ทิฟฟานี่อิจฉาอย่างสุดซึ้ง “ฉันยังได้รับเงินเดือนทีละเดือนอยู่เลย แต่รายได้ต่อปีของเธอก็ 100,000 ดอลลาร์แล้ว เธอนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! เธอต้องเลี้ยงฉันแล้วล่ะ”แอเรียนอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเธอ "แค่นั้นก็พอแล้วไหม เงินของแจ็คสันก็เป็นของเธอทุกเดือนไม่ใช่เหรอ? มีอะไรให้ต้องไม่พอใจอีก? เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอหามาได้ไม่เพียงพอสำหรับเครื่องสำอางของเธอด้วยซ้ำ อย่าทำเป็นน้อยใจหน่อยเลย เธอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์บ้างหรือยัง? ดูจากระยะเวลาในการตั้งครรภ์ของเธอแล้วเธอควรจะเริ่มรู้สึกบ้างได้แล้วนะ”ทิฟฟานี่เม้มปากแน่น "ไม่เลย บางทีเขาอาจจะขี้เกียจเกินไปที่จะเคลื่อนไหวก็ได้ ท้ายที่สุดผลการตรวจการตั้งครรภ์ก็บอกว่าทุกอย่างปกติดี ดังนั้นฉันก็ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้มากนัก บางทีชั้นผิวที่ท้องฉันอาจจะหนามากจนฉันไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ เอ่อ ธัญญ่าน่าจะท้องได้สองสามเดือนแล้วเหมือนกันนะ ฉันไม่รู้เลยว่าตอนนี้หล่อนเป็นยังไงบ้าง”เมื่อพูดถึงธัญญ่า บรรยากาศก็เริ่มกระอักกระอ่วน พวกเธอไม่ได้เกลียดธัญญ่าอย่างสุดซึ้ง เพียงแต่ว่าตอนนี้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว พวกเธอจึงทำได้แต่เพียง
เมื่อเปิดประตู ทิฟฟานี่ก็เห็นเมลานีอยู่ที่หน้าประตู มันทำให้ทั้งแจ็คสันและทิฟฟานี่ต้องประหลาดใจแม้ว่าแจ็คสันจะไม่เคยพบกับเมลานี แต่เขาเห็นเธอในข่าวเป็นครั้งคราว ดังนั้นเขาจึงจำเธอตั้งแต่แวบแรก ทิฟฟานี่เคยเจอเมลานีมาก่อน ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าหล่อนเป็นใคร จากนั้นเธอก็ถามเมลานีว่า “คุณมาที่นี่ทำไม? คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”เมลานีที่ยืนอยู่ที่ประตูดูสง่างามและสละสลวย เธอยิ้มและพูดว่า “ฉันมาถึงระยะหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าค่อนข้างเข้มงวด ฉันจำชื่อคุณไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องบอกชื่อคู่หมั้นของคุณและอ้างว่าฉันเป็นเพื่อนของเขา คุณไม่รังเกียจใช่ไหม? ความจำฉันไม่ดีน่ะ หลังจากที่ค้นหาอยู่นานฉันก็มาถูกหลังสักที คุณเลน ฉันมาในวันนี้เพื่อนำอาหารเสริมสุขภาพสำหรับสตรีมีครรภ์มาให้คุณ ฉันคิดไว้ว่าคุณน่าจะอยู่บ้านในเวลานี้”ทิฟฟานี่สังเกตเห็นว่าเมลานีกำลังถือของอยู่ในมือ เธอจึงรับของพวกนั้นจากหล่อนตามมารยาท “ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบากแบบนี้ คุณไม่น่าทำให้ตัวเองลำบากขนาดนี้เลย”แจ็คสันไม่ได้พูดอะไรในขณะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาปฏิบัติต่อชายผู้นั้นเป็นศัตรูด้า
ทิฟฟานี่ไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งใดที่เธอคิดว่าอเลฮานโดรไม่ได้บอกเมลานีเพราะเธอรู้สึกว่าการสงวนของเขาน่าจะเกิดจากเหตุผลส่วนตัว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเปิดเผยความลับของเขาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขาได้ “เอ่อ ใช่ น่าเสียดายจริง ๆ ฉันว่าเขาก็เป็นคนดีและมีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาเลยนะ เพียงแต่ว่าเขามีข้อบกพร่องอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือความพิการของเขา แต่ฉันว่ามันคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกเนื่องจากคุณก็ตกลงแต่งงานกับเขาแล้วหนิ ดังนั้นฉันจึงรู้ได้ว่าคุณไม่ได้รังเกียจเขาแต่อย่างใด”เมลานีรู้สึกมั่นใจขึ้นเล็กน้อย “โอ้ ไม่แน่นอน ฉันรักเขา” เธอตอบ “อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ควรรบกวนคุณทั้งสองอีกต่อไป ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”ตอนนั้นเองที่แจ็คสันเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับแก้วน้ำส้มคั้นสดในมือ เมลานีมองน้ำผลไม้และเสริมโดยปริยายว่า “โอ้ ฉันว่าฉันคงจะดื่มน้ำผลไม้ไม่ได้แล้วล่ะ คุณดื่มแทนฉันทีนะคะคุณเลน มันเป็นเครื่องดื่มโปรดของคุณไม่ใช่เหรอ?”ก่อนที่ทิฟฟานี่จะทันได้ถามเมลานีว่าเธอรู้ได้อย่างไร ผู้หญิงคนนั้นก็จากไปแล้ว ดังนั้นทิฟฟานี่จึงรับน้ำผลไม้จากมือของแจ็คสันและดื่มไปครึ่งแก้วในรวดเดียว“แปลกจัง เธอรู้ได้ยัง
เมลานีใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการหาทางกลับไปที่คฤหาสน์สมิธการเดินทางครั้งนี้ก่อให้เกิดการพูดจาโผงผางเกี่ยวกับสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากโดยไม่จำเป็นของคฤหาสน์ซี่งทำให้กิจกรรมง่าย ๆ อย่างการไปเยี่ยมทิฟฟานี่กินเวลาไปหลายชั่วโมงเมลานียังบ่นกับตัวเองไม่เสร็จด้วยซ้ำเมื่อจู่ ๆ เจตต์ก็เดินเข้ามาหาเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ของเขาว่า “นายหญิงครับ นายท่านอยากคุยกับคุณ เขากำลังรอคุณอยู่ในห้องนอน”หัวใจของเมลานีเต้นระรัว ความสงสัยในความต้องการเบื้องหลังคำเชิญของอเลฮานโดรเริ่มก่อตัวขึ้นในตัวเธอ สามีเธอมักจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงเธอ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาเรียกหาเธอก่อน เธอส่งเสียงตอบรับให้เจตต์เพื่อแสดงว่าเธอเข้าใจก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปเจตต์ก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันอีกครั้งและแนะนำเธอว่า “นายหญิง ได้โปรดอย่าทำอะไรที่อาจทำให้เขาผิดใจต่อคุณนะครับ ระวังคำพูดด้วย”เมลานีเกือบจะโต้กลับไปว่า 'ถามจริง?' ทว่าเธอกลับไม่ได้ทำ เจตต์พูดราวกับว่าอเลฮานโดรเป็นยักษ์กินคน! นอกจากนี้ เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำราวกับว่าสถานะของเธอต่ำกว่าเขา แต่ในขณะเดียวกัน สีหน้าที่เคร่งขรึมและไร้อารมณ์ของเจ
ความกำหนัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เมลานีนอนซบอยู่บนหน้าอกของอเลฮานโดร“นี่ ทำไมคุณไม่ปล่อยให้เจตต์หยุดพักผ่อนสักสองสามวันล่ะ? คุณก็รู้ว่าเขามีภรรยาและลูกที่ต้องดูแลเช่นกัน ให้โอกาสเขาได้อยู่กับครอบครัวตัวเองบ้าง…. และให้ฉันทำหน้าที่แทนเขาระหว่างนั้น ฉันอยากรู้จักคุณมากกว่านี้” เธอถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “คุณรู้ไหม ฉันคิดทบทวนถึงว่าเรื่องต่าง ๆ ออกมาอย่างไรและมันก็ยังทำให้ฉันทึ่งอยู่เสมอ ฉันเพิ่งได้เจอคุณก่อนวันแต่งงานไม่กี่วันแต่ฉันก็ยังตกหลุมรักคุณอย่างสุดซึ้งอยู่ดี! แบบนี้เรียกว่ารักแรกพบหรือเปล่า? แต่น่าเสียดายที่ฉันยังไม่รู้จักคุณมากพอ ฉันถึงต้องการรู้จักคุณมากขึ้น ฉันอยากเป็นคนที่รู้จักคุณมากที่สุด”อเลฮานโดรยังคงเฉยเมย “'รักแรกพบเหรอ?' ฮึ่ม ผมว่ามันคงเป็นเพียงความต้องการทางเพศมากกว่า หรือบางทีคุณแค่อาจชอบวิธีที่เรามีอะไรกัน”ยิ่งเขาพูดจาหยาบคายเท่าไหร่ เมลานีก็ยิ่งหลงใหลมากขึ้นเท่านั้น “งู้ยยย อย่าโหดร้ายนักสิ! ฉันไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นเพียงความต้องการทางเพศหรืออะไร แต่ฉันรักคุณ ฉันชอบมีเพศสัมพันธ์กับคุณนะอเล คุณหนีฉันไม่พ้นหรอก ฉันอยากอยู่กับคุณตลอดไปจนตายเลยแหละ”อเลฮานโดรมองถัง
สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในสายตาของทิฟฟานี่ก็คือใบหน้าที่หล่อเหลาที่ตามหลอกหลอนในความฝันของเธอ และทันใดนั้นรอยยิ้มอันกว้างขวางก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ “อ่า! แสดงว่าคุณยังไม่ได้นอนใช่ไหม? ดูคุณนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่เศร้าสิ นี่คุณเหนื่อยหรือเพิ่งจะรู้ว่าชีวิตช่างไร้ความหมายเมื่อฉันไม่อยู่เคียงข้างคุณสองวันนี้ หือ?”แจ็คสันพิจารณาเธอผ่านโทรศัพท์และตอบว่า “อืม อาจทั้งสองอย่างเลย คุณลางานเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานแต่งของเรา แต่ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นหนิ ผมก็เลยต้องทำงานจนถึงวันนั้น... แต่ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้เราต้องไปจดทะเบียนแล้วนะ ตื่นเต้นไหม?”“อืม ไม่ค่อยนะ” ทิฟฟานี่พึมพำโดยซ้อนความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ “ฉันคิดว่าฉันตื่นเต้นที่จะได้เจอคุณมากกว่า อย่างที่เขาว่ากันว่า ความห่างกันจะทำให้หัวใจโหยหากันมากขึ้น”แจ็คสันหลับตาลงเพราะความเหน็ดเหนื่อยอย่างแท้จริง “จริงแฮะ ผมก็อยากเจอคุณเร็ว ๆ เหมือนกัน โอ้ พรุ่งนี้ผมยังต้องไปตรวจดูสถานที่จัดงานแต่งของเราหลังจากที่เราไปรับทะเบียนสมรสแล้วและ- พระเจ้า มีหลายอย่างให้ต้องทำเลยล่ะ แต่มันก็… ทำให้ผมตื่นเต้นมาก”ทิฟฟานี่สงสารเขา เธอกังวลว่าภาระงานที่เขาต้องแบ
