หลังจากนั้นไม่นานมาร์คก็เข้ามาในห้อง "เกิดอะไรขึ้น?" แอเรียนมองเขาด้วยดวงตาแดงกล่ำ “คุณอยู่กับแอรี่ คินซีย์ เพราะคุณชอบเธอหรือเพราะคุณต้องการแก้แค้นฉัน? หืม? ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ โอเคไหม? คุณเกลียดฉันมากแค่ไหนที่ต้องไปถึงจุดนี้? แต่งงานกับฉันแล้วคบกับน้องสาวต่างแม่ของฉัน คุณไม่เพียงแต่ยอมให้เธอฆ่าลูกของเรา แต่คุณยังช่วยเหลือเธอและช่วยเหลือพวกคินซีย์หลังจากเหตุการณ์นั้นด้วย ถ้าคุณชอบเธอจริง ๆ ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ? หากเป็นเพียงการแก้แค้นฉันจะยอมจำนน ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควร ฉันจะใช้ตลอดชีวิตของฉันเพื่อตอบแทนสิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ อย่าทำให้ฉันรังเกียจคนเหล่านั้นอีก!” เธอหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “ไม่ว่าฉันจะน่ารังเกียจแค่ไหนในสายตาของคุณ ฉันก็กลายเป็นคนที่น่าสมเพชไปแล้ว! แม้แต่ฉันยังดูถูกตัวเอง แม่ของฉัน… แม่ผู้ให้กำเนิดของฉัน สมรู้ร่วมคิดกับคุณและดูแล แอรี่ คินซีย์ แม่ของฉันบอกฉันว่าเธอเป็นมะเร็งและบังคับให้ฉันขอร้องให้คุณช่วยพวกคินซีย์ แล้วฉันก็เชื่อเธอจริง ๆ ฉันเป็นตัวตลก ถ้าวันนี้ทิฟฟานี่ไม่เจอเธอในโรงพยาบาลฉันก็คงไม่รู้ ฉันพอแล้ว มันเพียงพอแล้ว พอแล้ว!" ในตอนท้ายเธอไม่สาม
เมื่อพวกเขาวางสาย แอเรียนก็รู้สึกพอใจอย่างอธิบายไม่ถูก มันแปลก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ชินกับความรู้สึกนี้ได้ ครั้งหนึ่งเธอรู้สึกยินดีที่ได้แก้แค้น เธอเข้าใจได้ว่าทำไมมาร์คถึงชอบทรมานเธอ เขารู้สึกเหมือนเธอตอนที่เห็นเธอถูกทรมานและน่าสังเวชไหม?“เธอกำลังคิดอะไรอยู่? หิวไหม? อยากลงไปกินอะไรไหม?” มาร์คไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในหัวของเธอ แต่ความเป็นกันเองของเขาทำให้เธอไม่ทันระวังตัว“นิดหน่อย แต่ฉันไม่อยากกินข้าวชั้นล่าง ให้แมรี่ส่งมาที่ห้อง…”มาร์คไม่ได้บังคับให้เธอลงไป “งั้นก็ไปที่เตียงดีกว่า”อาหารกลางวันถูกส่งไปที่แอเรียนในห้องโดยมาร์คและข้าวปั้นก็เดินตามไปอย่างสบาย ๆ ราวกับว่าเป็นเจ้านายของสถานที่นั้นแอเรียนเห็นได้ว่ามาร์คกลัวแมว เมื่อข้าวปั้นสัมผัสตัวเขาเขาจะแข็งขึ้น ในขณะที่เธอกินเธอถามว่า “คุณไม่แพ้แมวนี่นา หมายความว่าคุณกลัวพวกมันใช่ไหมล่ะ?”“กินเถอะ” เขาปฏิเสธที่จะตอบคำถามของเธอ แต่เขาดูสับสนเล็กน้อยแอเรียนรู้สึกขบขัน เธอไม่ได้คาดหวังว่าผู้ชายที่โตแล้วอย่างเขาจะกลัวสิ่งมีชีวิตที่น่ารักเช่นแมว ถ้าเธอไม่รู้สึกเสียใจเธอคงจะหัวเราะออกมาดัง ๆ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเธอพยายา
ขณะที่แอเรียนคิดหาวิธีปิดปากของเธอ มาร์คก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เธอแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ของเธอออกไปก่อนที่เขาจะพูดว่า “แล้วเธอต้องการให้ฉันใช้น้ำเสียงแบบไหนกับเธอ?”ใบหน้าของแอเรียนร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอได้กลิ่นหอมของผู้ชายที่เป็นของเขาโดยเฉพาะ “คืนโทรศัพท์ให้ฉัน… ฉันจะนอนหลังจากตอบทิฟฟานี่”มาร์คยกมือที่ถือโทรศัพท์ขึ้นสูง ไม่มีทางที่เธอจะเอื้อมไปถึงมันได้ “ตอบคำถามของฉันก่อน”แอเรียนตอบว่า “ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ… คุณคิดว่าคุณควรใช้น้ำเสียงแบบไหนกันล่ะ?”"สอนฉันสิ?" มาร์คมองเธอด้วยสายตาแพรวพราว แอเรียนรู้สึกราวกับว่าการทำเช่นนั้นคล้ายกับการทำภารกิจฆ่าตัวตาย เธอชกหน้าอกของเขาเบา ๆ และพูดว่า “นอนกันเถอะ”เหลือเชื่อสุด ๆ อยู่ดี ๆ มาร์คก็ก้มลงไปจูบที่หน้าผากของแอเรียน “เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำตัวน่ารักยังไง เธอเป็นผู้หญิงหรือเปล่าเนี่ย?” หลังจากนั้นเขาก็คืนโทรศัพท์ให้เธอก่อนที่เขาจะปรับตัวให้อยู่ในท่าสบาย ๆหัวใจของแอเรียนเต้นเร็วมากจนเธอรู้สึกราวกับว่ามันจะกระโจนออกจากอก เธอตอบกลับทิฟฟานี่อย่างเร่งรีบปิดโทรศัพท์แล้วเข้านอนทัศนคติที่เจ้าอารมณ์ของมาร์คที่มีต่อเธอทำให้เธอกังวล เธอแทบจะ
หลังอาหารเช้าแอเรียนและมาร์คก็ออกเดินทางด้วยกัน ภายในรถ มาร์คในโหมด “คุณพ่อดีเด่น” ก็เหยียบคันเร่ง “โทรหาฉันถ้าเธอรู้สึกว่าไม่สบายในที่ทำงาน ถ้าฉันไม่ว่างและไปรับเธอไม่ได้ ให้เอริคส่งเธอกลับบ้านและขอให้เฮนรี่โทรหาหมอที่บ้านเพื่อตรวจสุขภาพ อย่าฝืนตัวเอง สุขภาพไม่ดีหมายถึงระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่ดี พยายามอย่าไปสถานที่ต่าง ๆ เช่นโรงพยาบาล ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้เธอไปทำงาน ฉันกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ ตราบเท่าที่เธอสบายดี เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ”แอเรียนมองเขาราวกับว่าเธอกำลังมองไปที่สัตว์ประหลาด “วันนี้คุณกินยาผิดหรือเปล่า?การแสดงออกของมาร์คมืดลง "คุณพูดอะไร?"แอเรียนใช้ถ้อยคำของเธอแตกต่างกันอย่างรวดเร็ว “เปล่า ฉันหมายความว่าทำไมคุณถึงขี้บ่นจัง ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ฉันจะไม่ยืนยันที่จะทำงานถ้าฉันรู้สึกไม่สบาย ฉันทำงานเพื่อหาเงินไม่ใช่เพื่อความสนุก ฉันจะไม่ฝืนตัวเอง ไม่ต้องกังวลหรอกน่า...”ไบรอันสะดุ้งอยู่ข้างในใจ แอเรียนไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่ามาร์คเปลี่ยนไป เขาเองก็คิดเหมือนกัน ไม่มีใครอยู่ในรถนอกจากพวกเขา ดังนั้นมาร์คจึงไม่จำเป็นต้องแสร้งแสดงความเมตตาและห่วงใย นั่นหมายควา
