คำพูดที่ว่าลูกค้าคือพระเจ้า เป็นสิ่งที่เจ้าของร้านเข้าใจ“ทั้งหมด 250,000 บาท”เจ้าของร้านพูดเรียบๆ“อะไร ของแค่นี้ราคา 250,000 นี่มันปล้นกันชัดๆ”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูดได้ ฉินปิงเยว่ก็อุทานด้วยความประหลาดใจ“ราคา 250,000 คือราคาสำหรับพวกคุณ ปกติมื้อนี้ราคาแค่ 50,000 เท่านั้น คุณหนู คุณอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่ในญี่ปุ่น การทิ้งอาหารอย่างสิ้นเปลืองถือเป็นการดูหมิ่นอย่างแรง เนื่องจากคุณแทบจะไม่แตะต้องอาหารเลย จึงมีค่าปรับ 200,000 บาทสำหรับการสิ้นเปลือง”เจ้าของร้านอธิบายอย่างเย็นชา“คุณตั้งใจทำแบบนี้สินะ!” ฉินปิงเยว่ระเบิดความโกรธ“ช่างเถอะ”ฉู่เฉินหยุดฉินปิงเยว่ที่กำลังจะโต้เถียงและโยนเงินที่แลกไว้ล่วงหน้าจำนวนหนึ่งออกมาและดึงฉินปิงเยว่ เตรียมพร้อมที่จะออกไปในขณะนี้ คนญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ๆ เห็นฉู่เฉินเป็นเป้าหมายง่ายๆ จึงเริ่มเยาะเย้ยเขาจากด้านหลัง“ไอ้โง่ อย่างที่พูดกันไว้คนจากต้าเซียเป็นคนโง่ ทิ้งอาหารอร่อยๆ แบบนี้ไว้โดยไม่มีใครแตะต้อง”แม้ว่าคำพูดจะดูแข็งกระด้าง แต่ฉู่เฉินก็เข้าใจอย่างชัดเจนเท้าหยุดชะงักหันหน้าไปพูดกับคนที่พูด: “คุณพูดอะไร? ฉันได้ยินไม่ชัด พูดอีกครั้งสิ
ตอนนี้ฉู่เฉินเขย่งเท้าและเตะร่างของคนญี่ปุ่นทันทีมีเสียง “แคร้ก” ดังขึ้นเสียงกระดูกหักของคนญี่ปุ่นดังก้องฉู่เฉินถาม: "นายรู้จักปรมาจารย์งั้นเหรอ?”“โอ๊ย ในเมื่อแกเป็นปรมาจารย์ แล้วจะรังแกคนธรรมดาอย่างฉันได้ยังไง?”ชายชาวญี่ปุ่นนอนอยู่บนพื้นโดยมีเลือดไหลออกมาจากทางปากเมื่อเห็นภาพนี้ ผู้คนในเรียวกังก็ไม่กล้าทำตัวเป็นญี่ปุ่นมุงและหนีไปทีละคน เหลือเพียงเพื่อนของชายคนนั้นเพียงคนเดียว ยืนอยู่ที่นั่น โดยลังเลใจว่าจะอยู่ต่อหรือหนีไปดี“นายไม่ได้ยั่วโมโหฉันเหรอ?” ฉู่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มอย่างเย็นชา“คนต้าเซี่ย ถ้านายบอกฉันว่านายเป็นปรมาจารย์ ฉันจะไปกล้ายั่วยุนายได้ยังไง”“ก็ตามที่นายพูดไป ถ้าฉันไม่ใช่ปรมาจารย์ ฉันสมควรโดนแกยั่วยุงั้นเหรอ?”คำพูดของฉู่เฉินทำให้คนญี่ปุ่นหมดคำพูดหลังจากเงียบไปสักพัก ก็ปากแข็งพูดต่อ“โอ๊ย อย่าคิดว่าเพียงเพราะนายเป็นปรมาจารย์ ก็สามารถเดินไปนู่นนั่นนี่ในญี่ปุ่นได้ ฉันแก๊งคุคุจิก็รู้จักปรมาจารย์เหมือนกัน หากนายกล้าก็รออยู่ที่นี่ก่อน”แม้ว่ากระดูกจะหัก แต่ชายชาวญี่ปุ่นก็ยังคงพูดอย่างอาจหาญแก๊งคุคุจิ?คนนี้มาจากก๊งคุคุจิ?ฉู่เฉินรู้สึกประหลาดใจอย่
ชายคนนั้นไม่กล้าปฏิเสธคำพูดของฉู่เฉิน แต่ทันทีที่ได้ยินว่าต้องนำทางไปโตเกียว เขาก็พูดไม่ออก“มีปัญหาอะไร?”เมื่อสังเกตเห็นท่าทางไม่เต็มใจของชายคนนั้น ฉู่เฉินจึงเอ่ยปากถาม“ท่านเทพ แก๊งคุคุจิของพวกเรามีกฎภายในอยู่ว่า หากไม่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าระดับสูง ก็จะไม่สามารถไปโตเกียวได้ตามที่ต้องการ เพราะแก๊งของพวกเรามีสมาชิกจำนวนมาก และการเดินไปรอบๆ อย่างสะเปะสะปะ ก็อาจทำให้คนอื่นเกิดความเข้าใจผิดได้ครับ”ชายคนนั้นอธิบายฉู่เฉินฟังดูก็ คิดว่าสมเหตุสมผลเพราะญี่ปุ่นมีจำนวนประชากรจำกัด“งั้นพาฉันไปที่แก๊งสาขาของนายแล้วกัน”เนื่องจากคนตรงหน้าเขาไม่สามารถลงมือทำได้ จึงต้องหาคนที่ลงมือทำได้แทนชายชาวญี่ปุ่นไม่กล้าปฏิเสธจึงพาฉู่เฉินกับฉินปิงเยว่ออกจากเรียวกัง และไปที่โรงแรมบ่อน้ำพุร้อน“อิบูกิ ที่นี่คือ?”ฉู่เฉินมองไปที่ป้ายขนาดใหญ่ที่ทางเข้าและปรากฏข้อความว่า "โรงแรมน้ำพุร้อนโอซาก้า"ระหว่างทางฉู่เฉินรู้ว่าชายชาวญี่ปุ่นคนนี้ชื่อ อิบูกิ จากการที่เขาได้ถามออกไปตรงๆ“ท่านเทพ คุณอาจไม่รู้ แต่นี่คือแก๊งสาขาของแก๊งคุคุจิในโอซาก้า ฉันจะพาคุณไปพบหัวหน้า”อิบูกินำฉู่เฉินเข้าไปทันทีเมื่อเข้
บ่อน้ำพุร้อนแต่ละแห่งเรียงขนาบข้างไปกับทางเดินหลักทอดยาวออกไปฉู่เฉินมองแวบเดียว ก็เห็นว่ามีบ่อน้ำพุร้อนมากกว่าสิบแห่งอยู่ตรงหน้าหรืออาจเป็นเพราะเป็นเวลาเย็นแล้ว บ่อน้ำพุร้อนส่วนใหญ่จึงไม่มีคนแช่อยู่ฉู่เฉินลองทดสอบอุณหภูมิของน้ำพุร้อนด้วยมือ และพบว่าน้ำอุ่นเล็กน้อยนี่มันบ่อน้ำพุร้อนจริงๆจากสายตามากมายที่จับจ้องมา ซึ่งอาจบอกได้เลยยว่าบางอย่างผิดปกติการกระทำของฉู่เฉินนั้น ทำให้อิบูกิเห็นว่าฉู่เฉินสนใจน้ำพุร้อนดังนั้นจึงพูดขึ้นมาทันที“ท่านเทพ บ่อน้ำพุร้อนที่หัวหน้าใช้แช่นั้นดีที่สุดในที่นี่ หากท่านเทพสนใจก็ลองแช่ดูสักหน่อยได้ครับ”"โอ้จริงเหรอ?"เมื่อฉู่เฉินยินแบบนั้น ก็แสดงความตื้นเต้นทันทีตอนแรกแค่มาตามหาคน แต่หลังจากนั้นก็มองดูว่าสถานที่นี้ ช่างมีอะไรน่าตื้นตาตื้นใจยิ่งนักในไม่ช้า อิบูกิก็นำฉู่เฉินไปจนสุดทางเดินที่สุดปลายทางเดิน มีบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ ที่มีขนาดเพียงพอที่จะรองรับคนได้สี่หรือห้าคน บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้มองไม่เห็นก้นบึ้งเหมือนบ่อน้ำพุร้อนอื่นๆ ในบ่อน้ำพุร้อน ชายคนหนึ่งกำลังแช่ตัวอยู่สบายๆ โดยเปลือยเปล่าทั้งหมด และมีแค่ผ้าเช็ดตัวที่คลุมเอาไว้ผืนเดีย
“หยุด! แกคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหน จะมาก็มาจะไปก็ไปอย่างนั้นเหรอ?” ฟุโดสั่งพร้อมกระพริบตาส่งสัญญาณ จากนั้นชายสองก็เข้ามาขัดขวางฉู่เฉินทันที“อิบูกิหัวหน้าทีมระดับล่างของแก๊งคุคุจิเอง แม้แต่สมาชิกระดับธรรมดาของแก๊งคุคุจิเอง ก็ไม่ใช่ว่าแกจะใช้คำพูดจัดการได้ ลองพูดมาสิ แกยินดีจ่ายเท่าไหร่?"ตอนนี้ฟุโดมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างแน่นอนว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องชายต้าเซี่ยคนนี้ เมื่อเห็นเขาก็พร้อมที่จะหันหลังกลับทันที“ฉันสามารถจ่ายค่าไกด์นำทางได้” ฉู่เฉินค่อยๆ พูดท้ายที่สุดแล้ว การมีคนนำทางตัวเอง ไปโตเกียวก็เหมือนกับการจ้างไกด์ การจ่ายค่าธรรมเนียมไกด์ ก็เป็นเรื่องที่ยุติธรรมแก่อิบูกิด้วยถ้าเป็นที่อื่น อีกฝ่ายคงต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้ว ถ้ากล้ายั่วยุเขาแบบนี้“ล้อเล่นใช่ไหม? แกคิดว่าแก๊งคุคุจิเป็นยาจกขนาดนั้นเลย?” ฟุโดไม่พอใจกับคำพูดของฉู่เฉิน“แล้วแกต้องการอะไร?” ฉู่เฉินถาม“ง่ายนิดเดียว คนหนึ่งอยู่ อีกคนไปได้ แกพาอิบูกิไป ส่วนผู้หญิงที่แกพามาด้วยก็อยู่ที่นี่แทน”ฟุโดพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายฟุโดเห็นฉินปิงเยว่ในล็อบบี้ของโรงแรมผ่านกล้องวงจรปิดมาก่อนหน้านี้ผู้หญิงที่มีหน้าต
“ฮ่าๆ อาจหาญมาก ในโอซาก้า แกเป็นคนเดียวที่กล้าท้าทายงานแก๊งคุคุจิมิ เด็กๆ!”ฟุโดออกคำสั่งทันใดนั้น กลุ่มชายชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นรอบๆ เมื่อมองแวบแรก ก็คำนวณได้มีจำนวนไม่ต่ำกว่าร้อยคนทุกคนถือปืนกลอยู่ในมือใช่ ฉู่เฉินมองไม่ผิดแน่ มันเป็นปืนกลจริงๆไม่ใช่ว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับวิถีซามูไร โดยเฉพาะในสมาคมแก๊งนักเลง ดูเหมือนว่าข่าวลือนั้นไม่เป็นความจริงในชั่วพริบตา ฉู่เฉินก็ถูกล้อมรอบแล้วและไม่สามารถหนีออกไปได้“ตอนนี้ แกยังมีกล้าที่จะพูดแบบนั้นอยู่อีกไหม? ถ้าแกยังพูดอีก ฉันขอชื่นชมใจแกจริงๆฟุโดเยาะเย้ยผู้คนกว่าร้อยคนแหวกทางให้ฟุโดผ่านไปในมือถือดาบซามูไรเอาไว้ ค่อยๆ เดินเข้าหาฉู่เฉินทีละก้าว เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดว่าฉู่เฉินจะไม่กล้าต่อต้าน“หัวหน้าฟุโด การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องดี และผู้ชายคนนี้มาจากต้าเซี่ย” อิบูกิพยายามโน้มน้าวฟุโด โดยเดินตามติดหลัง“แล้วไงล่ะ? พวกคนจากต้าเซี่ยตายด้วยน้ำมือฉันไปกี่คนแล้ว?” ฟุโดพูดอย่างเย่อหยิ่ง ขณะที่เดินไปด้วยโดยไม่รู้เลยว่าประโยคนี้เอง ที่ตัดสินให้ฉู่เฉินต้องตายแล้วฉู่เฉินมองดูฟุโด ที่เดินเข้ามาใกล้อย่างเย็นชาฟุโดยังคงเดินเล่นสบายๆ และ
เสียงปืนดังขึ้น และกินเวลาไปช่วงระยะเวลาหนึ่งจึงมีคนพูดออกมาว่า หยุดยิงเมื่อมีคนเอ่ยปากพูดขึ้น จึงเริ่มค่อยๆ ยุติการยิงลงอย่างช้าๆถึงอย่างนั้นก็ตาม ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บกว่าร้อยคน รวมถึงเสียชีวิตอีกสามคน จากการโดนลูกหลงของพายุลูกปีนในระยะประชิดเช่นนี้ อีกฝ่ายไม่สามารถหลีกเลี่ยงวิถีกระสุนได้แน่นอนมองดูลูกบอลสีดำที่ห่อหุ้มด้วยกระสุนที่อยู่ตรงหน้าก็มีคนถามขึ้นมา"เอ้ย เขาตายแล้วหรือยัง""ไม่รู้สิ"“นาย นายนั่นแหละ เดินไปดูสิว่า เขาตายหรือยัง!”ในขณะนั้นก็ เกิดเรื่องไม่คาดคิดปากของฉู่เฉินเผยรอยยิ้ม และพูดออกมาเบา ๆ“ถึงคราวของฉันแล้ว”ทันใดนั้น กระสุนที่ล้อมรอบเขาก็บิน กลับไปยังจุดเริ่มต้นของมันและยังเร็วกว่าตอนที่ถูกยิงออกมาด้วยซ้ำทันใดนั้น ก็เกิดเสียงกรีดร้องดังไปทั่วทุกทิศทุกทางไม่ถึงสามวินาทีทั่วทั้งบริเวณก็เงียบกริบกระสุนตรงหน้า ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยการมองเห็นของอิบูกิกลับมาชัดเจนขึ้น ภาพเบื้องหน้านั้น ทำให้รีบหลับตาด้วยความหวาดกลัว และไม่กล้าที่จะมองอีกครั้งมองไปทางไหนก็มีแต่ศพ และน้ำในบ่อน้ำพุร้อนถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดณ บริเวณนี้ เหลือแค่คนสองคนท
“อืม ออกไปได้แล้ว และอย่าเรียกฉันว่า 'ท่านเทพ' อีกต่อไป จากนี้ไปเรียกฉันว่า 'บอส' ก็พอ”ฉู่เฉินสั่งและไล่อิบูกิออกไปแม้ว่าการต่อสู้ระหว่างสองแก๊งหลักของญี่ปุ่น จะมีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง แต่ฉู่เฉินก็ไม่ได้หนักใจอะไรสักนิดอย่างที่เคยพูดไป คนญี่ปุ่นไม่ใช่มนุษย์ที่โรงแรมบ่อน้ำพุร้อนอีกแห่งหนึ่งในโอซาก้าเป็นฐานที่ตั้งของแก๊งจูริ“ศัตรูโจมตี!”ขณะที่เสียงนั้นดังขึ้นชายชุดดำกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในโรงแรม พร้อมอาวุธปืนหลังจากนั้นก็มีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่องและเมื่อเสียงปืนสงบลงทั่วทั้งบริเวณที่เกิดเหตุก็มีสภาพวุ่นวาย มีศพนอนกองอยู่เต็มพื้นถึงแม้ตอนนี้ ยังจะมีคนที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ แต่เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยบาดแผลโนบุพิงกำแพง และถ่มเลือดออกมาเต็มปาก“ฉิบหาย แก๊งคุคุจิมันเป็นบ้าไปแล้ว กล้าบุกโจมตีอย่างดุเดือดขนาดนั้น พวกมันคิดว่าพวกเราไร้ความสามารถงั้นเหรอ?”โนบุ เป็นผู้นำของแก๊งสาขาโอซาก้าของแก๊งจูริ หลังจากกำจัดคนบ้ากลุ่มนี้ไปได้ ตัวเขาเองก็ถูกยิง จึงทำให้ไม่มีที่ไหนจะระบายความโกรธได้ดังนั้นยกปืนกลขึ้น และยิงใส่ศพของพวกแก๊งคุคุจิมิที่อยู่บนพื้นหลายนัด“หัวหน้าโนบ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่