“ตายแล้วเหรอ?”“อดีตใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ตายแล้วจริงเหรอ?”คนหลายสิบคนเห็นการตายของเทะอิจิโร โซอิเก็นต่อหน้าต่อตา แต่พวกเขาก็ไม่มีพลังเพียงพอจะหยุดยั้งมันได้แม้แต่เทะอิจิโร ดาไซเอง ก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่อาจารย์ครึ่งเดียวของเขา ถูกท่านเทพสังหารอย่างง่ายดาย มันไม่ง่ายเกินไปเหรอฉู่เฉินก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน เดิมทีเขาต้องการฆ่าเทะอิจิโร โซอิเก็น แต่ก็ไม่คิดว่าจะง่ายอย่างนั้นคนหลายสิบคนที่รีบออกจากวังนั้น ก็เป็นส่วนช่วยเหลือฉู่เฉิน เพราะการมาของพวกเขานั่นเองที่ทำให้ เทะอิจิโร โซอิเก็นลดความระมัดระวังลงบางทีในความคิดของเทะอิจิโร โซอิเก็น เขาอาจเชื่อว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ใครๆ ก็ต้องเลือกที่จะหนีแทนที่จะเสี่ยงที่จะติดอยู่ในกับดักความคิดนี้เองที่ทำให้ฉู่เฉินประสบความสำเร็จ“ไปกันเถอะ!”ฉู่เฉินออกคำสั่ง เมื่อเห็นว่าทุกคนยังคงตกตะลึง“จะไปไหน!”“ไอ้คนทรยศ ถ้าแกต้องการที่จะจากไป มันไม่ง่ายขนาดนั้น!”คำพูดของฉู่เฉิน ไม่เพียงแต่ดึงสติของเทะอิจิโร ดาไซและอีกหลายคนกลับมา แต่ยังเรียกสติคนหลายสิบคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งด้วย ร่างหลายสิบร่างกลายเป็นสายรุ้งยาวและมาล้อมรอบสมาชิกทั้งห้า
ฉู่เฉินถือดาบดาราเจ็ดแสงไว้ในมือ ด้านหลังมีอาณาเขตทั้งสามที่สะท้อนให้เห็นถึงข้อเท็จจริง ตัวตนของเขาทั้งหมดได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันในแก่นแท้ พลังงาน และจิตวิญญาณ และเปิดพลังการโจมตีขั้นสูงสุดการเผชิญหน้าแบบนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงหมัดเดียวและฝ่ามือเดียวอีกต่อไปฉู่เฉินกับเทะอิจิโร อาเนะปะทะกันเหมือนกับสายฟ้าฟาด ปะทะกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และส่งคลื่นกระแทกไปในอากาศเทะอิจิโร ดาไซและอีกสามคนที่สิ้นหวังในตอนแรก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความหวัง เมื่อเห็นฉู่เฉินยืนหยัดต่อสู้กับเทะอิจิโร อาเนะหากท่านเทพสามารถเอาชนะเขาได้ ก็อาจยังมีโอกาสให้หลบหนีได้ในขณะเดียวกัน นักรบหลายสิบคนที่ล้อมรอบเทะอิจิโร ดาไซและไดจิ อาโนยังไม่ได้โจมตี ตามคำสั่งของเทะอิจิโร อาเนะพวกเขาพูดเล่นและพูดคุยกันเอง ไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยว่าเทะอิจิโร อาเนะจะพ่ายแพ้“เด็กคนนี้อาจจะอยู่ในขั้นห้าของระดับจอมยุทธ แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่แท้จริงของเขานั้น ช่างน่าประทับใจนัก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เทะอิจิโร โซอิเก็นจะตายด้วยน้ำมือของเขา”“จริงสิ แต่มันก็ได้แค่นั้นแหละ เทะอิจิโร อาเนะอยู่ในขั้นหก ห่างกันคนละระดับ ตอนนี้เขาแค่กำลังอุ
สิ่งที่เรียกว่ามังกรวารีในสายตาของฉู่เฉิน ไม่มีอะไรมากไปกว่างูมีเขามังกรมีหน้าตาเป็นอย่างไร ฉู่เฉินรู้ดีเพราะมีมังกรตัวจริงอยู่ในดินแดนเล้นลับของเขาสิ่งที่เรียกว่ามังกรวารีนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนกันกับสิ่งมีชีวิตที่สง่างามเช่นนั้นแม้ว่ารัศมีของเทะอิจิโร อาเนะจะเปลี่ยนไปอย่างมากในตอนนี้ แต่ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยออร่าสีดำฉู่เฉินหยิบดาบขึ้นมาและพุ่งออกไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ“เด็กคนนี้มันบ้าไปแล้ว! เทะอิจิโร อาเนะได้อัญเชิญชิกิงามิมังกรวารี ซึ่งเป็นหนึ่งในชิกิงามิที่ร้ายกาจที่สุด แต่เด็กคนนี้ก็ยังกล้าโจมตีเขาซึ่งหน้า เด็กคนนี้กำลังหาที่ตาย”ภายในพระราชวังอันงดงาม ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรพูดอย่างสงบ เห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกับการอัญเชิญชิกิงามิเป็นอย่างดี และยังมีเวลาว่างเพื่อหารือเรื่องนี้ต่อหน้าจักรพรรดิจักรพรรดิไม่ได้แสดงความเห็นอะไรสีหน้าอันสงบของเขาไม่เผยให้เห็นอารมณ์ใดๆทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าจักรพรรดิไม่ปฏิกิริยาใดๆ ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรก็เงียบไปเช่นกัน โดยมุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้นอกพระราชวังเช่นเดียวกับผู้นำตระกูลเทะอิจิโร เมื่อเห็นฉู่เฉินพุ่งเข้ามาอีกครั้งเทะอิจิโร อาเนะก็
การพูดคุยในใจของฉู่เฉิน เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เมื่อเผชิญกับพายุหมุนที่สูงตระหง่าน ฉู่เฉินพูดตามสัญชาตญาณ และเหมือนก่อนหน้านี้ ที่คำพูดของเขาดูเหมือนจะควบคุมได้“ฉันไม่เชื่อ!”เทะอิจิโร อาเนะคำรามด้วยความโกรธ เมื่อเห็นกระบวนท่าของเขาหายไปอีกครั้ง จากคำพูดเพียงคำเดียว ความโกรธของเขาเดือดพล่าน และได้ระเบิดลมปราณที่แท้จริงทั้งหมดปลดปล่อยออกมาราวกับสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นชิกิงามิ มังกรวารีก็ปรากฏตัวขึ้นในขณะนี้เทะอิจิโร อาเนะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ และพายุหมุนลูกใหญ่กว่าก็เริ่มก่อตัวขึ้นขณะที่กำลังก่อตัว มังกรสีนิลพุ่งตรงเข้าสู่พายุหมุน ส่งผลให้พลังรุนแรงมากยิ่งขึ้นลมแรงพัดปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า และมังกรวารีก็คำราม เสียงร้องของมันผสานเข้ากับพายุ ก่อให้เกิดภาพที่น่าสะพรึงกลัวช่างน่ากลัวจริงๆ“ฉันไม่ได้คาดหวังว่า เทะอิจิโร อาเนะจะสามารถควบคุมชิกิงามิได้ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าน้องชายของคุณจะมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม สำหรับกระบวนท่านี้” ภายในพระราชวังองค์จักรพรรดิพูดกับผู้นำตระกูลเทะอิจิโรที่อยู่ข้างๆ เขา“เรื่องนั่นเป็นไปได้ ก็เพราะองค์จักรพรรดิเต็มใจที่จะสอนกระบวนท่านี้ให้แก
มังกรวารีเต็มไปด้วยความสับสน เห็นได้ชัดว่าเป็นมนุษย์อยู่ตรงหน้าตน แล้วทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับตัวตนระดับสูงของเผ่าพันธุ์ปีศาจ“สัตว์ร้าย กลับไปซะ!”เมื่อเห็นมังกรวารียังคงกล้าที่จะจ้อง ฉู่เฉินก็พูดอีกครั้งมันไม่ผิดแน่!นี่คือ...ในขณะที่มังกรสีนิลได้ยินคำพูดนั้นเข้า ดูเหมือนว่าจะไปปลุกความทรงจำส่วนลึกภายในจิตใจขึ้นมาจึงไม่กล้าจ้องฉู่เฉินอีกต่อไป แม้ว่าจะเป็นเพียงมนุษย์ที่ "อ่อนแอ" ก็ตามบนท้องฟ้า ประตูมิติปรากฏขึ้นอีกครั้งและมังกรวารีก็พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ประตูมิติหายไปทันทีหลังจากนั้นความเร็วนั้นเร็วมาก จนแม้แต่เทะอิจิโร อาเนะ ผู้อัญเชิญก็ไม่มีเวลาตอบสนอง ก่อนที่มังกรวารีจะหายตัวไป“เกิดอะไรขึ้น?”ผู้คนนับสิบที่เฝ้าดูจากระยะไกลต่างตกตะลึงนี่เป็นกระบวนท่าที่องค์จักรพรรดิถ่ายทอดให้ และชิกิงามิที่ถูกอัญเชิญมา ทำไมถึงกลับไปเพราะคำพูดเดียวจากชายหนุ่นนั้นได้อย่างไร?“หยิกฉันหน่อยสิ ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า” บางคนในฝูงชนอุทาน แต่ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นแม้แต่ในพระราชวังหลวง จักรพรรดิเองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ดูเห
คนที่มาบำเพ็ญเพียรในคาวาฮาตะได้ต่างก็ไม่ใช่คนนอก และสมาชิกของตระกูลเทะอิจิโรไม่ได้ปิดบังอะไรเลย จึงสามารถพูดและอธิบายได้ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้น ต่างก็แสดงสีหน้าจริงจังแล้วไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลเทะอิจิโรซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะตระกูลอันดับหนึ่งในโตเกียว ได้ครอบครองกระบวนท่าเช่นนี้ฉู่เฉินรู้สึกประหลาดใจมาก ที่เห็นเทะอิจิโร อาเนะได้รับบาดเจ็บจากการควบแน่นของดาบเลือดดาบเลือดนี้จะต้องเป็นสิ่งที่ผิดปกติฉู่เฉินตัดสินใจโจมตีก่อนอย่างไม่ต้องคิดมาก เขากลายร่างเป็นแสงดาบและโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้งในการเผชิญหน้าเพียงครั้งเดียวใบหน้าของฉู่เฉินแสดงสีหน้าแปลกๆหากการรับรู้ของของเขาไม่ผิดพลาดเมื่อกี้นี้….มันน่าจะเป็น….ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ต้องลองอีกครั้งฉู่เฉินพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งดาบดาราเจ็ดแสงปะทะกับดาบโลหิตของเทะอิจิโร อาเนะ“เคร้ง!”หลังจากเสียงดังขึ้นฉู่เฉินสามารถยืนยันความสงสัยได้แล้วดาบเลือดนี้มีกลิ่นอายของการมีจิตสังหารพลังนี้อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น แต่สำหรับคนอย่างเขาที่ครอบครองอาณาเขตเพชฌฆาตเฮอะๆฉู่เฉินยังคงสงบนิ่งลงมือโจมตีอีกครั้งทั้งสองคนปะทะกันอ
“ดูเหมือนว่าคุณเทะอิจิโรจะเตรียมพร้อมอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่คุณมาถึงที่นี่แล้ว “องค์จักรพรรดิยังคงควบคุมสีหน้านิ่งสงบ ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป เพราะถูกผู้นำตระกูลเทะอิจิโรมองเห็นเจตนาแอบแฝงเมื่อมองดูจักรพรรดิที่ไม่เกรงกลัวอะไร ที่อยู่ตรงหน้าเขา ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงสงบขนาดนี้ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรพูดอย่างเย็นชา“คาวาฮาตะไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ขององค์จักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังเป็นของตระกูลเทะอิจิโรด้วย ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนมาจากตระกูลเทะอิจิโร องค์จักรพรรดิ พระองค์ไม่มีข้อได้เปรียบที่นี่”“งั้นเหรอ? เธอคิดว่าตัวเองกับคนไร้ค่าพวกนี้สามารถต่อต้านฉันได้เหรอ?”องค์จักรพรรดิเยาะเย้ย ไม่ใช่แค่กับเทะอิจิโร รวมถึงทุกคนอีกด้วยระหว่างการสนทนาระหว่างคนสองคนการต่อสู้หน้าวังใกล้จะสิ้นสุดแล้วเมื่อตระหนักว่าหากเขาไม่รีบลงมือ น้องชายของเขาจะต้องตาย เทะอิจิโรจึงไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป ด้วยเสียงคำรามอันโกรธแค้น เขาปลดปล่อยพลังออกมาเต็มกำลัง“หลีกทาง!”รัศมีระเบิดออกมา ผลักจักรพรรดิกลับไปชั่วขณะ และทันใดนั้นเอง เทะอิจิโรก็พุ่งไปที่การต่อสู้หน้าพระราชวังแต่ถึงแม้จะเร็วแค่ไหน แต่ก็สายไปห
“ไม่เลย เช่นเดียวกับคุณ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับคนๆ นี้” จักรพรรดิอธิบาย“แล้วทำไมองค์จักพรรดิถึงพยายามปกป้องเขาขนาดนั้น?”“ถ้ามีใครสักคนเต็มใจที่จะช่วยฉันจัดการกับลูกน้องของเธอ ฉันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น”“องค์จักพรรดิ ตั้งแต่แรกองค์จักพรรดิ ตั้งใจจะกำจัดตระกูลเทะอิจิโรใช่ไหม?”“ฉันจะพูดอีกครั้ง ตราบใดที่คุณไม่ลงมือ ฉันก็จะไม่ลงมือเช่นกัน”จักรพรรดิยืนอย่างสงบต่อหน้าผู้นำตระกูลเทะอิจิโร แม้จะมีรัศมีแผ่ออกมาปกคลุมอย่างท่วมท้น ซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดที่ขั้นเก้าของจอมยุทธ ก็ยังคงนิ่งสงบ ไม่มีวี่แววของระดับวรยุทธที่เล็ดลอดออกมา ราวกับว่าเขาเป็นคนธรรมดา และเฝ้าดูผู้นำตระกูลเทะอิจิโร อย่างเงียบๆเมื่อต้องเผชิญกับความสงบจากจักรพรรดิ ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรพบว่า เป็นการยากที่จะประเมินความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจักรพรรดิได้ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจักรพรรดิจะหยุดเขา ซึ่งเขาไม่ลงมือใดๆ แต่ก็ยังมีนักสู้ที่ทรงพลังมากกว่าสิบคนจากตระกูลเทะอิจิโรในคาวาฮาตะอยู่ใกล้ๆ และเป็นเพียงเรื่องของเวลา เพื่อที่จะสามารถจับคนคนนี้ได้หลังจากจับคนคนนี้ได้แล้ว ก็รวบพลผู้แข็งแกร่งกว่าสิบคนเพื่อต่อสู้กับจักร
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่