จู่ๆ ฉู่เฉินก็รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสเล็กน้อยตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับปัญหานี้เลย อีกทั้งยังรู้สึกว่าหลังจากที่เขาเข้าสู่ระดับจอมยุทธแล้ว การที่กระทำการอะไรก็กลายเป็นคนหุนหันพลันแล่นในขณะนี้ เมื่อมีเหยียนหนานเทียนเตือนสติ เหงื่อเย็นก็ผุดขึ้นมาด้วยความตกใจและเขาก็ยังเชื่อว่าในสิ่งที่เหยียนหนานเทียนพูดนั้นเป็นความจริง ถ้าไม่มีเขา ฉันอาจจะตายไปหลายครั้งแล้วก็ได้แต่ถึงอย่างนั้นฉู่เฉินยังคงพูดขึ้นอย่างดื้อรั้น“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หากยังไม่พบหนอนกู่ชีวิตของพี่สาวผม”“เธอหมายถึงผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เธอก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”เหยียนหนานเทียนถาม“อืม”ได้รับคำตอบจากฉู่เฉินเหยียนหนานเทียนโบกมือของเขาเบาๆ ทันใดนั้นม่านแสงก็เปลี่ยนไปอีกครั้งกระจกเรียบๆบานหนึ่ง ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ต่อหน้าฉู่เฉินภายในกระจก ชายชราคนหนึ่งในชุดโบราณกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่แค่เห็นร่างนี้ ขวดหยกที่บรรจุเลือดของหนิงชิงเสว่ก็ได้สั่นสะเทือน“นี่คือ? ” ฉู่เฉินถามด้วยความอยากรู้ฉินเหวินเทียน พ่อของฉินลี่ชุน เป็นยอดฝีมือจอมยุทธขั้นที่เก้าระดับสูงสุด” เหยียนหนานเทียนตอบคำถามเฉินเพื่อคลายควา
“ลุงเหยียนวรยุทธอยู่ขั้นไหนแล้ว?”หลังจากออกจากดินแดนเร้นลับแล้ว ฉู่เฉินก็ถามเหยาหลิงเฉินในดินแดนเร้นลับของตระกูลเหยียนก่อนหน้านี้ เหยาหลิงเฉินไม่ได้พูดอะไรเลยฉู่เฉินรู้ดีว่าวรยุทธของเหยียนหนานเทียนนั้นไม่อาจสัมผัสได้ในดินแดนลับ ฉู่เฉินเลยไม่กล้าที่จะถามด้วยซ้ำ“ลุงเหยียนคือใคร?” เหยาหลิงเฉินดูสับสน“เมื่อกี้คุณไม่เห็นผมคุยกับคนคนนั้นเลยเหรอ?”“ไม่นะ ก่อนหน้านี้ ฉันเพิ่งเห็นนายยืนอยู่หน้าม่านแสงกับเหยียนอู๋ซวงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นนายก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างอธิบายไม่ได้”คำพูดของเหยาหลิงเฉินทำให้ฉู่เฉินตกใจอย่างมาก!เหยียนหนานเทียนตัดการเชื่อมต่อกับเหยาหลิงเฉินจากจิตใจของเขาเมื่อคิดอย่างละเอียด เป็นไปได้ไหมว่าเหยียนหนานเทียนได้ตรวจเจอเมืองลับแลมังกรของเขาแล้ว!จะเป็นไปได้อย่างไร!ยิ่งฉู่เฉินคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งขนลุกมากขึ้นเท่านั้นตอนนั้นเองจู่ๆ เสียงของเหยียนหนานเทียนก็ดังขึ้นอีกครั้งข้างหูของฉู่เฉิน“ฉู่เฉิน มัวจ้องมองอะไรอยู่? นายจะไปหาฉินเจิ้งเทียนไม่ใช่หรือ?”แค่คำพูดเบาๆ ก็ทำให้ฉู่เฉินตกใจลุงเหยียนไม่สนใจระยะห่าง และส่งเสียงของเขาไปที่หูของฉู่เฉินได
“เฉินเจี้ยนกั่ว อย่าเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อหน้าฉันไปหน่อยเลย ไม่ต้องห่วง ในเมื่อฉันอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะไม่ทำอะไรกับเขา แค่อยากจะคุยอะไรบางอย่างกับเขาเท่านั้นเอง”ผู้อาวุโสแห่งกองพลพยัคฆ์ขาวพูดด้วยความโกรธเมื่อเห็นแบบนี้เข้า อาวุโสเฉินก็หุบยิ้ม และสีหน้าก็ดีขึ้นเล็กน้อย“ตามหาเขามีเรื่องอะไร?”“ก็มาให้โอกาสแก่เขา ตราบใดที่เขาเต็มใจมอบดินแดนเร้นลับ กองพลพยัคฆ์ขาวจะยอมให้เขาบูรณะตระกูลฉู่ขึ้นมาใหม่! นายควรรู้ว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับฉู่เฉินที่จะบูรณะตระกูลฉู่ขึ้นมาใหม่อีกครั้งในเมืองหลวง."คำพูดนี้กองพลพยัคฆ์ขาวทำให้ผู้อาวุสโสเฉินขมวดคิ้ว“ไร้สาระ! ไม่ว่าตระกูลฉู่จะบูรณะขึ้นใหม่หรือไม่ นั้นไม่ใช่เรื่องของกองพลพยัคฆ์ขาว นายคิดว่ากองกพลพยัคฆ์ขาวได้กุมอำนาจในเมืองหลวงไว้ทั้งหมดหรือ? นอกจากนี้การที่ฉู่เฉินได้ครอบครองดินแดนเร้นลับอีก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าต้าเซี่ยก็ได้ครอบครองด้วย นายเป็นส่วนหนึ่งของพยัคฆ์ขาว ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรป้องกันประเทศของต้าเซี่ย นี่นายกำลังวางแผนที่จะแย่งชิงมันไปจากฉู่เฉิน?”การตอบโตของผู้อาวุโสเฉิน ทำให้ผู้อาวุโสแห่งกองพลพยัคฆ์ขาวพูดไม่ออกจากนั้นจึงพู
จริงๆ แล้วคฤหาสน์ตระกูลหวังตั้งอยู่ในพระราชวังเก่าที่มีอายุนับพันปีฉู่เฉินบินมาที่นี่ ตามที่เหยียนหนานเทียนบอก และไม่ทำตัวกระโตกกระตาก ดึงดูความสนใจจากผู้คนแต่ฉู่เฉินก็ไม่พบกับเป้าหมายที่ตามหาเลยสักนิดเดียว แม้ว่าในดินแดนเร้นลับของตระกูลเหยียน จะสามารถใช้กระจกเพื่อส่องหาตำแหน่งของฉินเจิ้งเทียนได้ แต่พระราชวังแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากเกินไป จนทำให้ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนจากกระจกได้ระหว่างทาง ฉู่เฉินได้พบกับลูกศิษย์ตระกูลหวังหลายคนเขาตามหามาสักพักแล้ว แต่ก็ยังหาทางไม่พบฉู่เฉินต้องปรับเปลี่ยนวิธีการค้นหาเขาติดตามลูกศิษย์ตระกูลหวังไป และหลังจากที่เขาอยู่คนเดียว ฉู่เฉินก็ปรากฏตัวขึ้นและคว้าคอไว้ด้วยมือเดียวเมื่ออยู่ในพระราชวังนั้น ลูกศิษย์คนนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีคนนอกบุกรุกเข้ามาจนไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ ชีวิตของเขาตอนนี้อยู่ในกำมือของฉู่เฉิน“ฉันถาม นายตอบมา ไม่งั้นฉันจะส่งนายลงไปคุยกับไส้เดือนในดินเอง!”ฉู่เฉินค่อยๆ พูดออกมาอย่างสงบ แต่กลับเต็มไปด้วยคำข่มขู่ลูกศิษย์ตระกูลหวังไม่กล้าส่งเสียงและพยักหน้าอย่างรวดเร็วฉู่เฉินคลายมือออกเล็กน้อย เพียงเพื่อให้ลูกศิษย์พูดได้ฉู่เฉิ
“ฉันเป็นใครนะเหรอ ฮ่าๆ แกไม่ได้กำลังตามหาฉันอยู่หรือไง?”เมื่อเห็นฉินเจิ้งเทียนอยู่ในสภาพแบบนี้ ฉู่เฉินก็รู้สึกพึงพอใจมากและพูดด้วยการเยาะเย้ยอย่างเย็นชา“กะ... แกคือฉู่เฉิน! แกกล้าดียังไงมาปรากฏตัวต่อหน้าฉัน แกกำลังจะหาที่ตาย!”ในที่สุด ฉินเจิ้งเทียนก็จำใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ได้ฉู่เฉิน ศัตรูที่สังหารลูกหลานของเขา!ศัตรูเผชิญหน้ากัน ความโกรธแค้นก็ระเบิดออกมาฉินเจิ้งเทียนพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่พูดไม่จา"ได้จังหวะพอดี!"ฉู่เฉินคิดกับตัวเองและพุ่งไปข้างหน้าเช่นกัน ทั้งสองปะทะกันทันทีห้องลับนี้ สมแล้วที่คู่ควรกับชื่อนี้จริงๆทั้งสองคนกำลังต่อสู้กัน แต่กลับไม่เปิดเผยร่องรอยใดๆแม้จะได้รับบาดเจ็บจากเผชิญหน้ากับฉู่เฉิน และยังคงต้องกำหราบหนอนไหมทองคำกู่ภายในร่างกายอีก ดังนั้นเขาจึงออกแรงได้ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ของพลกำลังทั้งหมด แต่เขายังคงเป็นจอมยุทธระดับ 9 ในขณะที่ฉู่เฉินอยู่ที่ระดับ 3 เท่านั้นเมื่อเผชิญหน้ากับฉินเจิ้งเทียน ฉู่เฉินพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบโต้กลับหลังจากออกกระบวนท่าหลายสิบครั้ง ฉู่เฉินก็ตกอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบโดยไม่คาดคิด“ไอ้หนู นายโง่หรือเปล่า”เหยาหล
“ฉู่เฉิน แกต้องการอะไรกันแน่ แม้แกจะซื้อเวลาไปกับฉันที่นี่ในพื้นที่ส่วนลึกสุดของตระกูลหวัง แกก็จะไม่สามารถหนีรอดออกไปได้ เมื่อตระกูลหวังเจอกับแกเข้า พวกเขาจะไม่ยอมให้แกไปไหนแน่นอน!"ฉินเจิ้งเทียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป และเข้าใจความตั้งใจของฉู่เฉิน ซึ่งก็คือการทำให้ตัวเขาหมดแรง“ตระกูลหวังหาฉันไม่เจอหรอก ถ้าพวกเขาเจอ พวกเขาก็คงจะเจอไปนานแล้ว แกไม่เห็นหรือว่าตั้งนานมานี้ กลับไม่มีใครมาที่นี่?”ฉู่เฉินพูดอย่างเย็นชาฉินเจิ้งเทียนพูดไม่ออก เมื่อนึกถึงคุณสมบัติของห้องลับ ก็ตระหนักว่าฉู่เฉินกำลังพูดความจริงที่นี่เดิมทีมันเป็นห้องลับที่เขาขอให้สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งออกแบบมาเพื่อปกปิดกลิ่นอายของคนที่อยู่ในห้องนี้ไม่คาดคิดว่า ตอนนี้มันกลายเป็นกับดักของตัวเขาเองหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาอาจจะตายที่นี่จริงๆ กู่หนอนไหมทองคำกู่ในตัวเขานั้น กำลังกระสับกระส่ายอย่างมากเมื่อลองพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนดวงตาของฉินเจิ้งเทียนก็หรี่ลง“ฉู่เฉิน แกจะอยู่ที่นี่กับฉันจริงๆ เหรอ? ถ้าแกจากไปตอนนี้ ฉันสัญญาว่าจะไม่ตามล่าแก้แค้น และฉันไม่เอาเรื่องเกี่ยวกับตระกูลฉินด้วย แกว่ายังไง?”“ฮ่าๆ ฉินเจิ้งเทียน