แอเรียนงงงวย โทรศัพท์สำนักงานเพียงเครื่องเดียวในแผนกออกแบบทั้งหมดอยู่ที่โต๊ะของลิลี่ และโดยปกติจะใช้ในการทำงาน ปกติเธอจะไม่ถูกถามเรื่องงาน เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์แอเรียนรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล? สวัสดีตอนเช้าค่ะ นี่คือ ไกลด์ ดีไซน์”“ฮะ ฉันเอง เวนดี้ กาลีน่า”เมื่อได้ยินเสียงที่ปลายสายแอเรียนก็ยิ่งงุนงง "เวนดี้? มีอะไรให้ช่วยไหม?”"ไม่มีอะไรมาก ฉันเดินผ่านสำนักงานของคุณก่อนหน้านี้และเห็นมาร์คมาส่งคุณหน้าที่ทำงาน คุณกำลังยิ้มอย่างมีความสุขราวกับว่าคุณชอบเขา ฉันคิดว่าคุณชอบวิลจริง ๆ เสียอีก ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคุณจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่มาร์คทำกับพวกซีวานด้วยซ้ำ คุณค่อนข้างโหดเหี้ยม ฉันเดาว่าทุกคนคงตื่นเต้นที่ได้เป็นคุณนายเทรมอนต์ คุณคงจะทำความดีในชีวิตที่ผ่านมาของคุณเพื่อที่จะสามารถเกาะติดกับคนอย่างมาร์ค ทั้ง ๆ ที่มันเป็นตัวของคุณ” “มีอะไรอีกไหมที่คุณอยากจะพูด” แอเรียนขมวดคิ้ว เวนดี้หัวเราะเบา ๆ “วิลถอนหมั้นเพราะคุณ คุณรู้ไหม? เขาบอกว่าไม่มีที่ว่างสำหรับผู้หญิงอีกคนในหัวใจของเขา ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ในช่วงเรียนมหาลัยของเขาจะจางหายไปตามกาลเวลาและเขาจะเรียนรู้ที่จะรักฉันได
"มันยุติธรรมแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเธอก็คงจะทำแบบเดียวกันกับฉัน ฉันไม่สามารถแก้แค้นเธออย่างตาต่อตา ฟันต่อฟัน เหมือนที่เธอทำกับฉันได้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ !” แอเรียนพูดด้วยสีหน้าเย็นชาบนใบหน้าของเธอขณะที่เธอกินราวกับว่าเธอต้องการที่จะฉีกแอเรียนเป็นชิ้น ๆ แอรี่พูดผ่านฟันที่กัดกันว่า “มาร์คไม่ได้รักเธอด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาดูแลฉันและแม่ในเมื่อเขารู้ดีว่าฉันเป็นคนที่ทำให้เธอแท้งลูกตอนที่ฉันขับรถชนเธอ ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญสินะ มองดูตัวเองหน่อยสิ มาร์คแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อที่เขาจะได้ทรมานเธออย่างช้า ๆ เพื่อแก้แค้น พ่อของเธอตายแล้ว หลายสิบชีวิตที่เขาเป็นหนี้ก้บเหล่าเทรมอนต์เป็นของเธอที่ต้องชดใช้ เขาไม่ได้รักเธอ แต่เธอคิดว่าเธอเหนือกว่างั้นสินะ!”“สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความรัก ฉันไม่ได้รักเขา และเพราะว่าเขาไม่เต็มใจที่จะหย่าร้างกับฉัน ไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้นหรือการทรมาน ฉันจึงมีหน้าที่กำจัดแมลงวันที่น่ารำคาญอย่างเธอซึ่งส่งเสียงดังพึมพำรอบตัวเขาไม่ใช่เหรอ?”แอเรียนรู้สึกโกรธ แต่เธอก็ระงับมันไว้ เธอจะดูเป็นผู้ชนะ มันอาจจะนับว่าเธอแพ้ หากเธอสูญเสียความสงบม
