แต่เมื่อย้อนคิดอีกครั้ง ที่มู่หรงยิ่นจองไว้เป็นมื้ออาหารฝรั่งเศสชั้นบนสุด ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับงานฉลองของเหลียงเจี้ยน“ดูเหมือนว่าตระกูลเหลียงยังติดโสมร้อยปีฉันอยู่อีกสองต้น ไว้หาเวลาไปเก็บหนี้เสียหน่อยดีกว่า” ในตอนนั้น เหลียงควนสัญญาจะใช้โสมร้อยปีสองต้นเป็นของขอขมา จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ทำตามสัญญาแน่นอน หลินหยางรู้ว่าเหลียงควนไม่มีทางเป็นฝ่ายทำตามที่รับปากไว้แน่“หลินหยาง ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้? แกเสนอหน้ามาทำอะไร? งานเลี้ยงของตระกูลเหลียงมีที่ของแกด้วยเหรอ?"เวลานี้ หลิ่วเฉิงจื้อก็พาอวี๋ผิงและหลิ่วฟู่อวี่มาถึงโรงแรมพอดีเช่นกัน จึงได้พบกันโดยบังเอิญอีกครั้ง“ช่างซวยจริงๆ ทำไมถึงได้เจอนายไปทุกที่เลยนะ? นายเกิดปีหมารึไง? หลิ่วฟู่อวี่กล่าวพูดเหยียดหยาม” “ฉันว่าเธอต่างหากที่เกิดปีหมา ฉันสนิทกับเธอหรือไง? เจอหน้าก็กัดคน” ในเมื่อขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ ชำระบุญคุณความแค้นกับสกุลหลิ่วไปหมดแล้ว หลินหยางก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป“นาย” หลิ่วฟู่อวี่โมโหจนกัดฟัน สู้ก็สู้ไม่ได้ ด่าก็ด่าไม่ชนะ ช่างน่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว“นี่แกรู้ว่าประธานเหลียงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานสมาคมการค้าวั่นเหา
อวี๋ผิงถูกคำถากถางนี้ของหลินหยางทำให้ปรอทแตก แต่ก็ทำอะไรหลินหยางไม่ได้“แกนั่นแหละที่ไม่รู้ดีชั่ว ฉันจะรอดูว่าแกจะกระโดดโลดเต้นไปได้อีกกี่วัน” แม้แต่หลิ่วเฉิงจื้อก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “เสี่ยวหยาง ทำไมตอนนี้เธอถึงกลายเป็นแบบนี้ได้? คำพูดของน้าอวี๋ของเธอแม้จะไม่น่าฟังแต่ก็เป็นความจริง เธอเอาชนะตระกูลเหลียงไม่ได้หรอก ทำไมเธอถึงไม่ยอมก้มหัวนะ? ถ้าเอาแต่ดื้อรั้นหลงผิดแบบนี้ ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแบบนี้ ใครก็ช่วยเธอไม่ได้แล้ว อาผิดหวังในตัวเธอมาก” “ผมไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ? ผมดื้อรั้นหลงผิด? พวกคุณนี่ช่างไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ผมเคยบอกไปนานแล้วว่า อย่าเอาสายตาตื้นเขินของพวกคุณมาวัดผม” หลินหยางส่ายหัวติดกัน“คนที่ตื้นเขินและไม่รู้อะไรเลยคือนายต่างหาก ตอนนี้พ่อฉันเป็นผู้บริหารของสมาคมการค้าวั่นเหาแล้ว นายรู้ว่านี่หมายถึงอะไรไหม? หมายความว่า บ้านของเราจะกลายเป็นหนึ่งในตระกูลไฮโซแนวหน้าของเมืองลั่วแล้ว! แล้วดูตัวนายสิ ถึงจะบอกว่ามีวิชาต่อสู้อยู่กับตัว แต่สุดท้ายก็เป็นแค่ไอ้หนุ่มหน้าขาวที่ถูกคนเลี้ยงดู อาศัยผู้หญิงมาทำตัวยโสโอหังเท่านั้น ฉันดูถูกคนแบบนายที่สุด” หลิ่วฟู่อวี่ไม่ปิดบั