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อระเบิดทำลายตัวเองสำเร็จ ก็อาจจะไม่เหลือแม้แต่ประกายไฟด้วยซ้ำดวงตาของฉินเจิ้งเทียนจ้องมองไปที่ฉู่เฉินตรงหน้าเขาด้วยความเกลียดชัง อย่างไม่ละสายตา "แกทำอะไรลงไป?"ฉู่เฉินดึงกริชออกจากอกของฉินเจิ้งเทียน ดาบเป็นประกายสะท้อนแสง แต่ไม่มีเลือดเปื้อนและสะบัดมือที่พันรอบตัวเองออกไปไม่มีเสียงตอบกลับจำเป็นต้องอธิบายให้คนตายฟังด้วยเหรอไม่นานนักร่างกายของฉินเจิ้งเทียนก็เหี่ยวลงอย่างรวดเร็วหนอนไหมทองคำกู่แวววาวกระโดดออกมาจากศพที่เหี่ยวเฉาและบินไปหาฉู่เฉินแม้แต่ฉู่เฉินก็ยังตกใจกับภาพตรงหน้านี้ไม่ใช่ว่าจะ "กิน" เขาด้วยอีกคน!โชคดีที่ฉู่เฉินคิดมากไปหนอนไหมทองคำกู่นอนเงียบๆ บนฝ่ามือของฉู่เฉินโดยไม่แสดงพฤติกรรมใดๆ บางทีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากฉู่เฉิน มันก็เลยขดตัวเป็นลูกบอล ทำให้ฉู่เฉินจับตัวมันเอาไว้ได้นี่...นี่ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องพวกนี้ฉู่เฉินเปิดประตูอย่างเงียบ ๆ แอบดูผ่านรอยแง้ม และไม่เห็นใครอยู่ข้างนอก เขาก็ได้หลบหนีแล้วจากไปอย่างรวดเร็วฉู่เฉินรีบมุ่งหน้าไปยังกระท่อมตอนนี้ได้หนอนไหมทองคำกลับคืนมาแล้ว เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะนำ
จากการอธิบายอย่างอดทนของฉู่เฉิน หนิงชิงเสว่ก็รู้เรื่องราวในช่วงหลายวันมานี้“เสี่ยวเหลียน ช่วยไปแจ้งคุณหนูของคุณว่า ชิงเสว่หายดีแล้ว ขอบคุณสำหรับการดูแลเธอในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หากเธอต้องการอะไร ตราบใดที่ฉัน ฉู่เฉินคนนี้สามารถช่วยได้ ฉันจะบุกน้ำลุยไฟอย่างไม่ปิปากถาม”ในกระท่อม ฉู่เฉินสั่งเสี่ยวเหลียนก่อนจะพาหนิงชิงเสว่ออกไปทันทีที่พวกเขาออกจากกระท่อม ฉู่เฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้อาวุโสเฉิน“ผมต้องไปด้วยเหรอ?”ไม่มีคำตอบกลับจากปลายสาย"ตามนั้น"ฉู่เฉินวางสายไปหนิงชิงเสว่อดไม่ได้ที่จะถาม “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?”ในเมื่อพี่เจ็ดถาม ฉู่เฉินจึงไม่ได้ปิดบังอะไร“ผู้อาวุโสเฉินบอกว่าหินนักปราชญ์ซวนหวู่ซึ่งเป็นสมบัติของซวนหวู่ได้ปรากฏตัวที่ญี่ปุ่น เขาต้องการให้ฉันไปเอามันกลับคืนมา”“นั่นเป็นเรื่องที่ดี ทำไมนายถึงลังเล?”“แต่คุณเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ…”น้ำเสียงของฉู่เฉินเต็มไปด้วยความกังวล“ฉันหายดีแล้ว และความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นด้วย เสี่ยวเฉิน คราวนี้ ฉันจะไปกับนายเอง และพวกเราจะเอาสมบัติของนายกลับมา!”หนิงชิงเสว่ยืดเส้นยืดสายอย่างมีชีวิตชีวา โดยไม่แสดงอาการบาดเจ็บใดๆวิถีแ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่