เหริ่นหวาโสงเดินเข้ามา มองสำรวจหลินหยางไปรอบหนึ่ง เมื่อเห็นเขาอายุยังน้อยเช่นนี้ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขานัก“คนหนุ่ม กล้าหาญไม่เบา แต่น่าเสียดาย เกิดใหม่ชาติหน้าก็หัดฉลาดกว่านี้หน่อยล่ะ” คำพูดนี้ของเหริ่นหวาโสง เป็นการพูดกับคนใกล้ตายอย่างสิ้นเชิงในตอนที่เหริ่นหวาโสงกล่าว บนร่างก็ปลดปล่อยรัศมีกดดันที่แข็งแกร่งของปรมาจารย์ขั้นเก้าออกมา พร้อมที่จะจู่โจมทันที โดยคร้านที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับหลินหยางอีก“ต่อให้เป็นเจียงไห่เซิงอาจารย์ของนาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉันก็ยังไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้ ส่วนนายที่อยู่เพียงแค่ระดับมานะสร้างขั้นเก้า ยังโอหังยิ่งกว่าฉันเสียอีก! คนก่อนหน้าที่ผยองแบบนี้ต่อหน้าฉัน ตอนนี้ตายไปแล้วล่ะ” “ถ้าฉันจำไม่ผิด คนนั้นน่าจะเป็นศิษย์น้องของนายมั้ง ชื่อติงอะไรสักอย่าง?” หลินหยางกล่าวโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเหริ่นหวาโสงที่เดิมคิดจะลงมือ เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วก็ขมวดขึ้นมา“เธอพูดอะไรกัน? เธอเป็นคนฆ่าติงไท่หรือ?!” “ใช่แล้ว ถูกแล้ว” หลินหยางกล่าวเรียบๆเหริ่นหวาโสงหรี่ตาลงเล็กน้อย ถามว่า “เธอแซ่ฉิน?"เรื่องการตายของติงไท่นั้น มู่หรงยิ่นเคยโทรมาหารือกับเขาว่า ติงไท
มีเพียงหลิ่วฟู่อวี่เท่านั้นที่สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ในตอนที่เธอเห็นมู่หรงยิ่นเดินเข้ามา“พ่อคะ เธอก็คือมู่หรงยิ่นหรือคะ?!” “บังอาจ! ชื่อของท่านประธานยิ่นเรียกตามอำเภอใจได้หรือ” หลิ่วเฉิงจื้อดุ“ไม่! เป็นไปไม่ได้! คนที่เลี้ยงดูหลินหยางจะเป็นท่านประธานยิ่นไปได้ยังไงกันคะ!” ข่าวลือที่หลินหยางถูกเลี้ยงดูนั้นออกมาจากปากของหลิ่วฟู่อวี่เองครั้งก่อนที่ศูนย์การค้าจิ๋วติ่ง หลิ่วฟู่อวี่เห็นด้วยตาตนเองว่า ผู้หญิงคนนี้เรียกตัวเองว่าแฟนของหลินหยางเพียงแต่หลิ่วฟู่อวี่ไม่เคยเห็นมู่หรงยิ่นมาก่อน จึงไม่รู้จัก และตอนนั้นมู่หรงยิ่นโทรเพียงครั้งเดียวก็เรียกตัวโหวกุ้ยเหวินมาได้แล้ว หลิ่วฟู่อวี่จึงคาดเดาไปแบบนั้นตามธรรมชาติ“แกกำลังพูดเหลวไหลอะไร?” อวี๋ผิงหยิกหลิ่วฟู่อวี่ครั้งหนึ่ง ส่งสัญญาณไม่ให้เธอพูดเหลวไหลมู่หรงยิ่นเดินไปถึงด้านหน้าแล้ว เธอพูดกับหลิ่วฟู่อวี่ว่า “คุณหนูหลิ่ว พวกเราพบกันอีกแล้วนะคะ ดูจากท่าทางของคุณ เหมือนเรื่องต่างๆ จะราบรื่นดั่งใจมากนะคะ” ในเวลานี้ จิตใจของหลิ่วฟู่อวี่สับสนไปหมด เธอสูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไปแล้ว สีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและกล่าว
มู่หรงยิ่นไม่มีทางโกหกแน่ นี่คือเรื่องจริง ไม่อาจไม่ยอมรับ!สีหน้าของเหลียงเจี้ยนก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน ใบหน้าของเขาแข็งค้างไปหมดแล้วแม้ตอนนั้นเขาจะไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิด แต่ภายหลังก็ได้ยินเรื่องชื่อเสียงอันยอดเยี่ยมของคุณหลินเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีวาสนาได้พบเท่านั้น“ถึงกับเป็นเขา! ที่แท้ก็เป็นเขา!” สีหน้าของเหลียงเจี้ยนซีดขาวราวกระดาษ เหงื่อไหลรินลงมาดั่งสายฝน“หลิ่วเฉิงจื้อ คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเลือกจื้อเฉิงกรุ๊ปของคุณมาเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจกับตระกูลมู่หรงของเรา และคุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงสนับสนุนให้คุณได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร?” มู่หรงยิ่นกล่าว“หรือว่า…ไม่ใช่เพราะท่านรองประธานสมาคมเหลียงหรือครับ” หลิ่วเฉิงจื้อในตอนนี้ไม่มีความมั่นใจหลงเหลืออยู่แล้ว เขาพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก“เหลียงเจี้ยน? เขายังไม่มีเกียรติขนาดนั้น! เป็นเพราะคำพูดเพียงคำเดียวของคุณหลิน ทำให้ฉันเลือกคุณ และเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของเขา ฉันถึงได้เลื่อนตำแหน่งให้คุณ ไม่อย่างนั้น อาศัยความสามารถเพียงแค่นี้ของจื้อเฉิงกรุ๊ป จะเข้าตาตระกูลมู่หรงได้อย่างไร” “ที่ฉันไม่พูดมาตลอด ก็เพราะหลินหยางไม่ต้องการ
ถึงแม้ว่าเหลียงเจี้ยนจะขอโทษสำนึกผิดโดยไม่สนใจเรื่องทุกอย่าง แต่มู่หรงยิ่นยังคงไม่มีทางใจอ่อน“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ใช่สมาชิกของสมาคมการค้าวั่นเหาอีกต่อไป เมืองลั่วไม่มีที่ให้คุณยืนด้วยเช่นกัน”มู่หรงยิ่นกล่าวเสียงเย็นชาเหลียงเจี้ยนกับหลิ่วเฉิงจื้อ จะต้องเป็นรองหัวหน้าสมาคมและกรรมการบริหารที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุด นับตั้งแต่สมาคมการค้าวั่นเหาก่อตั้งมาเหลียงเจี้ยนได้ยินประโยคนี้ ตัวก็อ่อนยวบลงไปกองบนพื้น เขารู้ว่าตนเองจบเห่อย่างแท้จริงแล้ว“ทุกท่าน งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จวันนี้ฉันว่าไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินต่อไปแล้ว ทุกท่านต่างคนต่างแยกย้ายเถอะ”มู่หรงยิ่นกล่าวเสียงเย็นชาในเวลานี้เอง จู่ ๆเหริ่นหวาโสงกลับพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน!”“หัวหน้าพรรคเหริ่น คุณยังมีธุระอะไรอีกเหรอ?”“ผมไม่สนใจว่าเขาเป็นใคร ผมเพียงแค่อยากจะทำเรื่องหนึ่งให้กระจ่าง ติงไท่ศิษย์น้องของผมตายยังไงกันแน่? ตายด้วยน้ำมือใคร!”เหริ่นหวาโสงกล่าวถาม“เรื่องนี้ ฉันบอกกับคุณไปเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ?”มู่หรงยิ่นย่อมไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องการตายของติงไท่ขึ้นมาอีก เนื่องจากไม่ดีกับหลินหยาง“แต่ว่า เมื่อ
หลินหยางกล่าวด้วยสีหน้าจองหอง“ไอ้หนุ่ม แกอวดดีเกินไปแล้ว! ขี่ช้างจับตั๊กแตน ต่อหน้าฉัน ไม่ยอมให้แกมาทำตัวอวดดี แกกล้าเรียกชื่ออาจารย์ของฉันตรง ๆ แล้วยังฆ่าศิษย์น้องของฉันอีก วันนี้ไม่ปล่อยแกไปแน่ ฉันจะฆ่าแก!”เหริ่นหวาโสงกำหมัดเหล็ก ระเบิดพลังอาจารย์ฝึกยุทธ์ระดับเก้าออกมาทันทีอาจารย์ฝึกยุทธ์มีพลังที่แน่นอนในระดับหนึ่ง ทุกคนถูกพลังดึงดูด รีบถอยไปด้านหลังเล็กน้อยทันทีหลิ่วเฉิงจื้อกับอวี๋ผิงพยุงกันและกัน เดินหลบไปไกล ๆ แต่หลิ่วฟู่อวี่กลับจ้องมองหลินหยางตาไม่กะพริบเมล็ดพันธุ์แห่งความเสียใจได้หยั่งรากลงในหัวใจของเธอแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับพลังเหริ่นหวาโสงที่แข็งแกร่งแบบนี้ เขาเอามือไพล่หลังกล่าว “ถ้าจะลงมือก็รีบหน่อย มัวอ้อยอิ่ง เสียเวลา!”“รนหาที่ตาย!”เหริ่นหวาโสงกล่าวเสียงดัง พุ่งตัวเข้ามาหาทันที ราวกับกับเสือร้ายตัวหนึ่งเสือร้ายลงจากเขา พลังไม่อาจต้านทานได้!ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคของพรรคไห่เทียน ความสามารถของเหริ่นหวาโสงแข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับ คนที่อยู่ในงานที่เคยเห็นเขาลงมือมีไม่กี่คนวันนี้ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ทุกคนย่อมมองดูอย่างตั้งใจในเวลาเดียวกัน พวกเขาเองก็อยากรู้เ
“รู้ว่าฉันเป็นปรมาจารย์ แกยังคิดว่าติงไท่ตายอย่างไม่ยุติธรรมอีกไหม?”หลินหยางกล่าวเสียงเย็นชาติงไท่ยั่วยุปรมาจารย์ ถึงตายก็ไม่สาสมกับความผิดที่ทำลงไป เหริ่นหวาโสงพูดไม่ออกจริง ๆแต่วันนี้ต่อหน้าสาธารณชน เขาเป็นตัวแทนของพรรคไห่เทียน แล้วก็เป็นตัวแทนหน้าตาของเจียงไห่เซิง จะยอมแพ้อย่างง่ายดายไม่ได้เด็ดขาด“ติงไท่ตายไม่สาสมกับความผิดที่ทำลงไปก็จริง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนของพรรคไห่เทียน จะตีหมายังต้องดูเจ้าของ แกไม่ให้เกียรติพรรคไห่เทียนแบบนี้ ความแค้นครั้งนี้ พวกเราจะจดจำเอาไว้”หลินหยางแค่นเสียงหัวเราะ กล่าว “ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้ แกกลับไปบอกเจียงไห่เซิง วันหลังฉันจะไปเยี่ยมด้วยตัวเองถึงที่ เพื่อขอแลกเปลี่ยนความรู้กับเขาแน่นอน ถึงตอนนั้น ถ้าหากเขาอยากแก้แค้นให้ลูกศิษย์ ก็ฆ่าฉันได้”ทันทีที่คำพูดนี้ของหลินหยางหลุดออกไป ก็ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงเจียงไห่เซิงเป็นยอดฝีมืออันดับสองของสี่มหาปรมาจารย์ รองเพียงแค่จากเว่ยจ้งเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าหลินหยางจะกล้าเอ่ยวาจาว่าจะไปท้าประลองถึงที่ นั่นเป็นการรนหาที่ตายไม่ใช่เหรอไง?นอกเสียจาก เขาเชื่อมั่นในตัวเองว่ามีความสามารถมาก
อวี๋ผิงมีคำว่าละโมบสองคำนี้เขียนเอาไว้อยู่บนใบหน้าจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าในเวลานี้ยังจะคิดถึงตำแหน่งรองหัวหน้าสมาคมอยู่อีก“เสี่ยวหยาง เธอก็เป็นคนที่น้ากับน้าหลิ่วเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต ตอนเด็กเธอเคยกินนมน้า หรือว่าเธอไม่นึกถึงมิตรภาพครั้งเก่าเลยสักนิดแล้วจริง ๆหรือ?” อวี๋ผิงกล่าวคำพูดประโยคนี้ของอวี๋ผิง ทำให้หลินหยางรู้สึกอับอายเล็กน้อยหลินหยางขมวดคิ้วถาม “ผมเคยกินนมน้าตอนไหน น้าอย่าพูดจาเหลวไหล”“ทำไมเธอจะไม่เคยกิน? ตอนเด็กเธอกินนมยากมาก อีกทั้งสามขวบแล้วก็ยังกินนมอยู่อีก คุณแม่ของเธอไม่มีน้ำนม เธอเลยกินแต่นมน้า นมข้างซ้ายและขวาของน้าถูกเธอกัดจนเจ็บไปหมด ตอนนี้ยังมีแผลเป็นอยู่ นี่ก็คือหลักฐาน”อวี๋ผิงกล่าวอย่างจริงใจ“พอได้แล้ว หุบปาก!” หลินหยางตะคอกเสียงเย็นชาเมื่อมู่หรงยิ่นที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าหลินหยางอับอายแบบนี้ ก็ทำได้แค่เพียงกลั้นขำคนอื่นก็ทำได้แค่เพียงพยายามกลั้นขำเท่านั้นเช่นกัน แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อหลิ่วเฉิงจื้อเห็นอวี๋ผิงร้อนใจ จนเริ่มพูดจาเหลวไหล จนนำเรื่องแบบนี้พูดออกมา ก็รีบลากเธอเอาไว้“คุณเลิกพูดได้แล้ว!” หลิ่วเฉิงจื้อตำหนิ“ทำไมฉันจะพูดไม
ตัวตนของหลินหยางถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ทุกคนย่อมอยากจะเข้ามาทักทาย ประจบประแจง เพื่อแสดงความเคารพในเวลานี้ เว่ยเสี่ยวเตี๋ยกับเฉิงหว่านฉิงก็ทยอยเดินเข้ามาหา“คารวะปรมาจารย์หลิน”เฉิงหว่านฉิงโค้งตัวกล่าว “คิดไม่ถึงเลยว่าปรมาจารย์กับตระกูลมู่หรงยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันแบบนี้ด้วย”“นี่เกี่ยวอะไรกับเธอด้วยงั้นเหรอ?” หลินหยางกล่าวเสียงเรียบ“ฉันปากมากไปเอง ขอตัว”เฉิงหว่านฉิงนับว่ากลับไปพร้อมกับกำไรมหาศาล ถึงอย่างไรก็เอาชนะได้ที่ดินผืนหนึ่งมาจากเว่ยเสี่ยวเตี๋ย ครั้งนี้เธอไม่ได้มาอย่างเสียเปล่า อารมณ์ก็เลยดีมาก“ข้าน้อยคารวะปรมาจารย์หลิน”เว่ยเสี่ยวเตี๋ยเองก็เป็นฝ่ายมาทักทายหลินหยางเช่นกันหลินหยางหยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดคุยมู่หรงยิ่นที่อยู่ข้างเขาพูดเบา ๆ “เธอชื่อเว่ยเสี่ยวเตี๋ย เป็นลูกสาวคนเล็กของเว่ยจ้ง”“ครับ”หลินหยางไม่ได้แสดงความสนใจมากจนออกนอกหน้าเว่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นฝ่ายควักนามบัตรใบหนึ่งออกมา แล้วยื่นให้หลินหยาง“วันนี้ได้เปิดประสบการณ์มากจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยเมืองลั่วของพวกเราจะเกิดปรมาจารย์อายุน้อยขึ้นมา สุดยอดจริง ๆค่ะ ไม่ทราบว่าตระกูลเว่ยของเราจะมีโอก
หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆ รางวัล?คงไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายร่างกายกำยำใช่ไหม?เหยียนฮ่าวสีหน้าซีดขาวทันที คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง “คุณหลิน ผมมีตาหามีแววไม่ คุณหลินได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”หลินหยางจ้องมองเขาอย่างหมดคำพูดแวบหนึ่ง “จ้าวเจี้ยนชิงอยู่กับตระกูลเฉิง สมคบคิดกับชาวตงอิ๋งค้ายาเสพติด แกไปตรวจสอบให้ละเอียด นี่เป็นผลงานความดีความชอบครั้งใหญ่ใช่ไหม?”“ค้ายาเสพติด? เขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”เหยียนฮ่าวเหลือเชื่อ“นายลองไปตรวจสอบคลังสินค้าเทียนหนาน ที่นั่นเป็นจุดที่พวกมันขนส่งสินค้า” หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆซ่งหว่านอวี๋เป็นคนบอกข่าวกรองนี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่มหาปรมาจารย์หลินทำงานอย่างยากลำบากบนเตียงเหยียนฮ่าวดีใจเป็นล้นพ้นขึ้นมาทันที นี่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เป็นความดีความชอบที่โคตรยิ่งใหญ่ประเทศหลงอ่อนไหวต่อยาเสพติดมากที่สุด และจ้าวเจี้ยนชิงเข้าร่วมด้วย ปริมาณของยาเสพติดนั่นจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แน่นอน!“ขอบพระคุณคุณหลิน! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”แม้แต่ความกังวลของเหยียนฮ่าวที่ถูกวางพิษกู่ ก็จางหายลงไปไม่น้อยรีบเรียกรวมคนแล้วออกไป กา
จ้าวเจี้ยนชิงตกตะลึงไปแล้ว “ราง รางวัลพลเมืองดีเด่น?”เฉิงคั่วร้อนใจ “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าคนตายคาที่ ทุกคนเห็นกันหมด! คุณทำ...”เสียงเพี้ยะดังขึ้นทีหนึ่ง!เหยียนฮ่าวสะบัดฝ่ามือเข้าไปที่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวเสียงขรึม “เมื่อครู่นี้แกเห็นอะไร?”“ผม...”เฉิงคั่วสีหน้าซีดขาว ภายใต้สีหน้าที่เย็นยะเยือกของเหยียนฮ่าว กลับไม่กล้าพูดอะไรอีกเขาเป็นปรมาจารย์บ้านนอกคนหนึ่ง จะล่วงเกินเหยียนฮ่าวไม่ได้อย่างเด็ดขาด!“พวกแกเห็นอะไร?”เหยียนฮ่าวกวาดสายตามองคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกล่าวขึ้นอีกครั้งทั้งหมดนิ่งเงียบ“คดีของวันนี้ง่ายมาก!” เหยียนฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หวังเทียนเหิงรัฐมนตรีกรมอัยการสูงสุด กลั่นแกล้งประชาชน บังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง!”“คุณหลินป้องกันตัวตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการอพยพฉุกเฉิน!”“ผมพูดจบแล้ว มีใครเห็นด้วย มีใครคัดค้านไหม?”การอพยพฉุกเฉินสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีเหตุผล!ทุกคนตะลึงงันแต่ว่าภายใต้สายตาของเหยียนฮ่าว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงเพราะบิดาของเหยียนฮ่าวยังเป็นอธิบดีกรมอัยการสูงสุด คำพูดของเขาก็คือกฎหม
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู