ว่าแกขี้โม้ไม่งั้นให้ฉันตายเลย” ฉินโม่หนงไม่ยอมให้หลินหยางสำเร็จ เพราะว่าเธอหิวขึ้นมาแล้ว ไม่มีแรงจะสู้ด้วยแล้ว จึงร
เจี่ยฟู่เฉียงกล่าวด้วยความแค้นเคือง “ท่านประธานฉินคะ ด้วยเครดิตของคุณแล้ว เงินกองทุนนี้จึงกลายเป็นเรื่องง่าย ตลอดมาล้วนเป็นเพราะไอ้หมาหลิวเย่าหมิงที่คอยขัดขวาง ไม่ยอมเซ็นชื่อสักที พวกเราเองก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ”“แล้วหลังจากนั้นล่ะ? หลิวเย่าหมิงตายไปแล้ว ประธานธนาคารคนใหม่คงจะไม่ได้แต่งตั้งขึ้นเร็วขนาดนั้นนะ?” “แน่นอนค่ะ! เงินกองทุนของคุณ ผู้อำนวยการเฉาเป็นผู้อนุมัติด้วยตัวเองค่ะ จึงไม่ต้องไปหาประธานธนาคารที่ไหนมาเซ็น! ท่านประธานฉินคะ ท่านมีความสัมพันธ์อะไรกันกับผู้อำนวยการเฉาหรือเปล่าคะ ท่านรีบบอกมาเถอะค่ะ... ก่อนหน้านี้ที่ฉันมีทัศนคติที่ไม่ดี ก็เพราะถูกไอ้หมาหลิวเย่าหมิงบังคับทั้งนั้น โปรด่านให้อภัยฉันด้วยนะคะ” เจี่ยฟู่เฉียงไม่กล้าต้องโทษกับฉินโม่หนง ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยรอบยิ้ม“ผู้อำนวยการเฉาอนุมัติด้วยตัวเอง?” ฉินโม่หนงเกิดความสงสัยขึ้นในใจ เธอกับเฉาเค่อหมิงไม่ได้สนิทสนมกันเลยสักนิด เพียงแค่เคยพบกันบ้างไม่กี่ครั้ง แต่ก็อยู่ในสถานการณ์ทางการทั้งหมด จึงไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน เฉาเค่อหมิงจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้ามาช่วยเธอสิ หรือจะเป็นไปได้ไหมว่าเฉาเค่อหมิงกับลังจับตามองเธออยู่?
หลินหยางได้รับโทรศัพท์ที่เฉาเค่อหมิงโทรมา สอบถามว่าเขาอยู่บ้านหรือไม่ จะได้ส่งรถมารับเขาไปตรวจอาการให้ชายชรา“ไม่ต้องยุ่งยากแบบนั้น คุณบอกที่อยู่ผมมาก็พอ เดี๋ยวผมไปเอง” เฉาเค่อหมิงจึงบอกที่อยู่หลินหยางไปผู้เฒ่าตระกูลเฉาก็เป็นข้าราชการเช่นกัน แต่เขาเกษียณแล้ว ยามปกติก็ไม่ได้อาศัยอยู่กับเฉาเค่อหมิง แต่พักอยู่ที่บ้านพักของข้าราชเกษียณแทนคนแก่แล้ว พักอยู่กับเหล่าตาเฒ่าที่อายุเท่ากันสนุกกว่า การอยู่ร่วมกับเด็กหนุ่มสาวนั้นที่มีช่องว่างระหว่างวัย มีแต่ทำให้เกิดความขัดแย้งน่าเสียดายที่ผู้สูงอายุจำนวนมากไม่เข้าใจเรื่องนี้ มักรู้สึกว่าต้องอาศัยอยู่กับบุตรหลานจึงจะรู้สึกปลอดภัยเดิมเฉาเค่อหมิงกระตือรือร้นจะไปรับหลินหยาง แต่ไม่นึกว่าหลินหยางจะถูกปฏิเสธเสียแล้ว“โมโหหรือลูก?”เฉาเค่อหมิงเห็นลูกสาวบุ้ยปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง จึงล้อว่า“วันวันคุณก็เอาแต่ทำงาน ไม่รู้จักสนใจลูกสาวบ้างเลย คุณยังดูไม่ออกหรือคะ? ตั้งแต่รู้จักกับหมอเทวดาแซ่หลินคนนั้น หัวใจลูกสาวของคุณก็ปลิวไปแล้ว” จางซูอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจแม้หลินหยางจะช่วยชีวิตเฉาเค่อหมิงไว้ และมีวิชาแพทย์ที่ไม่สามัญ ทว่าจางซู
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉาเยี่ยนหลิงเถียงผู้เป็นมารดาด้วยท่าทีเช่นนี้“แกไม่จำเป็นต้องชอบหรือไม่ชอบ เรื่องนี้ไม่สำคัญ” “เรื่องนี้สำคัญมากค่ะ! หนูไม่มีทางฟังแม่อีก และไม่มีทางยอมให้รับสิ่งที่แม่บงการอีกแล้วด้วย ต่อให้ไม่มีหลินหยาง หนูก็ไม่มีทางยอมรับการแต่งงานที่แม่วางแผนอย่างเด็ดขาด!”ในที่สุด ความรู้สึกต่อต้านในใจของเฉาเยี่ยนหลิงก็ระเบิดออกมา ตรงข้ามกับท่าทีของเด็กสาวผู้เชื่อฟังในยามปกติอย่างสิ้นเชิง ทะเลาะกับจางซูอวิ๋นด้วยท่าทีที่เด็ดขาดเป็นอย่างมากจางซูอวิ๋นลุกขึ้นมา ตบเฉาเยี่ยนหลิงไปฉาดหนึ่ง“กบฏหรือไงหา! ถึงกลับกล้าเถียงฉัน ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม?”จางซูอวิ๋นรู้สึกว่าอำนาจของตนได้ถูกท้าทาย ต้องปราบเฉาเยี่ยนหลิงลงให้ได้ ไม่เช่นนั้นวันหลังก็คงควบคุมไม่อยู่แล้ว“ที่รัก คุณอย่างเพึ่งโมโห มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน” เฉาเค่อหมินรีบห้ามจางซูอวิ๋น อีกด้านก็เร่งส่งสายตาให้เฉาเยี่ยนหลิง “เยี่ยนหลิง แม่ของลูกทำไปก็เพราะปรารถนาดีต่อลูก ลูกเถียงแม่แบบนี้ได้ยังไง? ยังไม่รีบขอโทษแม่อีก!”เฉาเยี่ยนหลินกุมแก้มที่แสบร้อน น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่“ต่อให้ตายหนูก็ไม่ยอม!”เฉาเยี่ยนหลินทิ้งคำพู
ระหว่างทางที่หลินหยางขับรถไปบ้านพักข้าราชการเกษียณ ก็ได้รับโทรศัพท์จากมู่หรงยิ่นเพราะเมื่อวานทำผิดต่อความปรารถนาดีของมู่หรงยิ่นไป หลินหยางยังรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย เมื่อเห็นมู่หรงยิ่นโทรมาในใจจึงรู้สึกประหม่าอยู่บ้างอันที่จริงแล้ว เมื่อคืนมู่หรงยิ่นก็ไม่ได้พักที่โรงแรม เพราะเกิดคดีขึ้นในโรงแรม เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย จึงตรงกลับบ้านไปแล้ว“คุณหนูมู่หรง เมื่อคืนพักผ่อนดีไหมครับ?”หลินหยางเชื่อว่า มู่หรงยิ่นจะต้องนอนหลับไม่ดีนัก เนื่องจากเมื่อคืนไม่มีเขาอยู่เป็นเพื่อน มู่หรงยิ่นต้องพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา ยากที่จะหลับลงได้แน่ “ก็ดีนะคะ คุณกลับไปไม่นาน ทางโรงแรมก็เกิดคดีคนตกตึก ฉันตกใจก็เลยกลับบ้านค่ะ” “เมื่อคืนผมเสียมารยาทแล้ว ขอคุณหนูมู่หรงโปรดอย่างได้ถือสา ไม่สู้…”ในใจหลินหยางคิดว่าไม่สู้คืนนี้นัดใหม่อีกครั้ง แต่มู่หรงยิ่นกลับตัดบทเขาว่า“คุณหลินไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ค่ะ ฉันเข้าใจและตระหนักดีทั้งหมดค่ะ”หลินหยางพลันตะลึงไปทันที คุณเข้าใจอะไร? แล้วตระหนักดีอะไร? หรือรู้ว่าเมื่อคืนเขาไปช่วยฉินโม่หนงมา?คุณหลิน วิชาแพทย์ของคุณยอดเยี่ยมแบบนี้ ไม่ว่าโรคประหลาดซับซ้อนอะไรก็รักษาได
ต่อให้เจียงไห่เซิงไม่ส่งหนังสือประลองมา หลินหยางก็คิดว่าสองวันนี้จะแวะไปเยือนเขาสักหน่อยมู่หรงยิ่นเห็นว่าห้ามหลินหยางไม่ได้ จึงได้แต่ปล่อยไป “อย่างนั้นก็ได้ค่ะ ถูกแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ฉินอี๋หลิงบอกว่าพ่อของเธอจะนำค่ารักษามาที่เมืองลั่วด้วยตัวเอง และอยากจะพบคุณสักครั้งค่ะ” ตระกูลฉินต้องการชักชวนเขาไปเป็นพวก นี่เป็นสิ่งที่หลินหยางคาดไว้อยู่แล้วบางทีความแข็งแกร่งของเขายังไม่พอที่จะเข้าตาตระกูลฉิน ทว่าวิชาแพทย์ของเขานั้นเพียงพอจะทำให้อีกฝ่ายให้ความสำคัญแล้วเพราะที่เขารักษาหายคือโรคผื่นพิษโลหิต ขอเพียงคนตระกูลฉินไม่โง่ แค่ตรวจสอบเล็กน้อยก็รู้แล้วว่า ผื่นพิษโลหิตรักษาได้ยากเพียงใด“จะมาถึงเมื่อไหร่?”“พรุ่งนี้ค่ะ” “ได้ อย่างนั้นก็พบหน้ากันสักครั้งเถอะ หลังกำหนดเวลาและสถานที่ได้แล้ว คุณค่อยบอกผมก็พอ” ตระกูลฉินแห่งเฟิ่งหยางเป็นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง จำเป็นจะต้องทำความรู้จักไว้กล่าวจบ มู่หรงยิ่นก็วางโทรศัพท์ไปก่อน เดิมหลินหยางยังคิดจะบอกให้มู่หรงยิ่นมาที่บ้านสักครั้งในคืนนี้ เขาอยากจะชดเชยให้ดีๆ สักครั้ง แต่มู่หรงยิ่นไม่ให้โอกาสเขา“ดูท่าจะโกรธฉันแล้ว ก็ต้องโทษฉัน คนเขาเป็นถึงคุณห
หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆ รางวัล?คงไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายร่างกายกำยำใช่ไหม?เหยียนฮ่าวสีหน้าซีดขาวทันที คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง “คุณหลิน ผมมีตาหามีแววไม่ คุณหลินได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”หลินหยางจ้องมองเขาอย่างหมดคำพูดแวบหนึ่ง “จ้าวเจี้ยนชิงอยู่กับตระกูลเฉิง สมคบคิดกับชาวตงอิ๋งค้ายาเสพติด แกไปตรวจสอบให้ละเอียด นี่เป็นผลงานความดีความชอบครั้งใหญ่ใช่ไหม?”“ค้ายาเสพติด? เขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”เหยียนฮ่าวเหลือเชื่อ“นายลองไปตรวจสอบคลังสินค้าเทียนหนาน ที่นั่นเป็นจุดที่พวกมันขนส่งสินค้า” หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆซ่งหว่านอวี๋เป็นคนบอกข่าวกรองนี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่มหาปรมาจารย์หลินทำงานอย่างยากลำบากบนเตียงเหยียนฮ่าวดีใจเป็นล้นพ้นขึ้นมาทันที นี่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เป็นความดีความชอบที่โคตรยิ่งใหญ่ประเทศหลงอ่อนไหวต่อยาเสพติดมากที่สุด และจ้าวเจี้ยนชิงเข้าร่วมด้วย ปริมาณของยาเสพติดนั่นจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แน่นอน!“ขอบพระคุณคุณหลิน! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”แม้แต่ความกังวลของเหยียนฮ่าวที่ถูกวางพิษกู่ ก็จางหายลงไปไม่น้อยรีบเรียกรวมคนแล้วออกไป กา
จ้าวเจี้ยนชิงตกตะลึงไปแล้ว “ราง รางวัลพลเมืองดีเด่น?”เฉิงคั่วร้อนใจ “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าคนตายคาที่ ทุกคนเห็นกันหมด! คุณทำ...”เสียงเพี้ยะดังขึ้นทีหนึ่ง!เหยียนฮ่าวสะบัดฝ่ามือเข้าไปที่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวเสียงขรึม “เมื่อครู่นี้แกเห็นอะไร?”“ผม...”เฉิงคั่วสีหน้าซีดขาว ภายใต้สีหน้าที่เย็นยะเยือกของเหยียนฮ่าว กลับไม่กล้าพูดอะไรอีกเขาเป็นปรมาจารย์บ้านนอกคนหนึ่ง จะล่วงเกินเหยียนฮ่าวไม่ได้อย่างเด็ดขาด!“พวกแกเห็นอะไร?”เหยียนฮ่าวกวาดสายตามองคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกล่าวขึ้นอีกครั้งทั้งหมดนิ่งเงียบ“คดีของวันนี้ง่ายมาก!” เหยียนฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หวังเทียนเหิงรัฐมนตรีกรมอัยการสูงสุด กลั่นแกล้งประชาชน บังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง!”“คุณหลินป้องกันตัวตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการอพยพฉุกเฉิน!”“ผมพูดจบแล้ว มีใครเห็นด้วย มีใครคัดค้านไหม?”การอพยพฉุกเฉินสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีเหตุผล!ทุกคนตะลึงงันแต่ว่าภายใต้สายตาของเหยียนฮ่าว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงเพราะบิดาของเหยียนฮ่าวยังเป็นอธิบดีกรมอัยการสูงสุด คำพูดของเขาก็คือกฎหม
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู