“ฉู่เฉิน แกต้องการอะไรกันแน่ แม้แกจะซื้อเวลาไปกับฉันที่นี่ในพื้นที่ส่วนลึกสุดของตระกูลหวัง แกก็จะไม่สามารถหนีรอดออกไปได้ เมื่อตระกูลหวังเจอกับแกเข้า พวกเขาจะไม่ยอมให้แกไปไหนแน่นอน!"ฉินเจิ้งเทียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป และเข้าใจความตั้งใจของฉู่เฉิน ซึ่งก็คือการทำให้ตัวเขาหมดแรง“ตระกูลหวังหาฉันไม่เจอหรอก ถ้าพวกเขาเจอ พวกเขาก็คงจะเจอไปนานแล้ว แกไม่เห็นหรือว่าตั้งนานมานี้ กลับไม่มีใครมาที่นี่?”ฉู่เฉินพูดอย่างเย็นชาฉินเจิ้งเทียนพูดไม่ออก เมื่อนึกถึงคุณสมบัติของห้องลับ ก็ตระหนักว่าฉู่เฉินกำลังพูดความจริงที่นี่เดิมทีมันเป็นห้องลับที่เขาขอให้สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งออกแบบมาเพื่อปกปิดกลิ่นอายของคนที่อยู่ในห้องนี้ไม่คาดคิดว่า ตอนนี้มันกลายเป็นกับดักของตัวเขาเองหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาอาจจะตายที่นี่จริงๆ กู่หนอนไหมทองคำกู่ในตัวเขานั้น กำลังกระสับกระส่ายอย่างมากเมื่อลองพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนดวงตาของฉินเจิ้งเทียนก็หรี่ลง“ฉู่เฉิน แกจะอยู่ที่นี่กับฉันจริงๆ เหรอ? ถ้าแกจากไปตอนนี้ ฉันสัญญาว่าจะไม่ตามล่าแก้แค้น และฉันไม่เอาเรื่องเกี่ยวกับตระกูลฉินด้วย แกว่ายังไง?”“ฮ่าๆ ฉินเจิ้งเทียน
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อระเบิดทำลายตัวเองสำเร็จ ก็อาจจะไม่เหลือแม้แต่ประกายไฟด้วยซ้ำดวงตาของฉินเจิ้งเทียนจ้องมองไปที่ฉู่เฉินตรงหน้าเขาด้วยความเกลียดชัง อย่างไม่ละสายตา "แกทำอะไรลงไป?"ฉู่เฉินดึงกริชออกจากอกของฉินเจิ้งเทียน ดาบเป็นประกายสะท้อนแสง แต่ไม่มีเลือดเปื้อนและสะบัดมือที่พันรอบตัวเองออกไปไม่มีเสียงตอบกลับจำเป็นต้องอธิบายให้คนตายฟังด้วยเหรอไม่นานนักร่างกายของฉินเจิ้งเทียนก็เหี่ยวลงอย่างรวดเร็วหนอนไหมทองคำกู่แวววาวกระโดดออกมาจากศพที่เหี่ยวเฉาและบินไปหาฉู่เฉินแม้แต่ฉู่เฉินก็ยังตกใจกับภาพตรงหน้านี้ไม่ใช่ว่าจะ "กิน" เขาด้วยอีกคน!โชคดีที่ฉู่เฉินคิดมากไปหนอนไหมทองคำกู่นอนเงียบๆ บนฝ่ามือของฉู่เฉินโดยไม่แสดงพฤติกรรมใดๆ บางทีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากฉู่เฉิน มันก็เลยขดตัวเป็นลูกบอล ทำให้ฉู่เฉินจับตัวมันเอาไว้ได้นี่...นี่ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องพวกนี้ฉู่เฉินเปิดประตูอย่างเงียบ ๆ แอบดูผ่านรอยแง้ม และไม่เห็นใครอยู่ข้างนอก เขาก็ได้หลบหนีแล้วจากไปอย่างรวดเร็วฉู่เฉินรีบมุ่งหน้าไปยังกระท่อมตอนนี้ได้หนอนไหมทองคำกลับคืนมาแล้ว เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะนำ
จากการอธิบายอย่างอดทนของฉู่เฉิน หนิงชิงเสว่ก็รู้เรื่องราวในช่วงหลายวันมานี้“เสี่ยวเหลียน ช่วยไปแจ้งคุณหนูของคุณว่า ชิงเสว่หายดีแล้ว ขอบคุณสำหรับการดูแลเธอในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หากเธอต้องการอะไร ตราบใดที่ฉัน ฉู่เฉินคนนี้สามารถช่วยได้ ฉันจะบุกน้ำลุยไฟอย่างไม่ปิปากถาม”ในกระท่อม ฉู่เฉินสั่งเสี่ยวเหลียนก่อนจะพาหนิงชิงเสว่ออกไปทันทีที่พวกเขาออกจากกระท่อม ฉู่เฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้อาวุโสเฉิน“ผมต้องไปด้วยเหรอ?”ไม่มีคำตอบกลับจากปลายสาย"ตามนั้น"ฉู่เฉินวางสายไปหนิงชิงเสว่อดไม่ได้ที่จะถาม “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?”ในเมื่อพี่เจ็ดถาม ฉู่เฉินจึงไม่ได้ปิดบังอะไร“ผู้อาวุโสเฉินบอกว่าหินนักปราชญ์ซวนหวู่ซึ่งเป็นสมบัติของซวนหวู่ได้ปรากฏตัวที่ญี่ปุ่น เขาต้องการให้ฉันไปเอามันกลับคืนมา”“นั่นเป็นเรื่องที่ดี ทำไมนายถึงลังเล?”“แต่คุณเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ…”น้ำเสียงของฉู่เฉินเต็มไปด้วยความกังวล“ฉันหายดีแล้ว และความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นด้วย เสี่ยวเฉิน คราวนี้ ฉันจะไปกับนายเอง และพวกเราจะเอาสมบัติของนายกลับมา!”หนิงชิงเสว่ยืดเส้นยืดสายอย่างมีชีวิตชีวา โดยไม่แสดงอาการบาดเจ็บใดๆวิถีแ
แม้ว่าจะเป็นปรมาจารย์ระดับมหากาฬแล้ว แต่คุณยายอสรพิษก็ไม่สามารถระงับเหตุการณ์ความไม่สงบได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อตามหาหนิงชิงเสว่หลังจากเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วหนิงชิงเสว่ก็ลังเลใจ“พี่เจ็ด ให้ฉันไม่พากลับไปที่หนานเจียงก่อนไหม?”ฉู่เฉินเป็นฝ่ายพูดก่อน“เสี่ยวเฉิน การเดินทางไปญี่ปุ่นไม่สามารถล่าช้าได้ นายไปญี่ปุ่นก่อนเถอะ ฉันจะจัดการเรื่องในหนานเจียงด้วยตัวเอง คราวนี้ฉันคงไปกับนายไม่ได้ ผู้อาวุโสหวู่จิงใจดีกับฉันมาก และฉัน…”หนิงชิงเสว่มีอย่างอื่นที่จะพูดฉู่เฉินกอดหนิงชิงเสว่ไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา“พี่เจ็ด ฉันข้าใจแล้วไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก”พวกเขาทั้งสองกอดกันอย่างเงียบๆ โดยมีฉินปิงเยว่ และคุณยายอสรพิษอยู่ข้างๆ และไม่ได้รบกวน แต่เพียงเฝ้ามองอย่างเงียบๆหลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็แยกทางกัน“เสี่ยวเฉิน แม้ว่าฉันจะเดินทางไปกับนายไม่ได้ แต่นายสามารถพาปิงเยว่ไปด้วยได้นะ”หนิงชิงเสว่ก็พูดขึ้นมาจู่ๆ ก็เอ่ยถึงชื่อตัวเองฉินปิงเยว่ดูสับสนและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหนิงชิงเสว่เห็นแบบนี้จึงเดินไปหาฉินปิงเยว่และจับมือเธอเอาไว้“เสี่ยวเฉินต้องไปญี่ปุ่นเพื่อ
เมื่อตระกูลหวังทั้งหมดระดมกองกำลังได้ ชาวเมืองก็เต็มไปด้วยความสงสัยว่าอะไรจะกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติการที่อึกทึกครึกโครมเช่นนี้ แต่ก็มีคนพูดเผยถึงข่าววงในจากนั้นทุกคนก็ทราบว่าตระกูลหวังทำถึงขนาดนี้ เป็นเพราะฉู่เฉิน“ฉู่เฉินต้องกล้าหาญขนาดไหนที่จะกล้าบุกเข้าไปในวังของตระกูลหวังและฆ่าใครสักคน เขาต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรงอย่างแน่นอน”“ใช่ เห็นได้ชัดว่าไม่มีเคารพตระกูลใหญ่เอาเสียเลย”โดยมีตระกูลหวังเป็นผู้นำ ไม่ช้าตระกูลใหญ่อีกหลายตระกูลก็เข้าร่วมเมืองหลวงทั้งเมืองก็แทบจะถูกพลิกเพื่อตามหาตัว แต่ไม่พบฉู่เฉินและผู้หญิง“ดูเหมือนว่าแม้แต่ฉู่เฉินก็รู้ว่า เขาไม่สามารถยั่วยุตระกูลหวังได้และหนีไปแล้ว”“จริง ๆ แล้ว ฉันคิดเสมอว่าฉู่เฉินเป็นคนโง่เขลา ใครจะคิดว่าเมื่อต้องเผชิญกับอำนาจของตระกูลหวัง เขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีไป”มีคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องวุ่นวายนี้กินเวลานานหลายวันจนกระทั่งได้รับการยืนยันว่าฉู่เฉินไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแล้ว จึงทำให้สถานการณ์ค่อยๆ ผ่อนคลายลง……ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เรือสำราญลำหนึ่งแล่นอยู่กลางทะเลฉู่เฉินไปญี่ปุ่นในครั้งนี้ แม้ว่าผู้อาวุโศเฉ
คนคนนั้นได้จากไปแล้ว และฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกหลังจากยืนงงอยู่สักพัก ก็รู้ว่าดูเหมือนจะมีคนรู้จักอยู่ในญี่ปุ่นเคนอิจิ!ย้อนกลับไปที่ฐานซวนหวู่ถูกถล่ม ตัวเขาได้ปล่อยปรมาจารย์คนหนึ่งไป ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องการตัวเขาจริงๆจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฉู่เฉินกระจายออกไปเขาได้ร่ายคาถาใส่ไว้กับเคนอิจิ ดังนั้นตอนนี้เมื่ออยู่ที่ญี่ปุ่นแล้ว การตามหาเขาจึงไม่ใช่เรื่องยากอย่างไรก็ตาม ก็มีเรื่องทำให้ประหลาดใจ ที่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงเคนอิจินี่จะเป็นเรื่องยุ่งยากฉู่เฉินตัดสินใจไปที่โรงแรมกับฉินปิงเยว่ในตอนนี้จะบอกว่าเป็นโรงแรม แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวถ้าบอกให้ชัด ก็คือควรจะเป็นเรียวกังในญี่ปุ่น มักจะพบโรงแรมประเภทนี้จะตั้งอยู่บริเวรริมถนนภายในไม่กี่ก้าว ฉู่เฉินก็พบสถานที่เช่นนี้หลายแห่งแม้ว่าฉู่เฉินจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่ก็น่าแปลกที่ตัวอักษรพวกนี้เป็นตัวอักษรที่ฉู่เฉินรู้จักมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นภาษาต้าเซี่ย“ไม่มีอะไรแปลกเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ไม่ยาวนาน ในสมัยโบราณเป็นเพียงเกาะร้าง หลังจากที่ผู้คนจากต้าเซี่ยเข้ามา อารยธรรมก็เริ่มพัฒนาที
คำพูดที่ว่าลูกค้าคือพระเจ้า เป็นสิ่งที่เจ้าของร้านเข้าใจ“ทั้งหมด 250,000 บาท”เจ้าของร้านพูดเรียบๆ“อะไร ของแค่นี้ราคา 250,000 นี่มันปล้นกันชัดๆ”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูดได้ ฉินปิงเยว่ก็อุทานด้วยความประหลาดใจ“ราคา 250,000 คือราคาสำหรับพวกคุณ ปกติมื้อนี้ราคาแค่ 50,000 เท่านั้น คุณหนู คุณอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่ในญี่ปุ่น การทิ้งอาหารอย่างสิ้นเปลืองถือเป็นการดูหมิ่นอย่างแรง เนื่องจากคุณแทบจะไม่แตะต้องอาหารเลย จึงมีค่าปรับ 200,000 บาทสำหรับการสิ้นเปลือง”เจ้าของร้านอธิบายอย่างเย็นชา“คุณตั้งใจทำแบบนี้สินะ!” ฉินปิงเยว่ระเบิดความโกรธ“ช่างเถอะ”ฉู่เฉินหยุดฉินปิงเยว่ที่กำลังจะโต้เถียงและโยนเงินที่แลกไว้ล่วงหน้าจำนวนหนึ่งออกมาและดึงฉินปิงเยว่ เตรียมพร้อมที่จะออกไปในขณะนี้ คนญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ๆ เห็นฉู่เฉินเป็นเป้าหมายง่ายๆ จึงเริ่มเยาะเย้ยเขาจากด้านหลัง“ไอ้โง่ อย่างที่พูดกันไว้คนจากต้าเซียเป็นคนโง่ ทิ้งอาหารอร่อยๆ แบบนี้ไว้โดยไม่มีใครแตะต้อง”แม้ว่าคำพูดจะดูแข็งกระด้าง แต่ฉู่เฉินก็เข้าใจอย่างชัดเจนเท้าหยุดชะงักหันหน้าไปพูดกับคนที่พูด: “คุณพูดอะไร? ฉันได้ยินไม่ชัด พูดอีกครั้งสิ
ตอนนี้ฉู่เฉินเขย่งเท้าและเตะร่างของคนญี่ปุ่นทันทีมีเสียง “แคร้ก” ดังขึ้นเสียงกระดูกหักของคนญี่ปุ่นดังก้องฉู่เฉินถาม: "นายรู้จักปรมาจารย์งั้นเหรอ?”“โอ๊ย ในเมื่อแกเป็นปรมาจารย์ แล้วจะรังแกคนธรรมดาอย่างฉันได้ยังไง?”ชายชาวญี่ปุ่นนอนอยู่บนพื้นโดยมีเลือดไหลออกมาจากทางปากเมื่อเห็นภาพนี้ ผู้คนในเรียวกังก็ไม่กล้าทำตัวเป็นญี่ปุ่นมุงและหนีไปทีละคน เหลือเพียงเพื่อนของชายคนนั้นเพียงคนเดียว ยืนอยู่ที่นั่น โดยลังเลใจว่าจะอยู่ต่อหรือหนีไปดี“นายไม่ได้ยั่วโมโหฉันเหรอ?” ฉู่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มอย่างเย็นชา“คนต้าเซี่ย ถ้านายบอกฉันว่านายเป็นปรมาจารย์ ฉันจะไปกล้ายั่วยุนายได้ยังไง”“ก็ตามที่นายพูดไป ถ้าฉันไม่ใช่ปรมาจารย์ ฉันสมควรโดนแกยั่วยุงั้นเหรอ?”คำพูดของฉู่เฉินทำให้คนญี่ปุ่นหมดคำพูดหลังจากเงียบไปสักพัก ก็ปากแข็งพูดต่อ“โอ๊ย อย่าคิดว่าเพียงเพราะนายเป็นปรมาจารย์ ก็สามารถเดินไปนู่นนั่นนี่ในญี่ปุ่นได้ ฉันแก๊งคุคุจิก็รู้จักปรมาจารย์เหมือนกัน หากนายกล้าก็รออยู่ที่นี่ก่อน”แม้ว่ากระดูกจะหัก แต่ชายชาวญี่ปุ่นก็ยังคงพูดอย่างอาจหาญแก๊งคุคุจิ?คนนี้มาจากก๊งคุคุจิ?ฉู่เฉินรู้สึกประหลาดใจอย่
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่