อเลฮานโดรที่กำลังมึนเมาดึงเสื้อของลินน์ออกและมองดูผิวที่ขาวราวกับหิมะที่ซ่อนอยู่ภายใต้ “ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถต้านทานร่างกายของผู้หญิงได้หรอก” เขากล่าว “แต่ถึงแม้เธอจะมีสิ่งเหล่านั้นเธอก็ยังขี้ขลาดอยู่ดี ตอนนี้ฉันเห็นแล้วล่ะว่าฉันให้โอกาสเธอมากกว่าที่เธอสมควรได้รับ”ลินน์ไม่กล้าที่จะขัดขืนเขาและจึงไม่ได้ปกปิดตัวเอง ดังนั้นเธอจึงยืนอยู่อย่างเปลือยเปล่า อ่อนแอ และตัวสั่นด้วยความกลัว เธอไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอภายใต้ความมึนเมาของอเลฮานโดรทันใดนั้นประตูห้องนอนก็เปิดออกและเมลานีก็เดินเข้ามาสีหน้าที่ไม่สามารถอ่านออกได้บดบังใบหน้าของเธอทันทีที่ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่พวกเขา “อเล คะ… คุณกำลังจะทำอะไร?”อเลฮานโดรปล่อยมือลินน์แล้วลินน์ก็ถอยกลับทันทีในขณะที่จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย “ฉันขอตัวก่อนนะคะ”เมลานีจ้องเธอจากด้านข้างเมื่อเธอเดินผ่านไปก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหาอเลฮานโดร เสียงของเมลานีดังขึ้นหลายระดับ “ฉันถามว่า คุณกำลังจะทำอะไร!?”อเลฮานโดรดื่มไวน์ในแก้วจนหมดก่อนที่จะเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง “คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ? แล้วจะถามซ้ำซากทำไม? และอย่าใช้น้ำเสียงนั้นเมื่อค
ทันทีที่เมลานีออกมาจากห้องเธอก็เผชิญหน้ากับพ่อบ้านของครอบครัวสมิธ เธอก้มศีรษะลงและซ่อนความรู้สึกของเธอพลางนำมือขวาไปปกปิดมือซ้ายเพื่อปกคลุมรอยฟกช้ำ "มีอะไรเหรอคะ?"“ดอน สมิธกำลังรอคุณอยู่” พ่อบ้านตอบอย่างมืออาชีพเธอพยักหน้าและตามเขาไปที่ลานกลางแจ้งในบ้าน ดอน สมิธดูเหมือนจะไม่มีแผนที่จะเข้านอน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วแต่เขาก็ยังดื่มชาอยู่ ชาที่เขาดื่มเป็นประเภทชาที่ดื่มเพื่อช่วยให้ตื่นตัว มันจึงจะไม่ช่วยให้นอนหลับได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับคนสูงอายุในวัยของเขา“คุณปู่คะ” เธอทักทายตามมารยาทชายชราโบกมือเรียกให้เธอนั่งลง ลานกลางแจ้งในบ้านมีเพียงโคมไฟข้างถนนส่องแสงสว่าง มันจึงไม่ได้สว่างมากนัก ดังนั้นเมลานีจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดมือซ้ายที่บาดเจ็บอีกต่อไปชายชรามองไกลออกไปในท้องฟ้ายามราตรีเป็นเวลานานมากก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า “เธอมีอะไรจะถามฉันไหม? เธอเพิ่งจะเข้าร่วมครอบครัวเมื่อไม่นานมานี้ เธอต้องรู้สึกวิตกบ้างแน่ ๆ ตระกูลสมิธซับซ้อนกว่าครอบครัวลาร์คมาก”เมลานีลดสายตาลงและชะงักเพื่อครุ่นคิด จากนั้นเธอจึงถามว่า “คุณเคยได้ยินชื่อทิฟฟานี่ เลนไหมคะ?”ดอน สมิธหันมาด้านข้างและมองเธอ “ฉันคาว่าเธอ
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง