สิ่งแรกที่ฉู่เฉินทำ เมื่อลงจากภูเขาคือพาพี่น้องโฮชิไปเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้นำตระกูลเทะอิจิโรมีสภาพปกติดี และแต่งตัวอย่างเหมาะสม เช่นเดียวกับฉู่เฉิน แต่พี่น้องโฮชิอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่พูดได้ว่า เพียงปกปิดจุดลับเอาไว้เท่านั้นพวกเขาทั้งสองอาศัยอยู่อย่างสันโดษบนภูเขามาหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาลงมาจากภูเขาแล้ว และในสายตาคนอื่นก็คิดว่าเป็นพวกคนป่ามากกว่ามีร้านขายเสื้อผ้าบริเวณตีนเขาจำหน่ายเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นฉู่เฉินขอให้พี่น้องโฮชิเลือกเสื้อผ้ามาสองสามชุดในร้านมีคนไม่มากนัก แต่เมื่อพี่น้องโฮชิเข้ามา พวกเขาก็ยังทำให้ลูกค้าบางคนในร้านตกใจเจ้าของร้านถึงกลับขับไล่“ขอทานพวกนี้มาจากไหน ออกไปจากร้านของฉันซะ!”ฉู่เฉินเพียงโยนกองเงินเยนที่จัดเรียงอย่างประณีตลงบนเคาน์เตอร์ด้านหน้าของเจ้าของร้าน ทำให้สีหน้าของเขาก็สดใสขึ้นทันที“แขกผู้มีเกียรติ โปรดเลือกดูรอบๆ และเลือกสิ่งที่คุณต้องการ”สองพี่น้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่และถือหลายชุดไว้ในมือ“ราคาทั้งหมดจะอยู่ที่ 126,545 บาท แต่ฉันจะให้ส่วนลดแก่คุณและจะคิดแค่ 117,172 บาท
“ทำไมล่ะ ฉันถึงไม่ควรกลับมา?”ฉู่เฉินตอบกลับอย่างเย็นชา ทำให้เคนอิจิกระโดดลงจากเตียงทันทีด้วยความกลัวและคุกเข่าต่อหน้าเขา“ฉันไม่ได้หมายอย่างนั้น ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาเร็วขนาดนี้” เคนอิจิก้มหน้าลง ตัวสั่นไปทั้งตัวและทั้งร่างมีเหงื่อไหลเมื่อเห็นเคนอิจิตัวสั่นด้วยความกลัว ฉู่เฉินก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระ“ฉันขอถามหน่อย ผู้หญิงที่มากับฉันหายไปไหน?”การหายตัวไปของฉินปิงเยว่ ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกไม่สบายใจแล้วเมื่อได้ยินฉู่เฉินพูดถึงฉินปิงเยว่ ใบหน้าของเคนอิจิก็แสดงสีหน้าขัดแย้ง ในขณะที่เขาลังเลที่จะพูด “เธอ... เธอ….”เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉู่เฉินก็ตะโกนใส่ “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ พูดออกมา!”เมื่อเห็นฉู่เฉินโกรธ เคนอิจิก็ไม่กล้าปิดบัง“เธอถูกสมาชิกกแก๊งจูริที่พาตัวไป”คำพูดของเคนอิจิทำให้ฉู่เฉินตกตะลึงแก๊งจูริได้กลับมาแล้วเหรอ?ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังกล้ามาพาลักพาตัวคนจากบ้านแก๊งอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นไปอีก?“แล้วนายทำแค่ยืนดูเพื่อนของฉันโดนแก๊งจูริลักพาตัวไปเหรอ?”“ฉู่ซวนหวู่ แก๊งจูริ... พวกเขามีพระราชกฤษฎีกาจากองค์จักรพรรดิ และฉันไม่กล้าที่จะหยุดพวกเขา”เคนอิจิอธิบายอย่าง
ดูเหมือนว่าเคนอิจิจะปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ แพราะไม่มีใครที่อยู่ตรงหน้าจำได้ว่า ตัวเองคือใครหากได้รู้ตัวตนของเขาแล้ว และยังกล้าที่จะเย่อหยิ่งต่อหน้าอีก ฉู่เฉินจะนับถือความกล้าหาญของพวกเขาอย่างแท้จริงในขณะนี้ เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น“ท่านเทพ คุณจะทำร้ายหัวหน้าแก๊งเคนอิจิได้ยังไง ตอนนี้แก๊งคุคุจิทั้งหมดจะไม่มีวันปล่อยคุณไป”เห็นได้ชัดเจนว่าหัวหน้าแก๊งคุคุจิคือไอดอลของเขามาตลอดชีวิต เมื่อเห็นการตายของไอดอลต่อหน้าต่อตา ความจงรักภักดีอย่างไร้เหตุผล ทำให้เขาลืมความกลัวต่อฉู่เฉินไปหมดสิ้น ในขณะที่เขาก็ได้ร่วมกับคนอื่นๆ พูดจาวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เฉินเมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เฉินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าอิบูกิในฐานะคนธรรมดา ที่มาถึงจุดนี้ได้จากการเกาะขาเขาไว้ และทำให้มีดวงตาที่มองละเอียดถี่ถ้วนแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าคนธรรมดายังไงก็เป็นคนธรรมดา วิสัยทัศน์ของพวกเขาแคบเกินไปในกลุ่มคนหลายสิบคน มีทั้งระดับปรมาจารย์ ระดับทะลวงเส้นลมปราณและคนธรรมดาที่ดำรงตำแหน่งสูงในแก๊งคุคุจิล้อมรอบฉู่เฉินเอาไว้และสันนิษฐานว่าชายหนุ่มคนนี้ ซึ่งดูเหมือนจะอายุยี่สิบต้นๆ คงจะหวาดกลัวมาก เพราะถูกร
สำนักงานใหญ่ของแก๊งจูริเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแก๊งจูริ ที่เป็นแก๊งยากูซ่าที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองในโตเกียว และหัวหน้าแก๊งจูริเอง ก็ถูกจักรพรรดิเรียกเข้าเฝ้าทุกคนในแก๊งจูริรู้สึกได้ว่า มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นดูเหมือนว่าแก๊งจูริกำลังจะไปทะยานฟ้าแต่ก่อน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเฉพาะกับแก๊งคุคุจิเท่านั้น แต่ตอนนี้ก็ถึงคราวของแก๊งจูริแล้วตอนนี้สมาชิกของแก๊งจูริเดินไปตามถนนอย่างเชิดหน้าชูคอและต่างจากแก๊งคุคุจิ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นพวกนักเลง แต่สมาชิกของแก๊งจูริเป็นลูก ๆ หลาน ๆ ของตระกูลที่มีหน้ามีตาทางสังคมเหล่าทายาทของตระกูลมักจะเข้ารับการฝึกฝนในแก๊งจูริ และเมื่อตอนที่กลับไปยังตระกูล ก็สามารถปกครองตระกูลได้ทำให้เป็นเหตุผลว่า ทำไมแก๊งจูริถึงแม้จะเป็นเพียงแก๊งที่ใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น แต่ก็ยังสามารถต่อสู้กับแก๊งคุคุจิได้เสมอณ สำนักงานใหญ่ กลุ่มผู้บริหารระดับสูงของแก๊งจูริมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจ แต่จริง ๆ แล้ว การประชุมก็เปรียบเสมือนการพบปะสังสรรคกันของคนรุ่นใหม่จากตระกูลต่าง ๆ การชุมนุมเหล่าน
ชายทั้งสี่คนตกใจกับเสียงดัง จึงลุกขึ้นจากเสื่อทาทามิทันที และกำลังจะออกไปตรวจสอบ แต่แล้วประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรงมีร่างหนึ่งไม่เพียงแต่กระแทกเข้าประตูเท่านั้น แต่ยังชนเข้ากับผนังด้านหลังพวกเขาอีก ทำให้เกิดผนังเกิดรอยแตกหลายจุดก่อนที่จะทรุดตัวลงบนพื้นนั่นคือผู้บริหารของแก๊งจูริแน่นอนว่าทั้งสี่คนจำเขาได้นายน้อยตระกูลอาซุมะรีบก้าวไปข้างหน้า แล้วถาม"เกิดอะไรขึ้น?"“ศัตรูบุก!”คนนั้นพยายามพูดด้วยแรงทั้งหมด ก่อนจะหมดสติสามนาทีที่แล้วฉู่เฉินปรากฏตัวที่ประตูสำนักงานใหญ่แก๊งจูริพร้อมกับพี่น้องโฮชิ และผู้นำตระกูลเทะอิจิโรทันทีที่ปรากฏตัว สมาชิกของแก๊งจูริก็เห็นพวกเขาทั้งสี่คนในทันที ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจมากนัก และปฏิบัติเหมือนแค่ชาวบ้านที่สัญจรไปมา“รีบสะบัดตูดออกไปซะ! นี่คืออาณาเขตของแก๊งจูริ ห้ามคนธรรมดาเข้ามาที่นี่” เมื่อถูกไล่แบบนั้น ฉู่เฉินก็เหลือบมองโฮชิ จิโระเดินไปหาคนที่พูด“เจ้านายของฉันต้องการพบหัวหน้าแก๊งนาย ไปเรียกเขาออกมา”อาจเป็นเพราะน้ำเสียงของโฮชิ จิโระที่แข็งกระด้าง หรืออาจเป็นเพราะความหยิ่งผยองตามปกติของแก๊งจูริเมื่อได้ยินแบบนั้นสมาชิกของแก๊งจูริที่
เป็นเรื่องหาได้ยากที่จะได้เห็นตระกูลเทะอิจิโรบันดาลโทสะออกมาฉู่เฉินสั่งไม่ให้พี่น้องโฮชิเข้ามาช่วยเหลือ และเฝ้าดูการแสดงเงียบ ๆ ที่ทางเข้าพวกแมลงหวี่ตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้นำตระกูลเทะอิจิโรฉู่เฉินสนใจสถานการณ์ที่ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรกำลังเผชิญอยู่หากมีอะไรเกิดขึ้นกับผู้นำตระกูลเทะอิจิโร ที่เป็นจอมยุทธขั้นเก้าระดับสูงสุด และตัวเองกับอีกสองคนหากยื่นมือเข้าไปช่วย ก็จะต้องพบชะตากรรมเดียวกันอย่างแน่นอนสมาชิกแก๊งจูริที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ด้วยซ้ำคิดว่า เป็นแค่ชายแก่สติไม่สมประกอบคนหนึ่งเท่านั้น“ไอ้แก่ ไม่อยากแก่ตายแล้วใช่ไหม ถึงขนาดกล้าบุกเข้าไปในเขตของแก๊งจูริ”“ไอ้แก่ แค่มองก็รู้ว่าแกจะอยู่ได้อีกเพียงสองปีเท่านั้น แกควรรีบไสหัวกลับไปเถอะ ไม่งั้นแกคงต้องใช้เวลาสองปีที่เหลือนี้นอนหยอดข้าวต้มอยู่บนเตียงแทน”ทันทีที่พูดจบ ทุกคนก็หัวเราะออกมาผู้นำตระกูลเทะอิจิโรไม่พูดอะไร เพียงเดินเข้าไปหาผู้พูด แล้วยกมือขึ้น จากนั้นก็ฟาดมือใส่ทันใดนั้นคนนั้นก็ถูกฟาดกระเด็นไปจนหายไป ต่อหน้าต่อตาทุกคนเหตุการณ์ที่ไม่ปกตินี้ ทำให้สมาชิกอาวุโสแทบจะไม่เ
ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรในพริบตาเดียวก็ปรากฏตัวข้างหลังสมาชิกอาวุโสคนนั้นแล้ว พร้อมทั้งตบฝ่ามือเบา ๆ ที่หลังของสมาชิกอาวุโส แต่สมาชิกอาวุโสกลับกลายเป็นเหมือนกระสุนปืนใหญ่ที่ระเบิดออกมา และบินทะยานไปข้างหน้าพุ่งชนเข้ากับอาคารที่อยู่ห่างไกลมองดูสมาชิกแก๊งจูริรอบ ๆ ตัวเขา แม้ว่าสมาชิกอาวุโสจะถูกเขาตบไปแล้ว แต่ก็ยังคงยิงสาดกระสุนมาใส่เขาอย่างไม่รักตัวกลัวตายผู้นำตระกูลเทะอิจิโรทนไม่ไหวอีกต่อไป“อยากตายนักใช่ไหม!”หลังจากเสียงคำราม ลมปราณที่แท้จริงก็ระเบิดออกมาพลังที่ระเบิดออกมานี้ส่งผลให้ทุกคนกระเด็นลอยไป ทั้งปืน ดาบ หรือกระบองที่ถืออยู่นั้น ถูกพัดปลิวขึ้นไปในอากาศด้วยคลื่นกระแทกจากลมปราณที่แท้จริงหลังจากแรงกระแทก ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบกริบทุกคนถูกสังหารทันที จากแรงระเบิดของลมปราณที่แท้จริง“เทะอิจิโร นายเคยชี้นิ้วกล่าวหาว่าฉัน โหดเหี้ยมเกินกับคนธรรมดาทั่วไป แต่ดูเหมือนว่านายก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยนะ”ฉู่เฉินพูด พร้อมกับเดินสบาย ๆ เข้าไปในลานบ้าน ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรทำได้เพียงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และไม่คิดว่าเหตุการณ์จะมาถึงขั้นนี้“ไปกันเถอะ ฉันสัมผัสได้ว่ายังมีคนอีกสี่คนอยู่
ฉู่เฉินสามารถเห็นได้จากแววตาของทั้งสี่คนว่า ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่เป็นหัวหน้าแก๊ง แล้วก้าวเท้าออกมาข้างหน้าแต่ก็ยังพูดด้วยความหวังอันริบหรี่“ฉันไม่สนใจว่าพวกแกเป็นใคร ถ้าฉันถาม พวกแกต้องตอบ ถ้ายังปากแข็งก็สมควรตาย!”คำพูดของฉู่เฉิน ทำให้ทั้งสี่คนสบตากันด้วยความสับสนในโตเกียว ทั้งสี่คนไม่เคยเจอใครที่กล้าพูดจาแบบนี้กับพวกเขามาก่อนอาซุมะเป็นคนแรกที่แสดงท่าทีต่อต้าน“เพ้อเจ้อ แม้แต่นายน้อยของอดีตตระกูลอันดับหนึ่ง อย่างตระกูลเทะอิจิโร ก็ไม่ยังกล้าพูดแบบนี้กับพวกเราเลย แล้วแกเป็นใครถึงกล้าพูดแบบนั้นออกมา? แกคิดว่าพวกเราเป็นตาสีตาสางั้นเหรอ? แก…”อาซุมะยังพูดไม่จบฉู่เฉินกางนิ้วออกคลื่นพลังก็ได้ยิงออกมาจากปลายนิ้วแทงทะลุหน้าผากของอาซุมะด้วยความเร็วทันทีอาซุมะทรุดค่อย ๆ ตัวลงกับพื้น“อาซุมะ!”อีกสามคนตะโกนออก และกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบแต่ก่อนที่จะเข้าไปใกล้ ลำแสงของลมปราณแท้จริงอีกลำก็พุ่งออกมาจากนิ้วของฉู่เฉิน ลากผ่านทะเลสาบเทียมและยิงใส่ไปที่เท้าของทั้งสามคน“คำเตือนครั้งสุดท้าย หากยังเคลื่อนไหวอื่น พวกแกก็จะลงเอยแบบเขา”ฉู่เฉินพูดอย่างเย็นชานายน้อยทั้งส