“ขอแสดงความยินดีเช่นกันครับ ประธานหลิ่วก็กลายเป็นผู้บริหารอย่างราบรื่นเหมือนกันนี่ครับ คุณนายหลิ่วช่างดูแลตัวเองได้ดีเหลือเกินนะ ทั้งงดงามและมีสไตล์ ไม่เหมือนยายแก่หน้าเหลืองที่บ้านของผม คุณหลิ่วมีภรรยาที่งดงามแบบนี้อยู่ที่บ้าน ทำให้ผมอิจฉาคุณจริงๆ”เหลียงเจี้ยนเกิดความคิดอกุศลต่ออวี๋ผิงแล้ว“ท่านรองประธานสมาคมเหลียงกล่าวเกินไปแล้ว ภรรยาของคุณก็งดงามมากเหมือนกันครับ” หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวอวี๋ผิงถูกเหลียงเจี้ยนสะกิดฝ่ามือไปครั้งหนึ่ง และยังถูกชมต่อหน้าคนอื่นอีก เธอก็ไม่โง่ มองออกถึงเค้าลางบางอย่างจากสายตาของเหลียงเจี้ยน“ถูกแล้ว รองประธานสมาคมเหลียงคะ คุณรู้ไหมว่าเมื่อครู่ฉันเจอใครที่หน้าประตูด้วย” อวี๋ผิงกล่าว“ใครกันครับ?” เหลียงเจี้ยนถาม“หลินหยางค่ะ” เมื่อเหลียงเจี้ยนได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เย็นชาขึ้นมาทันที “มันมาทำอะไรครับ?” “ฉันเดาว่าถ้าเขาไม่มาก่อความวุ่นวาย ก็คงเป็นเพราะได้ยินว่าคุณได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานสมาคม เลยกลัวแล้ว คิดจะมาขอโทษและร้องขอความเมตตาน่ะค่ะ” อวี๋ผิงกล่าว“หึ! กล้าทำร้ายลูกผมจนบาดเจ็บ มันต้องตายสถานเดียวเท่านั้น ถ้ามันกล้ามาก่อความวุ่นวาย วันนี
“ดูแลปากให้สะอาดหน่อย ถ้ายังกล้าพูดจาหยาบคายอีก ผมจะฆ่าคุณแล้ว” หลินหยางไม่ได้ตามใจเหลียงเจี้ยน กล้าเอ่ยปากด่าทอปรมาจารย์ นี่เป็นการหาที่ตายชัดๆฝ่ามือนี้ของหลินหยางลงมืออย่างกะทันหันมาก ฝ่ามือถูกซัดออกมาอย่ารวดเร็วยิ่ง และนอกเหนือจากความคาดหมายของทุกคนไม่เพียงแต่เหลียงเจี้ยนที่ถูกฝ่ามือที่พุ่งมาอย่างกะทันหันตบจนมึนงง คนอื่นๆก็พากันเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาเช่นกัน ยากจะเชื่อเหลือเกินว่า จะมีคนกล้าตบหน้ารองประธานสมาคมการค้าวั่นเหาในสถานการณ์เช่นนี้“หลินหยาง แกบ้าไปแล้วเหรอ?” อวี๋ผิงตะคอกเสียงดังทีหนึ่ง แล้วรีบถามอย่างห่วงใยว่า “ท่านรองเหลียง คุณเป็นอะไรไหมคะ?” หลิ่วเฉิงจื้อก็ตำหนิอย่างหน้าดำคร่ำเครียดเช่นกัน “เธอเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่จริงๆ ใช่ไหม ถ้าเธออยากหาเรื่องตาย ก็ไม่มีใครช่วยเธอได้ พ่อแม่ที่ตายไปของเธอก็โทษฉันไม่ได้ นี่เป็นเธอรนหาที่เอง” “อาอย่าได้พูดถึงพ่อกับแม่ของผมอีก อาไม่คู่ควร” หลินหยางก็ไม่ไว้หน้าหลิ่วเฉิงจื้อแล้วเช่นกัน“ยาม ยามอยู่ที่ไหน!” มีแขกในงานร้องเรียกหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ใครก็คาดไม่ถึงว่า ในงานเลี้ยงฉลองเช่นนี้จะมีคนขวัญกล้าบังอาจแบบนี้ ทันท
เว่ยเสี่ยวเตี๋ยลังเลอยู่บ้าง“กลัวแล้วหรือคะ? นี่ไม่เหมือนสไตล์ของคุณเลยนี่นา ถ้าฉันแพ้ ฉันก็จะโอนที่ดินหมายเลขสองที่อยู่ด้านข้างให้คุณในราคาเดิมเหมือนกัน ว่าไงคะ? ” เฉิงหว่านฉิงกล่าวเว่ยเสี่ยวเตี๋ยหลับตาลงใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองหลินหยางอีกครั้ง“ฉันรู้สึกว่าการพนันครั้งนี้มีอะไรบางอย่างแปลกๆ แต่ฉัน เว่ยเสี่ยวเตี๋ยคนนี้ก็เป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องลึกลับอะไร การพนันในครั้งนี้ ฉันตกลงแล้วค่ะ” เว่ยเสี่ยวเตี๋ยกล่าว“ตกลงตามนี้ คุณโทรหาเลขาให้เตรียมเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ตอนนี้เลยจะดีที่สุด” เฉิงหว่านฉิงพร้อมเสียงหัวเราะ“คุณอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป รอดูก่อนเถิดค่ะ” เว่ยเสี่ยวเตี๋ยกล่าวหลินหยางรอจนเหลียงเจี้ยนคุยโทรศัพท์เสร็จ จึงกล่าวว่า “ดูท่า คุณคงไม่คิดจะทำตามสัญญาแล้ว?” “ฉันทำตามสัญญาบ้านเอ็งน่ะสิ…ฉันทำตามสัญญาบ้าอะไร!” เหลียงเจี้ยนกำลังคิดจะสบถคำหยาบออกมา ทว่าบนใบหน้ายังคงแสบร้อน จึงได้แต่ฝืนกลืนคำหยาบลงไป“ได้ บัญชีนี้ รออีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน ผมขอถามคุณ ที่จื้อเฉิงกรุ๊ปของสกุลหลิ่วคว้าโปรเจกต์ความร่วมมือกับติ่งเซิ่งกรุ๊ปมาได้ เป็นความช่วยเหลือของคุณหรือเปล่า?” “แ
หลิ่วฟู่อวี่พูดอย่างมั่นอกมั่นใจ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างจึงพากันซุบซิบนินทา ส่วนมากล้วนเชื่อเรื่องที่หลินหยางถูกเลี้ยงดูเพียงแต่ทุกคนอยากรู้มากเช่นกันว่า คนที่เลี้ยงดูเขาเป็นใครกัน ถึงทำให้เขามีความมั่นใจขนาดนี้ จนกล้าตบรองประธานของสมาคมการค้าวั่นเหาต่อหน้าทุกคน“นายไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่สำคัญ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครที่เลี้ยงดูนาย วันนี้หล่อนก็ช่วยนายไม่ได้! นอกเสียจากว่าคนคนนั้นจะเป็นคุณมู่หรงยิ่น” หลิ่วฟู่อวี่เยาะหยัน“เสี่ยวอวี่ บังอาจไปแล้ว! ประธานยิ่นมีฐานะแบบใดกัน ไม่ใช่คนที่ลูกจะมาล้อเล่นได้นะ” หลิ่วเฉิงจื้อรีบส่งเสียงตำหนิทันที“หนูก็แค่เปรียบเทียบค่ะ ประธานยิ่นจะไปถูกใจเขาได้ยังไงคะ” หลิ่วฟู่อวี่แลบลิ้น ตระหนักได้ว่าคำพูดนี้ของตนไม่เหมาะสมอยู่บ้างเช่นกัน“ไม่ผิด คนที่เธอบอกว่าเลี้ยงดูฉัน ก็คือมู่หรงยิ่นนั่นแหละ” หลินหยางกล่าว“เด็กบัดซบ! เธอกล้าพูดจาเหลวไหลได้ยังไง ฉันว่าเธอเป็นบ้าไปแล้ว เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!” หลิ่วเฉิงจื้อตะคอกคำพูดนี้ของหลินหยาง ไม่เพียงทำให้หลิ่วเฉิงจื้อตำหนิออกมาเสียงดัง ยังทำให้ฝูงชนโมโหด้วยเพราะคนส่วนใหญ
เหริ่นหวาโสงเดินเข้ามา มองสำรวจหลินหยางไปรอบหนึ่ง เมื่อเห็นเขาอายุยังน้อยเช่นนี้ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขานัก“คนหนุ่ม กล้าหาญไม่เบา แต่น่าเสียดาย เกิดใหม่ชาติหน้าก็หัดฉลาดกว่านี้หน่อยล่ะ” คำพูดนี้ของเหริ่นหวาโสง เป็นการพูดกับคนใกล้ตายอย่างสิ้นเชิงในตอนที่เหริ่นหวาโสงกล่าว บนร่างก็ปลดปล่อยรัศมีกดดันที่แข็งแกร่งของปรมาจารย์ขั้นเก้าออกมา พร้อมที่จะจู่โจมทันที โดยคร้านที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับหลินหยางอีก“ต่อให้เป็นเจียงไห่เซิงอาจารย์ของนาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉันก็ยังไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้ ส่วนนายที่อยู่เพียงแค่ระดับมานะสร้างขั้นเก้า ยังโอหังยิ่งกว่าฉันเสียอีก! คนก่อนหน้าที่ผยองแบบนี้ต่อหน้าฉัน ตอนนี้ตายไปแล้วล่ะ” “ถ้าฉันจำไม่ผิด คนนั้นน่าจะเป็นศิษย์น้องของนายมั้ง ชื่อติงอะไรสักอย่าง?” หลินหยางกล่าวโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเหริ่นหวาโสงที่เดิมคิดจะลงมือ เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วก็ขมวดขึ้นมา“เธอพูดอะไรกัน? เธอเป็นคนฆ่าติงไท่หรือ?!” “ใช่แล้ว ถูกแล้ว” หลินหยางกล่าวเรียบๆเหริ่นหวาโสงหรี่ตาลงเล็กน้อย ถามว่า “เธอแซ่ฉิน?"เรื่องการตายของติงไท่นั้น มู่หรงยิ่นเคยโทรมาหารือกับเขาว่า ติงไท
มีเพียงหลิ่วฟู่อวี่เท่านั้นที่สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ในตอนที่เธอเห็นมู่หรงยิ่นเดินเข้ามา“พ่อคะ เธอก็คือมู่หรงยิ่นหรือคะ?!” “บังอาจ! ชื่อของท่านประธานยิ่นเรียกตามอำเภอใจได้หรือ” หลิ่วเฉิงจื้อดุ“ไม่! เป็นไปไม่ได้! คนที่เลี้ยงดูหลินหยางจะเป็นท่านประธานยิ่นไปได้ยังไงกันคะ!” ข่าวลือที่หลินหยางถูกเลี้ยงดูนั้นออกมาจากปากของหลิ่วฟู่อวี่เองครั้งก่อนที่ศูนย์การค้าจิ๋วติ่ง หลิ่วฟู่อวี่เห็นด้วยตาตนเองว่า ผู้หญิงคนนี้เรียกตัวเองว่าแฟนของหลินหยางเพียงแต่หลิ่วฟู่อวี่ไม่เคยเห็นมู่หรงยิ่นมาก่อน จึงไม่รู้จัก และตอนนั้นมู่หรงยิ่นโทรเพียงครั้งเดียวก็เรียกตัวโหวกุ้ยเหวินมาได้แล้ว หลิ่วฟู่อวี่จึงคาดเดาไปแบบนั้นตามธรรมชาติ“แกกำลังพูดเหลวไหลอะไร?” อวี๋ผิงหยิกหลิ่วฟู่อวี่ครั้งหนึ่ง ส่งสัญญาณไม่ให้เธอพูดเหลวไหลมู่หรงยิ่นเดินไปถึงด้านหน้าแล้ว เธอพูดกับหลิ่วฟู่อวี่ว่า “คุณหนูหลิ่ว พวกเราพบกันอีกแล้วนะคะ ดูจากท่าทางของคุณ เหมือนเรื่องต่างๆ จะราบรื่นดั่งใจมากนะคะ” ในเวลานี้ จิตใจของหลิ่วฟู่อวี่สับสนไปหมด เธอสูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไปแล้ว สีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและกล่าว
หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆ รางวัล?คงไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายร่างกายกำยำใช่ไหม?เหยียนฮ่าวสีหน้าซีดขาวทันที คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง “คุณหลิน ผมมีตาหามีแววไม่ คุณหลินได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”หลินหยางจ้องมองเขาอย่างหมดคำพูดแวบหนึ่ง “จ้าวเจี้ยนชิงอยู่กับตระกูลเฉิง สมคบคิดกับชาวตงอิ๋งค้ายาเสพติด แกไปตรวจสอบให้ละเอียด นี่เป็นผลงานความดีความชอบครั้งใหญ่ใช่ไหม?”“ค้ายาเสพติด? เขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”เหยียนฮ่าวเหลือเชื่อ“นายลองไปตรวจสอบคลังสินค้าเทียนหนาน ที่นั่นเป็นจุดที่พวกมันขนส่งสินค้า” หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆซ่งหว่านอวี๋เป็นคนบอกข่าวกรองนี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่มหาปรมาจารย์หลินทำงานอย่างยากลำบากบนเตียงเหยียนฮ่าวดีใจเป็นล้นพ้นขึ้นมาทันที นี่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เป็นความดีความชอบที่โคตรยิ่งใหญ่ประเทศหลงอ่อนไหวต่อยาเสพติดมากที่สุด และจ้าวเจี้ยนชิงเข้าร่วมด้วย ปริมาณของยาเสพติดนั่นจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แน่นอน!“ขอบพระคุณคุณหลิน! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”แม้แต่ความกังวลของเหยียนฮ่าวที่ถูกวางพิษกู่ ก็จางหายลงไปไม่น้อยรีบเรียกรวมคนแล้วออกไป กา
จ้าวเจี้ยนชิงตกตะลึงไปแล้ว “ราง รางวัลพลเมืองดีเด่น?”เฉิงคั่วร้อนใจ “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าคนตายคาที่ ทุกคนเห็นกันหมด! คุณทำ...”เสียงเพี้ยะดังขึ้นทีหนึ่ง!เหยียนฮ่าวสะบัดฝ่ามือเข้าไปที่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวเสียงขรึม “เมื่อครู่นี้แกเห็นอะไร?”“ผม...”เฉิงคั่วสีหน้าซีดขาว ภายใต้สีหน้าที่เย็นยะเยือกของเหยียนฮ่าว กลับไม่กล้าพูดอะไรอีกเขาเป็นปรมาจารย์บ้านนอกคนหนึ่ง จะล่วงเกินเหยียนฮ่าวไม่ได้อย่างเด็ดขาด!“พวกแกเห็นอะไร?”เหยียนฮ่าวกวาดสายตามองคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกล่าวขึ้นอีกครั้งทั้งหมดนิ่งเงียบ“คดีของวันนี้ง่ายมาก!” เหยียนฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หวังเทียนเหิงรัฐมนตรีกรมอัยการสูงสุด กลั่นแกล้งประชาชน บังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง!”“คุณหลินป้องกันตัวตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการอพยพฉุกเฉิน!”“ผมพูดจบแล้ว มีใครเห็นด้วย มีใครคัดค้านไหม?”การอพยพฉุกเฉินสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีเหตุผล!ทุกคนตะลึงงันแต่ว่าภายใต้สายตาของเหยียนฮ่าว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงเพราะบิดาของเหยียนฮ่าวยังเป็นอธิบดีกรมอัยการสูงสุด คำพูดของเขาก็คือกฎหม
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู