……ณ เหมียวเจียง ภายในชนเผ่าขนาดใหญ่ หนึ่งในไม่กี่แห่งในหนานเจียงที่มีสัญญาณ ผู้หญิงสองคนนั่งอยู่บนสนามหญ้า คนหนึ่งแก่และอีกคนหนึ่งเป็นเด็ก“ชิงเสว่ พวกเรานั่งอยู่ที่นี่มาสามชั่วโมงแล้ว กลับกันเถอะ ยังมีอีกหลายสิ่งที่รอให้เธอจัดการในลัทธิ”“คุณยาย ไม่ต้องห่วง มีอะไรให้ทำบ้างในลัทธิ ก็แค่เรื่องเดิมๆ ทุกวัน ไม่สำคัญว่าฉันจะอยู่ที่นั่นหรือไม่”“นั่นก็จริง นับตั้งแต่เธอกลับมาเป็นผู้พิทักษ์ลัทธิ หนานเจียงก็มั่นคง คนนอกเหล่านั้นไม่กล้าก่อปัญหาอีกต่อไป”ทั้งสองคนคือหนิงชิงเสว่และคุณยายอสรพิษตั้งแต่กลับมาที่หนานเจียง หนิงชิงเสว่จะพาคุณยายอสรพิษมาที่นี่เพื่อนั่งสองสามชั่วโมงทุกวัน“ท่านผู้นำ ฉันพบข้อมูลที่คุณขอแล้ว โปรดตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่”หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกจากอาคารและรีบไปหาหนิงชิงเสว่“เสี่ยวโหรว ไม่ต้องรีบร้อน ทำไมถึงตื่นตระหนักขนาดนี้ หากทำตัวแบบั้น เธอจะเป็นสาวใช้ของผู้นำไม่ได้”เมื่อเห็นแบบนี้ คุณยายอสรพิษยิ้มและเริ่มหยอกล้อเสี่ยวโหรวคนนี้ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษจากคุณยายอสรพิษ ให้มาเป็นสาวใช้ของหนิงชิงเสว่ทุกวันนี้ สถานะของหนิงชิงเสว่นั้นแตกต่างออกไป แม้ว่าหนิงชิ
ณ เมืองหลวง ทันทีที่ชิงหลงกลับมาที่ฐานจากฝั่งผู้อาวุโสเฉิน แขกที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัวขึ้นภายในฐาน“น้องสะใภ้ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้”ชิงหลงพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็นบนใบหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของชิงหลง ใบหน้าของหนิงชิงเสว่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย“ฉันจะไปญี่ปุ่นเพื่อตามหาฉู่เฉิน คุณช่วยฉันได้ไหม”หนิงชิงเสว่ระบุจุดประสงค์ในการมาที่นี่แม้ว่าเธอจะบินไปที่นั่นได้โดยตรง แต่ก็คิดว่าด้วยความช่วยเหลือของชิงหลง เธอสามารถช่วยประหยัดแรงได้มาก ดังนั้นจึงมาตามหาเขา“ไปญี่ปุ่นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ "ชิงหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดอย่างเด็ดขาด“ทำไมล่ะ?”“ถ้าฉู่เฉินรู้ว่า ฉันช่วยเธอไปญี่ปุ่น เขาจะทุบตีฉันอย่างแน่นอน เมื่อเขากลับมา ฉันเองก็ไม่อยากส่งเธอไปที่นั่นและทำให้เขากังวลด้วย”ชิงหลงให้เหตุผลที่ฟังขึ้น“ฉันไม่ได้ขอความยินยอมจากคุณ ไม่ว่าคุณจะช่วยฉันหรือไม่ก็ตาม ฉันก็จะไปอยู่ดี "ใบหน้าของหนิงชิงเสว่ กลับมาเป็นปกติและก็พูดอย่างใจเย็นเมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของชิงหลงก็แดงขึ้น“ต้องไปจริงๆ เหรอ?”"แน่นอน!"“เอาล่ะ ฉันจะจัดเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวให้เธอทีหลัง แต่ก่อนหน้านั้นมีคนตามหาเ
“ฉันไม่คิดเลยว่าฉู่เฉินจะเป็นเสี่ยวฉือโถว ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” เฉียวหานอวี้อุทานออกมา“พี่สาม ฉันจะไปญี่ปุ่นเพื่อตามหาเสี่ยวฉือโถว คุณอยากจะไปเซอร์ไพรส์เขากับฉันไหม?” หนิงชิงเสว่เชิญเธออย่างอบอุ่นเฉียวหานอวี้กำลังจะตกลงด้วยความยินดี แต่ราวกับว่าเธอกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง เธอก็รีบเปลี่ยนคำพูด“ไม่เป็นไร เธอไปก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องที่ต้องทำในเมืองหลวงก่อน รอฉันจะไปหาพวกเธอ เมื่อฉันทำธุระเสร็จแล้วนะ”เฉียวหานอวี้ก็ปฏิเสธข้อเสนอที่จะไปด้วยกันหนิงชิงเสว่จึงไม่พยายามชักชวนเธออีกต่อไป สองพี่น้องเพิ่งพบกันไม่นาน จากนั้นต้องแยกย้ายกันอีก ทั้งสองจับมือกันแน่นไม่ยอมปล่อยในตอนกลางคืน เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งบินขึ้นอย่างเงียบๆ จากฐานในเมืองหลวงและบินไปยังญี่ปุ่น……ภูเขาฟูจิที่ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกมายาวนาน และมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องที่ตีนเขา มีชายสองคน คนหนึ่งสูงอายุและชายหนุ่มหนึ่งคนเดินพร้อมกัน ไม่เหมือนกับนักปีนเขาคนอื่นๆ ไม่ว่าพวกเขาจะสูงวัยหรือเยาว์วัย ทั้งสองคนไม่แสดงอาการเหนื่อยล้าขณะเดินเท้ามาที่นี่เพียงอย่างเดียวผู้คนท
“บนภูเขาไฟฟูจิมีคนธรรมดาๆ แบบพวกเขาเยอะไหม?” ฉู่เฉินถาม หลังจากผ่านนักปีนเขาทั้งสองคนไป“มีไม่มาก แต่ก็สามารถเจอได้ทุกปี” เทะอิจิโร ดาไซตอบกลับทันที“อืม เมื่อไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว นายก็รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร?”“ท่านเทพ ผมรู้แน่นอน”เทะอิจิโร ดาไซตอบกลับอย่างรวดเร็วสองชั่วโมงต่อมา เกือบจะใกล้กับยอดภูเขาไฟฟูจิ และไม่มีหิมะสีขาวในบริเวณนี้ กลับกลายเป็นป่าแทนฉู่เฉินรู้ว่านี่ เป็นเพราะพลังวิญญาณที่นี่รุนแรงเกินไปจากพลังวิญญาณที่รุนแรง ทำให้อากาศกลายเป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปีหลังจากเข้าไปในป่า ฉู่เฉินก็ค้นพบว่าจริงๆ แล้วที่นี่มีนักสู้อยู่เต็มไปหมด“คนที่นี่ทุกคนทำอะไรกัน? “ฉู่เฉินถามอย่างสงสัย“ขอตอบกลับท่านเทพ คนที่ยังคงอยู่ที่นี่คือนักสู้ที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ ส่วนใหญ่เป็นนักสู้อิสระ แต่ก็มีบางคนจากตระกูลอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่เพื่อบำเพ็ญเพียรย่างสันโดษ โดยหวังว่าสามารถเลื่อนระดับได้” เทะอิจิโร ดาไซ อธิบายสถานที่แห่งนี้คือขอบปลายด้านนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ?“ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ห่างจากที่นี่แค่ไหน?”
เหมือนว่ามีการตอบรับต่อคำพูดของไดจิ อาโน มีร่างอีกสองสามร่างปรากฏตัวขึ้นและรวมตัวกันอยู่ข้างหลังเขาและถามออกมาว่า“ไดจิ ที่แกพูดเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”“มันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นทำไมสุนัขเฒ่าตัวนี้ถึงมาที่นี่ตอนนี้? แน่นอนว่ามันต้องการขอความช่วยเหลือจากบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์”หลังจากได้รับคำตอบเชิงบวก หลายคนก็รู้สึกโล่งใจ“หากเป็นเช่นนั้น งั้นพวกเราก็ควรร่วมมือกันฆ่าสุนัขเฒ่าตัวนี้ ทำลายความหวังสุดท้ายของตระกูลเทะอิจิโรซพ”“ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น”"ใช่ ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นจะต้องเปลี่ยนแปลง"เห็นได้ชัดว่าการที่ตระกูลเทะอิจิโรมีอำนาจเหนือโตเกียวมาอย่างยาวนาน และได้สร้างความไม่พอใจให้กับคนจำนวนมากโดยเฉพาะที่นี่เมื่อเวลาผ่านไป คนทั้งหมดเจ็ดคนมารวมตัวกัน ทั้งหมดเป็นจอมยุทธในขั้นหนึ่งหรือสองพวกเขาไม่เพียงแต่ล้อมรอบเทะอิจิโร โยอิจิเท่านั้น แต่ยังล้อมรอบฉู่เฉินด้วย“ทุกท่าน ฉันเป็นเพียงผู้สัญจรผ่านไปมา ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเทะอิจิโร ปล่อยฉันไปเถอะ” ฉู่เฉินพูดอย่างสงบ โดยไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขา“เจ้าหนู เจ้าอยู่กับสุนั
นึกไม่ถึงว่าคนโง่กลุ่มนี้ จะเป็นฝ่ายยั่วยุฉู่เฉินก่อนจู่ๆ เทะอิจิโร ดาไซก็รู้สึกได้ทันทีว่ารอดตายแล้วถ้าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ระดับจอมยุทธเจ็ดคนเพียงลำพัง แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นสามของระดับจอมยุทธ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีแต่หากฉู่เฉินเต็มใจที่จะลงมือ สถานการณ์จะพลิกผันไปอย่างแน่นอนเมื่อเผชิญกับการเยาะเย้ยจากฝูงชน ฉู่เฉินยังคงไม่แยแสเพียงปล่อยอาณาเขตเพชฌฆาต โดยไม่พูดไม่จาทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือสมุนไพรจิตวิญญาณในป่าทั้งหมดก็เหี่ยวเฉา ราวกับถูกโปรยด้วยยาฆ่าหญ้า เมื่อสัมผัสเข้ากับหมอกไม่เคยคิดเลยว่าพลังชั่วร้ายจะมีผลต่อสัตว์และพืชเหล่านี้ได้ขนาดนี้ภาพนี้ปรากฏในสายตาของคนทั้งเจ็ดที่อยู่ตรงข้ามความเยาะเย้ยในดวงตาของพวกเขาหายไปพวกเขาทั้งหมดเป็นปรมาจารย์ระดับจอมยุทธและการกระทำเพียงครั้งเดียวนี้ ทำให้พวกเขาตระหนักว่าฉู่เฉินไม่ใช่ศัตรูธรรมดา“แกเป็นใครกันแน่?” ไดจิ อาโนถามด้วยสีหน้าตึงเครียด“ฉันเป็นใครนะเหรอ ฮ่าๆ ถ้าแกกลัวตระกูลเทะอิจิโร แกก็ควรกลัวฉันมากกว่านี้” ฉู่เฉินตอบอย่างสงบไดจิ อาโนดูเหมือนจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้ โดยชี้ไปที่ฉู่เฉินด้วยความ
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาของทั้งหกคนก็ประสานเข้าด้วยกัน และพวกเขาก็หยุดลังเลทันที รัศมีพลังยุทธทั้งหกลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมด้วยอาณาเขตของสีที่แตกต่างกันทั้งหกอาณาเขตเมื่อเห็นการปรากฏอาณาเขต ฉู่เฉินก็เริ่มสนใจทันทีจึงผลักเทะอิจิโร ดาไซออกไป“ไปให้พ้น แล้วจับตาดูเอาไว้”แม้กระทั่งก่อนที่เทะอิจิโร ดาไซและไดจิ อาโนจะเริ่มการต่อสู้ ฉู่เฉินก็ได้ปล่อยอาณาเขตเพชฌฆาตออกมาแล้วแม้ว่าจะไม่แพร่กระจายออกไป แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจของทุกคนขณะนั้นเอง จากความคิด หมอกสีแดงก็สลายไปทันที และในเวลาไม่นาน มันก็ปกคลุมทั้งเจ็ดคน รวมถึงไดจิ อาโนด้วยเมื่อต้องรับมือกับปรมาจารย์ระดับจอมยุทธทั้งเจ็ดคนในเวลาเดียวกัน ต้องบอกว่าฉู่เฉินเองก็มีแรงกดดันอยู่บ้างแม้ว่าหมอกจะปกคลุมทั้งเจ็ดคน แต่พวกเขาแทบจะไม่สามารถป้องกันตัวเองด้วยอาณาเขตของตนเองได้จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ฉู่เฉินคิดกับตัวเองกำลังคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในอาณาเขตของเขาหรือไม่เนื่องจากมันถูกเรียกว่าอาณาเขตเพชฌฆาตขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จิตสำนึกของฉู่เฉินล่องลอยเข้าไปภายในอาณาเขตของเขาแล้ว แอบจัดการกับหมอกให้กลายเป็นส
ในขณะนี้ ไดจิ อาโนรู้ดีได้ว่าตัวเองได้ไปหาเรื่องคนที่ไม่สมควรเข้าให้แล้ว“ท่านเทพ ฉันรู้ว่าฉันผิด หากท่านต้องการจากไปตอนนี้ พวกเราจะไม่ขวางทางท่าน พวกเราแค่ไม่อยากให้ตระกูลเทะอิจิโรมีโอกาสกลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เนื่องจากท่านเป็นผู้ที่ทำลายตระกูลเทะอิจิโร ท่านจึงไม่อยากเห็นเทะอิจิโร ดาไซไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อกระจายข่าวอย่างแน่นอน”“ตราบใดที่ท่านเต็มใจ พวกเราก็ยินดีที่จะเสนอค่าตอบแทน ไม่ว่าท่านจะขออะไร พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการ ท่านคิดว่ายังไง?”ไดจิ อาโนพูดอย่างกระตือรือร้น โดยพยายามสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์กับฉู่เฉิน เพื่อแลกกับการที่เขาปฏิเสธที่จะลงมือ“งั้นเหรอ?”เสียงของฉู่เฉินดังขึ้น แม้ว่าจะเห็นอีกฝ่ายก็ตามเมื่อได้ยินคำตอบของฉู่เฉิน ไดจิ อาโนก็รู้สึกว่ามีโอกาส เขาอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างรวดเร็ว: "ท่านเทพ ท่านต้องการสิ่งใดก็บอกมาได้เลย ตราบใดที่พวกเราสามารถทำให้ได้ พวกเราก็จะตอบสนองความปรารถนาของท่าน""แล้วถ้า..."ฉู่เฉินโผล่ออกมาจากหมอกสีแดง เดินช้าๆ ไปยังไดจิ อาโนขณะที่ไดจิ อาโนตั้งใจฟังคำพูดต่อไปของฉู่เฉิน ฉู่เฉินก็พูดอย่างเย็นชาว่า "ฉั