เพื่อไม่ให้มาร์คเกิดความสงสัย แอเรียนจึงขอลิลี่ออกจากที่ทำงานก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เธอไม่ได้ขอเอริคเพราะกลัวว่าเขาจะบอกมาร์คเมื่อแอเรียนออกจากที่ทำงานเธอก็ซื้อผลไม้และเรียกรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาล ใช้เวลาไม่นานก่อนที่เธอจะพบผู้ปกครองของวิล เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกกระอักกระอ่วนก่อนที่เธอจะเคาะประตูในที่สุดเสียงที่ชัดเจนของวิลดังขึ้นจากด้านหลังประตู "เข้ามา" แอเรียนรู้สึกมั่นใจอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อเธอได้ยินเสียงของเขา เธอผลักประตูให้เปิดออกเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ “วันนี้ฉันออกจากงานก่อนเวลา เพราะนายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล นายรู้สึกอย่างไรบ้าง?”วิลตะลึงเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเธอ เมื่อเขาฟื้นคืนสติ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข “ฉัน… ฉันไม่คิดว่าเธอจะมา ฉันสบายดี ขาของฉันร้าวไม่ได้ร้ายแรงมาก นั่งก่อนสิ"แอเรียนสังเกตวิลและรู้สึกผิดในใจของเธอขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้เขามีสุขภาพแข็งแรงและมีสุขภาพดีและตอนนี้เขาสวมชุดของผู้ป่วยอยู่บนเตียงโรงพยาบาลโดยมีเฝือกที่ขาของเขา เขาดูซีดและอ่อนแอ “เอ่อ… ขอโทษนะ...”วิลยิ้มและถามว่า “นายขอโทษทำไม?”แอเรียนกัดริมฝีปากข
แอเรียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่เธอจะกล่าวว่า "ตอนที่ฉันโกรธเคืองหลังจากแท้งลูก ฉันพูดในสิ่งที่ฉันไม่ควรพูด และบอกให้โลกรู้ว่าฉันนอกใจเขา... เขาไม่รังเกียจ มีตัวอย่างอื่น ๆ อีกมากมาย นั่นเพียงพอแล้วสำหรับฉัน มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น วิล ฉันทำสบายดีจริง ๆ ความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียวของฉันคือฉันเป็นลูกสาวของคนบาปและฉันเป็นหนี้บุญคุณเทรมอนน์ อันที่จริงมาร์คตอบสนองความต้องการด้านวัตถุทั้งหมดของฉันและเขาก็เป็นประเภทของฉันเช่นกัน ความเกลียดชังไม่ใช่สิ่งเดียวที่มีอยู่ระหว่างเรา เราใช้เวลาร่วมกันมากว่าสิบปี มันเป็นมากกว่าความรัก พวกเราคือครอบครัว มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นจริง ๆ”เมื่อได้ยินคำพูดของแอเรียน ประกายในแววตาของวิลก็หรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด “เป็นอย่างนั้นเหรอ? นั่นเป็นเรื่องที่ดีถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันหวังว่าเขาจะไม่ทำให้เธอผิดหวังนะ...”แอเรียนไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป เธอจึงพูดว่า “อืม… ฉันต้องไปแล้ว พักผ่อนให้ดีล่ะ”วิลพยักหน้า “โอเค"เมื่อแอเรียนอยู่ที่ประตู ทันใดนั้น วิลก็ตะโกนออกมา “แอริ!”แอเรียนหยุดอยู่ตรงทางเดินของเธอ แต่ไม่ได้หันกลับไปน้ำตาที่เธอเคยกลั้นไว้กำลังเอ่อและร่วงลง“จำไว้
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง